ฉัน เขา กับเรื่องราวของความรัก - ฉัน เขา กับเรื่องราวของความรัก นิยาย ฉัน เขา กับเรื่องราวของความรัก : Dek-D.com - Writer

    ฉัน เขา กับเรื่องราวของความรัก

    ฉันต้องหยุดรำลึกถึงความหลังไว้แค่นั้น เมื่อพระอาทิตย์เริ่มจะลับขอบฟ้า

    ผู้เข้าชมรวม

    559

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    5

    ผู้เข้าชมรวม


    559

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  นิยายวาย
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  6 ม.ค. 47 / 17:43 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      ฉันนั่งทอดสายตามองดูเกลียวคลื่นสาดซัดเข้าสู่ชายฝั่งพลางคิดอะไรเรื่อยเปื่อยภายใต้ร่มไม้สีเขียวขจี   สายลมช่วยพัดพาความชุ่มชื่นมาสู่หัวใจ  กลิ่นไอทะเลโชยเข้าจมูก  ทำให้รู้สึกผ่อนคลายความเหนื่อยล้าจากการเดินทางได้เป็นอย่างดี

      เกาะพยาม    สวรรค์ของฉันแห่งนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง    ทะเลก็ยังเป็นทะเลผืนเดิม  หาดทรายสีดำและหาดทรายสีแดงก็ยังคงไม่เปลี่ยนสี  ความงดงามนั้นยังมั่นคงอยู่คู่เกาะพยามไม่ต่างไปจากปีที่ผ่านมาแม้สักนิด

      นี่แหละ  ที่นี่ประเทศไทย

      บางคนยอมเสียเงินเพื่อที่จะไปท่องเที่ยวต่างประเทศ   ทั้ง ๆ ที่ในเมืองไทยนั้นยังมีสถานที่สวยงามอีกมากมายรอให้ไปเยือน มีผู้คนอีกจำนวนมากที่ยังไม่ทราบว่าในบ้านเมืองเรานั้นยังมีสิ่งแปลกใหม่ ให้ชื่นชม    จึงพากันทำตามค่านิยมเพราะคิดว่าในเมืองไทยนั้นไม่มีอะไรน่าสนใจ

                                                                               ********

      ชายหญิงสามสี่คนต่างหยอกล้อกันอย่างสนุกสนานริมหาด  โดยมิได้รู้สึกเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางแม้แต่อย่างใด  หนึ่งในนั้น   พี่ต้น  ชายหนุ่มที่ฉันหลงรักมาตลอด  บุคลิกร่าเริงปนตลก  และแววตาแฝงความอบอุ่นนั้น  ที่ฉันมองกี่ครั้งก็ไม่รู้สึกเบื่อ

      ฉันพบพี่ต้นครั้งแรกตอนเรียนอยู่มหาวิทยาลัยฯ  ความหล่อเหลานั้นสะดุดใจฉันยิ่งนัก  ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาฉันก็แอบมองเขามาตลอดโดยมิกล้าเข้าไปพูดคุย สาเหตุก็เพราะว่าพี่ต้นเป็นคนหน้าตาดี  มีสาว ๆ   มากหน้าหลายตามาติดพันมากมาย  ทำให้ฉันรู้สึกกลัว  กลัวว่าจะไม่ได้รับไมตรีจิตตอบ    แต่พี่ต้นก็ไม่เคยสนใจสาวคนใหนเป็นพิเศษ   ตัวฉันเองก็ใช่ย่อยซะเมื่อไหร่  มีคนมาชอบฉันมากมาย  แต่ตอนนี้ฉันก็ไม่อยากสนใจใคร   เพราะฉันมีคนที่หมายปองคือพี่ต้นของฉันอยู่แล้ว

      บางครั้งฉันก็อดคิดตามเพื่อน ๆ  ของพี่ต้นไม่ได้  ที่พวกเขาต่างแซวกันเล่น ๆ ว่าพี่ต้นเป็นเกย์   ถึงไม่ยอมมีแฟนกับเขาเสียที

