ใครๆก็คงเคยมีซอกมีมุมเก่าๆไว้ในใจ แล้วพอมีอะไรสะกิดนิดหนึ่ง ก็เหมือนมีวันวานมาอยู่ตรงหน้า ฝนโปรยให้แลเห็นเป็นสายบางๆ ขณะที่เดินไปเรื่อยๆนั้น ฉันรู้สึกว่า ถนนสายนี้คือถนนที่เคยเดินกับอาทร เมื่อครั้งยังเป็นคนใกล้ใจของกันและกัน ฉันก้มลงมองทางเดิน เหมือนจะหาริ้วรอยของอาทรให้เจอ
แต่คงไม่หรอก แถวนี้ไม่ใช่ที่ของเขา ถ้าอาทรจะมา ก็คงต่อเมื่อเขามีธุระถึงร้อยแปดพันประการโน่นละ ในขณะที่ฉันมาเดินเล่นบนถนนสายนี้เสมอๆ เมื่อไม่รู้ว่าจะทำอะไรดี
ผ่านหน้าร้านหนังสือ ที่จำได้ว่าหลังจากฉันร้างลาจากเขาแล้ว ฉันก็ได้พบกับเขาที่นี่อีกหน อาทรคนดั้งเดิม คนที่ทำให้ดอกไม้บานก็ได้ ดอกไม้โรยก็ได้ในหัวใจบอบบางของฉัน
เขายังเหมือนเคย สบตาเขาหนหนึ่ง และออกจะขัดใจตัวเองที่ยังรักเขาอยู่ และที่เคยสงสัยว่าหัวใจของฉันมันไปอยู่เสียที่ไหนหนอ.. จึงไม่มีแก่ใจจะเอาไปให้ใครอื่นได้เลย เพิ่งรู้ว่า มันวนเวียนอยู่ที่เขานี่เอง
ฉันเมินหน้า น้ำตาคลอ ขณะที่แลเห็นว่าเขาเดินเข้ามาใกล้ทุกที
“ เอื้อ..สบายดีเหรอ “
หางเสียงของเขายังฟังนุ่มหูเหมือนอย่างเคย ดูจะเป็นสิ่งหนึ่งในตัวเขาที่ยังไม่เปลี่ยนแปลง
“ ก็..สบายดี “ ฉันตอบเรียบๆ
“ งั้น..เอื้อก็มีความสุขแล้วสิ “ เขาออกปากขึ้นมา
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน” ฉันนิ่วหน้าขณะบอกเขา “ บางที ฉันก็ไม่รู้ว่า ความสุขมันคืออะไร แต่กับวันนี้ มันเหมือนจะคล้ายความทุกข์ และฉันกลับไม่รู้ว่า พาตัวเองมาใกล้ความทุกข์ทำไม “
“ เอื้อพูดอะไรอย่างนั้น” เขาดึงไหล่ฉันเบาๆ เข้ามายืนในมุมว่างคน
“ ไม่รู้สิ” ฉันตามมือเขามาโดยดี “ ฉันเพียงแต่รู้สึกอย่างนั้น ช่างเถอะ..”
ฉันตัดบท เราเงียบกันไปอึดใจ..
“ เอื้อมานานหรือยัง..” เขาถามเหมือนยังเป็นคนคุ้นเคย..
