สองคนกับรักที่ชายทะเล - สองคนกับรักที่ชายทะเล นิยาย สองคนกับรักที่ชายทะเล : Dek-D.com - Writer

    สองคนกับรักที่ชายทะเล

    เกี่ยวกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ไปเจอกับผู้ชายคนหนึ่งโดยไม่คาดคิดไม่คาดฝัน และเรื่องราวต่างๆก็ได้เกิดขึ้น...

    ผู้เข้าชมรวม

    560

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    560

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  ซึ้งกินใจ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  16 ม.ค. 47 / 08:23 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      ลมโชยเอื่อยๆมา ทำให้ใบไม้ในรั้วมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ต่างร่วงหล่นลงมาราวกับว่านี่เป็นฤดูใบไม้ร่วง ผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ใต้
      ต้นไม้นั้น หลังพิงต้นไม้ ดูจากสีหน้าแล้วรู้ว่าเธอรู้สึกผ่อนคลายมาก เธอนั่งเปิดนิตยาสารอ่านไปเรื่อยๆ สังเกตได้ว่าข้างๆตัวเธอนั้น
      มีนิตยาสารต่างๆวางตั้งกันอยู่อีก 2-3 เล่ม

            “ แจม.. “ เสียงแหลมๆเสียงหนึ่งดังขึ้นมา ทำให้เธอลดนิตยาสารลง แล้วเหลียวไปมองดู เธออมยิ้มน้อยๆออกมา “ แหม..มานั่งหลบคนเดียวเลยนะยะ ไม่ยอมชวนเพื่อนมานั่งกันบ้าง” ยายแป้งเพื่อนซี้ของแจมนะเอง “ ก็เห็นแป้งไปช่วยครูเขาวาดภาพป้ายที่จะติดงานกีฬาเดือนหน้าไม่ใช่เหรอ “ แจมพูดถามเพื่อนซี้ “ ก็ใช่ เนี่ยเมื่อยมือจะตาย ให้วาดอยู่ได้4-5ชั่วโมง “ แป้งตอบเสียงเบื่อๆ “ เถอะน่า สู้เขายายแป้ง “ แจมพูดพร้อมกับเสียงขำนิดๆปนเห็นใจเพื่อน เพราะ แป้งนั้นต้องไปช่วยครูทำป้ายงานกีฬาที่จะถึงนี้ จึงไม่ค่อยมีเวลาพักเท่าไหร่นัก

              แจมเรียนอยู่ชั้นปี3 ผมยาวตรง ผิวเนียน รูปร่างค่อนข้างสูง อวบนิดๆ เห็นอย่างนี้อย่าคิดว่าเธอเป็นสาวเรียบร้อยแบบผ้าที่พับไว้หรอกนะ ปากน่ะ ถ้าเจอใครมากวนประสาท เธอจะฉุนกลับทันที แต่ปกติเธอก็ยิ้มแย้มกับเพื่อนฝูงเสมอ

           “ แล้วนี่ ยายแจม ได้เจอ นัทบ้างหรือเปล่าอะ “ แป้งถามแจม แล้วก้อยิ้มที่มุมปากนิดๆ เมื่อเห็นแจมหน้าสีออกชมพูระเรื่อ นัทนั้นเป็นคนที่แจมแอบชอบอยู่ เป็นรุ่นพี่ปี 4 ไม่สนิทกันมากเท่าไหร่ แต่ก็เจอกันบ้างเป็นครั้งคราว “ ก็เจอบ้างนิดหน่อยนะ “ แจมตอบกลับไป “ เออใช่  แจม เดี๋ยวแจมต้องไปช่วยซ้อมเชียร์นะ เป็นหัวหน้าฝ่ายเชียร์ “ แป้งรีบบอกเมื่อนึกขึ้นได้ ส่วนแจมนั้นอ้าปากค้างนิดๆอย่างไม่ตั้งใจ แล้วชี้ไปที่ตัวเอง “เราเนี่ยนะ “ แจมบอกอย่างไม่เชื่อหู  ตัวเองเนี่ยนะจะเป็นหัวหน้าเชียร์ ไม่เอาด้วยหรอก เธอคิดในใจ “ ใช่สิ ไม่อยากเป็นก็ต้องเป็นแล้วแหละแจม เดี๋ยวจะพาหัวหน้าเชียร์อีกคนมาให้รู้จักนะ  เราไปก่อนละนะ แล้วเจอกัน” แป้งรีบบอก แล้วจึงรีบวิ่งกลับไปที่ใต้อาคาร เพื่อไปช่วยครูต่อ ส่วนแจมนั้น ยังตกใจไม่หาย หัวหน้าเชียร์ แจมคิด เราเคยเป็นหัวหน้าเชียร์ซะที่ไหนล่ะ แล้วยังต้องมาร่วมงานกับคนอื่นอีกตายละเรา แจมกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดๆ แล้วจึงหอบหนังสือกลับไปที่ชั้นอาคารเรียน

