I’m out of luck เออ…ตูมันซวย - I’m out of luck เออ…ตูมันซวย นิยาย I’m out of luck เออ…ตูมันซวย : Dek-D.com - Writer

    I’m out of luck เออ…ตูมันซวย

    เรื่องราวมันๆ โหดๆ ฮาๆ ของชายคนหนึ่งผู้เกิดมาพร้อมคาวมซวย คำแนะนำ : อ่านเรื่องนี้กับเพื่อนหลายคน จะทำให้มีประสิทธภาพยิ่งขึ้น

    ผู้เข้าชมรวม

    569

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    569

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  ตลก-ขบขัน
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  8 ก.พ. 47 / 17:17 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      สวัสดีครับ ผมชื่อเอกสิทธิ์  เลอโชคลาภ  หรือที่เพื่อนๆเรียกกันว่า ไอ้เหม่งเอก  ทำไมเค้าชอบเรียกอย่างนี้กันนักนะ ผมไม่ได้ตั้งใจเกิดมาเหม่งสักหน่อย แต่เส้นผมเจ้ากรรมนี่สิมันไม่ยอมขึ้น แล้วจาให้ผมทำยังไง แล้วอีกอย่างถึงหัวผมมันจะเหม่ง มันก็ไม่ได้หนักอวัยวะส่วนไหนของใครสักหน่อย จริงมะ
           ผมเป็นคนที่เรียกได้ว่า หน้าตาหล่อมากกกก ถ้าไม่เหม่ง… ผมเป็นลูกคนรวยครับ พ่อแม่เลี้ยงดูดี มีพี่เลี้ยง  แต่เชื่อไหมครับ ว่ามันทำให้ผมโชคร้าย ตอนที่พ่อแม่ผมตายใหม่ๆ หรือแม้แต่ตอนที่ผมเกิด ก็มักจะมีหมอดูมาบอกว่าผมเป็นตัวซวย เป็นตัวกาลกิณีของบ้าน
           พ่อกับแม่ของผมตายยังไงน่ะหรือครับ ก็เพราะผมไง คิดไม่ถึงใช่ไหมล่ะ แต่มันก็เป็นไปแล้ว เรื่องมันเป็นอย่างนี้ครับ  ผมไปวิ่งเล่นนอกคฤหาสน์ คฤหาสน์นะครับ ไม่ใช่บ้าน และก็ไม่ได้โม้ด้วย บอกแล้วไงว่าผมรวย
           ผมไปเจอคุณอาคนนึง เค้าเอากล่องของขวัญมาให้ผม เขาบอกให้ผมเอาไปให้พ่อ ผมดีใจมาก เพราะอะไรไม่รู้ แต่ผมทั้งดีใจ ทั้งภูมิใจเลยละ  ผมเดินเอากล่องนั้นกลับบ้าน โดยไม่รู้ว่า มีเสียงติ๊กๆ ออกมาจากกล่องนั้น  ไม่รู้เลยว่าอาคนนั้น เป็นโจรขโมยอาวุธสงคราม ที่ต้องการทำลายหลักฐานทิ้ง โดยเลือกบ้านผมเป็นเหยื่อ
           ผมวิ่งไปบ้าน แต่ผมโชคร้ายไปหน่อย ใกล้จะถึงบ้านแล้วแท้ๆ ผมดันหกล้มตรงนั้น ก็หน้าประตูบ้านนั่นแหละ คุณคงคิดใช่ไหมว่า กะอีแค่หกล้ม มันจะโชคร้ายตรงไหน  โชคร้ายสิ ถึงขั้นซวยเลยด้วย ผมหกล้มน่ะไม่เท่าไหร่ กล่องน่ะสิ กล่อง มันกระเด็นเข้าบ้าน กระทบพื้นแล้ว…
