THE SHADOW - THE SHADOW นิยาย THE SHADOW : Dek-D.com - Writer

    THE SHADOW

    โรงเรียน BRENTWOOD กับนักเรียนใหม่ และอะไรจะเกิดขี้นกับชะตาชีวิตเด็กทั้ง 6 คน

    ผู้เข้าชมรวม

    720

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    720

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  สืบสวน
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  10 ม.ค. 47 / 23:01 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      CHAPTER 1
                                                                                                                            นักเรียนใหม่
          
          17 มกราคม , 7.45 น.
          เช้าวันนี้อากาศสดใสเป็นพิเศษ วันเปิดเทอมที่ทุกคนรอคอยมานานหลายเดือนก็มาถึง ณ Brentwood School นักเรียนชั้น เกรด 11 ห้อง K กำลังคุยกันอย่างเมามัน เสียงจอแจดังไปทั่วทั้งห้อง เด็กนักเรียนบางคนกำลังขว้างปาเศษกระดาษข้ามหัวกันไปมาอย่างสนุกสนาน บางคนก็กินขนม  - - “ เฮ้ ! พวก เป็นไงมั่ง ” “ ต๊าย ! หล่อน สูงขั้นนะยะ ” เสียงจอแจยังคงดังอย่างต่อเนื่องราวกับตลาดสด - - ทันใดนั้น ! กริ๊ง…..กริ๊ง เสียงออดเข้าเรียนดังขึ้น มิสมอลลี่ อาจารย์สาวสวมแว่นตาในชุดสีฟ้าสดใส อาจารย์ประจำชั้นผู้ตรงต่อเวลา ในมือของหล่อนถือหนังสือสองสามเล่มเดินตรงรี่เข้าไปในห้องทันที พร้อมด้วยเด็กนักเรียนใหม่อีกสองคนที่เดินตามหลังมาติดๆ
          “ หยุด ! หยุด ! ชั้นบอกให้หยุดกันได้แล้ว ” มิสมอลลี่ตะโกนเสียงดัง จนหล่อนเริ่มรู้สึกตัวว่า เด็กทุกคนกำลังจ้องมองเธออย่างอ้ำอึ้ง เธอจึงรีบเปลี่ยนบุคลิกจากแม่มดใจร้ายมาเป็นนางฟ้าแสนสวยผู้ใจดี
          “ วันนี้ เปิดเทอมวันแรก ขอต้อนรับทุกคนที่กลับมาเรียนกันอีกครั้ง หวังว่าคงจะสนุกกับช่วงปิดเทอมที่ผ่านมากันทุกคนนะจ๊ะ เทอมนี้ พวกเธอจะมีเพื่อนมาเรียนด้วยอีกสองคน ทั้งคู่เป็นนักเรียนทุน ” มิสมอลลี่เกริ่นเรียกความสนใจ
          “ เอาล่ะ แนะนำตัวกับเพื่อนๆสิจ๊ะ ”
          “ หวัดดีฮะ ผม แดเนียล ร็อบสัน มาจากโตรอนโต ”  เด็กหนุ่มผมบลอนด์แนะนำตัวอย่างเขินๆ
          “ แมรี สเวนเนอร์ ยินดีที่ได้รู้จักจ้ะ ”  เด็กสาวแนะนำตัวเช่นกัน
          “ เข้าไปนั่งได้เลยจ้ะทั้งสองคน ”  มิสมอลลี่พูดพร้อมกับบอกทุกคนในห้องให้เปิดหนังสือเรียนวิชาประวัติศาสตร์อุตสาหกรรมในอเมริกา
          อันที่จริงมิสมอลลี่เป็นอาจารย์ที่ใจดีคนหนึ่ง แต่ด้วยความมุ่งมั่นผสมผสานกับจรรยาบรรณของความเป็นครูเข้าสิง ทำให้เธอดูเคร่งครัดและจุกจิกไปหน่อย จึงไม่น่าแปลกใจเลย ที่เธอยังคงได้รับคัดเลือกให้ครองตำแหน่งอาจารย์ดีเด่น 2 ปีซ้อนแบบไม่มีพลิกโผ และเธอก็ยังคงเป็นอาจารย์ที่นักเรียนโปรดปรานมากที่สุดจากการสำรวจ
