เชราร์ อุลลิเยร์ เป็นหนึ่งในผู้กำกับที่ เออ
ฉลาด แต่ต้องว่ากันถึงการเน้นเกมส์รับ เพราะเท่าที่ทุกคนเห็น การกำกับให้ออกมาเป็นภาพยนต์ที่เน้นเกมส์รุกนั้น ดูเหมือนจะไม่ใช่แนวทางการทำภาพยนต์ของเขาอย่างแท้จริง
ผลงานเรื่องล่าสุดของผู้กำกับคนนี้ คือภาพยนต์แนวดราม่าทริลเลอร์ที่ใช้ผู้แสดงอย่างสิ้นเปลืองทั้งสิ้น 14 คน ซึ่งออกมาในช่วงเดียวกับการเปิดตัวของหนัง”หวังสร้างปรากฎการณ์” ที่กำกับโดย เคลานิโอ รานิเอรี ผู้กำกับที่ได้รับทุนสร้างมหาศาลจากผู้อำนวยการสร้างชาวรัสเซีย ซึ่ง
เออ เรายังไม่แน่ใจว่า เขารู้รึเปล่าว่าฟุตบอลเล่นกันกี่คน
ทุนสร้างกว่า 80 ล้านปอนด์ถล่มทับ รานิเอรี และเขาไม่รอช้าที่จะนำเงินร้อนจำนวนนี้ไปว่าจ้าง ซูเปอร์สตาร์ ดังๆให้เซ็นสัญญาเพื่อรับบทนำที่แตกต่างกันไปในภาพยนต์ของเขา หนึ่งในเม็ดเงินที่ถือว่าน่าจะดูคุ้มค่าที่สุดคือการคว้าตัว ฮวน เซบาสเตียน เวรอน มาเป็นหนึ่งในทีมนักแสดงอันเอกอุไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันของเขา ค่าตัว 15 ล้านปอนด์ของเวรอน แม้จะน้อยเมื่อเทียบกับค่าตัวที่ปรมาจารย์ผู้กำกับอย่าง เซอร์ อเล็กซ์ ต้องจ่ายเพื่อนำเขามารับบทนำสองซีซั่นก่อน แต่เวรอนไม่ได้ให้การแสดงที่ทรงพลังควรค่าแก่ออสการ์อย่างที่หลายคนคาดหวัง ซีซั่นนั้นเขาได้รางวัลราสเบอรี่ไปนอนกอดอย่างหน้าชื่นอกตรม ก็ถือว่าในผลงานเรื่องใหม่ของเขา ซึ่งได้รับบทที่ค่อนข้างจะถนัดมากขึ้น เราน่าจะเห็นพลังการแสดงที่ทรงคุณค่าของเขามากขึ้น มาดูกันว่า เวรอน จะกลับมาได้เหมือนที่อาร์โนลกลับมาพร้อม T3 หรือไม่
หันมาดูทางฝั่งอุลลิเย่ร์กันบ้าง การได้ตัวยอดนักแสดงที่มพลังดาราสูงอย่าง แฮรี่ คีเวลล์ มาเป็นหนึ่งในนักแสดงหลักนั้นนับเป็นสัญญาณที่ดีที่ออสการ์จะต้องหันมามอง แต่มาตรฐานการทำหนังที่ต่ำและเอนเตอร์เท็นคนดูไม่เป็น ก็จริงที่ทีมนักแสดงของอุลลิเยร์นั้นเป็นทีมที่ “ขายฝีมือ” ทางการแสดงได้อย่างน่ากลัว ในที่นี้ชื่อของ ไมเคิล โอเวน, สตีเฟ่น เจอร์ราด, เอลฮัดจิ ดิยุฟ, แฮร์รี่ คีเวลล์ และ บรูโน่ เชย์รู นั้น การแสดงของดาราที่กล่าวมานี้ถือว่าอยู่ในขั้นสุดยอดและน่าจะได้รับความสนใจจากออสการ์มากกว่านี้หากว่าได้รับการกำกับจากผู้กำกับที่มีฝีมืออย่าง อาร์เซ็น เวนเกอร์ หรือ เซอร์ อเล็กซ์ หรือแม้แต่ เซอร์ บ็อบบี้ ก็ตาม
โปรแกรมเปิดตัวของทั้งสองเรื่องนั้นชนกันเข้าอย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ทันทีที่รายชื่อ 11 นักแสดงนำของอุลลิเย่ร์ถูกเผยออกมา มันสร้างความสยดสยองต่อเหล่าสาวกอย่างเห็นได้ชัด ตรงข้ามกับทางฝรั่งรานิเอรี ที่วันนี้หมายมั่นที่จะถล่มบอกซ์ออฟฟิศเอาใจผู้อำนวยการสร้างที่ลงทุนตีตั๋วเข้าไปดูด้วยตาเปล่า