           “ตู้ม!”
           ใช่ ตู้ม! ยังกับหนังการ์ตูนแน่ะ บ้านพังทลายลงมา โดยที่ทุกคนที่ผมคุ้นเคย ยังอยู่ในนั้น อยู่ในสิ่งก่อสร้าง ที่ครั้งหนึ่งมันเคยเป็นคฤหาสน์  My home พัง ผมนั่งเอ๋อ
          เปลี่ยนเรื่องดีกว่า ผมได้มรดกอื้อเลยละ เป็นพันๆล้านเชียวนะ  อ้อ! เอาน้ำแข็งโปะตาของคุณไว้ก่อนดีกว่า ผมรู้ว่าตาคุณต้องลุกเป็นไฟแล้วแน่ๆ แต่เชื่อเหอะ คุณไม่อยากเป็นผมหรอก “มรดก” เป็นโชคดี หนึ่งในไม่กี่อย่างในชีวิตผม
          ทายสิ ตอนนั้นผมอายุเท่าไร  10 ขวบเหรอ ไม่หรอก  10 ขวบน่ะโตเกินที่จะไปวิ่งเล่นใกล้บ้าน   1 ขวบ ก็ไม่ใช่อีก เด็ก 1 ขวบที่ไหนวิ่งปร๋อได้อย่างผม
          เฉลยเลยละกัน ผมรู้ว่าคุณเริ่มรำคาญแล้ว ตอนนั้นผมอายุ 7 ขวบครับ  คุณคิดดู เด็ก 7 ขวบที่ไหนมีธุรกิจในเครือของตัวเองถึง 10 กว่าแห่ง (มาจากมรดกด้วย ผมเป็นลูกคนเดียว) แล้วไม่เจ๊ง
          มันต้องเจ๊งอยู่แล้ว ประมาณว่า You must die เลยละ
          แต่ไม่เจ๊งหมดนะคร้าบ มี 2 แห่งที่ไม่เจ๊ง ที่ไม่เจ๊งก็เพราะถูกธนาคารยึด  ก็แค่ยึด แต่ไม่เจ๊ง  ดีใจจัง!
          อะไรมันจะเจ๊งก็ช่างเถอะ ผมไม่แคร์  แค่มรดกที่เป็นเงินสด ผมก็มีใช้ไปทั้งชาติแล้ว
          ตอนนั้นผมเข้าโรงเรียนแล้วครับ อยู่ ป. 1 หรือไงนี่แหละ เดินไปไหนมาไหนเพื่อนก็เรียก เจ๊งเหม่งกำพร้า  คิดดูมันน่าดีใจนะครับ ทั้งเหม่ง ทั้งกำพร้า 2 อิน 1 ไปเลย แต่ทำไมผมไม่ดีใจก็ไม่รู้
          ถึงดวงผมจะบ้าๆบอๆแบบนี้ แต่ผมก็เรียนเก่งนะครับ คุณครูยังชมเลย แต่ตอนสอบน่ะ ข้อสอบผม มันชอบสลับกับข้อสอบของคนที่เรียนห่วยที่สุดตลอด ผลการเรียนเลยเป็น 0 ทุกปี
          เอาเซ่ เรียนเก่ง แต่ดวงมันทำให้กลับตาลปัตร
          เอ้า! เปลี่ยนเรื่อง เปลี่ยนเรื่อง  มาถึงความซวยระลอกสอง บอกไปแล้วใช่มะ ว่าผมรวย  แต่มีโจรมาปล้นครับ ถ้าปล้นบ้านหรือยกเค้า ผมจะไม่ว่าอะไรเลย เพราะทั้งบ้านมีเงินอยู่แค่ 3 พัน
          แต่โจรเจ้ากรรมมันดันร่วมมือกับดวงของผม มันปล้นธนาคารครับ ปล้นธนาคาร  แล้วมรดกเป็นพันๆล้านของผม มันอยู่ในธนาคาร  อย่าครับ อย่าเสียดายแทนผม ผมไม่แคร์ เพราะยังมีเงินอยู่อีกตั้ง 3 พันแน่ะ
          3 พันนะครับ อยู่ได้ถึงเดือนรึเปล่าก็ไม่รู้
