Love of new year - Love of new year นิยาย Love of new year : Dek-D.com - Writer

    Love of new year

    เรื่องของทิน...ชายหนุ่มผู้มีอาการทางจิตประสาทกับแฟนสาวของเขา เรื่องรักซึ้งๆในคืน count down ต้อนรับปีใหม่

    ผู้เข้าชมรวม

    697

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    697

    ความคิดเห็น


    7

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  ซึ้งกินใจ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  5 ม.ค. 47 / 21:35 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      พรึ้บ!...โคร้ม! เสียงหนังสือเรียนเล่มใหญ่ถูกพับและวางกระแทกลงบนโต๊ะอย่างแรง

      ต่อจากนั้นไม่นานใบหน้าอันหล่อใสของเจ้าของหนังสือก็ฟุบตามลงไปแนบกับมัน......

            ถ้าเจ้าหนังสือเล่มนี้มันพูดได้ มันคงจะตวาดเสียงดังลั่นใส่เจ้านายของมันว่า

      “นี่ คนโรคจิต ฉันเจ็บนะ อยู่ๆก็มาทำปึงปังใส่ฉัน ฉันก็มีหัวใจเหมือนกันนะ แกมันก็เป็นซะแบบนี้แหละ โมโหขึ้นมาที ก็ทำใครๆเขาเดือดร้อน

      กันไปหมด แล้วแบบนี้ใครเขาจะไปทนแกได้ล่ะ   ไปตายซะไป คนโรคจิตๆๆๆๆๆๆๆๆ คนบ้า คนคลุ้มคลั่ง”
          
      “ใช่...ใครล่ะ? จะมาทนกับคนโรคจิตแบบเรา แม้แต่เธอยังทนฉันไม่ได้เลย”

      ทินชายหนุ่มผู้มีอาการทางจิตประสาทบ่นพึมพำอย่างน้อยใจพลางคิดถึง “เธอ”คนนั้นของเขา

      “ทำไมนะ ฉันถึงทำให้เธอมีความสุขไม่ได้เหมือนแต่ก่อนแล้ว ฉันต้องทำยังไง ให้ฉันทำอะไร ฉันยอม ฉันจะทำทุกอย่าง ฉันอยากให้เธอมี

      ความสุข ฉันต้องทำยังไง ฉันต้องทำอะไร ๆ....”

      อาการของเขากำเริบอีกครั้ง ปากของเขาเริ่มสั่น ลามเรื่อยลงมาจนถึงแขนขา และในที่สุดก็สั่นไปทั้งตัว พร้อมกับเสียงร้องไห้ฟูมฟาย

      ดวงตาของเขาเริ่มบวมและเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ คราบน้ำใสๆเลอะเปรอะอยู่เต็มหน้า ยังไม่รวมถึงคราบน้ำมูก น้ำลายที่เปื้อนติดอยู่ที่หมอนข้าง

      ใบเก่ง ผ้านวม หมอนหนุน หรือผ้าปูที่นอนของเขาอีก ยิ่งทำให้สภาพของเขาตอนนี้ดูน่ารังเกียจและเหมือนคนบ้าจริงๆเข้าไปทุกที

      และในที่สุดเขาก็เหนื่อยและหลับไปทั้งอย่างนั้น
            
      “เธออยู่กับฉันแล้วมีความสุขเหมือนเมื่อก่อนรึเปล่า ” เขาถามเธอกลางดึกคืนหนึ่งผ่านทางสายโทรศัพท์

      เมื่อเขาสังเกตถึงท่าทีที่เปลี่ยนไปของคนรัก

      “บอกตรงๆนะ เดี๋ยวนี้บางครั้งอ่ะ”

      “ทำไมล่ะ” เขาถามเธอเสียงสั่นๆ

      “ก็เดี๋ยวนี้เธอหงุดหงิดบ่อยมากเลยอ่ะ เธอคงเครียดเรื่องสอบล่ะมั๊ง”

      ....สิ้นสุดประโยคนี้ สายโทรศัพท์ก็ถูกตัดลง เธอพยายามโทรหาเขาครั้งแล้วครั้งเล่า แต่....ก็ไม่มีการตอบรับจากเขา

      เธอคงคิดว่าคนรักของเธอคงโมโหเธออีกตามเคย....โดยที่ไม่รู้เลยซักนิดว่า คนที่เธอบอกว่าเธอรักที่สุดนั้น ตอนนี้เขากำลังทุรนทุราย

