คำอธิษฐาน - คำอธิษฐาน นิยาย คำอธิษฐาน : Dek-D.com - Writer

    คำอธิษฐาน

    เป็นเรื่องซึ้งหรือเปล่า ต้องอ่านกันเอาเองนะคะ

    ผู้เข้าชมรวม

    295

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    295

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  ซึ้งกินใจ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  6 ส.ค. 48 / 14:03 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      นานมาแล้วมีหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ที่รักกันเหมือนฉันพี่น้อง  ทุกครัวเรือนต่างเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แบ่งปัน ใครปลูกอะไร เมื่อออกผล ก็นำมาแบ่งให้ข้างบ้านเรือนเคียง  โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน  ใครลำบากอะไรก็ช่วยเหลือกัน  แต่ต่อมาไม่นานก็มีชายคนหนึ่งเข้ามายังหมู่บ้านแห่งนี้  เขานำความรู้และสิ่งแปลกใหม่มามากมายที่ คนในหมู่บ้านนี้ยังไม่เคยพบเห็น สอนให้รู้จักการค้าขายให้แก่หมู่บ้านอื่น กำไรในการค้าขาย  เพื่อนำเงินเหล่านั้นไปซื้อสินค้าที่ชายคนนั้นนำมาให้ดูเป็นตัวอย่าง พวกชาวบ้านต่างหลงใหลในสิ่งของเหล่านั้นมาก  พวกเขาแทบจะไม่สนใจด้วยซ้ำว่าเอาไปทำประโยน์อะไร หลังจากที่ชายคนนั้นจากหมู่บ้านพวกเขาไป  คนในหมู่บ้านต่างพากันเร่งปลูกพืชผล ส่งผลผลิตกันเพียงอย่างเดียว ไม่สนใจกันและกัน  ไม่มีการคุยกัน ทุกคนต่างก็คิดว่าเวลาทุกๆวินาทีนั้นสำคัญมาก ที่จะหาเงิน  สิ่งที่ทุกคนสนใจในตอนนี้จึงมีเพียงแต่เงิน  เงินเท่านั้นที่สำคัญสำหรับพวกเขา  เพื่อนำไปซื้อสิ่งของมาอำนวยความสะดวกให้แก่ตัวเอง  เสื้อผ้าสวยๆ เครื่องประดับราคาแพง ที่ไม่รู้จะใส่ทำไมในหมู่บ้านที่ห่างไกลจากเมืองหลวง  ซึ่งหมู่บ้านของพวกเขาเป็นหมู่บ้านเกษตรกร  มีเพียงแต่ซัลเท่านั้นที่ไม่ได้สนใจ  แต่ไม่ใช่เขาไม่ใช่สนใจสิ่งของเหล่านั้น  เขามักจะเห็นเด็กวัยเดียวกับเขาเดินถือลูกกวาดหลากสี และขนมต่างๆมากมายที่ดึงดูดสายตาให้ซื้อมากิน  แต่เขาก็ทำไม่ได้  เขาไม่มีเวลามากพอที่จะไปนั่งแข่งขันปลูกอะไร ลำพังก็ได้แค่ ปลูกเพื่อนำมากิน และไม่มีเงินมากพอที่จะไปซื้อสิ่งของเหล่านั้นได้  