          แดนเลือกนั่งที่ริมหน้าต่าง ส่วนแมรีนั่งกับเด็กสาวคนหนึ่งที่หลังห้อง
          “ พอล สมิธเทอร์ ”  เด็กหนุ่มใส่แว่นแนะนำตัวเองและสัมผัสมือกับแดน
          “ ไฮ พอล ”  แดนพูดด้วยความเป็นมิตร สายตาของเขาเหลือบมองไปทางหลังห้อง แมรีก็กำลังทำเช่นเดียวกันกับเขา
          “ รู้แล้วล่ะย่ะ ชื่อเธอน่ะ ชั้น เรเน่ มาร์ติน เชียร์หรีดเดอร์ที่สวยที่สุดในโรงเรียนนี้ ” สาวผู้รักความงามพูดกับแมรี เชิงทักทายแกมอิจฉาในความสวย
          - - ในขณะที่มิสมอลลี่ กำลังสอนเรื่องบุคคลผู้มีบทบาททางอุตสาหกรรม เด็กหนุ่มขาโจ๋ประจำห้องก็เริ่มก่อกวน
          “ เฮ้ ! เฮ้ ! พวก ดูที่ริมที่ริมหน้าต่างดิวะ ไอ้แว่นสองคนกำลังสุมหัวกันเคร่งเครียดใหญ่เลยว่ะ ฮ่ะ..ฮ่ะ..ฮ่ะ ”
          “ นายเงียบแล้วก็หุบปากไปเลยนะเฟร็ด ไม่ใช่เรื่องของนาย อย่ามายุ่ง ” พอลผู้เรียนเก่งที่สุดในห้อง พยายามพูดอย่างสุภาพที่สุดในขณะที่อารมณ์โกรธปะทุขึ้นหน้า
          “ มิสเตอร์ เคนท์ เกรงใจและสุภาพด้วย ” มิสมอลลี่เตือนเขา
          “ เธออยากได้เกรดเอฟใช่ไหม ” เฟร็ดถึงกับหน้าถอดสี ในขณะที่พอลยิ้มกว้างอย่างผู้ชนะ
          “ เป็นไงล่ะ บอกแล้วว่าอย่าไปยุ่งกะพวกนั้น ” ซูซาน คาพริสกี้ แฟนสาวของเฟร็ด ผู้ครองตำแหน่งหัวหน้าห้องพูดกับเขาด้วยความหวังดี
          อันที่จริงตำแหน่งหัวหน้าห้องของซู อาจไม่มีทางเป็นไปได้ ถ้าเฟร็ดไม่ข่มขู่เพื่อนๆทุกคนในห้อง
          ตอนพักกลางวัน หลังจากที่พอลกับแดน รวมทั้งแมรีและเรเน่ไปนั่งกินอาหารที่ Brenwood Canteen แล้ว พอลก็นึกอะไรขึ้นมาได้
          “ เอ้อ ! จริงสิ แดนกับแมรีมาเรียนวันแรก คงยังเดินดูรอบๆโรงเรียนไม่ทั่วใช่ไหม ”
          “ พูดว่ายังไม่ได้ดูเลยจะดีกว่ามั้ง ”
          “ งั้นดีล่ะ ชั้นขอเป็นไกด์เองนะจ๊ะ ” เรเน่เสนอตัวทั้งๆที่ยังไม่มีใครขอร้อง แต่ทุกคนก็ไม่มีใครขัดข้อง (ทั้งที่ใจจริงอยากจะระเบิดคำว่าไม่ต้องออกมา )
          ที่หน้าประตูทางเข้าของโรงเรียนเป็นจุดเริ่มต้นของเรเน่  และเพื่อนๆอีก 3 คน
          “ ด้านซ้ายก็คือ ตึกที่เราเรียนกันเมื่อเช้านี้ ส่วนด้านขวาก็คือตึกเรียนอีกตึกหนึ่ง แต่ด้านขวาเนี่ย หรูหราอลังการกว่าตึกทางซ้ายเยอะเลยล่ะ ” เรเน่เริ่มปฏิบัติการไกด์จำเป็น ( หรือเปล่า )  พลางเดินชี้โน่นชี้นี่ตามความพอใจ
          “ เก็บขยะบนพื้นด้วยค่ะ ”  เรเน่สั่งรุ่นน้องเกรด 8 คนหนึ่งที่เดินสวนทางมา ราวกับเป็นนักอนุรักษ์ตัวยง