      เพราะ อาการทางจิตประสาทเขากำเริบขึ้นอีกครั้ง  
                

                                                             - - - - - - - - - - - - - - -  - -  - - - - - - - -


      “ฮาโหล เธอหรอจ๊ะ อ๋อ ฉันอ่านหนังสืออยู่จ๊ะ  เธอล่ะจ๊ะ ทำอะไรอยู่” เขารับสายโทรศัพท์ของแฟนสาวด้วยเสียงร่าเริงในเช้าวันหนึ่ง

      “เอ่อ ฉันก็อ่านหนังสืออยู่เหมือนกันจ๊ะ อืม วันนี้เธอดูแปลกๆไปนะ”เธอตอบด้วยอาการงงเล็กน้อย

      “จ๊ะ ต่อไปนี้ฉันจะพูดกับเธอแบบนี้ตลอดไปเลยจ๊ะ จะได้กันไม่ให้ฉันโมโหเธออีก ดีมั๊ยจ๊ะ”เขาถามเธอ

      “อืม...ก็น่ารักดีเหมือนกันนะ”เธอพูดพลางหัวเราะ

      “ขำอะไรจ๊ะ ฉัน...เขินแล้วนะจ๊ะ”เขาเริ่มออกอาการเขิน

      “เปล่านิ่ แต่ว่า อืม...ไม่ต้องจ๊ะบ่อยขนาดนี้ก็ได้ มันดูไม่เหมือนเธอเลยอ่ะ”

      “ไม่ได้จ๊ะ ต้องกันไว้จ๊ะ แล้วอีกอย่างนึง ถ้าต่อไปนี้ฉันอยู่กับเธอแล้วฉันโมโหเธออีก เธอตบหน้าฉันแรงๆเลยนะจ๊ะ ฉันจะได้รู้สึกตัว

      แล้วถ้าฉันโมโหเธอทางโทรศัพท์ เธอก็ตวาดฉันดังๆเลยนะจ๊ะ ฉันจะได้กลัว แล้วก็เลิกโมโหเธอไงจ๊ะ”

      เขาบอกวิธีการที่เขานอนคิดมาทั้งคืนเพื่อที่จะใช้จัดการตัวเองให้เธอฟัง โดยใช้จุดอ่อนของตัวเขาเองตรงที่เขาไม่เคยให้ใครตบหน้าและ      

      เขาเป็นคนกลัวเสียงดังเป็นเครื่องมือ

      “อื๊อ ไม่เอาอ่ะ ทำไมต้องให้ฉันทำงั้นกับเธอด้วยล่ะ แต่เอ๊ะ เอาๆ เอาก็ได้”เธอรับปากเขาอย่างง่ายดาย จนทินชักเอ๊ะใจว่า ทำไมวันนี้          

      เจ้าเด็กดื้อของเขาถึงว่าง่ายนัก

      “ตบแรงๆเลยนะจ๊ะเธอ”เขาย้ำ(ท่าทางพระเอกของเราจะซาดิสม์ ตบแรงๆด้วยอ่า)

      “อื้อ ได้เลย จะตบหน้าเธอแรงๆเลย” เธอรับปากเขาเสียงระรื่น(นางเอกของเราก็ซาดิสม์เหมือนกันหรือนี่!!?!!) แต่เขาจับมุขเธอได้

      “เธอจ๊ะ เอามือตบนะจ๊ะ”

      “โธ่ เธออ่ะ จับได้อีกแล้ว บ้าดิ ใครจะใช้มือตบเธอล่ะ”

      “แล้วจะใช้อะไรตบล่ะจ๊ะคนดี” เขาแกล้งแหย่ให้เธอเขิน

      “ม่ายรุ คิดเองดิ” เธอตอบด้วยน้ำเสียงเขินสุดๆ

      “นะจ๊ะๆ น๊าๆๆ บอกหน่อยนะจ๊ะ ใช้อะไรตบหรอจ๊ะ” เขาอ้อนเธอ แต่เธอไม่ตอบ จนเขาต้องขู่เธอว่า “ไม่ตอบไม่นอนจริงๆด้วยคืนนี้

      จะตอบมั๊ยจ๊ะ”

      “โอเคๆ ตอบแล้วจ๊ะๆ แต่คืนนี้เธอต้องนอนพร้อมฉันนะ ฉันไม่อยากให้เธอนอนดึก ฉันห่วง พรุ่งนี้เธอต้องไปสอบ อืม เอา....

