“ไปล่ะครับป้า  หวัดดีครับ”  เสียงทุ้มนุ่มลึกของเก่งพูดกับป้าของตน
“ไปดี-มาดีละกัน  แล้วน้องหญิงของเก่งล่ะ  เป็นไงบ้าง?”  ป้าศรีถาม
“ก็เรื่อย ๆ ครับ”  เก่งตอบขณะผูกเชือกรองเท้า  “น้องเขาก็มีไมตรีตอบดี”
“ถ้าเก่งรักเขาจริง ๆ    เก่งก็บอกเขาไปเหอะ
”  ป้าศรีบอกไปก็ถอนหายใจ
เก่งเห็นดังนั้นจึงรีบถามว่า  “ทำไมล่ะครับ?”
“ป้ากลัวว่าเก่งจะเหมือนเพื่อนรุ่นน้องของป้าน่ะสิ
”  ป้าศรีตอบ
เก่งขมวดคิ้วและกระตือรือร้นที่จะรู้  “เกิดอะไรขึ้นหรอครับ?”
ป้าศรีถามว่า  “อยากรู้จริง ๆ หรอ?”
“จริงครับ”  เก่งแก้เชือกรองเท้าและมานั่งคุกเข่าข้าง ๆ ป้าของตน
ป้าศรีถอนหายใจก่อนที่จะเล่าให้หลานฟังว่า  “ในสมัยป้าเป็นเด็ก  ป้ามีเพื่อนรุ่นน้องคนหนึ่งชื่อข้าว  เป็นคนที่หน้าตาสวย  ฐานะดี
 
เรียบร้อย  เป็นที่หมายปองของเด็กชายทั่วไป  แต่ข้าวมอบหัวใจให้กับธรรมไปแล้ว  ธรรมเป็นเพื่อนของข้าวตั้งแต่อนุบาล
พรหมลิขิตหรืออะไรก็ไม่รู้นะ  ดลบันดาลให้ข้าวกับธรรมอยู่โรงเรียนเดียวกันตลอด  เรื่อยไปจนถึงมหาลัย  เรื่อยไปจนถึงสถานที่ทำงาน
แปลกไหมเก่ง?  ใครดูใครก็รู้ล่ะว่าข้าวและธรรมมีความรู้สึกดี ๆ ให้กัน  ธรรมเองก็เป็นคนที่ค่อนข้างสมบูรณ์แบบคนหนึ่งเชียวล่ะ 
จนมีคนพูดกันว่า  ทั้ง 2 คนเหมาะสมกันอย่างกิ่งทองใบหยก
”
“ก็ดีนี่ครับ  แล้วมีอะไรที่น่าเป็นห่วงหรอครับป้า?”  เก่งทำหน้าฉงนสงสัย
“มันยุ่งตรงที่ว่า  ไม่มีใครเริ่มก่อนน่ะสิ”  ป้าศรีตอบหลาย
“ยังไงครับ?”  เก่งยังไม่เข้าใจ
“ถึงแม้ว่าธรรมจะรักข้าวมากเท่าไหร่  แต่ธรรมก็ไม่เคยบอกรักข้าวเลยสักครั้งเดียว  จริง ๆ แล้วทั้งคู่ดูก็รู้อยู่แก่ใจว่าคิดอย่างไรต่อกัน 
แต่ไม่มีใครพูดบอกกันเลย
”  ป้าศรีตอบ
“อ๋อ
”  เก่งชักจะเข้าใจ
“จนกระทั่งมีหนุ่มคนนึง  ไม่รู้ชื่ออะไรป้าจำไม่ได้
  เกิดไปหลงรักข้าวขึ้นมา  ก็มองท่าทางของข้าวกับธรรมออกว่า 2 คนนี้รักกันอยู่
” 
“แล้วเขาก็ช่วยเพื่อนของป้าหรอครับ?”  เก่งลองเดา
“เปล่าเลยเก่ง  เขาชิงสู่ขอข้าวตัดหน้าธรรมต่างหาก
