โครงงานรหัส 003
ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่งานมหกรรมโครงงานนักเรียนแห่งวิทยาลัยคาร์เมียร์
    ป้ายเขียนแสดงความยินดีต้อนรับบุคคลทั้งหลายเข้าสู่งานมหกรรมโครงงานของโรงเรียน ซึ่งเป็นโรงเรียนระดับแนวหน้าของจักรวาล
    “แบ็กกี้ นายคิดว่าโครงงานไหนเจ๋งที่สุดในงานนี้” เอมี่เด็กหญิงที่ดูไม่เหมือนหญิงเอาซะเลย ตัดผมสั้นเกรียน สีทองของผมหล่อนเวลาที่ต้องกับแสงสุริยะทอระยิบระยับ แสบตาแบ็กกี้หนุ่มน้อยวัย 16 เป็นที่สุด “ แล้วเธอคิดว่าไง ยังไงซะโครงงานของหมอนั่นมันก็เจ๋งอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าตัวแปรของโครงงานมันควบคุมยากและซับซ้อนไปหน่อย” เอมี่เหลียวมองไปทางเด็กหนุ่มที่ดูมีท่าทางมั่นใจในโครงงานของเขา “ ฉันล่ะอยากจะไปดูให้เห็นด้วยตาของฉันซะจริงๆว่าสิ่งนั้นที่กลายมาเป็นตัวแปรที่ควบคุมยากของหมอนั่นมันคืออะไรกันแน่ ทำไมหมอนั่นถึงได้รับรางวัล”
25 ธันวาคม 2546 เวลา 13.00 น. กรุงเทพมหานคร
    เมย์สาวน้อยวัย 17 กำลังขมักขเม้นกับการทำการ์ดอวยพรปีใหม่ส่งอาจารย์ แล้วทันใดนั้นเธอก็ได้ยินเสียงๆหนึ่งที่ดังมาจากห้องข้างๆ เสียงนั้นมันฟังดูคุ้นเสียเหลือเกิน “jingle bell jingle bell
.” โธ่เอ๋ยนึกว่าเสียงอะไรที่ไหนที่แท้ก็เสียงของยุ้ยนี่เอง สาบานได้มั้ยน่ะว่ามันเป็นเพลงjingle bell” เมย์พูดกับเอิงเพื่อนสาวอีกคนหนึ่งที่นั่งทำการ์ดอยู่ด้วยกัน ด้วยสีหน้าที่ไม่อยากเชื่อเลยว่านั่นเป็นเสียงคน
มหกรรมโครงงานคาร์เมียร์
    “ นีเป็นส่วนหนึ่งจากโครงงานของผม ทุกท่านคงจะเห็นและได้ยินทุกๆอย่างที่สิ่งมีชีวิตใน... เอ่อเจ้าสิ่งมีชีวิตเหล่านี้เรียกมันว่าโลก แต่ผมเรียกมันว่าแบบจำลองของจักรวาล พวกมันสื่อสารกันด้วยภาษาและท่าทาง พวกมันเปล่งเสียงสูงๆต่ำๆ ที่เรียกว่าเพลง และทำงานอะไรบางอย่างที่เรียกว่าการ์ด ซึ่งทั้งหมดที่เราได้เห็นอยู่นี้คงมีแต่เพียงภาษาและท่างทางเท่านั้นที่พวกเราทั้งหลายบนดาวคาร์เมียร์และชาวจักรวาลใช้กัน แต่เพลงและสิ่งที่พวกนั้นเรียกว่าการ์ดพวกเราไม่เคยพบเห็นมาก่อนในจักรวาล ดังนั้นโครงงานของผมจึงทำเราได้พบกับสิ่งแปลกๆใหม่ๆมากมายที่เราคาดไม่ถึง” จอร์จยืดอกพูดอย่างภาคภูมิใจว่าโครงงานของตนเป็นการค้นพบครั้งยิ่งใหญ่แห่งจักรวาล “ ผมว่าคุณควรจะพูดตัวโครงงานของคุณได้แล้วนะ พวกเราไม่มีเวลาทั้งวันหรอกนะ” ศาสตราจารย์เอ็ดเวิร์ดพูดขึ้นอย่างรู้สึกหมั่นไส้ และรำคาญ “ตกลงครับศาสตราจารย์ ดูท่าทางศาสตราจารย์คงจะตื่นเต้นและอยากรู้เรื่องของโครงงานของผมมากจังเลยนะครับ” จอร์จปรายตามองไปยังศาสตราจารย์เอ็ดเวิร์ด “ โครงงานของผมมีชื่อว่าแบบจำลองจักรวาล ที่มาและความสำคัญของโครงงานนี้ก็คือเพื่อทำนายอนาคตของจักรวาลและเพื่อหาความเป็นมาแห่งจักรวาล ผมสร้างแบบจำลองขึ้นจากข้อมูลทางประวัติศาสตร์ของพวกเราก่อนที่บรรพบุรุษของพวกเราจะพาพวกเราเข้าสู่จักรวาลเมื่อ 3000 ปีที่แล้ว แน่นอนนั่นคือ old home ผมใส่ปัจจัยต่างๆลงบนแบบจำลองจักรวาลตามข้อมูลทางประวัติศาสตร์ มีสายน้ำเกิดขึ้นแล้วตามมาด้วยสิ่งมีชีวิต สีเขียว จากนั้นเกิดสิ่งมีชีวิตขนาดมหึมา ที่มีอยู่อย่างหลากหลาย ทำให้เกิดระบบนิเวศ แต่ด้วยความบังเอิญจริงๆครับที่น้องชายของผมกำลังเตะฟุตบอลอยู่ ลูกบอลลอยมากระทบที่ แบบจำลองของผม เฉียดไปเพียงเบาๆครับ ตอนแรกผมหัวเสียมาก เพราะมันทำให้สิ่งมีชีวิตขนาดมหึมาของผมตายหมด เหลือเพียงแต่พวกที่อาศัยอยู่ใต้น้ำ และพืชบางชนิด แต่อีกหนึ่งสัปดาห์ต่อมาผมก็พบว่ามีสิ่งมีชีวิตอีกหลายชนเกิดขึ้น ซึ่งเกิดจากการกระจายของเซลล์สิ่งมีชีวิตขนาดมหึมา ซึ่งเซลล์เหล่านั้นผมไม่ทราบว่าด้วยปัจจัยใด พวกมันเกิดการมิวเทชัน เกิดป็นสิ่งมีชีวิตหลายชนิด ต่อจากนั้นไม่นานประมาณ 1 เดือนผมพบว่าสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งมีวิวัฒนาการ พวกมันมีการเปลี่ยนแปลง” จอร์จเปิดเครื่องบันทึกให้กับทุกคนในห้องแสดงดู “ โอ สุดยอดมาก ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเรื่องราวจากตำนานของบรรพบุรุษจะเป็นจริง” ดร.เกรซ นักประวัติศาสตร์พึมพำกับตัวเองในขณะที่นั่งฟังจอร์จ เขากำลังนึกถึงตำนานของบรรพบุรุษที่เล่าถึงการเปลี่ยนร่างจากลิงสัตว์ชนิดหนึ่งมาเป็นคน “ ถ้าพูดถึงประวัติศาสตร์แล้วนั้นนี่ถือว่าเป็นการยืนยันว่าทฤษฎีการก่อกำเนิดจากเซลล์ของศาสตราจารย์เอ็ดเวิร์ดที่ตัง้ขึ้นจากการศึกษาความเป็นมาของบรรพบุรุษนั้นไม่เป็นจริง” จอร์จพูดอย่างภูมิใจที่เขาสามารถชนะศาสตราจารย์เอ็ดเวิร์ดได้ “ ตกลงผมยอมรับ” ศาสตราจารย์เอ็ดเวิร์ดพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงโกรธจัดที่โดนลบเหลี่ยมแล้วเดินออกไป แต่ยังไม่ทันที่จอร์จจะพูดอะไรต่อไปเขาก็ถูกผู้ชายร่างกำยำใส่ชุดขาว 2 คนจับเขามัดแล้วลากลงจากเวที ทำให้ผู้ที่นั่งดูอยู่พากันตื่นเต้นวิ่งหนีกันวุ่นวายเพราะอาวุธที่ชายสองคนนั้นถือมันน่ากลัวอย่างเหลือร้าย จอร์จถูกจับไปมัดไว้กับเตียง แล้วจากนั้นก็มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามา “ พวกแกจะทอะไรฉัน” จอร์จตะคอกใส่อย่างบ้าคลั่ง แต่สองคนนั้นกับนิ่งเฉย “ กี่ซีซีดีคะ หมอ คนไข้ฤทธิ์เยอะเหลือเกิน ชอบฟุ้งซ่านเรื่องโครงงานอะไรก็ไม่รู้” พยาบาลสาวเอ่ยอย่างเบื่อหน่าย “ 50 ก็พอ เดี๋ยวตื่นมาคงหาย” หมอหนุ่มกล่าว แล้วบุรุษพยาบาลก็ช่วยกันจับร่างของเขาไม่ให้ดิ้น พยายบาลสาวก็ใช้อาวุธที่ทุกคนกลัวทิ่มลงไปที่ก้นของจอร์จ “ เทค เอาล่ะครับวันนี้ทุกคนแสดงได้ดีมาก” เสียงผู้กำกับการแสดงพูด พร้อมเสียงปรบมือ ให้กับนักแสดงทุกคน” เอาล่ะครับเลิกกองพรุ่งนี้จะได้ปิดกล้องกันซะที” ทุกคนต่างพากันดีใจ แต่ก็ต้องหยุดเพราะคุณหมอกะคุณพยาบาลออกมาบอกว่า “ อย่าเสียงดังกันสิ เดี๋ยวคนอื่นเขาจะตกใจ อะไรกันนัหนานะ อ้าวนั่นเสื่อกาวน์หมอนี่ อีกแล้วนะคุณสมชายหมอบอกไม่เคยฟังเลย” หมอหนุ่มบ่นอย่างเหลืออด ตั้งแต่เขาเข้ามาทำงานในจิตเวช เนี่ยเขาแทบจะบ้าไปเป็นคนไข้เองเสียแล้ว เฮ้อ
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น