หนุ่มกลาสีกับสัตว์ประหลาดสีเขียว - หนุ่มกลาสีกับสัตว์ประหลาดสีเขียว นิยาย หนุ่มกลาสีกับสัตว์ประหลาดสีเขียว : Dek-D.com - Writer

    หนุ่มกลาสีกับสัตว์ประหลาดสีเขียว

    หนุ่มกลาสีคนหนึ่งซึ่งมีชีวิตรอดมาจากเรือส่งสินค้าที่อับปางลงกลางทะเล และก็ได้พบกับสัตว์ประหลาดสีเขียวจากท้องทะเลที่สามารถพูดภาษาคนได้ ก่อนที่เขาจะได้รับรู้ความลับบางอย่างที่ไม่มีใครเคยรู้มาก่อน

    ผู้เข้าชมรวม

    601

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    601

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  ผจญภัย
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  31 ธ.ค. 47 / 01:55 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      หาดทรายสีขาวตัดกับน้ำทะเลสีคราม  สายลมพัดพาคลื่นกระทบฝั่งตลอดเวลา  เหล่านกนางนวลสีขาวพาบินร่อนเพื่อหาอาหาร  ณ ที่แห่งนั้นมีสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์อาศัยอยู่เพียงคนเดียว  เขาอยู่ที่นี่มาได้สามวันแล้วหลังจากที่เรือขนส่งสินค้าลำที่เขาทำหน้าที่เป็นกลาสีอยู่ได้เกิดอับปางลง  และมีเขาเพียงคนเดียวที่มีชีวิตรอดมาได้จากเรือลำนั้น  จนว่ายน้ำมาถึงเกาะแห่งนี้
          เขากำลังนั่งรอความช่วยเหลืออยู่บนชายหาด  ซึ่งเขาได้แต่หวังว่าจะมีเรือหรือเครื่องบินสักลำผ่านมาเห็นและให้ความช่วยเหลือเขาหลังจากที่ไม่ได้กินอะไรมาสามวันแล้ว  มีเพียงน้ำฝนตกลงมาบ้างในบางเวลาที่พอช่วยประทังชีวิตได้  และในทันใดนั้นสายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นสิ่งที่ผิดปกติเกิดขึ้นบนผิวน้ำทะเล  มันมีลักษณะคล้ายๆกับปลาตัวใหญ่  แต่เมื่อมันว่ายเข้ามาใกล้ฝั่ง  และมองเห็นชัดยิ่งขึ้น  ก็พบว่ามันคือสัตว์ประหลาดที่มีลักษณะท่อนล่างเป็นปลา  ส่วนท่อนบนมีลักษณะคล้ายมังกรแต่มีหงอนบนหัว  เรือนร่างของมันเป็นสีเขียวเกือบทั้งตัว  เขาจ้องมองเจ้าตัวประหลาดนั้นอย่างไม่กระพริบตา  ก่อนที่เจ้าตัวประหลาดนั้นจะว่ายน้ำพุ่งตรงมาที่ชายหาดบริเวณที่เขานั่งอยู่อย่างรวดเร็วแล้วก็ชูส่วนหัวขึ้นจ้องมองชายผู้นั่งอยู่บนชายหาด
          หนุ่มกลาสีที่นั่งอยู่บนชายหาดรีบคว้าซากไม้ที่อยู่ใกล้ตัวขึ้นมากำไว้แน่น  และคิดว่าจะวิ่งหนีทันทีถ้ามันจะมาทำร้าย  หรือใช้ท่อนไม้สู้กับมันอย่างสุดชีวิตถ้าหนีไม่ทัน  ทั้งสองฝ่ายต่างรอดูท่าทีของอีกฝ่ายอยู่พักหนึ่ง  ก็มีเสียงออกมาเป็นคำพูดประโยคหนึ่ง
          “ ฉันไม่ทำร้ายท่านหรอก  วางไม้ลงเถิด”
          คำพูดนี้ออกมาจากเจ้าตัวประหลาด  ทำเอาหนุ่มกลาสีถึงกับมึนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น  เขาจึงลองพูดกับเจ้าประหลาดตัวนั้นดู
          “ นายเป็นตัวอะไรกันแน่  และทำไมพูดภาษาฉันได้ล่ะ”
          “ ฉันก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นตัวอะไร  แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งเคยได้ยินพวกคนที่ผมสีทองจมูกโด่งๆตัวใหญ่  เรียกฉันว่า ดราก้อน  ส่วนพวกคนผมดำตัวเล็กๆแบบท่านเรียกฉันว่า พญานาค”