”  ป้าศรีเฉลย
“อ่าว
  แย่เลยสิครับ”  เก่งมีสีหน้าจ๋อย ๆ
ป้าศรีพยักหน้าก่อนจะพูดว่า  “พ่อกับแม่ของข้าวชอบไอ้คนนี้มาก  เชียร์ข้าวทุกวิธีทาง  ข้าวเองไม่นึกรักคน ๆ นี้เลย 
แต่เมื่อเห็นว่าธรรมไม่มีวี่แววจะบอกรักตนเลย  จึงประชดโดยการรับรักของไอ้นั่นต่อหน้าธรรม
”
“แย่เลย
”  เก่งมีสีหน้าเจ็บปวดราวกับว่าตนเองเป็นธรรม
“พอข้าวแต่งงานมีบ้านมีเรือนเป็นที่เรียบร้อย  ไอ้นั่นก็ให้ข้าวลาออกไปอยู่บ้านเฉย ๆ    ส่วนธรรมก็ถูกพ่อแม่บังคับให้หาแฟน 
ธรรมจึงจำใจแต่งกับเพื่อนในบริษัทคนหนึ่งซึ่งก็รู้อยู่แต่ใจดีว่าธรรมมีใจให้ใคร
”
“ครับ
”  เก่งถอนหายใจเฮือกใหญ่ 
ป้าศรีเองก็ถอนหายใจอีกเฮือกหนึ่งซึ่งดังพอ ๆ กันกับหลายของตน  “10 ปีหลังจากข้าวแต่งงาน  ข้าวก็ตาย
โดยไม่มีทายาทให้กับชายคนนั้น  พอข่าวที่ข้าวตายไปเข้าหูธรรม  1 เดือนให้หลังจากนั้นธรรมก็ตาย
  ก่อนธรรมตายได้พูดขึ้นมาว่า 
ขอให้ได้เจอกับข้าวทุกชาติ”
“เพื่อนป้ารักเดียวใจเดียวจังเลยนะครับ
”  เก่งพูด
“ใช่เก่ง
  ที่แปลกก็คือ  ข้าวไม่เคยท้องกับไอ้หมอนั่นเลย  ส่วนเมียของธรรมก็ไม่เคยท้องเหมือนกัน”  ป้าศรีบอก
“อืม
”  เก่งเต๊ะท่าคิด  “ผมว่าน้าข้าวเขาคงคิดว่า  ทั้งใจและกายของน้าข้าวยาให้อาธรรมหมดแล้วมั้งครับ  ก็เลยขัดขืนคนนั้นมาตลอด”
ป้าศรีคิด ๆ ดูแล้วก็บอกเก่งว่า  “อาจจะเป็นไปได้
  แล้วทำไมเมียธรรมถึงไม่ท้องล่ะ?”
“ข้อนี้
”  เก่งเต๊ะท่าคิดอีกครั้ง  “ผมว่าอาธรรมต้องไม่อยากทำแน่ ๆ เลยครับ  แล้วเขาก็เลยหาอะไรทำแทนเพื่อให้ลืม ๆ น้าข้าว 
ผมเดาว่า  อาธรรมต้องทำงานหนักแบบหามรุ่งหามค่ำด้วยใช่มั๊ยครับ?”
“เก่งรู้ได้ไงเนี่ยลูก?”  ป้าศรีมีท่าทางตกใจเล็กน้อย
“ลางสังหรณ์บอกผมครับ”  เก่งตอบยิ้ม ๆ และเดินไปหยิบรองเท้า
ป้าศรีถามอีกว่า  “ป้ายังสงสัยอีกข้อนะเก่ง”
“ข้อไหนครับ”  เก่งพูดขณะที่ผูกเชือกรองเท้า”
“ทั้ง ๆ ที่ธรรมเขาก็เป็นเด็กกิจกรรมที่เด่นคนหนึ่งของมหาลัย  การกล้าแสดงออกสำหรับเขาก็เป็นเรื่องธรรมดา 
แต่ทำไมธรรมถึงไม่ยอมบอกรักข้าวล่ะ?”