          Brentwood School เป็นโรงเรียนขนาดกลางที่การเรียนการสอนทันสมัยผิดหูผิดตากว่าโรงเรียนอื่นๆในย่านเดียวกัน ตึกด้านซ้ายเป็นตึกเรียนภาคทฤษฎี ตึกนี้เป็นตึกใหญ่สองตึกเชื่อมต่อกัน ส่วนตึกด้านขวาที่เรเน่อวดว่าหรูหรา ก็คือตึกเรียนภาคปฏิบัติ ที่นี่มีทั้งห้องปฏิบัติการทางภาษา ห้องทดลองวิทยาศาสตร์แขนงต่างๆ โรงยิมสำหรับเรียนพละก็อยู่ที่ตึกนี้  รวมทั้งสระว่ายน้ำ และห้องยิมนาสติก ตึกนี้จึงไม่ต่างอะไรจากฟิตเนสโรงแรมระดับห้าดาว ตรงกลางของโรงเรียนเป็นสนามหญ้า มีมุมนั่งเล่นใต้ร่มเงาเป็นจุดๆ สัญลักษณ์ของโรงเรียน คือดวงอาทิตย์ ถูกสร้างไว้อย่างเด่นสง่าอยู่กลางสนามพอดิบพอดี ด้านหลังสัญลักษณ์เป็นตึกอำนวยการ ห้องผู้อำนวยการและห้องทำงานบริหารสำคัญๆ อยู่ที่ตึกนี้ รวมทั้งห้องสมุดขนาดใหญ่ที่พอลภูมิใจเป็นพิเศษ
          การเรียนที่ Brentwood ของเกรด 11 มีวิชาให้เรียนมากถึง 16 วิชา แต่ละวันตารางเรียนแน่นเอี้ยด ฉะนั้นจึงมีรางวัลเอาไว้ล่อใจนักเรียน ซึ่งนั่นก็คือ การเข้ามหาวิทยาลัยโดยไม่ต้องสอบ กฎเกณฑ์ก็ไม่มีอะไรมาก แค่นักเรียนที่จบเกรด 12 ด้วยคะแนนเฉลี่ยสูงสุดของระดับ และทำคะแนนวิชาในสาขาที่เลือกได้ไม่น้อยกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ ก็ถือว่าได้เดินก้าวไปในมหาวิทยาลัยอย่างเต็มตัว เรื่องนี้ดูจะไม่เป็นปัญหาอะไรมากมายสำหรับพอล เพราะเขามีคะแนนสูงสุดของเกรด 11 ในตอนนี้ ในขณะที่เรเน่ดูอาการน่าเป็นห่วงมากกว่าคนอื่น เพราะเธอต้องซ้อมเชียร์เป็นประจำ ทำให้ไม่ค่อยมีเวลาอ่านหนังสือ และอันดับของเธอก็อยู่อันดับที่ร้อยกว่าของนักเรียนทั้งระดับ  แต่เธอก็ถือว่าว่ายังมีผลงานที่ดีกว่านักเรียนบางคน ซึ่งนั่นก็คือ เฟร็ดนั่นเอง
          เมื่อหมดคาบเรียนคาบสุดท้าย พอลกับแดนอยู่ที่ห้องสมุด ตอนนี้พวกเขาเพิ่งได้งานชิ้นใหญ่มาหมาดๆจากมิสมอลลี่ ขณะเดียวกัน แมรีกับเรเน่ก็เดินเข้ามา
          “ ขอนั่งด้วยคนนะ โต๊ะอื่นเต็มหมดแล้วน่ะ ”  
          “ อืมม… ” แดนพูดในขณะที่เขากำลังก้มหน้าก้มตาหาข้อมูลในหนังสือกองโตอย่างเคร่งเครียด
          ระหว่างที่ทุกคนกำลังหาข้อมูลกับอย่างหน้าดำคร่ำเคร่ง พอลเหลือบหางตาขึ้นมามองเรเน่อย่างประหลาดใจ เพราะเธอไม่มีวี่แววว่าจะค้นหาข้อมูลมาทำรายงานเลย ทั้งๆที่ตรงหน้าเธอก็มีหนังสืออยู่สองสามกอง แต่เธอกลับนั่งซับหน้า ทาลิปสติกแทน
          “ ไม่ทำรายงานเหรอไง เร ส่งพฤหัสนี้แล้วนะ ” พอลถาม
          “ อีกเดี๋ยวก็ได้ ชั้นขอแต่งหน้าก่อน ที่อื่นมันร้อนน่ะ หน้ามันหมด อีกอย่างนะ ชั้นก็ต้องไปซ้อมเชียร์ตอน 5 โมงด้วย ” เรเน่บอกกับพอลด้วยน้ำเสียงปลาบปลื้ม เพราะเธอคิดว่าพอลเล็งเห็นความงามของเธอ ทั้งที่จริงๆแล้วกลับตรงกันข้ามอย่างแรง
          อันที่จริงเรเน่ก็ไม่ใช่คนสวยอะไรมากมาย เมื่อเทียบกับแมรีแล้ว แมรีเป็นต่ออยู่หลายขุม ณ เวลานี้ เธอจึงต้องอาศัยการแต่งหน้าเข้าช่วย เพื่อปกปิดรอยด่างดำบนใบหน้า เพราะหล่อนเริ่มสังเกตเห็นว่า หนุ่มๆเริ่มสนใจ