ตอนนี้เขาต้องสนใจแต่เพียงแม่ของเขาเท่านั้น เมื่อไม่นานมานี้  แม่ของเขาได้ป่วยลง  เขาต้องนำเงินมาซื้อยาให้แม่  เวลาที่ซัลเคยไปรับจ้างส่งของนอกหมู่บ้านก็ต้องน้อยลง  เพราะเขาต้องมาดูแลแม่  เงินที่ได้จึงน้อยลง ใหนจะค่ายา ค่าอาหาร ข้าวของจำเป็นที่ต้องใช้ในบ้าน  ซัลเคยไปขอยืมเงินข้างบ้าน ซึ่งเธอนั้นเป็นเพื่อนสนิทกับแม่ของเขา  เพื่อที่จะนำมาซื้อยาให้แม่ก่อน  และพวกชาวบ้านที่เคยสนิทกับเขา  แต่ทุกคนกลับไล่เขาอย่างไม่มีใยดี  หาว่าไม่รู้จักทำมาหากิน  พวกชาวบ้านที่เคยสนิทกัน ช่วยเหลือกันและกัน  ทุกคนทุกบ้านกลายเป็นอย่างนี้กันหมด  ไม่ว่าจะไปบ้านใหน  ทุกคนก็ต่างพากันพูดแต่ประโยคเดิม  บางบ้านถึงกับว่าหาว่าทวงบุญคุณ  การที่ถูกใครซักคนว่าอย่างนี้  มันช่างเจ็บปวด  ทั้งที่จริงๆแล้ว  เราไม่ได้เป็นอย่างนั้น  ซัลจึงจำเป็นต้องทิ้งให้แม่อยู่บ้านคนเดียว  ทุกวันเขาต้องตื่นแต่เช้ามือเพื่อทำข้าวต้มให้แม่ และทำงานบ้าน จากนั้นก็ต้องรับจ้างไปส่งของที่หมู่บ้านถัดไป  พอตอนสายๆก็ไปทำงาน ล้างจานในร้านอาหารที่หมู่บ้านนั้น จนเย็น เด็กชายจึงไม่ค่อยมีเวลามากนัก กว่าจะกลับไปถึงบ้านก็ดึก เขาต้องทำงานอย่างหนักเพื่อที่เก็บเงินมารักษมแม่เพียงคนเดียวของเขา  ซัลอยู่กับแม่แค่สองคนเท่านั้น  พ่อของเขาจากเขาไปตั้งแต่ยังเด็ก  บ้านเขาก็มีสวนมีแปลงที่จะไว้ปลูกเหมือนพวกชาวบ้าน  แต่ถ้าตัวคนเดียวคงทำไม่ใหวแน่นอน ลำพังแค่ปลูกไว้กินก็แทบไม่มีเวลาจะไปดูแลแล้ว  เขาจึงต้องมานั่งทำงานแบบนี้  ซัลอายุเพียงแค่ 12 กว่าๆเท่านั้น  แต่ในขณะเดียวกันนั้นเด็กในหมู่บ้านเดียวกันที่อายุเท่าเขา กลับได้เล่นกันอย่างสนุกสนาน  ทำงานก็แค่เพียงเล็กน้อยตอนที่พ่อแม่ของเขาเรียกให้ไปช่วย  ช่วงที่ไม่มีลูกค้า  ซัลก็ได้แต่มองเพื่อนในวัยเดียวกันกับเขาเล่นกันผ่านทางหน้าต่างในร้าน  ถึงแม้ว่าเขาจะทำงานขนาดนี้  แต่เงินค่ายาก็ยังไม่พอ  เมื่อชาวบ้านแข่งขันกันมากขึ้น  ไม่ใช่ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่เท่านั้นที่หายไป  จิตใจที่ดีของพวกเขาเหล่านั้นต่างหากที่น่าเสียดาย  ความโลภ โกรธ  หลง การแก่งแย่งชิงดี  ได้เข้ามาครอบคลุมจิตของพวกเขา  จนยากที่จะให้กลับมาเป็นอย่างเดิม  