ไผ่ส่งกรรม - ไผ่ส่งกรรม นิยาย ไผ่ส่งกรรม : Dek-D.com - Writer

    ไผ่ส่งกรรม

    ผี วิญญาณและความอาฆาต จะติดตามข้ามภพเพื่อรอวันกรรมสนองกรรม

    ผู้เข้าชมรวม

    643

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    4

    ผู้เข้าชมรวม


    643

    ความคิดเห็น


    14

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  23 มิ.ย. 46 / 19:02 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      ไผ่ส่งกรรม

      ( พุทธศักราช  2410 )
      “ปล่อยนะปล่อยฉันนะ” เสียงสาวร้องตะโกนดังก้องดงไผ่
      “แม่กิ่งอ้อยเข้าปากช้างแล้วช้างคายก็ช้างโง่นะสิตามฉันมาเงียบๆอย่าดื้อดึงดีกว่าแถวเนี๊ยะห่างไกลผู้คนไม่มีใครมาช่วยแม่กิ่งได้หรอก”
      “ไอ้มาตรไอ้คนชั่วปล่อยฉันนะช่วยด้วยๆ” กิ่งหญิงสาวร่างเล็กร้อง  ด้วยกำลังมิอาจทานแรงฉุดของมาตรได้
      “หยุดนะไอ้มาตร” เสียงบุรุษหนุ่มดังขึ้น
      ร่างของดอนปรากฏขึ้นพร้อมดาบเล่มใหญ่ในมือ  เขาชี้ไปที่มาตร
      “มึงปล่อยแม่กิ่งเดี๋ยวนี้นะไอ้มาตรมึงกระทำการโฉดเช่นนี้ไม่ต้องรอให้พ่อกำนันจัดการเอ็งหรอก ข้านี่แหละจะจัดการเอ็ง”
      มาตรฟังดอนพูดจบ  เขาหยุดเผชิญหน้ากับดอนและชี้ดาบไปที่ดอนเช่นกัน
      “ช่างเป็นคนรักที่กล้าหาญเสียจริงนะเอ็งผู้ชนะต้องได้แม่กิ่งไป” ดอนพูดจบ  เขาปล่อยมือที่จับกิ่งไว้แน่นออก  แล้วเข้าพุ่งประจัญบานกับดอน
      เสียงดาบกระทบกันดังลั่นดงไผ่  กิ่งได้แต่ยืนตลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดอยู่ตรงหน้า
      “ระวังนะพี่ดอน” กิ่งตะโกนบอกคนรัก
      เวลาเดียวกันนั้นเอง  ดาบของมาตรได้หลุดออกจากมือ  มาตรเดินถอยหลังสดุดท่อนไม้ทำให้เขาล้มลง  ดอนได้ทีชี้ดาบไปที่มาตร  ปลายดาบห่างจากหน้าของมาตรเพียงศอกเท่านั้น  ดอนค่อยๆเดินไปใกล้  มาตรก็ผงะถอย