      เอา... ปปปปปปปปาก...ตบมั๊ง” เธอพูดแทบไม่เป็นคำ  

      “เอ๊ะ เมื่อกี๊นี้เธอพูดไรนะจ๊ะ ไม่ได้ยินเลยจ๊ะ หูฉันตึงชั่วคราวอ่ะจ๊ะ อีกรอบสิจ๊ะ”

      “เธออ่ะ ฉันเขินนะ แกล้งอยู่ได้  ก็บอกแล้วไงว่า เอาปากตบ” ประโยคสุดท้ายเธอพูดด้วยความเร็ว 80กิโลเมตรต่อชั่วโมง

      “ฮะๆๆ เธออ่ะน่ารักที่สุดก็ตอนเขินนี่แหละจ๊ะ รู้มั๊ยจ๊ะ” เขาเล่นไม่เลิก

      “เธออ่ะ พอแล้ว ฉันเขินจะแย่แล้ว เธอจ๋า พอเหอะนะ” เธออ้อนให้เขาหยุดแกล้งเธอ

      “งั้น....เธอจุ๊บก่อนสิจ๊ะ”เขายื่นข้อเสนอ

      “ก็ด้ะๆ จุ๊บ”เธอรับข้อเสนอ

      “อีกข้างนึงด้วยจ๊ะ”(น่ะ ได้1จะเอา2ซะแล้ว พระเอกของเรา)

      “จุ๊บ”

      “จุ๊บปากด้วยจ๊ะ”

      “จุ๊บ”

      “อื๊อ รักเธอที่สุดเลยจ๊ะ”

      “ฉันก็รักเธอจ๊ะ”
                      
      นี่คือเวลาปกติของเขากับเธอ ซึ่งเป็นคู่รักคู่หนึ่งที่จัดได้ว่า น่ารัก น่าอิจฉาเลยทีเดียว คงจะดี ถ้าเขาไม่เป็นคนที่มีอาการทางประสาท เธอกับ

      เขาก็คงอยู่กันอย่างมีความสุขไปแล้ว แต่เจ้าโรคร้ายที่เขาเป็นอยู่นี่สิ ตอนนี้มันเหมือนกับจะเป็นกำแพงกั้นระหว่างเขากับเธอ


                                                                - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -


                        
      ความมืดและอากาศหนาวค่อยๆคืบคลานเข้ามาปกคลุมมหานครแห่งนี้  ธินยืนทอดสายตาเหม่อลอยไปยังแม่น้ำอันกว้างใหญ่ที่อยู่เบื้องหน้า

      ลมหนาวกระหน่ำพัดกระทบจนร่างของเขาเริ่มสั่น อีกนานเท่าไรนะที่เขาจะต้องยืนหนาวอยู่คนเดียวแบบนี้

      เขายกมือข้างหนึ่งขึ้นพลางมองเวลาจากหน้าปัดนาฬิกา

      “4 ทุ่มกว่า คงไม่มาแล้วมั๊ง ” เขาบ่นพึมพำกับตัวเอง

      เขานัดเธอไว้ที่นี่ตอน5โมงเย็น โดยตั้งใจว่าจะฉลองปีใหม่ด้วยกัน 2 คน แต่จนป่านนี้แล้วก็ยังไม่พบเธอ

      “นี่แน่ะๆๆๆ โง่นัก เป็นไงล่ะ นึกว่าเขารัก เขาห่วง อุตส่าห์ซื้อดอกไม้มาให้ อยากอยู่ด้วย อยากเจอ อยากให้เรามีความสุขด้วยกัน

      แล้วเป็นไงล่ะ ไอ้โง่เอ๊ย”

      ดอกกุหลาบสีชมพูอ่อนช่อใหญ่ที่เขาซื้อให้เธอกำลังถูกขย้ำอย่างไม่ปรานี

      “ทำไมล่ะ ไม่อยากมาก็บอกกันตรงๆก็ได้นิ่ รู้ก็รู้ว่ายังไงๆฉันก็ต้องมา แล้วก็ต้องยืนคอยอยู่อย่างนี้จนเช้า ถ้าเธอไม่มา เค้าหนาวๆ

      เธอรู้บ้างมั๊ย ”

      เขาตะโกนใส่หูโทรศัพท์อย่างบ้าคลั่งด้วยความโมโห
          
      หลังจากที่เขารอเธออยู่นานหลายชั่วโมง เขากดปุ่มวางสายโทรศัพท์พลางน้ำตาไหลด้วยความน้อยใจ

      เขาออกวิ่งจากที่ๆเขายืนอยู่ วิ่งไปอย่างไม่มีจุดหมาย หูของเขาไม่ได้ยินเสียงใดๆทั้งสิ้น แม้แต่เสียงแตรจากรถนับสิบๆคันที่เขาวิ่งตัดหน้า