ตอนนี้ไม่ได้มีเพียงแต่หมู่บ้านเขาที่เป็นอย่างนี้  แต่ทุกหมู่บ้านต่างก็เป็นกันหมด  พวกพ่อค้าในหมู่บ้าน ต่างพากันขึ้นราคาของ เพราะรู้ดีว่า เขาไม่มีที่มากมายขนาดนั้นที่จะไปปลูกอะไร  และส่งขายได้เงินมากเหมือนพวกนั้น  ทำได้แค่เพียงขายของให้แพงขึ้น  และรู้ดีว่า  พวกคนเหล่านั้นจะส่งขายหมดไม่เก็บไว้  เพราะถ้าเก็บไว้กิน  นั่นก็หมายความว่าเงินของพวกเขาจากส่วนนั้นจะหายไป  พวกนั้นต้องมาซื้อของกับพ่อค้าอย่างพวกเขาแน่นอน  จากแค่กลางวันเท่านั้นที่ซัลต้องทำงาน  เด็กชายก็ต้องทำงานกลางคืนด้วย เพื่อนำเงินมารักษาแม่
               จากเด็กชายที่หน้าตาร่าเริง  ยิ้มแย้มตลอดเวลา  ต้องกลายเป็นเด็กที่หน้าตาเหน็ดเหนื่อย  ผอมลงกว่าเดิม  ดูเหมือนคนไม่มีแรง ขาดสารอาหาร  ซัลอยากให้แม่หายไวๆ  ในโลกความเป็นจริง คงมีเพียงแต่เงินเท่านั้น  ที่รักษาแม่เขาให้หายได้   ซัลเคยอ่านนิทานอยู่เรื่องหนึ่ง  ที่พอทำความดีให้อะไรกับใคร  เราก็จะได้รับพรวิเศษ  สามารถขออะไรก็ได้  แต่มันก็เป็นเพียงแค่นิทาน  ไม่มีทางเป็นจริง  เขาได้แต่เพียงอธิษฐาน  และหวังว่าคำอธิษฐานของเขา  ที่ขอให้แม่หายป่วยไวๆ  ซักวันนึงจะเป็นจริง
      “ ซ่าาาา........ ” เสียงฝนตกกระหน่ำจากข้างนอกบ้านดังมาก  ช่วงนี้เป็นฤดูฝนพอดี  และวันนี้ก็เป็นอีกวันนึงที่ฝนตกเหมือนทุกๆวัน  เพียงแต่วันนี้ฝนตกหนักอย่างไม่ลืมหู ลืมตา และไม่มีทีท่าว่าจะหยุด  ลมพัดของข้างนอกบ้านดัง โคร้งเคร้ง ไปหมด   แม้จะออกไปข้างนอกก็ออกไปไม่ได้  นั่นคือเหตุผลที่ทำให้วันนี้ซัลไม่ได้ไปทำงาน แน่นอนหมายความว่า เด็กชายต้องทำงานหนักในวันพรุ่งนี้  เพื่อชดเชยในวันนี้  แต่โชคดีที่เขารับงานเข้ามาทำที่บ้านเพื่อนำไปส่งในวันพรุ่งนี้ ถึงแม่จะได้เงินไม่มากเท่ากับไปทำงานตามปกติ  แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้ซักเหรียญ  
      “ แค่ก  แค่ก ซัล..... แค่ก  แค่ก ”  เสียงของแม่ดังมาจากเตียง  แต่ก็เป็นเสียงที่แหบและค่อยมาก จนแทบจะไม่ได้ยิน  แล้วยิ่งในวันฝนตกหนักอย่างนี้อีก  เป็นธรรมดาที่ซัล ซึ่งนั่งอยู่ที่ต๊ะกินข้าว จะไม่ได้ยินเสียงแม่ของเขาเรียกจากในห้องนอน
      “ ซัลล..ซัล  แค่ก...แค่กก ”
      “ ซัลลล.. แม่ แค่ก  แค่ก  ขอออ...”