      ขณะที่มาตรผงะถอยอยู่นั้น  เขารู้สึกว่ามือของเขาไปสัมผัสกับอะไรบางอย่าง  ท่อนไผ่ปลายแหลมยาว 2 ศอกได้อยู่กำลังอยู่ในมือเขา
      “สวรรค์เป็นใจข้าล่ะไอ้ดอน” มาตรพูดจบ  เขาจ้วงปลายไผ่ที่แหลมเข้าที่ท้องของมาตรสุดแรงจนทะลุด้านหลัง  กิ่งที่ยืนดูอยู่ร้องสุดเสียงแล้วเป็นลมล้มฟุบไป  ขณะที่ร่างของดอนล้มลงจมหลุมโคลน
      “ไอ้ดอนนอนให้สงบเถอะนะเพื่อน ข้าจะดูแลแม่กิ่งเอง” มาตรพูดจบเขาหัวเราะร่า  และเดินไปที่ร่างของกิ่งที่นอนหมดสติอยู่กับพื้น  จากนั้นก็อุ้มร่างของกิ่งไปยังกระท่อมที่เขาเตรียมไว้  ซึ่งอยู่ห่างจากที่นี่ไป 1 กิโลเมตร
      ร่างอันไร้วิญญาณของดอนที่นอนแน่นิ่งจมหลุมโคลน  โดยมีท่อนไผ่ปลายแหลมปักคาอยู่ที่ท้อง  เนื่องจากไผ่ท่อนนั้นยังไม้แห้ง  ประจวบกับจมลงโคลน  ไผ่เมื่อได้รับความชุ่มชื่นจากดินโคลนท่อนไผ่นั้นจึงได้แตกหน่อขึ้นเป็นไผ่ที่มีชีวิตเตรียมที่จะหยั่งรากลงดิน  และไผ่กอนี้เองที่จะเป็นที่สถิตของดวงวิญญาณที่เต็มไปด้วยความอาฆาตแค้นของดอน
      กิ่งตกใจตื่นได้สติจากการเป็นลม  พบว่าตนอยู่ในสภาพเปลือยมีมาตรนอนอยู่ข้างกายในสภาพเปลือยเช่นกัน  กิ่งลุกขึ้นนั่งร้องไห้คร่ำครวญเสียใจถึงคนรักและการถูกย่ำยีพรหมจารี  เธอร้องไห้อยู่พักใหญ่แล้ว ลุกขึ้นยืนเหม่อลอยคล้ายไร้สติ  เธอเหลือบมองดูมาตรที่ยังคงนอนหลับสนิท  เธอคว้าผ้าขาวม้าที่วางอยู่ข้างมาตรแล้วย่องลงกระท่อมไป  เธอเดินหม่อลอยมาถึงใต้ต้นมะเดื่อ  แล้วตัดสินใจจะแขวนคอตายที่นั่น  เธอยืนบนก้อนหินสวมคอเข้าบ่วงปลิดชีพ  ขณะที่เท้าของเธอกำลังเคลื่อนออกจากก้อนหิน  เธอเห็นภาพของดอนยืนอยู่ตรงหน้า  อนิจจาไม่นานนักกิ่งก็สิ้นใจที่ต้นมะเดื่อต้นนั้น

