บทเรียนของการประชดและความเงียบ - บทเรียนของการประชดและความเงียบ นิยาย บทเรียนของการประชดและความเงียบ : Dek-D.com - Writer

    บทเรียนของการประชดและความเงียบ

    บางคนชอบที่จะประชดแฟน บางคนชอบที่จะแอบรักเขาแค่ข้างเดียว บอกคนไม่กล้าที่จะบอกความรู้สึกในใจ อยากให้คุณอ่านเรื่องนี้ คุณอาจจะเปลี่ยนความเชื่อเก่า ๆ ของคุณ

    ผู้เข้าชมรวม

    625

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    625

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักดราม่า
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  11 ม.ค. 47 / 18:19 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      “ไปล่ะครับป้า   หวัดดีครับ”   เสียงทุ้มนุ่มลึกของเก่งพูดกับป้าของตน

      “ไปดี-มาดีละกัน   แล้วน้องหญิงของเก่งล่ะ   เป็นไงบ้าง?”   ป้าศรีถาม

      “ก็เรื่อย ๆ ครับ”   เก่งตอบขณะผูกเชือกรองเท้า   “น้องเขาก็มีไมตรีตอบดี”

      “ถ้าเก่งรักเขาจริง ๆ    เก่งก็บอกเขาไปเหอะ…”   ป้าศรีบอกไปก็ถอนหายใจ

      เก่งเห็นดังนั้นจึงรีบถามว่า   “ทำไมล่ะครับ?”

      “ป้ากลัวว่าเก่งจะเหมือนเพื่อนรุ่นน้องของป้าน่ะสิ…”   ป้าศรีตอบ

      เก่งขมวดคิ้วและกระตือรือร้นที่จะรู้   “เกิดอะไรขึ้นหรอครับ?”

      ป้าศรีถามว่า   “อยากรู้จริง ๆ หรอ?”

      “จริงครับ”   เก่งแก้เชือกรองเท้าและมานั่งคุกเข่าข้าง ๆ ป้าของตน

      ป้าศรีถอนหายใจก่อนที่จะเล่าให้หลานฟังว่า   “ในสมัยป้าเป็นเด็ก   ป้ามีเพื่อนรุ่นน้องคนหนึ่งชื่อข้าว   เป็นคนที่หน้าตาสวย   ฐานะดี
        
      เรียบร้อย   เป็นที่หมายปองของเด็กชายทั่วไป   แต่ข้าวมอบหัวใจให้กับธรรมไปแล้ว   ธรรมเป็นเพื่อนของข้าวตั้งแต่อนุบาล

      พรหมลิขิตหรืออะไรก็ไม่รู้นะ   ดลบันดาลให้ข้าวกับธรรมอยู่โรงเรียนเดียวกันตลอด   เรื่อยไปจนถึงมหาลัย   เรื่อยไปจนถึงสถานที่ทำงาน

      แปลกไหมเก่ง?   ใครดูใครก็รู้ล่ะว่าข้าวและธรรมมีความรู้สึกดี ๆ ให้กัน   ธรรมเองก็เป็นคนที่ค่อนข้างสมบูรณ์แบบคนหนึ่งเชียวล่ะ  

      จนมีคนพูดกันว่า   ทั้ง 2 คนเหมาะสมกันอย่างกิ่งทองใบหยก…”

      “ก็ดีนี่ครับ   แล้วมีอะไรที่น่าเป็นห่วงหรอครับป้า?”   เก่งทำหน้าฉงนสงสัย

      “มันยุ่งตรงที่ว่า   ไม่มีใครเริ่มก่อนน่ะสิ”   ป้าศรีตอบหลาย

      “ยังไงครับ?”   เก่งยังไม่เข้าใจ

      “ถึงแม้ว่าธรรมจะรักข้าวมากเท่าไหร่   แต่ธรรมก็ไม่เคยบอกรักข้าวเลยสักครั้งเดียว   จริง ๆ แล้วทั้งคู่ดูก็รู้อยู่แก่ใจว่าคิดอย่างไรต่อกัน  

      แต่ไม่มีใครพูดบอกกันเลย…”   ป้าศรีตอบ

      “อ๋อ…”   เก่งชักจะเข้าใจ

      “จนกระทั่งมีหนุ่มคนนึง   ไม่รู้ชื่ออะไรป้าจำไม่ได้…   เกิดไปหลงรักข้าวขึ้นมา   ก็มองท่าทางของข้าวกับธรรมออกว่า 2 คนนี้รักกันอยู่…”  