      แมรีมากกว่าเธอ แท้ที่จริงแล้วเธอหารู้ไม่ว่า หนุ่มๆพวกนั้นรังเกียจเธอมากกว่าจะชอบด้วยซ้ำ
          “ นี่ ! โต๊ะนี้มีใครเห็นสุดที่รักของชั้นบ้าง ”  ซูซานเอามือท้าวโต๊ะราวกับว่าเธอเป็นเจ้าของห้องสมุด
          “ ไอ้เฟร็ดขี้โอ่นะเหรอ เธอไม่น่าจะถามเลยนะ มันก็ต้องอยู่ในห้องน้ำหลังโรงเรียนน่ะสิ  ” พอลตอบกลับไปอย่างเซ็งๆ เมื่อได้ยินชื่อเฟร็ดราวกับได้ยินชื่อปีศาจ
          “ ขอบคุณ ! ” ซูซานทิ้งสายตาค้อนๆอย่างไม่สบอารมณ์ให้ทั้งสี่ก่อนเดินออกไป
          “ เฟร็ดไปทำอะไรที่หลังโรงเรียน ” แดนกับแมรีใจตรงกันโดยไม่ได้นัดหมาย
          “ พวกเธอคงไม่รู้สินะว่า เฟร็ดน่ะ ขายยาเสพติดในโรงเรียน ”  เรเน่ตอบคำถามนี้แทนพอลซึ่งตอนนี้มีดินสอคาบอยู่ที่ปาก
          “ ที่จริงอ่ะนะ ชั้นก็ไม่รู้อะไรมากหรอก รู้แค่ว่าเฟร็ดทำมันมาจากบ้าน ใส่อะไรมั่งก็ไม่รู้ แต่ชั้นได้ยินมาว่าพวกนั้นเรียกมันว่าอะไรน้า…..อ๋อ แคปส์ ”  เรเน่พูดสาธยายความต่อ ทั้งๆที่เธอบอกว่าไม่รู้อะไรมากเลย
          “ เหยียบเอาไว้เลยนะพวกเธอ เดี๋ยวซวยกันหมด ” เรเน่เริ่มระแวง เธอเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า ไม่ควรเล่าเรื่องนี้
          “ เอาล่ะ กลับกันเถอะ ห้องสมุดจะปิดแล้ว ” พอลเตือนให้ทุกคนดูเวลา
          ในมือทั้งสามคน มีข้อมูลรายงานมากมายจนถือแทบจะไม่หมด ยกเว้นเรเน่ ที่มีแค่สมุดบางๆสองเล่ม กับกระเป๋าเครื่องสำอางเดินตัวปลิว
          “ ชั้นว่านะ ยัยซูซานคงคลั่งตายไปแล้วมั้ง ป่านเนี้ย เดินตามจนขวาขวิดก็ไม่เจอ ” เรเน่เริ่มนินทาลับหลัง
          “ แต่เราว่า คนที่น่าจะคลั่งน่ะ คือเธอมากกว่านะ ”
          “ ชั้นเกี่ยวอะไรด้วยล่ะจ๊ะ แดนสุดหล่อ ”
          “ ก็เธอจะต้องร้องกรี๊ดๆ เมื่อถึงวันที่ส่งรายงานมิสมอลลี่ไง เธอส่งกระดาษเปล่า มิสมอลลี่ส่งเอฟมาก็เท่านั้น ” พอลตอบแทนแดนกับแมรีที่ยืนยิ้มอยู่ข้างหลัง
          “ เดี๋ยวเถอะ ! ”  เรเน่ค้อนตาขาว
          “ เลิกงอนเถอะจ้ะ พอลเค้าว่าเค้าล้อเล่นน่ะ ” แมรีแก้ต่างให้
          “ ชั้นไม่คิดมากหรอกย่ะ ” หล่อนพูดทั้งๆที่สายตาฟ้องว่ามันไม่ใช่
          ระหว่างที่ทุกคนกำลังเดินลงมาที่ชั้นสอง ทั้งสี่ก็ได้ยินเสียงดังจากห้องเก็บของ
          “ กรี๊ดดดดดดดดดดด…. ช่วยดว….” เสียงนั้นค่อยๆจางหายไป
          “ มีอะไรในนั้นน่ะ ” เรเน่ส่อแววอยากรู้อยากเห็น ทั้งๆที่เธอขี้ขลาดที่สุดในกลุ่ม
          “ คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง ”
          “ ยัยซูซานคงอยากแก้แค้นพวกเราจนตัวสั่นมากกว่า ” พอลพูดตัดบทก่อนที่ความกลัวจะมาเยือน…

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×