      ( ปัจจุบัน )
      ชนบทแห่งนี้เปลี่ยนไปแต่เดิมมากแต่ดงไผ่ที่ๆดอนสิ้นใจยังคงอยู่  ต้นมะเดื่อที่ในอดีตกิ่งใช้เป็นที่ปลิดชีพได้ยืนต้นตายไปนานแล้ว  เสียงนกกายังคงร้องเซแซ่งทุกเช้าเย็น  แม้ความเจริญจะเข้าถึงแต่ก็มิอาจแยกธรรมชาติออกไปได้
      “สวัสดี – ชาวราชการอำเภอของเราทุกคน – วันนี้อย่างที่เราทราบปลัดคนใหม่จะมาประจำอยู่ที่นี่ – ผมจะแนะนำให้ทุกคนรู้จักอย่างเป็นทางการ – นี่คือคุณวาทิน จะมารับตำแหน่งปลัดอำเภอของอำเภอเรา” นายอำเภอกล่าวแล้วหันไปทางปลัดหนุ่มวาทิน “ผมหวังว่าคุณจะช่วยกันบริหารอำเภอของเราให้เจริญขึ้นนะ”
      แล้วเสียงปรบมือก็ดังกึกก้องทั่วที่ว่าการอำเภอ แล้วนายอำเภอก็เดินกลับห้องโดยมีปลัดวาทินเดินตามหลังไป
      “นั่งก่อนสิคุณปลัด” นายอำเภอเชื้อเชิญ “วันนี้คุณยังไม่ต้องทำงานนะ เอาเป็นว่าผมให้คุณลาไปจัดการเรื่องบ้านพักก่อน”
      “แต่ว่านายอำเภอครับ – คือ”
      “ไม่เป็นไรหรอกเรื่องงาน  เอาเป็นว่าคุณไปจัดการเรื่องบ้านพักให้เสร็จจะได้ย้ายเข้าวันนี้เลย – ที่อยู่อาศัยเป็นหนึ่งในปัจจัยดำรงชีพที่ขาดไม่ได้  ถ้าไม่ไปตอนนี้คืนนี้คุณอาจได้นอนที่นี่นะ”
      “ถ้าอย่างนั้นผมขอลางานหนึ่งวันแล้วกันครับ  และขอขอบคุณนายอำเภอที่กรุณา” ปลัดวาทินยกมือไหว้ขอบคุณ
      “ไม่เป็นไรหรอก – งั้นเดี๋ยวตามลุงอินทร์ไปนะ” นายอำเภอพูด
      “ครับ”
      ปลัดวาทินออกจากห้องนายอำเภอไปหาลุงอินทร์  เพื่อให้ลุงอินทร์พาไปบ้านพัก
      บ้านพักหลังนี้อยู่ห่างจากที่ว่าการอำเภอไปประมาณ 4 กิโลเมตรได้  ปลัดวาทินขับรถกระบะที่มีข้าวของเครื่องใช้ภายในบ้านเต็มคันรถ  โดยมีลุงอินทร์นั่งมาด้วย
      “หลังนี้แหละครับคุณปลัด”
      “อืม…ขนาดพอดีเลยลุง”
      ทั้งคู่เข้าไปในบ้านพักที่ด้านในจัดสรรไว้เป็นห้อง  ซึ่งลักษณะบ้านเป็นบ้านไม้สองชั้นสองห้องนอนมีต้นไม้ร่มรื่น
      “พวกเราเก็บกวาดให้เรียบร้อยแล้วครับคุณปลัด  เหลือเพียงขนข้าวของเข้าอยู่เท่านั้นเอง – เดี๋ยวผมช่วยนะครับ”
      ลุงอินทร์และปลัดหนุ่มช่วยกันขนข้าวของเข้าบ้านพัก  ขณะที่ของชิ้นแรกกำลังจะเข้าประตูบ้านพักก็มีเสียงจิ้งจกร้องทัก  ซึ่งทำให้ลุงอินทร์หยุดกึก
      “มีอะไรหรือครับลุง” ปลัดหนุ่มถามด้วยใบหน้าที่สงสัย
      “จิ้งจกร้องทัก  โบราณเขาว่าไม่ดีนะครับ” ลุงอินทร์ตอบ
      “งมงายน่ะลุง ผมไม่ค่อยเชื้อเรื่องพวกนี้เท่าไหร่ – ผมว่าเรารีบขนของเข้าไปข้างในกันดีกว่า”
      สีหน้าลุงอินทร์ตอนนี้ดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่  ไม่นานนักทั้งคู่ก็ช่วยกันขนของเสร็จซึ่งเป็นเวลา 16.30 น.  พอดี
      “ขอบใจลุงมากนะครับ” นายปลัดยกมือไหว้ขอบคุณ
      “ไม่เป็นไรหรอกครับคุณปลัด – อ้อ…” ลุงอินทร์เอามือล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ “พระองค์นี้  ลุงเอาติดตัวไว้ตลอด  ลุงเอาให้คุณปลัดก็แล้วกัน”
      “ผมไม่ค่อยเชื้อเรื่องพวกนี้เท่าไหร่นะครับลุง” ปลัดหนุ่มพูด
      “ยังไงคุณปลัดก็เอาติดตัวไว้ก็แล้วกันไม่เสียหายอะไรหรอกครับ”
      ปลัดหนุ่มรับพระไว้ด้วยความจำยอม  แล้วขับรถไปส่งลุงอินทร์กลับ