      เป็นความบังเอิญที่เพื่อนของฉันรู้จักกับพี่ต้น  เราเลยได้มีโอกาสพูดคุยกัน  จวบจนเวลาผ่านไปสองปี  ฉันจบออกมาจนทำงานทำการ  ฉันก็ยังไม่ได้แอ้มพี่ต้น  อย่าเพิ่งเข้าใจผิดคิดว่าฉันเป็นคนแก่แดดไปซะก่อน  ฉันหมายความว่ายังไม่ได้ครอบครองเป็นแฟนต่างหาก  แต่สิ่งที่ทำให้ฉันปวดใจมากที่สุดก็คือ  สาวข้างกายคนนั้น   จะเป็นแฟนของพี่ต้นหรือเปล่าฉันก็ไม่ทราบ  แต่ฉันเห็นพี่ต้นสนิทสนมกับสาวคนนี้เป็นพิเศษ   แต่ไม่ว่าอย่างไร     ฉันก็ยังคงเฝ้ารอ   ด้วยหวังว่าพี่ต้นคงจะเห็นใจและยอมคบกับฉันในสักวัน

      เพี๊ยะ!   ฉันสะดุ้งเมื่อมือนุ่ม ๆ  ตบมาที่หัวไหล่ของฉัน

      “ติ๊ก   มานั่งทำอะไรอยู่ที่นี่   เพื่อน  ๆ   เขาตามหาอยู่”    พี่ต้นทำเสียงอ่อนหวานใส่ฉัน   ดูสิ  มีคนรู้ใจแล้วยังจะมาทำดีกับฉันอยู่อีก

      “ทำไมหยอกกันแรงจังล่ะพี่ต้น?” ฉันแกล้งตัดพ้อ เพราะพี่ต้นชอบหยอกล้อฉันแรง ๆ อยู่เสมอ  พี่ต้นหัวเราะร่วนอวดไรฟันขาวสะอาดก่อนจะดึงมือฉันให้ลุกขึ้น  ฉันอดคิดเข้าข้างตัวเองไม่ได้ว่าพี่ต้นน่าจะมีใจกับฉันอยู่บ้าง

      เราสองคนเดินลัดเลาะไปตามชายหาด  สีเขียวรื่นจากเหล่าพืชพรรณทอดตัวยาวสุดลูกหูลูกตามองแล้วชวนให้อิ่มเอมหัวใจยิ่งนัก   ผืนน้ำใสสะอาดตาจนมองเห็นโขดหินที่ซ่อนอยู่เบื้องล่างซัดมากระทบผืนเท้า   ยิ่งมีหนุ่มหล่อเดินอยู่เคียงข้างด้วยแล้ว   อะไรก็ดูโรแมนติกไปหมด

      เย็นนั้นเราทานอาหารกันริมหาด   เป็นอาหารที่ทำขึ้นอย่างง่าย ๆ   แต่ทว่ากลับมีความอร่อยไม่แพ้ภัตตาคารหรู ๆ  ทั้งนี้คงเป็นเพราะพวกเราอยู่ท่ามกลางอ้อมกอดของธรรมชาติ  สายน้ำ  แมกไม้  เลยทำให้เจริญอาหารได้ง่าย    ตกกลางคืนนอนฟังเสียงคลื่นที่บังกะโลเล็ก ๆ   เพื่อเก็บแรงไว้ชมความงดงามในดินแดนแห่งท้องทะเลอันดามันกลางฤดูหนาวเมื่อยามที่แสงแห่งวันใหม่มาเยือน

                                                                                      *******

      อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะพยามนั้นประกอบไปด้วยเกาะน้อยใหญ่มากมาย  เช่น  เกาะทรายดำ   เกาะที่มีหาดทรายสีดำสนิท   เกาะไฟไหม้ที่หาดนั้นประกอบไปด้วยหินมนเงา   เกาะช้างฯลฯ