      เขาวิ่งผ่านพุ่มไม้ ชนสิ่งของต่างๆ ด้วยความโมโหอย่างบ้าคลั่ง
                        
      แล้วในที่สุดเขาก็ต้องหยุดวิ่ง มือและขาของเขาสั่นจนไม่สามารถวิ่งต่อไปได้

      เขาทรุดตัวลงกองกับพื้นสนามหญ้าหลังพุ่มไม้ในสวนสาธารณะแห่งหนึ่งพร้อมกับร้องไห้อย่างหมดสภาพ

      เสียงหายใจหอบๆปนเสียงสะอึกสะอื้นดังไปทั่วบริเวณ ทำลายความเงียบสงบของสวนสาธารณะแห่งนั้น

      “ตี๊ดๆๆๆๆๆๆตี๊ดดดดดดดด ติ๊ดๆๆ” เสียงโทรศัพท์มือถือของเขาดังขึ้น

      เขาล้วงมือเข้าไปหยิบมันออกมาจากกระเป๋ากางเกงด้วยความยากลำบาก

      “โกรธเค้าหรอ” เสียงสั่นๆของเธอถามผ่านมาตามสาย เขาไม่ตอบ ได้แต่ร้องไห้ฟูมฟาย

      ตัวของเขาสั่นสะท้านด้วยความหนาวจากลมที่พัดโชยมา

      “เค้าหนาวๆๆๆ” เขาเพ้อออกมาทั้งๆที่ยังไม่หยุดร้องไห้

      ในขณะนั้นเองเขาก็รู้สึกว่ามีมือข้างหนึ่งเข้ามาโอบสัมผัสเข้าที่เอวของเขาจากด้านหลัง

      “หายหนาวรึยัง”เสียงเธอถามมาตามสาย แต่คราวนี้ชัดเจนกว่าทุกๆครั้งที่คุยโทรศัพท์กัน
                        
      น้ำเสียงอ่อนโยนและสัมผัสที่คุ้นเคยของมือข้างนั้น ทำให้เขารู้ทันทีว่าใครเป็นเจ้าของมัน

      ร่างเล็กๆซึ่งบัดนี้เต็มไปด้วยแผลถลอกที่เกิดจากการโดนพุ่มไม้และสิ่งของต่างๆที่เธอวิ่งชนข่วน

      เลือดไหลซึมออกมาตามแผลนั้นเปื้อนเสื้อสีขาวสวยที่เธอบรรจงเลือกอยู่นานนับชั่วโมง

      ....เพียงหวังให้เขาประทับใจกับคนที่เขาบอกว่าเขารักที่สุด
                      
      มือนั้นโอบกระชับแน่นกับร่างของเขา ใบหน้านุ่มๆของเธอแนบชิดลงกับแผ่นหลังเขา

      น้ำอุ่นๆจากตาของเธอไหลซึมผ่านเสื้อเชิ้ตตัวเก่งที่เขาสวมไปสัมผัสกับร่างกายของเขา

      เขาหันกลับไปกอดกระชับเธอไว้ในอ้อมแขน ทั้งเขาและเธอกอดกันร้องไห้อยู่อย่างนั้นนานร่วมชั่วโมง

      “วิ่งตามมาตลอดเลยหรอ แล้วทำไมไม่เรียกเค้าแต่แรก” เขาถามเธอหลังจากที่เขาเริ่มได้สติ

      “ก็เค้าเผลอเลือกชุดแต่งตัวนานไปหน่อย ออกมาจากบ้านตั้งแต่5โมงครึ่งแล้ว แต่รถติดมากเลย แล้วตอนรถเมล์มันติดอยู่ที่4แยก

      เค้าก็ได้ยินเสียงนกหวีดจราจรเป่าดังลั่นไปทั่ว เค้าเลยชะโงกหน้าออกไปมอง ก็เห็นเธอวิ่งตัดหน้ารถเมล์คันที่เค้านั่งอยู่นั่นแหละ

      เค้าเลยลงรถ แล้วก็วิ่งตามเธอมา เค้าตะโกนเรียกเธอตั้งหลายครั้ง เธอก็ไม่ได้ยิน หูตึงจริงๆเลยเธออ่ะ”

      เธอพูดประชดพลางเอามือดึงหูเขาเบาๆบิดไปมาเป็นเชิงหยอกเย้า
                      
      เขาจับมือของเธอข้างที่ดึงหูเขาออก และสังเกตเห็นว่าเลือดไหล เขาจึงมองไปตามตัวเธอ

      “เอ๊ย ทำไมเลือดไหลเต็มไปหมดแบบนี้ล่ะ” เขาร้องลั่นอย่างตกใจว่าทำไมสุดที่รักของเขาถึงเป็นขนาดนี้