“ ก็นานพอจะกลับบ้านได้แล้ว”
“ อย่าเพิ่งได้ไหม..” เขาทำท่าลังเล “ ไปเดินเล่นกับผมหน่อย “
“ เห็นจะไม่ได้หรอก ฉันมีงานต้องกลับไปทำ “ ฉันตอบอย่างอำพรางความจริง
“ เอื้อก็ยังยุ่งเหมือนเดิมละซี “ เขาพูดเหมือนวันเก่าที่ฉันไม่ใคร่จะมีเวลาให้เขา น้ำเสียงฟังปร่าหู
“ ก็คงอย่างนั้น”
“อนาคตของเอื้อสวยจริงๆ ทุกอย่างข้างหน้าจึงดูน่าสนใจกว่าสิ่งที่อยู่ข้างหลังเสมอ “
“ ไม่เสมอไปหรอก”
“ ผมไม่คิดว่าเอื้อจะมั่นคงกับของที่อยู่ข้างหลังนัก”
“ แล้วคุณล่ะคะ “ ฉันย้อนถามทั้งที่รู้สึกน้อยใจ
เราร่ำลากันด้วยดี หลังจากที่เขาบอกเป็นเชิงขอร้องว่า
ให้ผมไปส่งเอื้อกลับบ้านนะฮะ
ฉันตอบปฏิเสธเขา เราเคยมีความรู้สึกดีงามให้กัน และฉันยังจดจำในความดีงามนั้น ยังจำได้แม่น แต่บัดนี้มันผ่านมาแล้ว และฉันก็ไม่อาจเดินย้อนรอยเดิม เพื่อจะกลับไปสู่จุดเริ่มแห่งความหลังได้
ฉันดีใจที่ไม่ได้แสดงให้เขาเห็นเลยว่า ความเข้มแข็งของฉันใกล้ดับมอดแล้ว ทำเป็นไม่รู้สึกรู้สากับการที่ได้รู้ว่า เขามาดักรอฉัน..หลายวันแล้ว ทั้งที่ลึกลงไป ฉันโหยหาคนที่เพิ่งผละจากมาทุกคืนวัน
อยากมองย้อนไปข้างหลัง ว่าเขาตามฉันมาหรือเปล่า แต่ไม่หรอก
วูบหนึ่งฉันรู้สึกทระนง ไม่ต้องเหลียวก็รู้ ฉันเอามือซุกกระเป๋ากางเกงอย่างที่เคยทำ เดินหน้าเชิด ก็ทั้งรู้ว่าเดินอย่างคนใจเจ็บ ที่ไม่แสดงให้เขารู้ว่า ยังรักเขาเหมือนเดิมนั่นล่ะ
เดินไปตามถนน แลดูรถที่แล่นผ่านไปมา ..เกือบสองปีเต็มๆ ที่ฉันเคยเดินเล่นกับเขา คุยกับเขา มองตากัน หยอกเย้ากัน ฉันคิดว่า มันนานพอจะเรียกว่าเป็น..ความรัก
คิดถึงวันที่..อาทรไปนั่งๆนอนๆที่บ้านฉัน เขามักจะเหยียดเท้าไปกับพรมผืนโต ฉันมองออกไปนอกหน้าต่าง
“ เมื่อวานฉันไปเที่ยวนอกเมือง ฉันคิดถึงคุณ..”
“ทำไมล่ะ..” เขาชะโงกหน้าเข้ามาถาม เห็นประกายยิ้มหัวในแววตา
“ บอกว่าคิดถึง อย่าถามสิว่าทำไม.”