      “ ตึง !!! ”
      เสียงอะไรซักอย่างดังมากในห้องแม่ของเขา ทำให้ซัลต้องลุกจากงานที่เขาทำ  เพื่อไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น  แล้วก็ต้องตกใจที่เห็นแม่เขานอนอยู่กับพื้น   แทนที่จะนอนอยู่บนเตียง
      “ แม่ครับ  แม่ลุกมาทำไม ”
      “ แม่ ขอออ.. แค่ก  แค่ก  ผะ..ผะ..ผ้าห่ม  แค่ก  แค่ก ”
      “ ผมขอโทษครับแม่  ที่ไม่ได้สนใจที่จะฟังเสียงแม่เรียก  แม่เจ็บตรงใหนใหมฮะ  ไปครับ  เดี๋ยวซัลอุ้มแม่ไปที่เตียง  แล้วหยิมผ้าห่มให้ครับ ”
      แต่ขณะที่เขากำลังจะพยุงแม่ให้ลุกขึ้น  ซัลก็ต้องสะบัดมือออกอย่างตกใจ  เพราะแม่ของเขานั้นตัวร้อนมาก
      “ แม่ไข้ขึ้นเหรอ  แม่อดทนไว้นะครับ  เดี๋ยวผมรีบไปตามหมอมา ”
      จากนั้นเด็กชายก็อุ้มแม่ของเขาไปไว้ที่เตียง และห่มผ้าให้  แล้วรีบออกไปจากบ้านท่ามกลางสายฝนที่ยังคงตกหนัก  ตอนนี้เขาไม่สนใจแล้วว่าฝนจะตกหนักแค่ใหน  ลมจะพัดแรงจนแทบจะปลิวแค่ใหน  เขานึกถึงแต่แม่เท่านั้น  เด็กชายรีบวิ่งไปคลีนิก  เพื่อให้หมอมาดูอาการของแม่  แต่หมอจะมาดูอาการของแม่  ก็ต่อเมื่อซัลมีเงินที่จะจ่ายค่ารักษาให้เขา  ถึงจะเขาพอจะมีเงินอยู่บ้าง  แต่ก็ยังไม่พอที่จะจ่าย  ถึงแม้ว่าเขาจะขอร้อง  ว่าขอติดเงินไว้ก่อน  แต่คำตอบของหมอ ก็มีเพียงแต่คำว่า ไม่  ทั้งยังไล่เขาออกจากร้าน  หมอก็ไม่ไปรักษา  เงินก็ไม่พอจะซื้อยา  ซัลได้แต่ยืนกลางสายฝนที่ยังคงตกกระหน่ำ  ถ้าเขาไปยืมเงินจากบ้านที่เขารู้จัก  เขาก็ต้องโดนไล่  เหมือนตอนนั้น  แต่เมื่อมาถึงขนาดนี้แล้ว เขาจนปัญญาจริงๆ ว่าจะทำยังไง  เขาคงต้องไปขอร้องบ้านเหล่านนั้นอีกครั้ง
      “ ก๊อก ก๊อก ” ซัลเคาะประตูบ้านหลังหนึ่งบ้านที่เป็น เพื่อนสนิทของแม่เขา และเขาก็นับถือเหมือนน้าแท้ๆ และเป็นบ้านที่เคยไล่เขาออกมาอย่างไม่ใยดี มาแล้วครั้งนึง  ในใจของเขาได้แต่ภาวนา ว่าน้าจะช่วยเหลือเขา ถึงแม้โอกาสนั้นจะเป็นไปได้น้อยมากก็ตาม
      “ อะไร ถ้าจะมาขอเงิน  ฉันไม่มีให้แกยืมหรอก ไป !!!”
      “ ผมขอร้องล่ะครับ  คราวนี้แม่ป่วยหนักจริงๆฮะ  ผมไม่รู้จะพึ่งใครแล้ว  ”
      “ เอ๊ะ นี่ฟังไม่รู้เรื่องเหรอไง  ฉันบอกไม่ให้ยืม  ก็คือไม่ให้ยืม ไป !!!”
      “ผม ขออ..”