      “แล้วเขาก็ช่วยเพื่อนของป้าหรอครับ?”   เก่งลองเดา

      “เปล่าเลยเก่ง   เขาชิงสู่ขอข้าวตัดหน้าธรรมต่างหาก…”   ป้าศรีเฉลย

      “อ่าว…   แย่เลยสิครับ”   เก่งมีสีหน้าจ๋อย ๆ

      ป้าศรีพยักหน้าก่อนจะพูดว่า   “พ่อกับแม่ของข้าวชอบไอ้คนนี้มาก   เชียร์ข้าวทุกวิธีทาง   ข้าวเองไม่นึกรักคน ๆ นี้เลย  

      แต่เมื่อเห็นว่าธรรมไม่มีวี่แววจะบอกรักตนเลย   จึงประชดโดยการรับรักของไอ้นั่นต่อหน้าธรรม…”

      “แย่เลย…”   เก่งมีสีหน้าเจ็บปวดราวกับว่าตนเองเป็นธรรม

      “พอข้าวแต่งงานมีบ้านมีเรือนเป็นที่เรียบร้อย   ไอ้นั่นก็ให้ข้าวลาออกไปอยู่บ้านเฉย ๆ    ส่วนธรรมก็ถูกพ่อแม่บังคับให้หาแฟน  

      ธรรมจึงจำใจแต่งกับเพื่อนในบริษัทคนหนึ่งซึ่งก็รู้อยู่แต่ใจดีว่าธรรมมีใจให้ใคร…”

      “ครับ…”   เก่งถอนหายใจเฮือกใหญ่  

      ป้าศรีเองก็ถอนหายใจอีกเฮือกหนึ่งซึ่งดังพอ ๆ กันกับหลายของตน   “10 ปีหลังจากข้าวแต่งงาน   ข้าวก็ตาย

      โดยไม่มีทายาทให้กับชายคนนั้น   พอข่าวที่ข้าวตายไปเข้าหูธรรม   1 เดือนให้หลังจากนั้นธรรมก็ตาย…   ก่อนธรรมตายได้พูดขึ้นมาว่า  

      ขอให้ได้เจอกับข้าวทุกชาติ”

      “เพื่อนป้ารักเดียวใจเดียวจังเลยนะครับ…”   เก่งพูด

      “ใช่เก่ง…   ที่แปลกก็คือ   ข้าวไม่เคยท้องกับไอ้หมอนั่นเลย   ส่วนเมียของธรรมก็ไม่เคยท้องเหมือนกัน”   ป้าศรีบอก

      “อืม…”   เก่งเต๊ะท่าคิด   “ผมว่าน้าข้าวเขาคงคิดว่า   ทั้งใจและกายของน้าข้าวยาให้อาธรรมหมดแล้วมั้งครับ   ก็เลยขัดขืนคนนั้นมาตลอด”

      ป้าศรีคิด ๆ ดูแล้วก็บอกเก่งว่า   “อาจจะเป็นไปได้…   แล้วทำไมเมียธรรมถึงไม่ท้องล่ะ?”

      “ข้อนี้…”   เก่งเต๊ะท่าคิดอีกครั้ง   “ผมว่าอาธรรมต้องไม่อยากทำแน่ ๆ เลยครับ   แล้วเขาก็เลยหาอะไรทำแทนเพื่อให้ลืม ๆ น้าข้าว  

      ผมเดาว่า   อาธรรมต้องทำงานหนักแบบหามรุ่งหามค่ำด้วยใช่มั๊ยครับ?”

      “เก่งรู้ได้ไงเนี่ยลูก?”   ป้าศรีมีท่าทางตกใจเล็กน้อย

      “ลางสังหรณ์บอกผมครับ”   เก่งตอบยิ้ม ๆ และเดินไปหยิบรองเท้า

      ป้าศรีถามอีกว่า   “ป้ายังสงสัยอีกข้อนะเก่ง”

      “ข้อไหนครับ”   เก่งพูดขณะที่ผูกเชือกรองเท้า”

      “ทั้ง ๆ ที่ธรรมเขาก็เป็นเด็กกิจกรรมที่เด่นคนหนึ่งของมหาลัย   การกล้าแสดงออกสำหรับเขาก็เป็นเรื่องธรรมดา  

      แต่ทำไมธรรมถึงไม่ยอมบอกรักข้าวล่ะ?”