          ผมก็เลยตัดสินใจขายบ้าน ขายได้หลายตังค์เลยละ   แต่เสียค่านายหน้าไปเกือบครึ่งแล้ว ผมไม่ได้ให้นะครับ นายหน้ามันเชิดหนีไปตะหาก เงินจากการขายบ้านที่ผมได้ รวมๆแล้ว 17 ล้านครับ ทั้งๆที่ควรจะได้ 30 ล้าน  เอาเหอะ มันเชิดไปแล้ว ผมจะทำอะไรได้ มันเศร้านะครับ
          ตอนนั้นอายุสัก 17 มั้ง  ก็ตอนที่โดนปล้นธนาคารนั่นแหละ  ผมหาอพาร์ทเมนต์อยู่ แล้วก็โดนโรงเรียนไล่ออก   เพราะอะไรน่ะหรือครับ ก็เพราะเรียนต่ำกว่าเกณฑ์ไง ก็เล่นเอาไข่มากินทุกปี มันต้องต่ำกว่าเกณฑ์อยู่แล้ว
          เอ้อ! ผมลืมบอกไปครับ ผมมีเพื่อนสนิทอยู่ 2 คน คือ ไอ้ต้น กับไอ้บอย มันมาหาผมที่อพาร์ทเมนต์บ่อยๆ
          เพื่อน คือ โชคดีในไม่กี่ครั้งของผม (โชคครั้งที่ 2 )
          ตั้งแต่เด็กแล้ว ไอ้ 2 คนนี้มันลุยอยู่กับผมตลอด แบบว่าไปไหนไปกันเลยละ  ดวงของไอ้ต้นกับไอ้บอยน่ะ ดีมาก มันเลยอุ้มชูผมได้นิดหน่อย
           ผมจำได้ว่ามีอยู่ครั้งหนึ่ง พวกเรา 3 คนตกลงกันว่า จะไปหาอะไรกินกันนอกอพาร์เมนต์  ระหว่างทาง เราเจอพวกวัยรุ่น แก๊งซิ่งมอร์เตอร์ไซค์  พวกมันจอดมอร์เตอร์ไซค์ไว้ข้างกำแพง ส่วนพวกมันกำลังพ่นสีกำแพง
           เราสามคนพยายามเดินให้สงบเสงี่ยมที่สุด ยังไม่วายโดนวัยรุ่นในแก๊งแซวเอา
           “เฮ้ย! พวกเราดูสิ มีสามเณรเดินมาแน่ะ มาไหว้กันซิวะ ฮ่าๆๆๆ” คนในแก๊ง ที่มีอยู่ประมาณ 5 คน หัวเราะอย่างออกนอกหน้า
           “โอ้โห โอ้โห เหม่งใสซะด้วย สงสัยจะมีญาณ”
           “มีหมาวัดเดินตามมาตั้ง 2 ตัวแน่ะ”
           \"ไหนๆ โห! หมาหนังกลับด้วยว่ะ”
           พวกเราสามคนทนไม่ไหว หันกลับไปตะลุมบอนพวกมัน 5 คนจนยับเยิน หรือจะพูดให้สะใจก็คือ เยินจนเสียหมา เลยทีเดียว
      ตอนนั้นกำลังคึกคะนอง โดยไม่รู้เลยว่า เจ้า 5 คนนี้ ยังมีพวกอีกเป็นร้อย…
           วันเกิดอายุ 19 ปีของผม พวกเรากะว่าจะไปเลี้ยงกันที่แมคฯ แล้วระหว่างทาง…
           แก๊งซิ่งมอร์เตอร์ไซค์ครับ แก๊งใหญ่ทีเดียว ไอ้ต้นรู้ว่ามันควรจะทำอะไร มันเดินไปเจรจากับจ่าฝูง   เจรจากันอยู่พักใหญ่ ไอ้ต้นก็วิ่งหน้าตื่นกลับมา ปากก็ตะโกนว่า
           “เฮ้ย! รีบหนีเร็ว ไอ้พวกนี้มันมาแก้แค้นให้ไอ้ 5 คนนั้น”