      “ ปัง ”
      เธอกระแทกประตูปิดใส่หน้าเด็กชาย  โดยไม่สนใจที่จะฟังซัลพูด  โลกนี้ช่างโหดร้าย  ไม่ใช่เขาจะไม่คืนเงินให้  เพียงไม่กี่อาทิตย์  ที่ชายคนนั้นจากไป  จิตใจของคนในหมู่บ้านนี้ ช่างเปลี่ยนแปลงไปได้ถึงเพียงนี้เชียว
      “ ก๊อก ก๊อก ” เด็กชายเคาะประตูอีกครั้ง  แม้รู้ว่าจะต้องโดนว่าอีกก็ตาม  แต่เขาไม่รู้จะพึ่งใครจริงๆแล้ว นี่นา
      “ นี่แก  ฉันรำคาญแล้วนะ  ไปให้พ้นเลยไปเด็กเหลือขอ  แม่ของแกจะเป็นยังไงก็ช่าง  ไม่เกี่ยวกับฉัน  ไสหัวไปซะ ”
      “ ปัง ”
      เด็กชายไม่โกรธที่เธอปิดประตูใส่หน้าเขา  อย่างไม่มีมารยาท  แต่เขาโกรธที่ไม่สนใจแม่ของเขา  เด็กชายไม่อยากทวงบุญคุณ  แต่ตอนที่ผู้หญิงคนนี้ป่วย  แม่ของเขา  มาดูแล  และมาเยี่ยมทุกวันจนผู้หญิงคนนี้หายป่วย  หนำซ้ำเธอกับแม่ของเขาก็รู้จักกันมาแต่แต่เด็ก  ซัลจำได้เสมอว่าแม่ชอบพูดถึงความใจดีของเธอ  แต่ทำไมตอนนี้  เธอถึงพูดอย่างนี้  เธอลืมไปหมดแล้วเหรอไง  ว่าแม่ของเขาทำถึงขนาดนั้น  แต่ตอนนี้กลับพูดอย่างไม่มีเยื่อใย  เหมือนคนไม่เคยรู้จักสนิทชิดเชื้อกันมาก่อน
               หลังจากนั้น เด็กชายก็ไปเคาะประตูทุกบ้าน  แต่ทุกครั้งที่ไป คือเสียงของประตูที่กระแทกกลับมาให้เขา  ซัลจึงต้องเดินกลับบ้านด้วยความสิ้นหวัง  ทำไมคำอธิษฐานของเขาถึงไม่เป็นจริงซักที  ทำไมพระเจ้าไม่ฟังคำของร้องของเขาบ้าง
      “ แม่ครับ เอ่อออ..... ผมขอโทษครับ  ที่ทำงานเก็บเงินไม่มากพอ  ที่จะหามารักษาแม่ ”
      “ ลูก แค่ก...แค่ก.. ไม่เป็นไรหรอก  แค่ก..แค่กๆๆ  เดี๋ยว.. เดี๋ยวแม่  แค่กๆๆ ก็ค่อยยังชั่วแล้วล่ะ  แค่ก...แค่กๆๆ ”
      “ แม่ครับ แม่หายไวๆนะ  ผมไม่อยากอยู่คนเดียว ”
      “ แม่ต้องหายไวๆนะครับแม่  สัญญานะฮะ ”
      “ ฮือ  ฮือ .... ฮือๆๆๆๆ”
      น้ำตาไหลลงมาอาบแก้ม เด็กชายเหมือนสายฝน ที่ตกข้างนอก  เขาเหลือแม่เพียงคนเดียว  นับวันแม่ก็ยิ่งป่วยหนักขึ้น  เพราะเขาไม่มีเงินมากพอ  ที่จะซื้อยาอย่างดี และพาหมอมารักษา