      ปลัดหนุ่มกลับมาถึงบ้านพักอีกครั้งก็เวลา 17.30 น. พอดี  ทุกอย่างเงียบกริบนอกจากเสียงนกการ้องเซ็งแซ่พร้อมเสียงจั๊กจั่นรำไร  บ้านพักหลังนี้เป็นบ้านพักเดี๋ยวดูเเหมือนบ้านหลังที่ใกล้ที่สุดจะอยู่ห่างจากนี่ไปอีกประมาณ 300 เมตร  ปลัดหนุ่มขึ้ไปบนบ้านเปิดหน้าต่างชั้นสองแล้มองไปยังดงไผ่ซึ่งอยู่ห่างจากนี่ไปร้อยเมตร
      “บรรยากาศชนบทโดยแท้” เขาเอ่ย

      วันนี้เหนื่อยมาทั้งวันความเพลียจึงทำให้เขารู้สึกง่วง  นี่เพียงแค่ สามทุ่มเท่านั้นนายปลัดจึงปิดไฟนอน  ขณะที่เขากำลังหลับตาลงได้พักหนึ่ง  ปลัดหนุ่มรู้สึกได้ว่าได้ยินเสียงฝีเท้าของคนสองคนเดินอยู่รอบบ้านพัก  เขาจึงลุกเปิดสวิชต์ไฟแล้วมองหาต้นตอของเสียงที่เงียบหายไป  แต่ก็ไม่พบอะไรเลย
      “ หรือว่าเราหูฝาดไป “ ปลัดหนุ่มพึมพำก่อนจะปิดไฟนอน
      ทีนี้ไม่มีเสียงใดรบกวนอีก  ในขณะที่นอนหลับปลัดหนุ่มฝันเห็นเหตุการณ์หนึ่ง  คือเหตุการณ์ที่ มาตร ฉุดกิ่งแล้ว ดอน เข้ามาช่วย  ภาพฝันของเขาปรากฏชัดเจนมากขึ้นขณะที่ดอนโดนแทง  ปลัดเห็นสีหน้าของดอนซีดเผือก ทำตาเหลือกมองมาที่เขา  แล้วภาพฝันก็ต่อที่ภาพหญิงสาวแขวนคอ ใบหน้าซีดเผือก ทำตาเหลือกมองมาที่เขาเหมือนภาพฝันแรก  ตาทั้งคู่ดูหน้ากลัวเหมือนแววตาเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น  แล้วเสียงกรี๊ดแหลมบาดหูก็ดังขึ้นทำให้ปลัดหนุ่มตกใจตื่นทันที  เขาลุกขึ้นนั่งรวบรวมสติเอามือปาดเหงื่อที่อาบเต็มหน้า  ช่างเป็นฝันที่น่ากลัวอะไรเช่นนี้  นาฬิกาบนหัวเตียงบอกเวลาตีห้าพอดีซึ่งควรที่เขาจะเตรียมตัวไปทำงานได้แล้ว
      ปลัดหนุ่มฉุกคิดถึงความฝันนั้นอีกครั้ง  ในขณะที่ทานอาหารเช้า  แล้วนึกถึงของคนที่ชื่อมาตรในฝัน  ปลัดหนุ่มรู้สึกว่าใบหน้าของมาตรช่างคล้ายกับใบหน้าของเขา  แต่ก็แค่นั้นปลัดหนุ่มหยุดความคิดนี้ไว้  แล้วก็ไปทำงาน
      ช่วงเวลาทำงานผ่านพ้นไป  ปลัดหนุ่มกลับมาถึงบ้านเป็นเวลา 5 โมงเย็นพอดี  เขาเดินไปเปิดประตูบ้านแล้วก็แปลกใจที่เห็นผ้าขาวม้าและท่อนไผ่ปลายแหลมวางขวางประตูบ้านเลยทำให้เขาหวนไปคิดถึงฝันเมื่อ คืนที่ผ่านมา  ลมที่ดูทีท่าว่าจะไม่มีเลยในวันนี้ก็โหมซัดมาวูบหนึ่งทำให้ปลักหนุ่มตื่นจากการคิดถึงฝันเมื่อคืน
      “ อะไรกันเนี๊ยะ “ ปลัดหนุ่มเอ่ย  ก่อนจะเอาผ้าขาวม้าและท่อนไผ่ไปไว้ข้างหลังบ้าน
      หกโมงเย็นปลัดหนุ่มอาบน้ำเสร็จพอดี  ขณะที่เดินผ่านหน้าต่างปลัดหนุ่มมองผ่านหน้าต่างแบบผ่านๆ  เขาคิดว่าเขาเห็นชายหญิงชุดดำยืนอยู่ที่ดงไผ่หันหน้ามาทางนี้  ปลัดหนุ่มจึงดึงสายตากลับมามองไปที่ดงไผ่อีกครั้งแต่ก็ไม่มีใคร  ปลัดหนุ่มจึงส่ายหน้าแล้วเดินจากไป