          ทันใดนั้นหนุ่มกลาสีก็เริ่มนึกขึ้นมาในใจว่าเขาเจอกับสิ่งศักดิ์สิทธ์เข้าแล้ว  สิ่งที่เห็นคงเป็นพญานาคสัตว์ในตำนานที่คนในแถบบ้านเกิดของเขาพากันเคารพบูชา  เขาจึงรีบก้มลงกราบสิ่งที่กำลังอยู่เบื้องหน้าทันที
          “ โอ….  ท่านนั่นเอง  ลูกช้างขอกราบประทานอภัยอย่างยิ่งที่คิดลบลู่ท่าน  ขอให้ท่านได้โปรดอภัยให้ลูกช้างด้วยเถิด ”
           “เอาอีกแล้ว!  พวกคนผมดำทำไมเป็นแบบนี้นะ  เจอฉันทีไรกลัวชั้นทุกที  ท่านไม่ต้องกลัวหรอก  เราไม่ใช่พญานาค  เราเป็นเพียงสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในโลกใบนี้เหมือนกับท่านนั่นแหละ”
          เมื่อได้ฟังดังนี้หนุ่มกลาสีจึงเงยหน้าขึ้นมาพูดคุยดังเดิม
          “แล้วท่านพญานาค…ไม่ใช่สิ!  ท่านตัวอะไรไม่รู้  ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ”
          “เมื่อก่อนนี้ฉันอยู่แถวแม่น้ำแห่งหนึ่ง  ที่มีคนลักษณะแบบท่านอยู่แถบนั้นเหมือนกัน  แต่คนเหล่านั้นต่างพากันกราบไว้บูชาและหวาดกลัวฉัน  แต่ฉันไม่อยากให้พวกเขาทำแบบนั้น  เพราะมันทำให้ฉันไม่มีความสงบเลย  วันดีคืนดีก็มีคนจำนวนมากมาส่งเสียงดังอึกทึกแถวแม่น้ำที่ฉันอยู่  และนับวันก็จะมีจำนวนมากขึ้นทุกที  ฉันเลยตัดสินใจออกจากที่นั่นไปยังทะเลอีกด้านหนึ่งของโลก”
          กล่าวจบสัตว์ประหลาดสีเขียวก็เอามุดลงดำลงไปในน้ำทะเล  เมื่อรู้สึกว่าร่างกายส่วนบนใกล้จะแห้งเกินไป  แล้วก็โผล่ขึ้นมาอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นให้หนุ่มกลาสีฟังต่อ
          “แต่ที่ใหม่ที่ฉันย้ายไปอยู่น่ะ  กลับแย่กว่าที่เก่าเสียอีก  ที่นั่นมีพวกคนผมสีทองเต็มไปหมด  พวกนั้นไม่กลัวฉัน  และยังตามจะจับตัวฉันให้ได้เสียอีก  สุดท้ายฉันเลยต้องหนีมาอยู่ที่นี่”
          หลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวของสัตว์ประหลาดสีเขียวแล้วหนุ่มกลาสีก็คลายความหวาดกลัวลงไป  และกลับมีความรู้สึกสงสารเจ้าเพื่อนร่วมโลกตัวนี้
          “แล้วนายจะอยู่ที่นี่ตลอดไปหรือเปล่า”  หนุ่มกลาสีถามสัตว์ประหลาดตัวเขียว
          “ฉันจะอยู่ที่นี่ตลอดไป  เพราะที่นี่มันเป็นสวรรค์สำหรับฉัน  มีแต่ความสงบไม่มีใครมารบกวน  และมีอาหารพร้อม  ท่านจะอยู่ที่นี่กับฉันไหม”
          “ไม่ดีกว่า  ฉันต้องกลับบ้านที่นั่นมีสิ่งที่ฉันต้องทำ  และมีคนรอฉันอยู่  ฉันหวังว่าคงมีเรือผ่านมาแถวนี้สักลำ  เพื่อพาฉันกลับบ้านได้นะ”
          “อยากกลับบ้านหรือ  งั้นฉันจะช่วยท่านเอง  แต่ขอให้ท่านรับปากฉันได้ไหมว่าจะไม่บอกใครเด็ดขาดว่าเคยเห็นฉันอยู่ที่นี่”
          “ได้สิ  ฉันสัญญาว่าจะไม่ให้ใครมารบกวนความสงบของนายอย่างเเน่นอน”
          พอหนุ่มกลาสีรับปากดังนั้น  เจ้าสัตว์ประหลาดสีเขียวก็ว่ายน้ำออกไปจากชายฝั่งอย่างรวดเร็วไปไกลจนริบตา
          ----------------