               หลายวันผ่านไป  อาการของแม่เขาก็ยังคงเหมือนเดิม  แต่ตรงข้ามกับเด็กชายที่ต้องทำงานหนักขึ้น เพื่อเก็บเงิน  มาซื้อยา  อย่างน้อยอาการของแม่ก็คงทุเลาลงบ้าง  เวลานอนที่น้อยลงของเด็กชาย ซึ่งเดิมก็น้อยอยู่แล้ว  ตอนนี้ก็แทบจะไม่ได้นอน  ผู้คนในหมู่บ้านก็ยังคงเหมือนเดิม  ต่างคนต่างอยู่  และไม่มีทีท่าว่าจะกลับมารักกันอย่างเดิม  คงอีกนานกว่าที่เขาจะได้หมู่บ้านนั้นกลับมา  หรืออาจจะไม่ได้เลย  แต่อย่างน้อย  ขอแค่ 2- 3บ้าน ก็พอ ที่กลับไปเป็นอย่างแต่ก่อน  แต่มันก็คงเป็นเพียงความฝัน
               วันหนึ่งขณะที่เขากำลังจะไปทำงานอีกที่หนึ่ง  เขาก็ต้องตกใจเมื่อได้ยินเสียงร้องของผู้หญิง ร้องขอความช่วยเหลือ จากทางข้างหน้าที่เขาเดินอยู่  ซัลไม่รอช้ารีบวิ่งไปยังต้นเสียงนั้น  แล้วก็ต้องพบกับ ฝูงหมาป่าที่ล้อมรอบตัวผู้หญิงคนนั้นไว้  เด็กชายรู้ดีว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร  เขาจำได้ดีว่า เธอพูดอย่างไร้เยื่อใยกับแม่ของเขา  แต่ซัลไม่สนใจ  เด็กชายรีบเข้าไปช่วยผู้หญิงคนนั้น  แม่ของเขาสอนเสมอว่า  ต้องไม่รู้จักทวงบุญคุณ หวังสิ่งตอบแทน จากคนที่เราไปช่วย  เมื่อเจอใครลำบาก หรือเดือดร้อน  เราก็ต้องช่วยเขา  โดยไม่สนใจ ว่าเขาจะเคยทำอะไรกับเราไว้
      “ ขอบคุณมากนะ ซัล ทำไมถึงช่วยน้าไว้ล่ะ  น้าเคยว่าหนู  พูดไม่ดีกับหนูต้องขนาดนั้น หนูน่าจะปล่อย...  ”
      “ ไม่เป็นไรหรอกครับ  ผมลืมมันไปแล้วล่ะ  ยังไงเราก็คนหมู่บ้านเดียวกัน  ถ้าผมพอจะช่วยได้  ผมก็ช่วยอยู่แล้วล่ะครับ  ไม่ต้องคิดมากหรอกฮะ ”
      เธอได้แต่อึ้งในใจ ว่าทำไมเด็กชายต้องทำอย่างนี้  เธอไม่เคยลืมหรอกว่าแม่ของเขาเคยช่วยเหลือเธอ  และก็ดูแลเธออย่างดีด้วย  แต่ทำไมตอนนั้น  เธอถึงได้ไล่เขาไปนะ  เธอเสียใจมากที่อย่างนั้นลงไป  แต่มันก็เป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้ว  จะไปคิดถึงมัน  เราก็คงย้อนกลับไม่ได้  เธอจะต้องทำอะไรซักอย่าง....
      “ น้าครับ แถวนี้ปลอดภัยแล้ว  ผมต้องไปทำงานต่อแล้วล่ะฮะ  ผมคงส่งได้แค่นี้  เดินอีกนิดเดียวก็ถึงหมู่บ้านแล้ว  โชคดีนะฮะ น้า ”
      “ อ๊ะ เอ่อขอบคุณมากนะจ๊ะ ”
      “ เดี๋ยวซัล  น้า เอ่อออ...”