      “ผมว่า…”   เก่งตอบในขณะที่ผูกเชือกรองเท้าอีกข้าง   “ในการที่ผมจะรักใครซักคนนะครับ   ผมก็หวังแค่ว่า  

      ผมจะได้มองเขาที่กำลังหัวเราะอย่างมีความสุขอยู่ห่าง ๆ    แค่นั้นพอครับ   ไม่หวังเลยว่าเขาจะรู้ไหมว่าผมทำให้เขาหัวเราะได้  

      ไม่หวังเลยว่าเราจะได้รักกัน…”

      “แต่ถ้าเขากับเก่งได้สมหวังกันก็ดีไม่ใช่หรอ?”   ป้าศรีถามงง ๆ

      “ครับ”   เก่งรับคำ   เขาเงยหน้าขึ้นและใส่หมวกแก๊บ   แล้วยืนขึ้นพูดกับป้าของตนว่า   “ถ้าผมเจ็บเพราะเขาไม่รัก  

      ผมก็จะเจ็บแค่ 4 ส่วนครับ   แต่ถ้าเขาเจ็บเพราะเหตุผลอะไรก็แล้วแต่   ผมจะเจ็บเต็ม 10 ส่วน   เพราะฉะนั้น”  

      เก่งพูดแล้วเปลี่ยนเป็นสีหน้าเศร้า ๆ    “การที่น้าข้าวประชดอาธรรมโดยการรับรักนั้นน่ะครับ   ผมว่ามันเป็นการทำให้อาธรรมเข้าใจผิดคิดว่า

      น้าข้าวรักคน ๆ นั้นจริง ๆ    อาธรรมก็เลยปล่อยให้น้าข้าวสมหวังกับคนที่เขารักไงครับ   เอาล่ะ…   ผมไปก่อนนะครับ  

      เดี๋ยวไปประชุมที่บริษัทสาย”  

      เก่งสะพายกระเป๋าโน้ตบุ๊กก่อนที่จะพูดกับป้าศรีเศร้า ๆ ว่า   “ตอนนี้ผมรู้แล้วล่ะครับว่าใจมนุษย์นั้นเดายาก   เขาอาจจะรักเราหรือไม่ก็ไม่รู้  

      ถ้าผมคิดอย่างไร   ผมจะรีบบอกเขาทันทีเลยครับ   เผื่อว่าจะคิดตรงกัน”   เก่งยกมือไหว้ป้าศรีก่อนที่จะเดินขึ้นมอเตอร์ไซด์ไปทำงาน
        
      ป้าศรียิ้มอย่างพอใจที่จะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนั้นซ้ำอีก   “จะว่าไป   เวลาเก่งเขาทำหน้าเศร้า ๆ เนี่ยหน้าเหมือนไอ้ธรรมเลยนะ”  

      ป้าศรีคิดเล่น ๆ    “ไม่แน่ธรรมอาจจะคิดอย่างที่เก่งคิดก็ได้…”  

      ป้าศรีคิดดังนี้ก็ชะงักนิดนึงก่อนที่จะรำพึงรำพันกับตัวเองว่า   “เก่งได้ความคิดแบบนี้มาจากไหนกัน?   จากลางสังหรณ์หรอ?  

      หรือว่าไอ้เก่งมัน…”   ป้าศรียิ่งคิดก็ยิ่งงง

      ที่บริษัทแห่งหนึ่งแห่งนั้น   เก่งวิ่งไปหาหญิงที่โต๊ะทำงาน   แล้วพูดกับหญิงว่า   “หญิง…   พี่มีเรื่องจะบอก…”

      หญิงเงยหน้าจากคีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์   ถามเก่งว่า   “มีอะไรหรอคะพี่เก่ง?”

      เก่งโน้มตัวลงกระซิบข้างหูของหญิงว่า   “พี่รักหญิงครับ”

      หญิงหน้าแดงซ่านไปด้วยความเขินอาย

      “จากลางสังหรณ์ของพี่…   พี่ไม่อยากให้อะไร ๆ ซ้ำรอยเดิมอีก”   เก่งบอกหญิง

      หญิงยิ้มอย่างมีเลสนัยก่อนพูดว่า   “ถ้าธรรมคิดได้อย่างนี้   ข้าวก็ดีใจ…”

      “อะไรนะ?”

      “เปล่านี่…”   หญิงกลบเกลื่อน   แต่เก่งรู้ดีว่าหญิงพูดว่าอะไร

      ทั้งคู่ยิ้มให้กันคล้ายกับจะสัญญาว่า   จะมีซึ่งกันและกันตลอดไป…   ทั้งชาติก่อน…   ชาตินี้…   และชาติหน้า…

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×