      ณ  เกาะช้าง   คณะของฉันเดินผ่านใต้ร่มเงาของทิวมะพร้าวสูงลิบลิ่ว  ยอดของมันไหวลู่ไปตามแรงลม  จนฉันหวั่นเกรงว่ามันจะเอนราบลงมาทับพวกเราหรือลูกของมันร่วงหล่นลงมาที่ศรีษะของคนใดคนหนึ่งผู้โชคดี

      กลิ่นหอมอบอวลลอยตามสายลมมากระทบจมูก   ฉันแหงนหน้ามองตามกลิ่นที่มา   ผลสุกของผลไม้ชนิดหนึ่งแขวนตัวเองอยู่เต็มต้น  บ้างก็สีเหลืองนวล  บ้างก็สีแดง  เสียงพี่ต้นสอบถามจากชาวสวนก็ได้ความว่ามันคือผลของ “กาหยู” หรือที่ภาษาภาคกลางเรียกว่า มะม่วงหิมพานต์   ส่วนพังงาเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า  “กาหยี”

      มาเที่ยวคราวนี้นับว่าคุ้ม  เพราะว่าฉันได้ความรู้ใหม่ติดตัวกลับบ้าน  ฉันก็เพิ่งเห็นนี่แหละว่ามะม่วงหิมพานต์มีผลเป็นอย่างนี้นี่เอง    ชาวสวนคนหนึ่งยื่นผลสุกให้พวกเราลองชิม    ฉันไม่เคยได้ลิ้มรสของมันก่อนแปรรูปมาก่อน  แต่พอได้ลองชิมลิ้นของฉันก็สัมผัสได้ถึงความหวานหอมชื่นใจ ชาวสวนบอกฉันว่าส่วนที่เป็นเมล็ดมะม่วงหิมพานต์ไม่ใช่ส่วนที่เป็นผลสุก  แต่จะเป็นเม็ดที่ยื่นออกมานอกผล   เมื่อปลิดออกมาจากผลสุกแล้วจะนำมาตากแห้งหลังจากนั้นจึงส่งเข้าโรงอบอีกทีหนึ่ง  
        
      ฉันเห็นแล้วรู้สึกทึ่งในความฉลาดของธรรมชาติที่สร้างสิ่งซับซ้อนขึ้นมาบนโลกใบนี้  ต่อให้มนุษย์มีวิทยาการล้ำหน้าอย่างไร   ก็ไม่อาจจะอยู่เหนือธรรมชาติไปได้    เพราะธรรมชาตินั้นเป็นผู้ควบคุมความเป็นไปของชีวิตมนุษย์ให้ดำเนินไปตามบทบาทของแต่ละคน
      ฉันเองก็คงเป็นมนุษย์คนหนึ่งที่ถูกธรรมชาติกำหนดขึ้นมาให้เป็นฉันอยู่ทุกวันนี้เหมือนกัน

      ดวงตะวันโบกมืออำลาพวกเราไปอีกหนึ่งวัน ฉันแทบหมดแรงเมื่อลงจากจุดชมวิวที่อ่าวไข่บนเกาะช้าง   สายลมพัดมากระทบกายจนฉันต้องรีบสูดความสดชื่นเข้าจนเต็มปอด  สายตาเหลือบสังเกตเห็นพี่ต้นปาดเหงื่อที่ไหลย้อยตามใบหน้า   คนอะไรดูดีแม้กระทั่งตอนเหนื่อย   นี่ฉันคลั่งเขามากไปหรือเปล่านะ

      พวกเราดั่งถูกสะกดให้ตกอยู่ภายใต้อ้อมกอดของธรรมชาติ  หาดทราย  สายลม  เกลียวคลื่น   และขุนเขา   จนเวลาผ่านไปอย่างไม่รู้ตัว   มารู้ตัวอีกทีก็ได้เวลาที่จะต้องกล่าวอำลาความเป็นอยู่   กลิ่นไอทะเล  และกลิ่นกาหยู  ณ  เมืองระนองแห่งนี้  ทั้ง ๆ  ที่ฉันไม่อยากจากไปเลย   ฉันสัญญากับท้องทะเลว่าถ้ามีโอกาสฉันจะย้อนกลับมาเยือนอีก