                           “ โอ๊ย! “ แจมล้มลงไปกับพื้น กระโปรงเลยขึ้นมาถึงหัวเข่า หนังสือล้มลงไปกองระเนียระนาดกับพื้นสนาม “ นี่ คุณ เดินหัดมองทางบ้างซิ ไม่เห็นหรือไง ว่าผมกำลังเล่นบาสอยู่ “ เสียงผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้น ทำให้แจมต้องหันหน้าขึ้นไปดูอย่างฉุนๆ เป็นผู้ชายคนหนึ่งซึ่งหน้าตาค่อนข้างดี ตัวสูงสมส่วน ดูดีไปหมด แต่เสียอย่างเดียว ปากยังกะ…. ยังกะอะไรให้พวกคุณไปคิดกันเอาเองละกันนะคะ ไม่อยากจะพูด แจมลุกขึ้นยืนทันที “ ใครกันแน่คะคุณ ไม่ดูทาง คุณน่ะเล่นบาสอยู่ก็น่าจะมองให้มันดีหน่อย แล้วนี่เป็นสุภาพบุรุษไม่เป็นหรือไง คำขอโทษซักคำก็ไม่มี ผู้หญิงล้มไปกองกับพื้นเนี่ยนะ หน้าตาดีซะเปล่า แต่นิสัย…” แจมว่าไม่ยั้ง โดยหยุดคำสุดท้ายให้เขาไปคิดเอง
           “ นิสัยดีใช่มั๊ยละ ขอบคุณครับ ที่ชม “ เขาพูดโดยยิ้มนิดๆ นั่นทำให้แจมยิ่งฉุนขึ้นไปอีก แต่ไม่อยากจะเถียงอะไรมากนัก เพราะต้องรีบเอาของไปเก็บ และรีบไปซ้อมเชียร์จึงรีบเก็บหนังสือที่วางเรี่ยราดอยู่บนพื้น และเดินออกไปด้วยท่าที่วางฟอร์มนิดๆ
             “ นี่คุณ คุณกะจะไปยังนั้นเลยเหรอ “ เสียงชายคนนั้นดังขึ้นอีกครั้ง “ ทำไม ฉันจะไปอย่างนี้จะให้ฉันนั่งเรือไปหรือไงยะ “ แจมเหลียวหลังกลับมาว่าอย่างฉุนๆ “ คุณแน่ใจนะว่าจะไปอย่างนี้ แต่ก็ช่างคุณเถอะ มันไม่เกี่ยวกับผมอยู่แล้ว “ หลังชายคนนั้นพูดเสร็จเสียงหัวเราะของชายคนนั้นก็ดังออกมาเบาๆ พลางมองไปที่กระโปรงของหญิงสาว แจมก้มหน้าไปมองที่กระโปรง แทบอยากจะกรีด! ปลายกระโปรงของแจมนั้น ติดอยู่กับกระเป๋าที่สะพายข้างอยู่ ทำให้มันถลกขึ้นมาเกือบเห็นกางเกงในของเธออยู่แล้ว แจมนั้น หน้าแดงก่ำ ด้วยความอายสุดขีด รีบเอากระเป๋าลงไปกองกับพื้น มองไปรอบๆ เห็นชายคนเก่านั้นฮาหนักกว่าเดิม แจมรีบมองไปที่คนอื่นๆ ผู้ชายบางคนก็ยิ้มกว้าง ทำหน้ายังกะอยากเห็นนักหนา แจมแทบอยากจะเข้าไปอัดซักทีสองทีซะด้วยซั้า เมื่อกระโปรงกลับเข้าที่เหมือนเดิมแล้วแต่ความอายของแจมนั้นยังแผ่ซ่านไปทั้งใบหน้า หน้ายังคงออกสีแดงชมพูอยู่อย่างนั้น แล้วรีบเดินเข้าไปในตึกโดยไม่หันมาดูหน้าชายคนนั้นอีกเลย

           เธอก้าวยาวๆ เพื่อรีบไปที่ล็อกเกอร์  เมื่อถึง เธอรีบยัดของใส่เข้าไป ในนั้น แล้วรีบเดินออกมาเพื่อไปที่ซ้อมเชียร์กีฬา ตอนนี้หน้าของเธอก็ยังคงเป็นสีชมพูนิดๆอยู่ พร้อมกับคิดในใจว่า ผู้ชายบ้า มาดูอะไรของฉัน จะบอกซักสักคำก็ไม่มี บ้าที่สุด เธอพูดอย่างอารมณ์เสีย แต่เมื่อถึงที่ซ้อมอารมณ์เหล่านั้นก็ค่อยๆหายไปทีละน้อย เพราะมัวแต่คิดเรื่องของการซ้อมเชียร์ “ อ้าว แจม มาช้าจังนะ รอตั้งนานแน่ะ “ แป้งพูดเมื่อเห็นแจมเดินเข้ามา “ อืม ยุ่งๆนิดหน่อยน่ะ “ แจมพูดแล้วคิดว่าเรื่องพวกนี้จะไม่ให้ใครรู้เป็นอันขาด “ พี่ต้นคะ นี่แจม คนที่จะมาเป็นหัวหน้าซ้อมเชียร์นะคะ “ ว่าแล้วแจมก็กล่าวทักทายพี่ต้น อย่าเป็นกันเอง
        
              “ เดี๋ยวแจมไปช่วยสูบลูกโป่งตรงนั้นนะครับ เสร็จแล้วเอาไปประดับบนสแตน เลือกเอาลูกโป่งเฉพาะฟ้านะ “  พี่ต้นแม่สีของสีฟ้า สั่งงานกับแจม “ ค่ะ ช่วยเต็มที่เลยค่ะ” แจมพูดอย่างยิ้มแย้ม ทำให้พี่ต้นเบาใจไปบ้างพร้อมกับยิ้มตอบ