          หนุ่มกลาสีนั่งรอคอยความหวังที่จะได้กลับบ้านอยู่บนชายหาดหลังจากที่สัตว์ประหลาดตัวเขียวว่ายน้ำออกไปตั้งแต่กลางวัน  มาจนบัดนี้พระอาทิตย์ตกดินนานพอสมควรแล้ว  เขาก็เริ่มรู้สึกว่าความหวังที่จะได้กลับบ้านของเขาเริ่มจะริบหรี่ลง  แต่ทันใดนั้นสัตว์ประหลาดตัวเขียวก็โผล่พรวดขึ้นมาจากน้ำทะเล  ตรงข้างหน้าเขาพร้อมกับแจ้งข่าวดีให้หนุ่มกลาสีได้รับทราบ
          “นั่นไงเรือมาแล้ว  ท่านได้กลับบ้านแล้ว”
          หลังจากที่สัตว์ประหลาดตัวเขียวพูดจบ  สายตาของหนุ่มกลาสีก็เหลือบไปเห็นแสงไฟของเรือประมงลำหนึ่งกำลังแล่นอยู่ห่างเกาะประมาณหนึ่งกิโลเมตร  
          “เฮ้! ผมอยู่ทางนี้   ผมอยู่ทางนี้”  หนุ่มกลาสีตะโกนอย่างสุดเสียงพร้อมกับโบกมือไปมาเพื่อให้เรือประมงลำนั้นเข้ามาช่วยเหลือ  แต่ดูเหมือนเรือประมงลำนั้นจะมองไม่เห็นเขาเสียเลย  และเรือก็ทำท่าว่าจะแล่นห่างออกไปจากเกาะเสียด้วย
          “เขาคงมองไม่เห็นท่านแน่  เอายังงี้ดีกว่าฉันมีของสิ่งหนึ่งให้ท่านใช้”  พอสัตว์ประหลาดตัวเขียวพูดจบ  ก็ได้คายของสิ่งหนึ่งออกมาจากปาก  มันมีลักษณะเป็นไม้ทรงกระบอกยาวมีสีสันสวยงาม คล้ายพลุที่ใช้จุดยิงขึ้นฟ้าแต่มีขนาดที่ใหญ่กว่า
          ชายหนุ่มรีบวิ่งลงน้ำไปรับสิ่งของนั้นมาทันที  และถามถึงวิธีการใช้งานกับเจ้าของสิ่งนี้
          “มันใช้ยังไงล่ะ”
          “ท่านต้องทำสมาธิ  และคิดแต่สิ่งดีๆถึงจะใช้มันได้  ของชิ้นนี้ฉันเคยลองให้พระในหมู่บ้านแถวแม่น้ำที่ฉันเคยอยู่ใช้มาแล้วครั้งนึง”
          หนุ่มกลาสีรีบทำตามที่สัตว์ประหลาดตัวเขียวบอกทันที  เขาชูวัตถุทรงกระบอกขึ้นเหนือหัวและตั้งสมาธิ  คิดถึงแต่สิ่งที่ดีงาม  ทันใดนั้นก็ปรากฏว่ามีลูกไฟพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าติดต่อกันนับสิบลูก
          เมื่อผู้คนบนเรือประมงได้เห็นลูกไฟ  ก็รีบแล่นเรือประมงมายังเกาะที่หนุ่มกลาสีกำลังรอความช่วยเหลืออยู่ทันที   หนุ่มกลาสีลืมตาขึ้น  และรู้สึกดีใจอย่างมากที่จะได้กลับบ้าน  แต่เมื่อเขาหันไปมองหาสัตว์ประหลาดตัวเขียวเพื่อที่จะขอบคุณ  ก็พบว่าสัตว์ประหลาดตัวเขียวได้หายไปแล้ว