      หลังจากนี้ก็ต้องกลับไปต่อสู้กับสังคมที่ยุ่งเหยิงในเมืองหลวงกันต่อไป
          
                                                                                     *******
      กรุงเทพฯ

      “จริงหรือ   ที่ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นลูกพี่ลูกน้องกับพี่ต้น?”

      ฉันถามพี่ต้นด้วยหัวใจพองโต  ในขณะที่เราดื่มกินสังสรรค์กัน  หลังจากรู้ว่าสิ่งที่ฉันกลัวนั้นไม่เป็นความจริง

      “ก็ใช่น่ะสิ   ทำไมหรือ?”

      “ก็ไม่มีอะไรหรอก  เห็นสนิทสนมกันออกปานนั้น”  แต่จริง ๆ  แล้วหัวใจฉันแทบจะกระเด็นกระดอนออกมาข้างนอกด้วยความหวังที่รออยู่ข้างหน้า

      “แล้วพี่ต้นไม่คิดจะมีแฟนกับเขาบ้างหรือ?”   ฉันถามโดยหมายถึงตัวเอง

      “ที่ผ่านมาพี่ยังไม่เจอคนที่ใช่น่ะสิ   พี่ค่อนข้างจะเบื่อผู้หญิงน่ะ  จู้จี้จุกจิก  แต่ว่าตอนนี้พี่คิดว่าพี่เจอแล้ว   และเขาก็อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลด้วย”  

      พี่ต้นพูดโดยไม่สบตาฉัน   ฉันสังเกตเห็นหน้าพี่ต้นแดงก่ำ

      ฉันอยากจะลุกเต้นท่าม้าย่องให้หายคลั่ง  พี่ต้นจะต้องแอบมีใจกับฉันแน่ ๆ  แต่คงไม่กล้าแสดงออก  ไม่เป็นไรเดี๋ยวฉันจะเป็นคนเริ่มต้นเอง   สมัยนี้สิทธิมนุษย์เท่าเทียมกันหมด  ใครบอกก่อนก็ไม่เห็นเสียหายนี่นา

      “คนเราสมัยนี้รู้หน้าไม่รู้ใจ  พี่ก็เลยต้องดูนาน ๆ  หน่อย”   คราวนี้พี่ต้นพูดพลางจ้องหน้าฉัน

      ฉันชักมือไม้สั่นทำอะไรไม่ถูก  พี่ต้นจะต้องเป็นอย่างที่ฉันคิดไว้จริง ๆ  คิดได้ดังนั้นจึงเริ่มขยับตัวเองเข้าไปใกล้พี่ต้นอีกนิด   เพื่อที่จะพร่ำพรรณณาบอกความในใจแก่พี่ต้นให้หมดเปลือก

      “พี่ต้นรู้อะไรไม๊   ติ๊กแอบชอบพี่ต้นมานานแล้ว  แต่ไม่กล้าแสดงออก  กลัวว่าพี่ต้นจะรังเกียจ”

      ฉันเริ่มจู่โจม  ในขณะที่พี่ต้นนั่งตัวแข็งทื่อ  เหมือนตกตะลึงในสิ่งที่ได้ยิน

      “ถ้าพี่ต้นมีความรู้สึกเหมือนกับติ๊ก  จะมัวปิดบังอยู่ทำไมล่ะ  ทำไมเราถึงไม่ทำตามที่ใจเราต้องการ”

      ความรักเข้าครอบงำฉันจนหน้ามืดตามัว    มือไม้ไม่อยู่นิ่งเริ่มไต่ยั้วเยี้ยไปตามเนื้อตัวของพี่ต้น  
                    
      ทันใดนั้น!  
                      
