ท่ามกลางสงครามในทวีปที่มีแต่หิมะ เลือดที่หลังไหลย้อมหิมะสีขาวเป็นสีแดงฉานไปทั่วทุกแห่ง ในเมืองร้างยังมีเด็กสาว 2คนคือรานและอานู อาศัยอยู่ในวิหารร้างในเมืองที่มีแต่ความเงียบเหงาและลมเย็นอันที่ไร้ความปรานีต่อผู้ที่ทนความหนาวเหน็บของมันมิได้
    “เรา 2คน ขอสาบานเป็นพี่น้องร่วมชะตากัน ทวยเทพโปรดให้พรแก่เรา มิให้เราต้องเจอสงครามที่พลัดพรากอีกเลย.....” ทั้ง 2 ขอพรพร้อมกัน และค่อยๆลุกขึ้นยืนไปหยิบมีดออกมาเอาหูแยบกับประตู ทั้ง 2ได้ยินเสียงเดิน แต่ก็ไม่รู้ว่าใครมาจึงได้แอบอยู่ข้างประตู ดิ้นเสียงดัง ตุบ เหมือนกับทิ้งตัวลงพิงประตู
    “เราออกไปดูกันมั้ยอานู” รานกระซิบถาม
    “ชะ.... ช่วยด้วย” เสียงแหบต่ำๆพูด อานูและรานสะดุ้งโหยง “ช่วยฉันด้วย... คุณยาย....” ในที่สุดสิ่งที่ทั้ง 2ตัดสินใจคือ เปิด ประตูออกมา พบเด็กสาวผมสีดำสนิทตาสีม่วงหม่นหมอง แต่ทั้ง 2ก็ทำอะไรไปโดยไม่รู้ตัวคือลากตัวเธอเข้ามา
    “ตัวเย็นเฉียบเลย” อานูพูดพลางจับที่ตัวของเด็กสาว แต่เธอรู้สึกตัวแล้ว
    “สวัดดี ฉันรานและนี่อานู ไม่ต้องกลัวนะพวกเราเป็นเพื่อนกัน” รานพูดแต่เด็กสาวขยับหนี
    “ชิมิ....” เด็กสาวพูด
    “อะไรนะ” อานูถาม
    “ฉันชื่อ ชิมิ.... ยะ อย่าเข้ามานะ ไม่งั้นฉันจะสาปพวกเธอ” ชิมิขู่แต่รานและอานูขยับไปจับมือของเธอเอาไว้
    “ไม่ต้องกลัวนะ เราจะไม่ทำร้ายเธอ” อานูพูดและยิ้ม “พวกเราก็เหมือนๆกันกับเธอ หนีสงครามแต่ว่าไร้ที่ไป ว้าเหว่ไม่มีที่สิ้นสุด”
    “เราจะอยู่กับเธอนะ....” รานพูด “ไม่ต้องกลัวพวกฉัน มาอยู่ด้วยกันนะ อยู่ด้วยกันตลอดไปเลย”
    “ฉันก็ไม่มีที่ไป” ชิมิพูดเสียงเบามาก “แล้วพวกเธอจะเชื่อใจคนที่เพิ่งจะพบอย่างฉันได้งั้นรึ” ชิมิถามแต่อานูยิ้ม
    “คนเรา ก็ต้องมีบางครั้งที่ไม่เชื่อใจใคร แค่ว่าคนเรา.... ก็ไม่ใช่ว่าจะเชื่อใครไม่ได้เสมอไปนี่นา” เธอพูดและกอดทั้ง 2เอาไว้ ชิมิเริมจะร้องไห้ น้ำตาไหลออกมาแต่ก็ไม่มีแม้แต่เสียงสะอื้น
    “เราจะอยู่กับเธอตลอดไป” รานพูดและกอดชิมิเอาไว้ ทั้ง 3เลยสาบานอีกรอบว่าจะไม่ทิ้งกัน
3ปีต่อมา จากเด็กสาวอายุ 13 ก็กลายเป็นสาวเต็มตัวอายุ 16 ทั้ง 3ก็ช่วยกันไปตัดฟืนมาก่อไฟเพื่อสร้างความอบอุ่น แต่หารู้ไม่ ว่าจะต้องมีเพื่อนที่ทิ้งเพื่อนไป