“คิดถึงนี่..ในแง่ไหน รักหรือหวง..” เขาเย้า ฉันเงียบ
“ รึกลัวผมจะมีคนใหม่ ในช่วงที่เอื้อไม่ได้อยู่ใกล้ๆ” ฉันเงียบอีก
“ ไม่มีเอื้อ ผมยังมีใครอีกตั้งหลายคน..” เสียงเขาพูดเรื่อยๆ
“ ไหนนะคะ..” ฉันหันมาถามเขาทันที และออกจะเจ็บอยู่ลึกๆ
“ ผม
ขอโทษ ผมพูดเล่นนะ” เขาดึงมือฉันไปกุม ราวกับจะปลอบโยน
“ค่ะ พูดเล่นก็พูดเล่น “ ฉันย้ำคำพูดเขา ดึงมือออกจากมือเขาช้าๆ
เขาบ่นอะไรพึมพำ แล้วเอนตัวลงนอนยาว
“รู้ไหม..” ฉันเริ่มพูดหลังจากที่เงียบกันไปนาน “ ถ้าคุณมีใครอีกคน ฉันจะไปจากคุณ”
เขาหลับตานิ่ง ขณะที่บอกเสียงอ่อนโยนว่า “ เอื้อเหมือนดอกไม้กลีบบาง ผมไม่มีใคร นอกจากเอื้อ”
“ ฉันบอกคุณไว้เท่านั้นเอง” เขาไต่นิ้วกับท่อนแขนของฉัน ดวงตาของเขามองไปไกล.. คล้ายกับกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่
ตอนนั้น เราต่างมองโลกด้วยสายตาของคนที่มีความรักร่วมกัน ช่วงเวลานั้นผ่านไปเร็วด้วยความเข้าใจ
จนถึงปลายปีการศึกษา ชมรมอาสาพัฒนาที่ฉันช่วยงานอยู่ จัดออกค่าย ฉันไม่คิดว่าจะไป เพราะฉันมีธุระหลายอย่างที่ต้องสะสาง และมันสำคัญมากพอที่จะปฏิเสธ แม้อาทรจะมาชวนให้ไปด้วยกัน
“ ไม่ไปหรอกนะ ฉันกำลังยุ่งๆ”
“ งั้นผมก็ไม่ไป” เขาตอบทันทีเหมือนกัน
แต่เขาก็มาบอกในวันรุ่งขึ้นว่า เขาจะไปบ้านเพื่อนที่ต่างจังหวัด คงไม่ได้เจอฉันอีกนาน
ฉันสอบเสร็จ เหงา คิดถึงอาทร ไม่มีอะไรจะทำ คนเคยวุ่นๆวายๆอยู่ตลอดเวลาอย่างฉัน พอได้อยู่ว่าง ก็เหมือนกำลังใกล้ตาย
แล้วเพื่อนฝูงก็ยกทีมกันมาหา มาชวนไปออกค่าย.. สมทบกับกลุ่มที่ไปแล้ว ฉันตกลงอย่างว่าง่าย หนทางทุรกันดาร หน้าตามอมแมม..ดูไม่ได้ ขณะลงจากรถที่พามาส่ง
หัวใจกระตุกหนึบๆหลายที ไม่คิดว่าจะเจอเขา
อาทร.. เขามาก่อนกับกลุ่มแรก เคียงข้างเขามีผู้หญิงตาคมหวาน..
ลมพัดผมสั้นๆ ของฉันปลิวยุ่ง เทียบกันไม่ได้เลยกับเธอคนนั้น ใครจะรู้ใจใคร เพื่อนฝูงมันยิ้มแย้มสร้างบรรยากาศ ฉันก็ยิ้มแย้ม หลายหนที่เห็นเขาพร่างพรายในม่านน้ำตาบางๆ
.. ก็รู้ว่าเจ็บปวด
“ไม่มีเอื้อ..ผมยังมีใครอีกตั้งหลายคน..” ประโยคของเขาผุดพรายขึ้นมาอีกหน
ฉันเก็บความรู้สึกทุกอย่างไว้ภายใต้สีหน้าเรียบเฉย ทำเป็นไม่อินังขังขอบกับภาพที่เห็น เขาอยู่ตรงนั้น ตรงนี้ ใกล้แค่มือเอื้อม แต่ฉันไม่อาจเหยียดมือออกเอื้อมถึง มองหน้าเขา ตาเราสบกันหลายหน อย่างบังเอิญและทั้งจงใจ
สีหน้าสีตาเขาอึดอัดและฉันก็เหินห่าง เมินเฉยเหมือนไม่มีเขา เป็นเสียยิ่งกว่าคนแปลกหน้ามาพบกัน
ดูกันให้หนำใจ ให้รู้ว่าเขาทำได้ลงคอ บทมันจะเกิด ก็เกิดขึ้นง่ายดาย ด้วยเหตุผลง่ายๆที่มองเห็นด้วยสายตาธรรมดาๆ..