      ปลัดหนุ่มแหงนหมองดูนาฬิกาเป็นเวลาห้าทุ่มพอดี  เขารู้สึกว่าง่วงแล้วจึงปิดทีวีเพื่อเข้านอน  ปลัดหนุ่มรู้สึกถึงลมที่พัดเย็นยะเยือกจนทำให้ขนลุก  ปลัดหนุ่มจึงเดินไปปิดหน้าต่างก่อนจะปิดไฟนอน  ยังไม่ทันที่ปลัดหนุ่มจะหลับตาด้วยซ้ำ  เขาได้ยินเสียงฝีเท้าเหมือนคืนที่ผ่านมา  ปลัดหนุ่มจึงลุกเปิดไฟ  ขณะที่ไฟติดเขาต้องตกใจเมื่อมีร่างชายกับหญิงหน้าตาซีดเผือก  ร่างของชายมีรอยแทงที่ท้องบาดแผลชุ่มไปด้วยเลือด   นั่งบนเก้าอี้ส่งสายตาอาฆาตเบิกกว้างตรงมายังเขา  ปลัดหนุ่มยืนอึ้งชั่วครู่ก่อนจะผงะถอยหลัง  พอตั้งสติได้แล้วจึงวิ่งไปเปิดประตูแต่ประตูติดมันเปิดไม่ได้  เขาหันกลับมายังเก้าอี้อีกครั้งร่างทั้งสองก็หายไปเสียแล้ว  ปลัดหนุ่มทรุดลงนั่งสวดมนต์เมื่อรวบรวมสติได้แล้วก็ลุกไปเปิดประตูอีกครั้ง  ประตูถูกเปิดออกเขาจึงวิ่งตรงมายังระเบียงบ้านเพื่อจะลงบรรได  ปลัดหนุ่มเห็นร่างของชายยืนอยู่ที่ปลายบรรไดมองตรงมายังเขา  ปลัดหนุ่มจึงวิ่งกลับเข้าไปในบ้าน  ลมที่กรรโชกแรงทำให้ประตูที่เปิดไว้ปิดดังปังใหญ่จนทำให้ปลัดตกใจ  ปลัดหนุ่มหันหน้ากลับมาข้างในบ้านภาพที่เขาเห็นต่อหน้าคือร่างของหญิงสาวแขวนคออยู่ที่ขื่อบ้าน  ตาเหลือกมองมาที่เขาปลัดหนุ่มจึงตัดสินใจโดดลงหน้าต่าง  วิ่งจ้ำเข้าไปยังดงไผ่พร้อมกับเสียงหัวเราะที่ชวนขนหัวลุกของชายหญิงทั้งคู่ดังไล่หลังมา  ปลัดหนุ่มวิ่งเข้าไปยังดงไผ่เขาหันหลังมามองบ้านพักเห็นชายหญิงคู่นั้นยืนดูอยู่ที่หน้าต่าง  แล้วเขาก็ตกใจเพราะไปสดุดท่อนไม้จนเขาล้มลงกับพื้น  ปลัดหนุ่มนอนลงกับพื้นพร้อมกับอาการชาไปทั่วตัว  ความมืดในดงไผ่ไม่สามารถที่จะเห็นอะไรได้แต่ปลัดหนุ่มรู้สึกว่ามีท่อนไม้ยาวแทงเข้าที่ท้องของเขาจนทะลุหลังและก่อนที่เขาจะสิ้นใจลงปลัดหนุ่มได้ยินเสียงเย็นยะเยือกของชายหญิงทั้งสองพูดขึ้นว่า
      “ ไอ้มาตร –กรรมสนองแกแล้ว “
      แล้วเสียงหัวเราะก็ดังขึ้นแล้วก็ค่อยๆจางลงๆ  จางลงไปพร้อมๆกับไฟอาฆาตที่ระอุอยู่นานนับร้อยปี.


      คเชนทร์  ฉัตรมงคล

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×