                “แต่วันนี้หนาวมากกว่าทุกวัน และฉันก็รู้สึกไม่ดีคิดว่าเราออกมากันมาแบบนี้... มันจะดีรึ” ชิมิพูด
                “เอ่อ ฉันจะลงไปเก็บสมุนไพรตรงนั้นหน่อยนะ” รานพูดและวิ่งไปตรงเนิน
                “มีอะไรรึเปล่าชิมิสึ?” อานูถามชิมิ “รึว่าฝันร้าย?” ชิมิพยัคหน้ารับ
                “ฉันฝันไม่ดีเลย และก็อย่ามาเติม สึ หลังชื่อฉันด้วยนะ ฉันชื่อ ชิมิ ไม่ใช่ ชิมิสึ” ชิมิพูดด้วยน้ำเสียงแหบต่ำ
                “เธอฝันว่าอะไรล่ะ” อานูถามอย่างเป็นห่วง ชิมิตอบ อือ และเริ่มเล่า แต่ก็มีนกบินกันเหมือนตกใจหนีอะไรบางอย่าง
                “ราน!?” ทั้ง 2ตะโกนพร้อมกันและรีบวิ่งไปตรงที่รานบอกจะไป พอไปถึงก็สายเกินไป รานนอนจมกองเลือดและโดนธนูปักทะลุหัวใจ อานูรีบวิ่งไปประคองเธอขึ้นมาและรีบพากลับวิหารที่พัก เธอก็ยังไม่ยอมฟื้นขึ้นมาแม้ว่าจะพยามช่วยแล้วก็ตาม
                “ทำไมพระเจ้าถึงต้องโหดร้ายกับเราแบบนี้ ชอบพลัดพรากคนที่ผูกพันกันอยู่ตลอดแบบนี้ มันสนุกกันนักรึไงนะ” อานูพูดทั้งน้ำตา
                “ในที่สุด.... ฉันก็ไม่สามารถที่จะช่วยอะไรได้แม้แต่ปลายเล็บ” ชิมิพูดและนั่งซึม ถึงจะมีน้ำตาไหลออกมาบ้างก็ตาม แต่ว่าอานูคว้ามีดออกมาตัดผมของตนอย่างบ้าคลั่ง “พอเถอะ! หยุดนะอานู!” ชิมิพูดและแย่งมีดออกมาจากมือของอานู ผมของอานูตอนนี้เหลือสั้นถึงคอเลยทีเดียว
                “นี่ฉันขออะไรอย่างได้มั้ย” อานูพูด “ฉันขออยู่ตามลำพังสักพักนะ” เธอพูดและทรุดลง
                “ก็ได้....” ชิมิพูดและเดินไปที่หน้าประตูพลางพูดไป “และก็อย่าทำอะไรแผลงๆล่ะ อานู...” เธอพูดและเดินออกไป แน่นอนว่าอานูจับมือของรานเอาไว้และคว้ามีดมา ชิมิเห็นท่าไม่ดีจึงรีบวิงกลับเข้าไปแต่ไม่ทัน อานูใช้มีดแทงหัวใจตัวเองตายตามรานไป
                “ฉันขอโทษนะ... ชิมิ” อานุพูดช้าๆ และยังไม่ยอมปล่อยมือของราน “ฉันอาจจะเห็นแก่ตัวไปสักหน่อย แต่ว่ายังไงฉันก็รักรานเหมือนน้องสาว ฉันอยากจะอยู่กับเขาตลอดไป” เธอพูดพลางหอบน้อยๆ