               แจมนั่งสูบลูกโป่งไปเรื่อยๆ มันก็ไม่ได้ยากอะไรนัก แต่ถ้ามีอีกคนมาช่วยมันคงจะสบายกว่านี้มาก “ แจมครับ นี่ปกรณ์ หัวหน้าเชียร์อีกคนนึงครับ “ เสียงพี่ต้นดังมาจากข้างๆ แจมหันไปดูกำลังอ้าปากจะกล่าวทักทายสวัสดี แต่แล้วก็ต้องอ้าปากค้าง เพราะนั่นคือคนที่เธอทะเลาะด้วยเมื่อไม่นานมานี้ “ คุณ! ” ทั้งสองคนต่างชี้ไปหาอีกฝ่าย สีหน้าอึ้งไปชั่วขณะ แต่ดูเหมือนพี่ต้นจะไม่สังเกตอาการพวกนี้ “ ปกรณ์ นี่แจมนะ หัวหน้าเชียร์ที่ต้องทำงานร่วมกับนาย รู้จักกันไว้นะครับ อย่างทำเสียงานนะเพื่อน ช่วยๆกัน “ พี่ต้นพูดยิ้มๆ ขณะที่แจมคิดว่า นี่เราจะต้องมาร่วมงานกะอีตานี่หรือเนี่ย แจมพลางมองไปที่ชายที่นั่งอยู่ตรงหน้าอย่างเกลียดๆ “ ปกรณ์ เดี๋ยวนายช่วยสูบลูกโป่งกะน้องเขานะ สีฟ้าล่ะ อย่าเอาสีอื่นนะ “ พี่ต้นพูดแล้วเดินจากไป “ คุณเป็นหัวหน้าเชียร์เหรอ “ ปกรณ์เริ่มต้นพูดขึ้น พลางยิ้มอย่างเป็นมิตร “ ก็ใช่น่ะซิ ฉันคงไม่ใช่พนักงานเสริฟน้ำหรอก “ แจมยัวะกลับ เธอยังไม่รู้ตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงเกลียดผู้ชายคนนี้นักหนา “ นี่ ถามดีๆนะ แล้วคุณเอากระโปรงลงได้แล้วเหรอ กางเกงในลายสวยดีนะ” ปกรณ์พูดขึ้น แล้วมองไปที่หน้าของแจม เมื่อเห็นสีหน้าของแจมแล้วเขาอดขำไม่ได้ “ ขำอะไรคุณ “ แจมถามเสียงอ่อยๆ “ ก็ดูหน้าคุณสิ อย่างกะลูกหมาตกน้ำอย่างนั้นแหละ “ ปกรณ์พูดพยายามกลั้นยิ้ม แต่ก็ยังอดขำไม่ได้ ส่วนแจมนั้นเมื่อได้ยินอย่างนั้น ยิ่งหน้าแดงเข้าไปใหญ่ คนบ้า มาว่าเราเป็นหมาเหรอยะ

                 “ พอๆคุณ มาช่วยกันสูบลูกโป่งดีกว่า อย่าอู้ค่ะอย่าอู้ “ แจมพยายามเปลี่ยนเรื่อง “ คร๊าบๆ คุณแม่” เขาพูดขึ้น
           แทบอยากจะกรีด!อีกครั้ง “ ใครเป็นแม่นายไม่ทราบ ฉันเนี่ยเพิ่งจะ 21 เองนะ “ แจมตอบกลับอย่างฉุนๆ “ ครับๆ จะจดจำใส่สมองอันแสนฉลาดของผมไว้เลยครับ” เขาพูดอย่างภูมิใจ ส่วนแจมนั้นแอบแลบลิ้นออกมาไม่ได้ ส่วนเขานั้นได้แต่อมยิ้มนิดๆออกมา

            “ แป้ง…พรุ่งนี้เธอว่างจะไปเดินช้อปกับฉันไหม” แจมถามแป้ง เมื่อตกเย็นวันศุกร์ “ ไม่ได้ล่ะจ้ะ ฉันมีนัด “ แป้งพูดอมยิ้ม ส่วนแจมนั้นได้แต่ถลึงตามามองแป้งอย่างไม่น่าเชื่อ และก่อนที่แจมจะได้พูดอะไรแป้งก็พูดขึ้นมา “ ฉันไปก่อนละนะ วันนี้ที่บ้านมีแขกมา ไปละ บายจ้ะ” แป้งพูดอย่างอารมณ์ดี และโบกมือก่อนที่จะวิ่งไปที่ป้ายรถเมล์ เหลือแจมที่ยังคิดอยู่ว่า ขนาดแป้งมันยังออกเดตแล้วเลย ทำไมละทำไม เราถึงไม่เคยมีนัดอย่างแป้งซะที แจมพูดพลางส่ายหัวน้อยๆ และสลัดความคิดนี้ออกไปจากหัว ช่างมันเถอะ ไม่จำเป็นต้องไปมีรักที่ไหนหรอก อยู่อย่างนี้แหละดีแล้ว ยายแป้งมันไม่ไปเดินช้อปกับเรา ไปคนเดียวก็ได้ แจมคิดอย่างน้อยใจนิดๆ แล้วเดินทางกลับไปบ้านของเธอ

           วันนี้แจมใส่เสื้อยืดสีขาว พิมพ์ลายเป็นแนวขวาง ใส่กางเกงยีนส์สีออกซีดนิดๆ ดูเก๋ไปอีกแบบ ส่วนผมนั้นแค่รวบมัดไปก็พอ ไม่ต้องบรรจงแต่งอะไรมากมาย เธอเดินไปดูเสื้อผ้าร้านสวยๆ แต่แค่ดูเท่านั้นนะ อย่าซื้อถ้าไม่จำเป็นเธอคิดอย่างนี้เสมอ
          ระหว่างที่เดินไปนั้น สายตาของเธอไปหยุดที่คนๆหนึ่ง ไม่คิดไม่ฝันว่าจะเจอกันในขณะนี้ และเป็นคนที่เธอคิดจะเจอน้อยที่สุดด้วย
             จะว่าใครอื่นซะก็ไม่ได้ นอกจาก นายปกรณ์ตัวแสบของเธอนี่เอง

            แจมหันหลังกลับทันที ให้เร็วเท่าที่จะทำได้ เราไม่อยากจะมากัดกะนายนี่ที่ห้างอีกหรอกนะ  เธอนึก แต่ไม่ทันที่เธอจะก้าวขาขวาของเธอออกไปก็มีเสียงเรียกดังขึ้น