      “ อะไรเหรอครับ ”
      “ ปะ..เปล่าหรอกจ๊ะ ไม่มีอะไร  รีบไปทำงานเถอะ ”
      ซัลได้แต่งง สิ่งที่น้าจะพูด  แต่ตอนนี้เด็กชายไม่มีเวลาที่จะมาคิดแล้ว  เพราะตอนนี้เลยเวลาเข้างานของเขามานานแล้ว  เขายังไม่อยากถูกไล่ออก  ซึ่งถ้าเขาถูกไล่ออก นั่นก็หมายความว่า เงินค่ายาของแม่เขาก็จะไม่พอ  และงานตอนนี้ ก็หายาก เพราะส่วนมากเดี๋ยวนี้เขาไม่ค่อยจะรับเด็กแล้ว  แต่โชคดีของซัลที่เถ้าแก่ที่ร้านเห็นใจเขา  จึงรับเขาเข้าทำงาน  ซัลจึงต้องวิ่งอย่างสุดกำลัง  แม้ว่าจะเหนื่อยแค่ใหน  เหงื่อมากมายใหลออกจากหน้าเขา ทั้งก็ตัวชุ่มไปด้วยเหงื่อ  เขาจะต้องวิ่ง วิ่งให้ไวไปถึงให้เร็วที่สุด
               หลายวันผ่านไปที่ซัลได้ช่วยน้าเอาไว้  วันหนึ่งก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นที่หน้าบ้านเขา  เมื่อเด็กชายไปเปิดประตูก็ต้องตกใจ   และดีใจเล็กน้อย      เมื่อเขาเห็นน้าที่เป็นเพื่อนสนิทของแม่    และครั้งนึงที่เขาเคยช่วยไว้ จากฝูงหมาป่า  มายืนอยู่หน้าบ้านพร้อมกับหมอ
      “ เอ่อ น้าพาหมอ มาดูอาการของแม่หนูน่ะ  แม่หนูอยู่ตรงใหนล่ะ ”
      “ น้าครับ  ผม....ผม...ฮือ  ฮือๆๆๆ ”
      “ ร้องให้ทำไม ซัล  เด็กผู้ชายเขาต้องไม่ร้องให้นะจ๊ะ  น้าขอโทษนะ  ตอนนั้นน้าผิดเอง  ที่พูดยังงั้นกับหนู  น้าไม่น่าไปหลงในวัตถุ  ปล่อยให้จิตใจน้ากลายเป็นแบบนั้น  กลายเป็นคนที่แล้งน้ำใจ  อย่างที่หนูพูด เราคนหมู่บ้านเดียวกัน  ก็ต้องช่วยกันใช่ใหมจ๊ะ  ”
      “ ฮือ ฮือๆๆๆ  น้าครับ  ขอบคุณมากเลยครับ  ฮือ  ฮือๆๆๆๆ...”
      “ แน่ะ ยังร้องให้อีก ” เธอพูดพร้อมกับลูบหัวซัลอย่างอ่อนโยนเหมือนเมื่อก่อน  ที่มีอยู่ครั้งนึงเขาไปเล่นกับเด็กในหมู่บ้าน แล้วหกล้ม  ตอนนั้นเขาเจ็บมาก  แล้วน้าที่กลับจากตลาดก็บังเอิญมาเห็นเขา ก็เข้ามาปลอบ ลูบหัวหัวอย่างอ่อนโยน พร้อมกับพาไปทำแผล  เอาขนมมาให้กิน  น้าป็นคนที่ใจดี  และทำขนมอร่อยที่สุดเหมือนแม่ของเขา ในความคิดของเขา
      “ ครับ ผม ไม่ร้องแล้วครับ ”  เด็กชายยิ้มให้น้า ซึ่งหลังจากที่แม่ของเขาป่วยก็มีวันนี้นี่แหล่ะ ที่เด็กชายได้ยิ้มให้อย่างร่าเริงมีความสุขเหมือนแต่ก่อน
               จากนั้นมา  เธอก็ได้มาเยี่ยมแม่ของเขาเกือบจะทุกวัน  นำของมาฝากแม่และเขาทุกครั้ง จนแม่หายป่วยที่สุด
      ทั้งยังชวนเขาไปกินขนมที่บ้านบ่อยๆ  และเราก็กลับไปสนิทกันเหมือนเดิม  พูดคุยอย่างสนุกสนาน มีแต่รอยยิ้มให้กันทุกครั้งที่เจอ    เธอได้เล่าเรื่องราวของเธอให้คนในหมู่บ้านฟัง    เมื่อพวกเขาได้ฟังต่างก็พากันเสียใจที่เคยทำ