           พวกเราวิ่งกันเต็มฝีเท้า โดยมีมอเตอร์ไซค์เป็นร้อยตามหลัง พวกเราคิดว่าคงวิ่งต่อไปไม่ไหว จึงแยกย้ายกันไปซ่อน
      ไอ้ต้นกับไอ้บอยรอด ส่วนผม ไม่ ก็ดวงอีกนั่นแหละทำให้เป็นอย่างนี้ ผมโดนอัดฉลองวันเกิดจนถึงขนาดต้องเข้าเฝือก และกินเค้กกับเลือดกำเดาเลยละ
           นอกจากนี้พวกแก๊งซิ่งมอร์เตอร์ไซค์ยังเรียกเก็บเงินจากผมอีก 5 ล้าน เป็นค่าตอบแทนการจัดงานฉลองวันเกิดสุดเซอร์ไพรส์อีก
      5 ล้านน่ะผมมี แต่ผมไม่จ่ายหรอก เรื่องอะไรล่ะ ถ้าจ่ายผมก็ต้องไปกินหญ้าหลังอพาร์ทเมนต์แล้ว
           ผมแจ้งความครับ แต่พวกมันไม่โดนเก็บเข้ากรง เพราะพ่อแม่ของหัวหน้าแก๊งมันมีเส้นสายตำรวจ
      เลยกลายเป็นว่า ผมต้องไปนั่งตบยุงในคุกแทน (แจ้งความเท็จ)
            โลกมันกลมครับ ผมไปเจอหมอดูในคุก ก็หมอดูที่บอกว่าผมเป็นตัวอับโชค ตอนเกิดแล้วก็ตอนที่พ่อแม่ตายนั่นแหละ  ขนาดอยู่ในคุกยังตามมาดูดวงผมเลย
           “ลื้อดวงซวยมากนะ เคราะห์กรรมก็มาก แต่ไม่ต้องห่วง อายุ 20 เมื่อไหร่ พ้นเคราะห์เมื่อนั้น”
      20 เหรอก็ดีสิ ตอนที่อยู่ในคุกผมก็ 19 แล้ว
           ไอ้ต้นกับไอ้บอยมันให้พ่อแม่มันวิ่งเต้นช่วยผมมาจากคุก แต่ผมก็โดนพวกแก๊งรังควาญเรื่องเงิน 5 ล้านไม่เลิก  ผมเลยตัดสินใจย้ายไปอยู่ต่างจังหวัด ผมไปบอกลา 2 เพื่อนรัก แล้วจับเครื่องบินไปเชียงใหม่ทันที
          ชีวิตใหม่ ที่เชียงใหม่ ฟังดูดีใช่ไหมครับ
           ผมหอบเงินไปด้วย ตอนนี้เหลืออยู่แค่ 12 ล้าน แต่ก็โอเค
           ผมกะว่าจะไม่หยิบจับอะไร (หมายถึงธุรกิจนะครับ) จนกว่าจะพ้นเคราะห์ (ก็อายุ 20 น่ะแหละ)
           ผมดำรงชีวิตแค่ ตื่น กิน ดูทีวี อ่านหนังสือ กิน อินเตอร์เน็ต กิน ดูทีวี นอน มา 1 ปีเต็มๆ
           แล้วในที่สุด วันนี้ก็มาถึง วันที่ 31 ตุลาคม
           วันเกิดผม  วันเกิดอายุ 20 วันพ้นเคราะห์ วันที่สิ่งดีๆ จะเข้ามาในชีวิตผมบ้าง
           เริ่มจากผมตื่นนอนตอนเช้า เดินออกไปนอกห้อง เจอกับสาวสวยคนหนึ่ง เธอชื่อ ภา ครับ
           ผมมั่นใจในดวงมากๆเลยเข้าไปจีบเธอ บอกเธอว่าผมแอบชอบเธอมานานแล้ว  เพราะห้องเราอยู่ใกล้กัน
      เธอตอบว่าอะไรนั้น ผมก็จำไม่ได้ หัวผมอื้อไปหมด แต่จับใจความได้ว่า I LOVE YOU TOO!