          “ อ้าว แจม โลกกลมจังนะ” เสียงนายปกรณ์เอ่ยขึ้นมาใกล้ๆ แจมหันขวับไปทันที และเห็นว่าปกรณ์นั้นมาอยู่ข้างหลังเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ “ เอ่อ ดีค่ะ แต่ฉันก็ไม่ค่อยอยากจะให้โลกมันกลมสักเท่าไหร่หรอก” ถึงแม้ว่าจะเสียมารยาท แต่แจมก็พูดออกไปอย่างฉุนๆ เมื่อเห็นสีน่าเริงรื่นของปกรณ์ แต่ดูเหมือนปกรณ์จะไม่ใส่ใจกับคำพูดนี่สักเท่าไหร่ “ มาคนเดียวเหรอครับ “ปกรณ์พูดยิ้มๆ
      “ ค่ะ ยายแป้งก็ไม่มาด้วยติดธุระ “ แจมตอบเรียบๆ “ เหรอครับ เอ…แล้วแฟนละครับ” เขาถามด้วยน้ำเสียงสนใจ ทำไมต้องมายุ่งวุ่นวายเรื่องนี้ด้วยนะเนี่ย
                     “ หาไม่ได้ค่ะ หรือ…”แจมรีบเสริมเมื่อเห็นรอยยิ้มแต้มอยู่บนใบหน้าของเขา
      “ ไม่มีคนที่ดีพอค่ะ “ แจมยิ้มตอบกลับบ้าง แต่ก็ยังเห็นรอยยิ้มแต้มอยู่บนใบหน้าของปกรณ์อยู่ดี “ครับ…”ปกรณ์พูด “ ไปเดินเป็นเพื่อนผมหน่อยนะ อยู่คนเดียวมันเหงาๆ เนี่ยตอนแรกมากับเพื่อน แต่มันก็ดันกลับไปอีก ก็เลยต้องเดินคนเดียวเนี่ย” ปกรณ์รีบพูดให้จบเมื่อเห็นสีหน้าตกใจของแจม ส่วนแจมนั้นใจหายแวบอย่างไม่น่าเชื่อเมื่อคำพูดแรก แต่พอคำพูดต่อๆมาใจมันก็แห้งๆยังไงชอบกล แต่เธอยังคงไม่รู้สึกถึงความแปลกนี้ “ เอ่อ.. “ แจมทำสีหน้าครุ่นคิด

      “ เถอะน่า นะครับ ไปเดินเป็นเพื่อนหน่อยนะ เดี๋ยวกลางวันนี้ผมเลี้ยงเอง “  เมื่อเห็นความพยายามของปกรณ์ แจมจึงตอบตกลงไป “ ค่ะๆ ไปก็ไป “ แจมตอบอย่างยิ้มๆ ส่วนปกรณ์นั้นยิ้มกว้างด้วยความดีใจ “ ไปเดินดูของกันดีกว่า แถวนี้มีของลดราคาเยอะ “ เขาพูดขึ้น ส่วนแจมนั้นส่งเสียงหัวเราะเบาๆออกมา “แหม งกเหมือนกันนะคุณ” แจมพูดพลางอมยิ้มน้อยๆ “ มันก็ต้องประหยัดกันบ้างสิ จริงมั๊ยครับ” เขาเสริมโดยที่ยังมีรอยยิ้มแต้มอยู่ ส่วนแจมนั้นผงกหัวตอบรับพลางมองไปที่หน้าของปกรณ์

      ตาของเขานั้นมีสีน้ำตาลเข้ม ดูหน้าตาแล้วจัดอยู่ในหน้าตาดีทีเดียว นี่เรามาคิดเรื่องอะไรพวกนี้เนี่ย แจมรีบหยุดความคิดของตัวเอง แล้วมองทางข้างหน้าต่อไป ทั้งสองคนนั้นแวะร้านนู้นดูร้านนี้ไปเรื่อยๆ ถ้ามองจากคนอื่นคงจะเห็นว่าสองคนนี้เป็นคู่รักกันแน่ๆ เพราะบ้างก็หัวเราะด้วยกัน ดูท่าจะมีความสุขกันมาก แต่แล้วไม่นานก็มีใครบางคนเดินเข้ามาหาคู่นั้นด้วยทาทางมาดมั่น