      ไม่ดีไว้กับเด็กชาย  ก็พากันมาขอโทษ  แต่ซัลไม่โกรธอะไร  และพร้อมที่จะคุยอย่างดีกับทุกคนเสมอ ไม่ว่าจะเคยทำอะไรไว้ก็ตาม  พวกคนในหมู่บ้านเริ่มกลับมาเป็นอย่างเดิม  แม้ว่าจะยังคงส่งของมากมาย และซื้อของเหล่านั้น  แต่พวกเขาก็กลับมาพูดคุยกันทุกครั้งที่เจอหน้ากัน  และยิ้มแย้มให้กันทุกครั้ง  นำของมาฝากเป็นบางครั้ง  เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่เหมือนแต่ก่อน  แต่ก็ยังมีบางบ้านที่ไม่สนใจใยดีเหมือนเดิม  แต่อีกไม่นานแน่นอน  ที่คนทุกคนในหมู่บ้านของเขาจะกลับมาเป็นอย่างเดิม  ถึงแม้ตอนนี้จะยังมีเพียงไม่กี่บ้าน ที่เป็นเหมือนบ้านเขาและน้า  แต่ซักวันนึงต้องกลับมาเป็นหมู่บ้านที่รักกัน  และเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แน่นอน
      ...................................................................................................................................................................................
               แม่ครับผมดีใจมากเลยที่แม่หายป่วยแล้ว  ตอนนี้แม่กลับมาทำงานบ้าน  ลุกนั่ง  ยิ้มให้ผมเหมือนแต่ก่อน  ทำขนมอร่อยๆให้ผมกิน  ผมดีใจที่สุดเลยครับแม่  ผมเองถึงแม้จะทำงานน้อยลงแล้ว  แต่ผมก็คงต้องทำงานอยู่ดี  ผมไม่ได้อยากได้เงินมากมาย  ไม่ได้อยากร่ำรวย  แต่ผมทำเพื่อแม่ครับ  แม่จะได้สบาย  ไม่ต้องมาลำบาก  แล้วถ้าแม่ป่วยอีก  ผมก็จะได้มีเงินซื้อยาดี มารักษาแม่  แม่ครับผมมีอะไรอยากจะบอกแม่อย่างนึงฮะ  แม่ครับผมรักแม่  แม่สัญญานะ  ว่าแม่จะอยู่กับผมไปอีกนาน  ผมรักแม่ที่สุดเลยฮะ
               น้าครับ  ผมขอบคุณมากเลยเลยครับ  น้ามีบุญคุณกับบ้านเรามาก  เพราะน้า  แม่ผมถึงหายเป็นปกติ  น้าเป็นผู้หญิงใจดีที่สุดเลย  น้าครับ ถึงน้าจะไม่ใช่แม่ของผม  แต่ผมก็รักน้าเหมือนแม่คนนึงของผมนะครับ  ผมโชคดีที่ได้รู้จักกับน้า  ขอบคุณอีกครั้งฮะ
      ...................................................................................................................................................................................

      พระเจ้าฮะได้ยินผมมั๊ยครับ   ผมขอบคุณมากครับ  ที่ฟังคำขอของผม  แต่ผมจะขอเป็นครั้งสุดท้ายแล้วครับ  ผมขอให้ทุกคนในหมู่บ้านกลับมารักกันเหมือนเดิมได้ใหมฮะ  นะฮะพระเจ้า  ฟังคำขอร้องผมหน่อย  ผมขอครั้งสุดท้ายจริงๆ  พระเจ้าฮะ......

      ...................................................................................................................................................................................

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×