ฉันสลัดศีรษะ ราวกับจะไล่ความทรงจำเก่าๆทิ้งไป
นั่นมันเนิ่นนานมาแล้ว ข่าวสุดท้ายที่รู้ ดูเหมือนอาทรจะมีคนรักใหม่ ที่ไม่ใช่สาวน้อยตาคมหวานคนนั้น เหมาะสมแล้วสำหรับเขา
ใครก็ตามที่อาทรเลือก ฉันรู้สึกว่า คงจะเป็นคนที่เหมาะสม อย่างน้อยก็เหมาะสมกว่าฉัน
ฉันรู้สึกน้ำตาซึม ..ถ้าเจ็บปวดก็ร้องไห้ได้เสมอแหละ.. อาทรเคยบอกฉันอย่างนี้ ฉันแหงนหน้ามองดูฟ้าที่มีฝนปรอยๆ เพื่อให้น้ำตาไหลกลับเข้า..ใจ
ใครจะรู้ว่า ฉันร้องไห้..ไม่มีวันหรอก
ฉันย้อนความหลังเก่าๆขึ้นมา ก็เพียงแต่อยากได้รู้ว่า มันยังอยู่ในความทรงจำ ความทรงจำที่ถึงวันนี้ อาทรเองก็คงจะเลือน..
ฉันไปในทุกที่ที่เคยไปกับอาทร ซื้อพวงมาลัยดอกมะลิ (อย่างที่อาทรเคยซื้อ) ให้กับตัวเอง และจบวันลงที่ร้านริมน้ำซึ่งเราเคยไปด้วยกันบ่อยๆ อาทรเข้ามาในชีวิตของฉัน แม้จะไม่เหมือนอย่างที่วาดหวังไว้ แต่ก็เป็นความสุขที่เพียงพอแล้ว
ฉันนั่งมองดูผืนน้ำที่ล้อเล่นกับแสงไฟ เหงาว้าเหว่ แต่ก็ต้องยอมรับกับสภาพนั้น ถึงช่วงเวลานี้ ทุกสิ่งทุกอย่างจบสิ้นลงไปแล้วละ ฉันเดินตากฝนไปเรื่อยๆ ไม่มีจุดหมายปลายทาง..ทั้งที่กำลังจะไป
ฝนเริ่มตกตอนสาย และขณะนี้ก็ค่ำมากแล้ว ใจฉันว้าเหว่มากขึ้น นี่ฉันจะลืมอาทรได้อย่างไรกัน ฉันถามตัวเองอย่างเคว้งคว้าง เสียงดนตรีแผ่วหวานดังขึ้นจากแผงขายเทปริมถนน ฉันฟังเพลงนั้นอย่างตั้งใจ
ลาแล้วเอยที่เคยชิดใกล้
ไกลแสนไกลดวงใจหดหู่
กลืนน้ำตาที่ไหลพร่างพรู..
ฉันไม่คิดว่าจะลืมอาทรได้ เขายังอยู่ในใจฉัน และจะอยู่อีกนาน แต่วันหน้า ฉันคงไม่รู้สึกเจ็บปวดที่ตรงใจอย่างวันนี้.. ฉันหวัง
ไม่มีอกใจอันร้าวราน ไม่มีความเจ็บปวดที่อึดอัด กาลเวลาจะช่วยรักษาคนเราได้ ใช่ไหมจ๊ะอาทร..
ฉันบอกตัวเองให้กลับบ้าน ขณะที่น้ำใสๆ กลบตาอีกหน
ทุกสิ่งที่ผ่านมา คือการเรียนรู้ความเป็นไปของชีวิตบทหนึ่งเท่านั้นเอง ไม่มีอะไรที่ต้องสูญเสียอีกแล้ว เมื่อก้าวออกมา ฉันก็ต้องยืนอยู่ ยืนอยู่อย่างมั่นคงให้ได้
แม้จะเป็นการยืนอยู่บนทางเก่าๆสายเดิมก็ตามที..
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น