“ผมว่า
”  เก่งตอบในขณะที่ผูกเชือกรองเท้าอีกข้าง  “ในการที่ผมจะรักใครซักคนนะครับ  ผมก็หวังแค่ว่า 
ผมจะได้มองเขาที่กำลังหัวเราะอย่างมีความสุขอยู่ห่าง ๆ    แค่นั้นพอครับ  ไม่หวังเลยว่าเขาจะรู้ไหมว่าผมทำให้เขาหัวเราะได้ 
ไม่หวังเลยว่าเราจะได้รักกัน
”
“แต่ถ้าเขากับเก่งได้สมหวังกันก็ดีไม่ใช่หรอ?”  ป้าศรีถามงง ๆ
“ครับ”  เก่งรับคำ  เขาเงยหน้าขึ้นและใส่หมวกแก๊บ  แล้วยืนขึ้นพูดกับป้าของตนว่า  “ถ้าผมเจ็บเพราะเขาไม่รัก 
ผมก็จะเจ็บแค่ 4 ส่วนครับ  แต่ถ้าเขาเจ็บเพราะเหตุผลอะไรก็แล้วแต่  ผมจะเจ็บเต็ม 10 ส่วน  เพราะฉะนั้น” 
เก่งพูดแล้วเปลี่ยนเป็นสีหน้าเศร้า ๆ    “การที่น้าข้าวประชดอาธรรมโดยการรับรักนั้นน่ะครับ  ผมว่ามันเป็นการทำให้อาธรรมเข้าใจผิดคิดว่า
น้าข้าวรักคน ๆ นั้นจริง ๆ    อาธรรมก็เลยปล่อยให้น้าข้าวสมหวังกับคนที่เขารักไงครับ  เอาล่ะ
  ผมไปก่อนนะครับ 
เดี๋ยวไปประชุมที่บริษัทสาย” 
เก่งสะพายกระเป๋าโน้ตบุ๊กก่อนที่จะพูดกับป้าศรีเศร้า ๆ ว่า  “ตอนนี้ผมรู้แล้วล่ะครับว่าใจมนุษย์นั้นเดายาก  เขาอาจจะรักเราหรือไม่ก็ไม่รู้ 
ถ้าผมคิดอย่างไร  ผมจะรีบบอกเขาทันทีเลยครับ  เผื่อว่าจะคิดตรงกัน”  เก่งยกมือไหว้ป้าศรีก่อนที่จะเดินขึ้นมอเตอร์ไซด์ไปทำงาน
 
ป้าศรียิ้มอย่างพอใจที่จะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนั้นซ้ำอีก  “จะว่าไป  เวลาเก่งเขาทำหน้าเศร้า ๆ เนี่ยหน้าเหมือนไอ้ธรรมเลยนะ” 
ป้าศรีคิดเล่น ๆ    “ไม่แน่ธรรมอาจจะคิดอย่างที่เก่งคิดก็ได้
” 
ป้าศรีคิดดังนี้ก็ชะงักนิดนึงก่อนที่จะรำพึงรำพันกับตัวเองว่า  “เก่งได้ความคิดแบบนี้มาจากไหนกัน?  จากลางสังหรณ์หรอ? 
หรือว่าไอ้เก่งมัน
”  ป้าศรียิ่งคิดก็ยิ่งงง
ที่บริษัทแห่งหนึ่งแห่งนั้น  เก่งวิ่งไปหาหญิงที่โต๊ะทำงาน  แล้วพูดกับหญิงว่า  “หญิง
  พี่มีเรื่องจะบอก
”
หญิงเงยหน้าจากคีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์  ถามเก่งว่า  “มีอะไรหรอคะพี่เก่ง?”
เก่งโน้มตัวลงกระซิบข้างหูของหญิงว่า  “พี่รักหญิงครับ”
หญิงหน้าแดงซ่านไปด้วยความเขินอาย
“จากลางสังหรณ์ของพี่
  พี่ไม่อยากให้อะไร ๆ ซ้ำรอยเดิมอีก”  เก่งบอกหญิง
หญิงยิ้มอย่างมีเลสนัยก่อนพูดว่า  “ถ้าธรรมคิดได้อย่างนี้  ข้าวก็ดีใจ
”
“อะไรนะ?”
“เปล่านี่
”  หญิงกลบเกลื่อน  แต่เก่งรู้ดีว่าหญิงพูดว่าอะไร
ทั้งคู่ยิ้มให้กันคล้ายกับจะสัญญาว่า  จะมีซึ่งกันและกันตลอดไป
  ทั้งชาติก่อน
  ชาตินี้
  และชาติหน้า
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น