          -----------------

          เรือประมงลำนั้นมุ่งหน้าออกจากเกาะร้างแห่งนั้นทันที  หลังจากที่ได้ช่วยเหลือหนุ่มกลาสีที่ติดอยู่บนเกาะนานกว่าสามวัน  หนุ่มกลาสีได้รับการดูแลอย่างจากชาวประมงบนเรือ  ชาวประมงเหล่านี้เป็นคนผิวดำ  ผมหยิก  รูปร่างล่ำสัน  และมีความเป็นมิตร
          หนุ่มกลาสีเดินออกมายืนเกาะอยู่ที่ขอบเรือ  และมองฝ่าความมืดมิดไปยังเกาะร้างแห่งนั้น  เขานึกถึงเจ้าสัตว์ประหลาดตัวเขียว  และรู้สึกประทับใจในเหตุการณ์อัศจรรย์ที่เกิดขึ้น  เพื่อนใหม่ของเขา  สัตว์ประหลาดตัวเขียวผู้ซึ่งรักความสงบ  และมีจิตใจอันบริสุทธิ์  
            “คุณเป็นชาวไทยหรือเปล่าครับ”  ประโยคนี้ทำให้หนุ่มกลาสีต้องหันไปมองหาเจ้าของเสียง  และก็พบว่าเจ้าของเสียงเป็นชายผิวดำ  ผมหยิก  ตาโต  มีริมฝีปากหนา  ซึ่งดูแล้วไม่หน้าจะพูดภาษาไทยได้เลย
          “ครับ  ผมเป็นคนไทย”  หนุ่มกลาสีหันไปตอบกลับด้วยความเป็นมิตร
          “ผมมีภรรยาเป็นชาวไทยเลยพูดไทยได้  ผมอยากถามอะไรเกี่ยวกับเหตุการณ์เมื่อกี้นี้สักหน่อยครับ”
          “อะไรหรือครับ”
          “ คุณรู้ไหม  เพราะอะไรเรือของเราจึงมุ่งหน้าไปยังเกาะแห่งนั้น”  ชายผิวดำถามพร้อมกับชี้มือไปยังเกาะที่เรือของเขาไปช่วยหนุ่มกลาสี  
          “ทำไมครับ”
          “เพราะเรือของเราเห็นสิ่งผิดปกติสิ่งหนึ่งอยู่บนทะเล  รูปร่างของมันมีสีเขียว  ลำตัวยาว  ท่อนล่างเหมือนปลา  ท่อนบนเหมือนสัตว์ตัวหนึ่งที่อยู่ในตำนานของชาวเอเชีย  เราตามมันมาจนเกือบถึงเกาะที่คุณติดอยู่  และมันก็หายไป”  ชายผิวดำเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ด้วยความตื่นเต้นก่อนที่จะหยุดดื่มเหล้าในขวดแบนทำจากเหล็กที่เขาถืออยู่  และเล่าต่อไป
          “เรือของเรากำลังจะกลับแล้วเมื่อตามมันไม่ทัน  แต่ทันใดนั้นก็เห็นลูกไฟพุ่งขึ้นจากน้ำ  ใกล้ๆกับเกาะร้าง  เราจึงแล่นเรือไปที่เกาะแห่งนั้นจนพบคุณ” พูดจบชายผิวดำก็กระดกเหล้าที่อยู่ในมือขึ้นดื่มอีกครั้ง
          “แล้วคุณมีอะไรจะถามผมหรือ”  หนุ่มกลาสีถามชายผิวดำ
          “ดวงไฟพุ่งออกมาจากน้ำซึ่งลูกไฟเหล่านั้นน่าจะอยู่ใกล้คุณมากที่สุด  คุณรู้ไหมว่ามันพุ่งขึ้นมาได้ยังไง”
          “ผมไม่เห็นดวงไฟอะไรที่คุณบอกเลย”  
          “งั้นหรือ  เสียดายจัง  แต่ยังดีที่เรายังเก็บอะไรที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ได้อย่างหนึ่ง”  ชายผิวดำพูดแบบดีใจนิดๆ  ก่อนที่จะเดินจากไป
          หนุ่มกลาสีนึกสงสัยเกี่ยวกับสิ่งชายผิวดำพูดถึง  อะไรคือสิ่งที่ชายผิวดำเก็บได้  ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงของวิเศษที่สัตว์ประหลาดตัวเขียวให้ไว้ทันที  เขารีบควานมือเข้าไปในเสื้อสีขาวที่ตนเองใส่อยู่ทันที  และก็รู้สึกโล่งใจเมื่อพบว่ามันยังอยู่
          หนุ่มกลาสีโยนของวิเศษที่สัตว์ประหลาดตัวเขียวให้ไว้ลงทะเล  เพื่อให้เป็นไปตามสัญญาที่เขาได้ให้ไว้กับสัตว์ประหลาดสีเขียวว่าจะปกปิดเรื่องนี้เป็นความลับตลอดไป  และเขาก็ไม่อยากให้ใครไปรบกวนความสงบเพื่อนที่แสนดีของเขา
          
          -----------------------

          ณ  กรุงเทพมหานคร  เมืองหลวงของประเทศไทย  หนุ่มกลาสีกลับมาที่นี่ได้เกือบสองอาทิตย์แล้ว  เช้าวันนั้นเขาออกไปทำกิจวัตรปกติที่เคยทำ  คือนั่งจิบกาแฟร้านเดิม  กินปาท่องโก๋  และอ่านหนังสือพิมพ์  แต่ครั้งนี้เขาต้องแทบจะสำลักกาแฟถ้วยโปรด  เมื่อได้อ่านพาดหัวข่าว  และเห็นภาพที่ปรากฏในหนังสือพิมพ์
          \"พบบั้งไฟพญานาคแห่งใหม่  กลางทะเลแอฟริกาใต้\"  
          หนุ่มกลาสีอ่านพาดหัวข่าวแล้วจึงนึกขึ้นได้ว่าสิ่งที่ชายผิวดำเก็บได้จากเหตุการณ์ครั้งนั้น  ก็คือภาพถ่ายของลูกไปที่พุ่งขึ้นจากน้ำทะเลนั่นเอง

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×