           พระเจ้าช่วย เธอตอบรับผมแล้ว ผมพ้นเคราะห์แล้วจริงๆ
           เราสองคนไปเดทกันทันที ผมมีความสุขมาก เป็นวนเกิดที่มีความพิเศษที่สุดตั้งแต่เกิดมา
           พูดได้ตำเดียว สุดยอด!!!
           เราไปฉลองกันที่บาร์เบียร์ ก่อนกลับอพาร์ทเมนต์ ผมไปส่งเธอที่ห้อง เธอไม่ยอมเข้าห้อง ผมถามว่าทำไม
      ภาไม่ตอบ แต่ฉุดผมเข้าไปในห้อง แล้วสวมกอดผมไว้
           “ภา ทำอะไรน่ะ” ผมถาม
           “ภาเหงา ภาไม่อยากให้เอกไป ภากลัว”
           “ไม่เห็นต้องกลัวอะไรเลย”
           \"กลัวสิเอก… เอกกอดภาหน่อยสิ ภาหนาว”
           “หะ..หา เอา จะ..จริง เหรอ”
           “หรือว่าเอกรังเกียจ”
           “ไม่… ไม่หรอก”
           ผมกลัวภางอน ผมจึงสวมกอดเธอ เนื้อเธอนิ่มและหอมมาก  จากกอดกลายเป็นจูบ จากจูบภาก็เริ่มถอดเสื้อผม กางเกงผม เธอเองก็ถอดเหมือนกัน
           ทำไมนะ ทำไมผมไม่ขัดขืน ทำไมกัน
      แต่ช่างเถอะ มันวันพ้นเคราะห์นี่นา มีแต่สิ่งดีดี  ภาเริ่มลูบไล้ร่างกายผม เราสองคนกำลังจะเป็นหนึ่งเดียวกัน  โชคดีโคตร แต่ใครเปิดประตูมาน่ะ?
           ไม่ใช่เปิด แต่ถีบด้วยแรงโทสะ
           ชายร่างยักษ์เดินเข้ามาในห้อง ในมือถือปืน  เขาเดินมากระชากภาออกจากตัวผม เขาตบเธอพลางกรรโชกว่า
           “นังแพศยา มึง บังอาจมีชู้นะ”
           ชู้!?!… หมายถึงผมเหรอ
           “ตายซะเถอะมึง”
           “กรี๊ด.ด.ด..ด..” เสียงสุดท้ายของเธอที่ผมได้ยิน เลือดสาดกระจาย
           ชายคนนั้นหันมาทางผมที่นั่งขาดไอโอดีนอยู่บนเตียง ในสภาพเปลือยกาย
           เขาเล็งปืนมาที่ผม แล้ว…
           อกผมมีเลือดไหล ผมกำลังจะตาย  ไม่สิผมตายแล้วต่างหาก  ผมมองศพตัวเอง มองศพภา…
           ผมตายแล้ว
           ตายในวันเกิด
           หมายความว่า ผมพนเคราะห์ตอนอายุ 20 จริงๆ
           หมอดูคนนั้นแม่นชะมัด
           ผมพ้นเคราะห์กรรมแห่งความซวย
           แต่ทำไมไม่ดีใจกันนะ

                                                
                                              THE END.


      หมายเหตุ  
      เรื่องนี้เป็นเรื่องของเพื่อนคนหนึ่งนะคะ  เขาฝากมาลง

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×