                    “ กร คะ “ เสียงเล็กๆแหลมๆนั้นดังขึ้นทางข้างหลังพวกเขา ทำให้เขาทั้งสองที่กำลังยืนดู กระปุกออมสินพูดได้นั้นหันกลับไปมอง “ อ้าว เกด มาที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่ “ ปกรณ์พูดดูท่าทีงงงวยเล็กน้อย “ ก็ตั้งนานแล้วล่ะค่ะกร“ ถึงแม้ว่าหญิงคนนั้นจะตอบปกรณ์แต่สายตายังคงจ้องมองมาทางแจมอย่างไม่ลดละ ส่วนแจมนั้นก็จ้องตอบเช่นเดียวกัน ผู้หญิงคนนั้นดูแล้วคงจะอายุประมาณมากกว่าแจม2-3ปี ใส่ส้นสูงสูงประมาณ6เซนติเมตร เสื้อนั้นเป็นเสื้อสายเดียวสีแดงแปร๊ด และควบคู่มากับกางเกงรัดรูปสีชมพู “ กร นี่ใครกันคะ “ หญิงคนนั้นถามปกรณ์และหันมามองแจมต่อ “ เพื่อนน่ะครับ “ปกรณ์ตอบโดยยังยิ้มอยู่
                             “ กรคะ ช่วยไปเลือกของกับเกดหน่อยได้ไหมคะ เกดต้องเลือกของขวัญให้   คุณแม่ของเกดน่ะค่ะ” เกดพูดโดยไม่ใส่ใจกับแจม ทำให้แจมรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย ผู้หญิงอะไรจะทักทายไม่ได้ซักคำ แล้วดูใส่ชุดสิ อย่างกะจะไปเต้นคาบาเร่โชว์อย่างนั้นแหละ “ เกดไปเลือกคนเดียวไม่ได้หรือครับ “ ปกรณ์ถามถามขึ้น
      “ โอ้ ไม่ได้ค่ะ ไม่ได้ กรต้องไปช่วยเลือกกับเกดนะคะ “ เกดทำท่าโอดครวญขอร้องปกรณ์ ดูแล้วน่าหมั่นไส้ยิ่งกระไรนัก “ งั้น แจมครับ” ปกรณ์เอ่ยขึ้นเสียงฟังดูหนักใจ “คะ” แจมขานรับพยายามตีสีหน้าให้ยังคงยิ้มแย้มอยู่ “ แจมกลับคนเดียวได้ไหมครับ “ ปกรณ์ถามน้ำเสียงไม่แน่ใจ “ อ๋อ ได้ค่ะ แจมมาเองก็ต้องกลับเองได้ซิ” แจมพูดออกไป “ ครับๆ เรื่องที่จะเลี้ยงข้าวติดไปเป็นวันอื่นละกันนะครับ” เขาเอ่ยเรื่องที่แจมนั้นลืมนึกถึงไปแล้ว “ ค่ะๆ ไม่เป็นไร งั้นฉันขอตัว “ แจมรีบเดินออกไปโดยที่ปกรณ์ยังไม่ทันได้กล่าวลาอะไร
                      แจมรู้สึกหงุดหงิดอย่างแปลกๆ ทั้งที่ตอนเช้าอารมณ์ดี แต่ตอนนี้กลับอารมณ์เสีย อยากกลับบ้านไปนั่งฟังเพลง ดูทีวี และก็พักผ่อนเร็วๆ เธอนั่งรถไฟฟ้ากลับไปที่บ้าน ขึ้นไปที่ห้องนอนของเธอ ในขณะนั้นทั้งครอบครัวไม่มีใครอยู่เพราะคงจะติดธุระออกไปข้างนอก เธอจึงขึ้นไปพักผ่อนอยู่บนเตียงของเธอ ทุกอย่างมันเหมือนฝันไป เธอเริ่มคิดได้หัวเราะด้วยกันอย่างมีความสุข ทั้งๆที่เมื่อวานยังกัดกันอย่างกับอะไรดี เธอนึกแล้วพลางยิ้มน้อยๆออกมา

             “นี่ แจมทำไมมาสายอย่างนี้นะ แล้วอย่างนี้จะคิดเพลงเชียร์ทันเหรอเนี่ย “ พี่ต้นกล่าวอย่าตำหนิ “ แหม ก็วันนี้แจมตื่นสายน่ะค่ะพี่ต้น ขอโทษด้วยนะคะ “ แจมพูดเสียงอ่อยๆอย่างสำนึกผิด “ ไม่เป็นไรหรอก รีบๆช่วยกันทำละกัน เดี๋ยวแจมไปปรึกษากับปกรณ์เขาตรงนั้นนะ “ พี่ต้นพูดพลางชี้ไปที่นายปกรณ์ซึ่งกำลังนั่งอยู่ตรงใต้ต้นไม้ใหญ่ “วางแผนกันให้ดีนะ ว่าจะเป็นยังไง แล้วค่อยมาบอกพี่ นะครับ “ พี่ต้นกล่าวอย่างเร็วๆ “ ค่ะ ตกลงค่ะ” แจมกล่าวอย่างยิ้มแย้ม แล้วพี่ต้นก็เดินยิ้มจากไป แจมเดินไปที่ๆนายปกรณ์นั่งอยู่และไปนั่งแถวๆนั้น
      “ หวัดดี นายปกรณ์ “ แจมเอ่ยทัก และเห็นว่าปกรณ์เงยหน้าขึ้นทันทีจากการที่เขากำลังเขียนอะไรบางอย่างใส่กระดาษแผ่นเล็กๆตรงตักเขา และยิ้มให้แจม