      พล็อก!
                      
      เสียงหมัดกระทบใบหน้าฉันอย่างแรง ฉันถลาเหมือนนกปีกหักกระเด็นตกจากโซฟาลงไปกองอยู่ที่พื้น
          
      “เฮ้ย!  ไอ้บ้าติ๊ก  ทำอะไรเนี่ย?”  พี่ต้นฉุนเฉียวใส่ฉัน
          
      “โอย!  ตัวเองน่ะ  เขาเจ็บนะ  หยอกกันแรง  ๆ  อีกแล้ว ไม่ชอบทำไมถึงไม่บอกกันดี ๆ  อูย”
          
      “ไม่ได้หยอกโว้ย  แต่เอาจริง  กูไม่ได้เป็นอย่างที่มึงคิดนะ  กูแค่รักมึงเหมือนน้องเหมือนนุ่งคนหนึ่ง”
          
      “นี่มึงเป็นเกย์หรือวะ  เสียดายหน้าหล่อ ๆ  ของมึงจริง ๆ”
          
      พี่ต้นพูดได้แค่นั้นแล้วใส่คันเร่งที่ฝีเท้าออกจากห้องผม  เอ้ย  ฉันไป  โดยไม่หันหลังกลับมามองอีก

      ผม  เอ้ย  ฉันแค่มีความรู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้หญิงอยู่ตลอดเวลาก็เท่านั้น  แล้วฉันก็ชอบผู้ชายหล่อ ๆ   คุณคิดว่าฉันผิดปกติหรือเปล่าล่ะ  ตัวเอง???

                                                                                      ********

      ฉันต้องหยุดรำลึกถึงความหลังไว้แค่นั้น  เมื่อพระอาทิตย์เริ่มจะลับขอบฟ้า
          
      ณ  วันนี้  ฉันย้อนกลับมาที่เดิม  บรรยากาศเก่า ๆ  ช่วยให้ภาพในอดีตนั้นผุดขึ้นมาในความทรงจำ
          
      ตรงเบื้องหน้าฉันมีชายหญิงสองคนเดินเคลียคลอกันอย่างมีความสุขริมหาด    ช่างโรแมนติกดีเหลือเกิน
          
      ถ้าฉันมีจิตใจที่ปกติ  ฉันก็คงจะมีโอกาสได้สัมผัสความสุขแบบนี้บ้าง  แต่มันก็สายไปเสียแล้ว  สำหรับชีวิตฉันในชาตินี้
          
      การใช้ธรรมะเป็นที่พึ่งเปรียบเสมือนแสงเทียนนำทางให้ฉันตาสว่าง    ช่วยให้ฉันได้มีโอกาสทบทวนตัวเองในอดีต  ฉันมองข้ามความรักของคนที่รักฉันมากที่สุดและก็ไม่เคยรังเกียจว่าตัวฉันจะเป็นอย่างไร  เขาเหล่านั้นอยู่ใกล้แค่ปลายจมูก  ตลอดเวลาที่ผ่านมาฉันไม่เคยคิดที่จะตอบแทนความรักนั้น   แต่ตรงกันข้ามฉันกลับไขว่คว้าหาความรักที่ผิด ๆ  มาตลอด  
          
      หลังจากบวชเรียนให้พ่อแม่คราวนี้ฉันตั้งใจไว้ว่าจะหันหน้าเข้าหาพระธรรมตลอดชีวิต  ละทิ้งจากความลุ่มหลงมัวเมาทั้งสิ้น  
          
      ฉันเชื่อว่ายังมีอีกหลายคนที่ทำไม่ได้อย่างฉัน     แต่ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม    ขออย่าให้สังคมเดือดร้อนก็พอ   คงไม่มีใครอยากเกิดมาเป็นอย่างฉันหรอก   ถ้าทุกคนเลือกเกิดได้

                                                                                       *******

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×