บทภาพยนต์ของอุลลิเยร์ยังชวนหลับคาโรงเหมือนเดิม หนังเริ่มต้นด้วยความวูบวาบและสร้างความฮือฮาให้คนดูได้ตั้งแต่ 5 นาทีแรก เมื่อนัแสดงจอมขโมยซีนอย่าง แดนนี่ เมอร์ฟี่ ได้โอกาสสับไกเข้าใส่ (รอย) คาร์โล คูดิชินี่ แต่ คูดิชินี่ ไหวตัวทันเกร็งลมปราณใช้ฝ่ามือ”หยุนถี่ฟงเซิน” ปัดกระสุนออกข้างตัว ทีมนักแสดงของอุลลิเยร์แสดงกันได้ดีในช่วงครึ่งของครึ่งแรก แฮร์รี่ คีเวลล์ ที่เงียบอยู่นาน ได้จังหวะขโมยซีนวิ่งเข้าไปหาคูดิชินี่พร้อมสับไกมุมแคบกะเอาให้ตาย แต่กระสุนถากคูดิชินี่ไปเสียฉิบ จากนั้นบทของรานิเอรี เริ่มเข้มข้นขึ้น จนในที่สุด ก็เป็น ฮวน เวรอน ที่จัดการขโมยความเด่นไปเป็นของตัวเองทั้งๆที่เด่นอยู่แล้วจนไม่รู้จะเด่นยังไง ด้วยการใช้ปืนยิงเจอร์ซี่ ดูเด็ค ตายอย่างน่าอนาถ
บทภาพยนต์ของอุลลิเยร์มาถึงทางตัน คือจะไปข้างหน้าก็ไม่ถนัด จะถอยกลับก็ไม่รู้จะกลับไปตรงจุดไหน ผู้เขียนสันนิษฐานว่าน่าจะมาจากการที่อุลลิเยร์กำหนดบทบาทให้นักแสดงของเขาไม่ตรงจุด การให้สิงห์ปืนไวอย่าง แฮร์รี่ คีเวลล์ไปอยู่ทางขวาของ ดิยุฟ ซึ่งเป็นสิงห์ปืนขวานั้นดูไม่ค่อยเข้าท่า และทำไปทำไม(วะ) ทำให้ผู้เขียนนึกถึงการจับจอนนี่ เด็ปส์ ไปแสดงเป็นโจรสลัดซึ่งตอนแรกผู้เขียน งง และคิดว่า เด็ปส์ นั้น “บ้าหรือเปล่า” แต่พอได้ชมจริงๆ ที่เคยชอบเด็ปส์ อยู่แล้ว ตอนนี้ถึงขั้นอยากแต่งงานด้วยให้รู้แล้วรู้แร่ดไปเรย ไม่ต้องพูดถึงคู่แสดงนำอย่าง ไม่เคิล โอเวน กับ เอมิล เฮสกี้ ซึ่งขาดการสนับสนุนและรับส่งบทที่ดีระหว่างนักแสดงประกอบที่ล้วนแล้วแต่ดาหน้ากันเข้ามาตายเพราะบทที่ไม่ถนัด สองคนนี้แทบจะด้นบทเล่นกันอยู่แล้ว อย่าลืมว่า ไมเคิล โอเวน นั้นไม่ใช่ ทอม แฮงค์ ที่สามารถรับบทคนติดเกาะคนเดียวเกือบทั้งเรื่องได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เห็นได้อย่างชัดเจนว่า นักแสดงที่มี”พลังดารา” เท่าๆกันนั้น บท จะเป็นตัวบ่งชี้ถึงความได้เปรียบและคุ้มค่าของดาราแต่ละคน
นักแสดงรับเชิญก็มีส่วนสำคัญอย่างยิ่ง ในขณะที่การปรากฎตัวของนักแสดงรับเชิญของอุลลิเยร์นั้นไม่สามารถช่วยให้หนังมีสถานการณ์ดีขึ้นได้นั้น นักแสดงรับเชิญทางฝั่งรานิเอรีกลับขโมยซีนไปได้อย่างไม่มีข้อโต้แย้ง โดยเฉพาะนักแสดงรับเชิญอย่าง ฮัสเซลเบงค์ ที่ลงควงปืนลงไปฟาดหัว เจมี่ คาร์ราเกอร์ ก่อนบุกเข้าไปเป่ากะโหลก เจอร์ ซี่ ดูเด็ค อย่างอุกอาจ กลายเป็นฉากจบที่สะใจคอซาดิสม์เป็นอย่างยิ่ง ตรงข้ามกับอุลลิเย่ร์ที่แม้จะได้แผลจาก คูดิชินี่ จากวิธีที่น่าขายหน้า แต่นั่นทำให้สถานภาพการเป็น”ผู้กำกับออสการ์”ของเขายิ่งห่างไกลออกไป กลายเป็น”ผู้กำกับราสเบอร์รี่เน่า”แทน
การประมือยกแรกระหว่างสองผู้กำกับที่มีผลงานออกมาในช่วงเวลาเดียวกันนี้ ชัยชนะตกเป็นของ รานิเอรี่ กับทีมนักแสดงคุณภาพ หวังทั้งกล่องทั้งรางวัล ก็จริง ที่ยังมีอีกอย่างน้อยหนึ่งยกแน่นอนที่ผลงานของทั้งคู่จะต้องมาพิสูจน์กันว่าใครเจ๋งจริง แต่ก็นะ
ถ้ายัง เออ.. คิดออกมาได้แค่นี้ ก็สมควรวางมือไปได้แล้วนะ อุลลิเย่ร์
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น