                         “ ผมขอโทษจริงๆนะ แต่ยายเกด น้องสาวผมมันดื้อไปหน่อยจะให้ผมไปกับมันท่าเดียว “ ปกรณ์พูดยิ้มๆแล้วส่ายหัวน้อยๆ “น้องสาว” แจมอุทานเบาๆ แต่ดูเหมือนปกรณ์จะได้ยิน “ ใช่ครับน้องสาว “เขายิ้ม “แต่เป็นน้องไม่แท้หรอกครับ แจมนั่งก่อนสิจะได้คุยเรื่องงานกัน” เขาพูดอย่างใจเย็นพลางชี้ไปที่นั่งข้างๆเขา แจมลังเลอยู่สักนิดก่อนที่จะนั่งลงไป จะว่าไปนายนี่ก็นิสัยดีนะ แจมคิดในใจ ดีกว่าที่เราคิดไว้เยอะ หลังจากนั้น แจมและปกรณ์ ก็คุยเรื่องงานกัน แต่อาจจะแวะไปคุยเรื่องอื่นกันบ้างนิดหน่อย ในการคุยเรื่องงานนั้นไม่ได้คุยกันอย่างเคร่งเครียด แต่คุยกันไปล้อกันไปอย่างสนุกๆ หัวเราะกันบ้างอย่างอารมณ์ดี ทำให้งานไม่ค่อยคืบหน้าสักเท่าไหร่นัก “นี่ๆ ฉันว่าเราน่าจะมาเขียนงานจริงๆจังๆสักทีนะ ถ้าพี่ต้นรู้เข้าน่ะแย่เลย “แจมพูดขึ้นหลังจากหัวเราะกับเรื่องตลกของปกรณ์ “ ถ้าพี่ต้นว่าแจม เดี๋ยวผมออกรับเองเต็มที่เลย” ปกรณ์พูดขึ้น โดยที่ไม่ทันเห็นสีหน้าของคนที่นั่งข้างๆ ว่าสีชมพูระเรื่อไปทั่วหน้าของแจมแล้ว “ บ้า กล้าพูดออกมาได้ไง “ แจมพูดอย่างเขินๆ
                      “ กล้าสิ ผมกล้าพูดเสมอถ้าเป็นคนสำคัญของผม “ แล้วเขาก็หันมามองหน้าแจมตรงๆ ส่วนแจมนั้นหน้ายิ่งแดงเข้าไปใหญ่ “คนสำคัญ อะไรกัน “ แจมเอ่ยขึ้นเบาๆ ส่วนเขานั้นได้แต่ยิ้มและหันหน้าไป และเริ่มทำงานต่อ ส่วนแจมนั้นก็คิดโดยที่ไม่เข้าข้างตัวเอง คงเป็นเพื่อนที่สำคัญคนนึงละมั้ง แจมคิด แต่พอนึกอย่างนี้ใจก็หล่นวูบไปอีกครั้ง แจมก็เริ่มสงสัยตัวเองบ้างแล้ว ว่าตัวเองจะไปหลงรัก…คิดได้แค่นั้นแจมก็หยุดคิด บ้าซิ เราจะไปชอบหมอนั่นได้ยังไง เรามีคนที่เราชอบอยู่แล้วไม่ใช่หรือ แจมคิด แต่จริงๆแล้วแจมไม่ได้นึกถึงนัทเลย ตั้งแต่ได้ไปเจอกับปกรณ์ที่ห้าง “ แจม เราว่าเรามีไอเดียดีๆแล้วล่ะ “ ปกรณ์เอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ ส่วนแจมนั้นได้ยื่นหน้าเข้ามาดูสิ่งที่ปกรณ์วางแผนเอาไว้ แจมคอยที่จะฟังปกรณ์พูด แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรขึ้นมาแจมจึงหันหน้าไปมอง หน้าของแจมและปกรณ์นั้นอยู่ติดกันมาก จนแจมสามารถมองเห็นหน้าตัวเองอยู่ในดวงตาสีน้ำตาลของปกรณ์แล้ว แจมได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นอยู่ มันช่างเร็วและแรงมาก ลมหายใจของกันและกันนั้นสัมผัสบนใบหน้าของคนทั้งคู่ แต่แล้วแจมก็ดันตัวเองออกมาอย่างรวดเร็ว ทั้งหน้าของแจม มีสีแดงระเรื่ออยู่บนในหน้า แม้กระทั่งแจมชำเลืองมองไปทางปกรณ์ก็เห็นเขาหน้าแดงระเรื่อเช่นเดียวกับเธอ  หลังจากเกิดความเงียบขึ้นสักพัก แจมก็เริ่มเอ่ยขึ้น “ ไหนล่ะ ไอเดียที่ว่าน่ะ “  แล้วหลังจากนั้นปกรณ์ก็เริ่มอธิบายสีหน้าของเขากลับมาเป็นปกติ เอ่ยไปด้วยน้ำเสียงธรรมดาของเขา
      แจมชักเริ่มรู้ตัวแล้วซิ ว่าเขาหลงรักปกรณ์เข้าอย่างเต็มทุกห้องในหัวใจแล้ว แต่แจมก็ยังไม่ยอมง่ายๆ ที่จะคิดว่าคิดกับปกรณ์แค่เพื่อนที่ดีคนนึงเท่านั้น แต่ทั้งๆที่ทุกอย่างมันเปลี่ยนไป

          

                  ปกรณ์และแจมทำงานด้วยกันมาตลอดหลังจากวันนั้น  ร่วมกันเตรียมงานกีฬา ด้วยความสนิทสนมกันมากขึ้น ตลอดทั้งเดือน มีทั้งรอยยิ้ม เสียงหัวเราะของคนทั้งคู่  ในที่สุดงานกีฬาก็ผ่านพ้นไป โดยที่สีฟ้าได้ถ้วยมาครองดังที่หวังกันเอาไว้

        “ อย่างนี้ต้องมีเลี้ยงฉลองกันหน่อยว่ามั๊ย” เสียงพี่ต้นดังขึ้นหลังงานกีฬาเลิก และตามมาด้วยเสียงเห็นด้วยของทีมงานสีฟ้าทุกคน “ เราจะไปเลี้ยงกันที่ ริมทะเลเย็นนี้เลยดีไหม “ พี่ต้นพูดพร้อมกับรอยยิ้ม และดังที่คาดไว้ตามด้วยเสียงเห็นด้วยอีกตามเคย “ งั้นเจอกันที่โรงเรียน ตอน 5 โมงครึ่งนะครับ” พี่ต้นกล่าว และทุกคนต่างแยกย้ายกันกลับบ้านเพื่อไปเตรียมตัว “ งั้นเดี๋ยวค่อยเจอกันนะแจม เราไปก่อนละนะ” ปกรณ์พูดด้วยรอยยิ้ม แล้วจึงเดินทางกลับบ้านของเขาไป ส่วนแจมนั้นก็เช่นเดียวกัน เดินทางกลับบ้านอย่างมีความสุข หลังจากที่ทุ่มเทงานมาเต็มที่ โดยได้รับความร่วมมือจากปกรณ์ ทำให้งานนี้สำเร็จไปด้วยดี เธอกลับไปที่บ้านสีขาวอันอบอุ่นของเธอ “ แม่คะ สีหนูชนะค่ะแม่ “เธอพูดอย่างดีใจ กับแม่ของเธอซึ่งเดินยิ้มร่าออกมาจากครัว “ ดีใจด้วยนะจ้ะ แล้วนี่เขาไม่มีงานเลี้ยงฉลองกันเลยเหรอลูก” แม้ถามด้วยความแปลกใจ “ มีค่ะ กำลังจะขอแม่อยู่พอดี หนูขอไปเลี้ยงฉลองนะคะ กลับประมาณ 5ทุ่มนะคะ” เธอบอกแม่ด้วยน้ำเสียงเจื้อยแจ้ว “ ได้อยู่แล้ว ขอให้สนุกนะลูก กลับบ้านมาให้ตรงเวลาด้วยนะ “ แม่กล่าวเตือนด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง “ค่ะแม่ “ เธอพูดอย่างดีใจ และรีบวิ่งขึ้นบันได้ไปอาบน้ำแต่งตัว