      “ก็เธออ่ะ หลบเก่งเป็นบ้าเลย วิ่งผ่านอะไรก็ไม่ชน แต่เค้าไม่ใช่ลิงอย่างเธอนิ่” เธอเหน็บเขาอีกครั้ง

      เขาลูบไปตามเนื้อตัวเธออย่างทนุถนอมและถอดเสื้อเชิ้ตของเขาออกมาซับเลือดให้เธอ

      “ถอดออกมาทำไม เปื้อนหมดแล้ว ใส่เถอะ เดี๋ยวเธอหนาว เธอใส่เสื้อยืดบางๆแค่ตัวเดียวเองนะ เขาไม่เป็นไรหรอก”

      \"ไม่หรอก เค้าจะเช็ดจนกว่าเลือดจะหยุดไหล เค้าขอโทษๆๆๆๆๆๆ.......”เขาพร่ำขอโทษเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนไม่หยุดปาก

      มือก็เช็ดเลือดตามเนื้อตัวเธอ แล้วน้ำเสียงอ่อนโยนก็เปลี่ยนเป็นสั่นคลอน อาการของเขากำเริบขึ้นอีกครั้ง

      แต่มือสั่นๆของเขาก็ยังไม่หยุดเช็ดเลือดให้เธอ

      “พอแล้ว ไม่ต้องพูดแล้ว ไม่ต้องเช็ดแล้ว เธอๆ หยุดเหอะ” เธอห้ามเขาด้วยเสียงที่บ่งบอกความรู้สึกเหมือนกับจะขาดใจอยู่ตรงนั้น  

      “เค้าขอโทษๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ......” เขายังพร่ำไม่หยุด
                        
      เธอสงสารเขาแทบขาดใจ เพราะไม่เคยเห็นอาการเขาหนักขนาดนี้ ตัวเขาสั่นมากขึ้นทุกทีๆ เธอไม่รู้จะช่วยเขายังไง

      ปากเขาสั่น....สั่นจนแทบจะกัดลิ้นตัวเอง แต่ก็ยังไม่ยอมหยุดพูด

      เธอจึงประกบปากเขา แล้วปากเขาก็ค่อยๆหยุดสั่นลงทีละน้อยจนหยุดนิ่ง เธอจึงค่อยๆถอนปากออกและกอดกระชับเขาไว้ในอ้อมแขน

      “ไม่จูบต่อแล้วหรอ” เขาถามเธอเสียงทะเล้น

      “คนบ้า นี่เธอหลอกเค้าหรอ” เธอถามในขณะที่ใบหน้าแดงเรื่อแสดงความเขิน

      “เปล่าน๊า เค้าเป็นจริงๆ แต่แค่ 5 นาทีแรก นอกนั้น....” เขาทำลอยหน้าลอยตากวนประสาทเธอเหมือนเคย

      “เธอมันกะล่อน”เธอพูดพลางทำทีจะผลักเขาออกจากอ้อมกอด แต่เขาไวกว่ากลับคว้าตัวเธอเข้ามาไว้ในอ้อมกอดแทน

      พลางมองไปที่นาฬิกาข้อมือของตัวเอง

      “อื๊อ โชคดีจัง ยังทันอีก 5 นาที เรา countdown ด้วยกันนะ” เขาบอกเธอด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

      “หึ เปลี่ยนเรื่องเชียวนะ เจ้าตัวแสบ” เธอขว้างค้อนวงใหญ่ใส่เขา

      “เร็วๆๆๆ เดี๋ยวไม่ทัน 4นาที 28, 4นาที 27....”เขายกนาฬิกาขึ้นมามองและนับตามเสียงดังกลบเกลื่อนความผิด
                                                                
                                                                             “…5 4 3 2 1 happy new yearจ๊ะ\"
                      
        เขาและเธอ countdown ในอ้อมกอดของกันและกัน ท่ามกลางลมหนาว แต่พวกเขากลับอบอุ่น

      พลุหลากหลายสีถูกจุดขึ้นสว่างเต็มท้องฟ้า ไฟสีต่างๆถูกประดับประดาตกแต่งอย่างสวยงามตลอด2ข้างทางฝั่งถนน
          
      เขาและเธอเดินจูงมือกันไปตามทางดูแสงสีต่างๆอย่างมีความสุข ส่วนอาการทางประสาทของเขาก็ค่อยๆหายไป และไม่ปรากฎอีกเลย

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×