                “ทำไมถึงทำแบบนี้ด้วย เธอตายไปอีกคนแล้วฉันจะทำยังไง” ชิมิถาม มือเปื้อนเลือดของอานูมาแตะที่หน้าผากของชิมิ
                “ทั้งฉันและราน กับเรื่องที่ผ่านมา... จะอยู่ในนี้” เธอพูดและยิ้มพลางกำมือรานให้แน่นขึ้นไปอีก “ตลอดไป....” คำพูดสุดท้ายมือของเธอไหลลงมากับพื้น เลือดที่ติดตามมือของอานูที่แตะกับหน้าของชิมิที่ลากเป็นทาง น้ำตาของชิมิไหลออกมาอย่างไม่มีทางหยุด สายตาของเธอดูมืดมนมากกว่าเดิม ความเสียใจที่ผ่านมา แม้จะมีคนมาเยียวยาให้จนหายสนิท แต่ไม่ว่าจะยังไง แผลมันก็ยิ่งที่จะลึกมาไปกว่าเดิม แม้ตามร่างกายจะถูกหิมะกัดไปนับร้อยแผล แต่ง่าแผลใจของมีเพียงแผลเดียวและจะลึกลงไปเรื่อยๆ (เอามาจาก บุญคุณความแค้นมังกรโบราณโกวเล้ง)
                นี่ฉัน... ต้องอยู่คนเดียวอีกแล้วหรือ.... “เอาเถอะ... ฉันไม่มีสิทธิ์ที่จะไปว่าพวกเธอ ฉันน่ะเห็นแก่ตัว ที่นอกจากจะทำอะไรให้พวกเธอไม่ได้เลย ฉันยังไม่สามารถที่จะเยียวยาแผลใจให้พวกเธอได้ ราน... อานู... ถ้าพวกเธอดูฉันอยู่ ฉันขอทำอะไรให้พวกเธอสักนิดนะ...” เธอพูดและเสกให้เพื่อนทั้ง 2เป็นสร้อยที่ประกบกันเอาไว้ มันมีสีฟ้าเหมือนเส้นผมของพวกเธอ
ชิมิถือสร้อยและเดินอออกไปตรงบ่อน้ำใหญ่ของใจกลางเมือง เธอเสกให้น้ำตรงกลางนี้ไหลครอบคลุมเมือง ให้เป็นเมืองที่มีแต่น้ำ ใช้น้ำแข็งเป็นไมเลื้อยหรือต้นไม้ที่ทำจากน้ำแข็งแทน เธอเดินกระโดดลงบ่อไป เมืองที่มีแต่น้ำนี้ ข้างใต้อันแสงมือมิดกลับมีเพียงแสงของสร้อยที่สว่างอยู่ เธอเสกให้มีน้ำแข็งมาแช่จี้นี้เอาไว้ด้วยกัน และเขียนคำพูดเอาไว้ที่น้ำแข็งนั่น จากนั้นก็ปล่อยให้ตนเองตายไปเป็นผีเฝ้าตัวแทนของเพื่อนรักของเธอ เป็นคนรักษาและทำสิ่งที่อยากจะทำเป็นอย่างสุดท้ายให้คนที่รักษาความเจ็บปวดของเธอได้...
แม้ว่าจะมีความใสบริสุทธิ์ดุจน้ำแข็ง
แต่ก็อาจมีใจที่หม่นหมองดุจน้ำแข็ง
ที่จะเก็บลึกอยู่ในป่าแห่งน้ำแข็งอันเย็นเยียบ
และไม่มีวันละลายไปชั่วนิรันดร์
ข้อความสุดท้ายที่เธอทิ้งเอาไว้ให้เพื่อนรักของเธอ ขอบคุณเธอมากนะ  ราน อานู ที่มอบโอกาสให้แม่มดอย่างฉันได้มีชีวิตที่มีอิสระและ เยียวยาแผลใจอันลึกยากจะหยั่งถึงให้ฉัน
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น