          เธอใส่เสื้อสีฟ้าอ่อน แขนยาว มีลายสีขาวน้อยๆ กางเกงขายาวสีครีม
      ส่วนผมวันนี้แจมขอปล่อยสักวัน แล้วติดกิ๊ปสีดำไปข้างๆ เธอกล่าวลาแม่และรีบเดินทางไปที่โรงเรียน ทุกคนคอยอยู่แล้วดูเหมือนจะกระตือรือร้นเป็นพิเศษที่จะได้กินฟรี  
          “ มากันครบแล้วใช่ไหม งั้นรีบขึ้นรถกันเลย” พี่ต้นบอกพลางโบกมือให้ขึ้นไปบนรถ แจมเหลียวมองหาปกรณ์ ซึ่งเธอก็เห็นเขายิ้มทักทายมาให้ เธอก็ยิ้มตอบกลับไป แล้วจึงเดินขึ้นไปบนรถ เธอเห็นปกรณ์ได้ขึ้นไปบนรถอีกคัน

         ณ ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ที่ริมทะเลสาบในยามค่ำคืน พวกเขาตั้งแค้มป์กันที่ชายทะเล มีไฟส่องแสงอย่างเพียงพอ มีทั้งบาร์บีคิว ดินเนอร์ ขนมปังปิ้ง และอีกมากมาย รวมทั้งเสียงดนตรีต่างๆ แจมทานไปไม่นานก็รู้สึกอิ่มท้องจึงออกไปเดินเล่นที่ริมทะเล

         แจมเดินออกไปไกลจากพวกผู้คนที่กำลังสนุกสนาน เสียงเพลงนั้นดูจะเบาหูลงไปเรื่อยๆ จนเสียงนั้นลับไป คลื่นนั้นสาดมากระทบฝั่ง ฟังดูเหมือนเสียงเพลงเศร้าๆยิ่งนัก ริมทะเลนั้นดูจะยาวไกลออกไปสุดลูกหูลูกตา เธอนั่งลงช้าๆข้างๆริมทะเล มองขึ้นไปบนท้องฟ้า คืนที่พระจันทร์ช่างสุกสว่างยิ่งนัก เมฆสีครึ้มกระจายอยู่ทั่วๆท้องฟ้า ทำไมปกรณ์ถึงไม่บอกรักเราสักครั้ง เธอคิดอย่างเศร้าๆ ที่ผ่านๆมาเราก็ดูเหมือนว่าจะเป็นคนสนิทของเขา…ก็เท่านั้น มันจะมีอะไรบ้างไหม ที่จะทำให้คำว่ารักนั้นจะเข้ามาทดแทนคำว่าเพื่อนระหว่างเธอและปกรณ์    ในเวลาไม่นานเธอก็รู้ว่าเธอรักปกรณ์มากเพียงใด ความรู้สึกเก่าๆมันเปลี่ยนไปมาก จากเมื่อก่อนที่เคยทะเลาะกันอยู่เสมอกลับกลายมาเป็นเพื่อน จากเพื่อนและในที่สุดกลายมาเป็นความรัก ปกรณ์จะรักเราบ้างไหม เธอถามกับตัวเอง ระหว่างที่นั่งอยู่ในความเงียบนั้น

              “ แจม “ เสียงที่คุ้นหูดังขึ้นด้านหลัง ทำให้แจมสะดุ้งและหันกลับไปดู ปกรณ์น่ะเอง เธอยิ้มอย่างดีใจ “ มาแอบนั่งอยู่ตรงนี้คนเดียว ไม่เหงาเหรอ “เขาถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง และเริ่มนั่งลงข้างๆ แจมแทบอยากจะตอบกลับไปแทบขาดในว่า เหงาสิ ปกรณ์จะมาเติมเต็มความรู้สึกนี้ให้เราได้ไหม แต่เธอไม่ได้ตอบเช่นนั้นแน่นอน “ ก็นิดหน่อยนะ แต่ก็ชินแล้วล่ะอยู่อย่างนี้มาจนชิน “ แจมตอบพลางหันหน้าไปมองหน้าของปกรณ์ที่อยู่ในความมืดมิด แต่พระจันทร์ช่วยส่องแสงสว่างมาให้ทำให้เห็นหน้าของกันและกันได้ แต่ไม่ชัดเจนมากนัก
      “ แจม “ ปกรณ์พูดด้วยเสียงเบาๆ “ อะไรเหรอ” แจมถามกลับอย่างแปลกใจ
      “ แจมจะว่าอะไรไหมถ้าเราจะบอก” ปกรณ์ตอบเสียงแผ่วเบากว่าเคย ถึงตรงนี้แจมเริ่มรู้สึกวูบในใจ เขาจะบอกอะไรเรานะ เธอคิด “ ไม่หรอก บอกเรามาสิ “ เธอตอบ

                   “ เรา…เราเอ่อ” ปกรณ์เริ่มพูดด้วยเสียงสั่นๆ ส่วนแจมชักจะรู้สึกแปลกๆมากขึ้นทุกที “ เรารักแป้งเพื่อนแจมนะ “ ปกรณ์พูดเสียงสั้นๆเบาๆออกมา แต่เขาจะรู้ไหม ว่าใจของแจมนั้นแทบจะสลายไปด้วยคำพูดของคนๆเดียว เธอพูดไม่ออกแล้วรู้สึกว่าน้ำใสๆบางๆเริ่มเกาะบนตาของเธอมันเริ่มเอ่อไหลออกมา “ เราชอบแป้งมาตั้งนานแล้วนะ แต่เราไม่รู้จะบอกเธอยังไง “ เขาเอ่ย
              
                        ส่วนแจมหยดน้ำตาเหล่านั้นได้ไหลออกมาแต้มอยู่บนแก้มของเธอ เธอรู้สึกอย่างเดียวในตอนนั้น เสียใจอย่างที่สุดใจของเธอนั้นแทบจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ จนไม่คิดว่าเธอจะทำอย่างไรอีกต่อไปแล้ว น้ำตามันยิ่งไหลออกมาจนเธอกลั้นอารมณ์ไว้ไม่อยู่ เธอใช้มืออันอ่อนนุ่มของเธอปาดน้ำตาออกไปจากหน้าเธอ เธอคิดว่าเธออยากจะวิ่งออกไปให้ไกลที่สุด อยากจะไปที่ๆไม่มีคนอยู่ อยากอยู่คนเดียวเงียบๆ ตามลำพัง
                       “ แจม เป็นอะไรไป “ ปกรณ์ถามด้วยน้ำเสียงตกใจเมื่อเห็นแจมก้มหน้าซบลงระหว่างเข่าของเธอ แจมเงยหน้าขึ้นช้าๆโดยที่ยังไม่คงมองดูปกรณ์ “ แจม เธอร้องไห้เหรอเนี่ย “ ปกรณ์เอ่ยด้วยน้ำเสียงตกใจมาก เขาก้มหน้าไปใกล้ๆตัวเธอ แล้วใช้มือของเขาช่วยปาดน้ำตาของเธอให้ออกจากใบหน้า แจมจ้องมองดูปกรณ์ แล้วน้ำตาก็เริ่มไหลออกมาอีก จนเธอต้องก้มหน้าลงไปอีกครั้ง เธออายเสียจนเธอไม่อยากแม้แต่จะมองดูหน้าใคร “ แจม เงยหน้าขึ้นมาซิ “ เสียงนั้นเอ่ยขึ้น แจมเงยหน้าขึ้นมาตามที่เขาบอก ดอกกุหลาบสีแดงช่อใหญ่ ใหญ่จนบังหน้าคนถือไว้มิด เธอมองไปด้วยความตกใจ “ ผมขอโทษครับที่ทำให้ตกใจ “ เขาเริ่มพูดขึ้นและแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มที่ดูอบอุ่น “ ผมแค่อยากลองใจคุณเท่านั้น ผมไม่ได้รักแป้งเพื่อนคุณหรอกนะ “ เธอเอ่ยด้วยเสียงสำนึกผิดเล็กน้อย แจมมองหน้าเขาอย่างไม่น่าเชื่อ
                     “ รู้ไหมว่าผมรักใคร “เขาเอ่ยขึ้นเบาๆ  เธอสั่นหัวน้อยๆ เธออยากจะรู้คำตอบแทบขาดใจ “ ผม รักคุณครับ แจม” ปกรณ์พูดด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่นและมั่นคง น้ำใสๆหยดลงมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่ใช่หยดน้ำตาแบบเดิม แต่มันเป็นหยดน้ำตาแห่งความดีใจเป็นล้นพ้น เธอโผเข้าไปกอดปกรณ์อย่างมีความสุขส่วนปกรณ์นั้นตอนแรกดูตกใจอยู่นิดๆ แต่แล้วเขาก็ยิ้มออกมาอย่าอบอุ่นอีกครั้ง แจมคลายกอดออกมา และพูดด้วยเสียงที่มั่นคงเช่นเดียวกัน
                        
                        “ฉันก็รักคุณเช่นเดียวกันค่ะ” เธอพูดด้วยรอยยิ้มทั้งน้ำตา และปกรณ์ก็กอดแจมอีกครั้ง “ แจมน่ารักที่สุดเลยนะ ผมรักคุณตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็นเลยล่ะ “ เขาพูดด้วยน้ำเสียงดีใจ “ แต่ตอนนั้นมันไม่ค่อยสวยเท่าไหร่เลยนะ “ แจมพูดด้วยน้ำเสียงขำๆ “ เออ ใช่ผมลืมที่จะมอบดอกกุหลาบคุณอย่างเป็นทางการ” เขาเอ่ยขึ้นพลางเอื้อมมือไปหยิบดอกกุหลาบข้างๆตัวเขา เขาลุกขึ้นยืนและคุกเข่าลงพลางยิ้มน้อยๆ และเริ่มต้นพูดขึ้นว่า “ แด่คนพิเศษสำหรับผม วันนี้ผมขอมอบดอกกุหลาบแดง เน้นนะครับว่าสีแดง ดอกกุหลาบนี้เป็นดอกกุหลาบที่หายยากมาก ราคาแพง กุหลาบนี้ไม่มีวันแห้งเฉา มันเป็นสัญลักษณ์ของรักแท้ชั่วนิรันดร “ เขาพูดจบแล้วยิ้ม ส่วนแจมนั้นยังอึ้งด้วยความดีใจ “ และคำถามสุดท้าย…” เขานิ่งไปสักครู่

      “ เป็นแฟนกับผมนะครับ “ เขาถามเสียงสั่นๆ แต่มีความหมาย แจมนิ่งไปสักครู่และตอบพร้อมกับรอยยิ้มว่า “ค่ะ นายปกรณ์สุดแสบ” และทั้งสองคนก็หัวเราะร่วมกันอย่างมีความสุข


      You are my breath ,my live and my hearth
      คุณคือลมหายใจของฉัน ทั้งชีวิตและหัวใจ ฉันขอมอบให้คุณแต่เพียงผู้เดียว

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×