เหมยรักปอนนะ - เหมยรักปอนนะ นิยาย เหมยรักปอนนะ : Dek-D.com - Writer

    เหมยรักปอนนะ

    รักแรกของหัวใจ รักสุดท้ายของชีวิต

    ผู้เข้าชมรวม

    314

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    314

    ความคิดเห็น


    9

    คนติดตาม


    1
    หมวด :  รักดราม่า
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  7 ก.ย. 48 / 21:11 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      บางเวลาที่ฉันไม่เหลือใคร มีเพียงใจที่มันเกือบยอมแพ้  ใครคนหนึ่งที่เค้าคอยดูแล เป็นกำลังใจบอกให้ก้าวไป ยังคอยเป็นห่วงในวันที่เสียใจ แล้วสอนเอาไว้ให้ฉันเป็นคนดี . . . ในวันที่ฉันไม่มีใคร ก็มีเธออยู่ข้างๆเสมอ
      ฉันจึงไม่รู้จักคำว่า อ้างว้าง . . . ขอบคุณนะ
      +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
      วันนี้อากาศแจ่มใส แสงแดดลอดเข้ามาตามขอบม่านสีชมพูในห้องนอน ฉันลุกขึ้นบิดขี้เกียจ รู้สึกได้ของความแปลก เพราะฉันเพิ่งย้ายบ้าน มาได้ 1 อาทิตย์ แล้ววันนี้เป็นวันแรกในการเริ่มการศึกษาใหม่ ของชั้น ม.4
      ฉันอาบน้ำแต่งตัว สำรวจความเรียบร้อย ในกระจก แล้วพร้อมไปโรงเรียน กับจักรยานสีฟ้าตรงแฮนด์มีตุ๊กตาคิตตี้ผูกติดอยู่ด้วย ท้องฟ้าเป็นสีฟ้าใส อากาศเย็นสบาย ฉันกำลังก้มหน้าหยิบกระเป๋านักเรียนที่อยู่ในตะกร้าพร้อมๆกับปั่นจักรยานไปด้วย ว้าย โครม !!!! ฉันนั่งอยู่กับพื้น จักรยานฉันล้มลง ด้านหน้าเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่ล้มลงแล้วของที่เค้าถือมาก็กระจัดกระจาย ใช่แล้ว ...ฉันชนเข้ากับผู้ชายคนหนึ่ง เค้าลุกขึ้นยืน พร้อมๆกับฉัน แล้วช่วยกันเก็บของที่หล่น อยู่รอบๆ  เค้าจับจักรยานตั้งขึ้นให้ฉัน
      “ขอโทษนะคะ ขอโทษจริงๆ เมื่อกี๊เรา ก้มหยิบกระเป๋าน่ะ”
      “อืม. .ไม่เป็นไรหรอก เธอเป็นนักเรียนใหม่เหรอ”
      “อืม..ใช่เราอยู่ ม.4 น่ะ ”
      ปอน ปอน !! อาจารย์เรียก
      “อืม.. เราต้องไปละนะ อาจารย์เรียก ไว้เจอกันครับ”
      “ค่ะ ค่ะ”
      เสียงกริ่งดังขึ้น ฉันรีบจูงจักรยานไปเก็บ แล้ววิ่งขึ้นไปบนห้องเรียน ฉันวุ่นอยู่กับการหาห้องเรียน ก็ฉันเป็น นร. ใหม่นี่นา โชคดีที่เดินผ่านบอร์ดแผนผังโรงเรียน ฉันจึงไปห้อง ม.4.6 ถูก ฉันก้าวเข้าไปในห้องที่เด็ก นร. กำลังนั่งอยู่อย่างเรียบร้อย บางคนก็รวบผม บางคนก็ถักเปีย แต่วันนี้ฉันถักเปียล่ะ ^_^   โชคดีที่อาจารย์ยังไม่เข้าห้อง ที่นั่งเต็มหมดเลย ฉันกวาดสายตา แว๊บไปเห็นที่นั่งว่างอยู่ 1 ที่ ฉันเลยเอากระเป๋าไปวางที่นั่น ที่ฉันนั่งเป็นโต๊ะริมหน้าต่าง อยู่ช่วงกลางๆของห้อง O_o  คนข้างๆฉัน คือ .. ปอน คนที่ฉันปั่นจักรยานชนเมื่อเช้านี่นา มีเพื่อนผู้หญิงที่นั่งกับเค้า ชวนเค้าคุยตลอด จะไม่ให้ ชวนคุยได้ไงล่ะ ก็ปอนน่ะ น่ารักมาก คือว่าเมื่อเช้าฉันไม่ได้สังเกตปอนน่ะ
      เค้าจมูกโด่งจัง คิ้วดำเข้ม ตัดกับผิวที่ขาว ปากแดงด้วย !!! >_< น่ารักจังเลย   เค้าหันหน้ามามองที่ฉัน ตกใจนิดหน่อย (ขนาดหน้าตอนตกใจยังน่ารักเลยอ่ะ)
      “เธอ คนเมื่อเช้าเหรอ ? ”
      “อือ ...ใช่ จ่ะ”
      “จริงสิ เราชื่อ ปอนนะ เรายังไม่รู้จักชื่อเธอเลย  ? ”
      “เหมย  เรา ชื่อ เหมย ”
      “เหมย เป็นนักเรียนใหม่คงยังไม่รู้จักใคร งั้น เหมยไปกินข้าวกับปอนนะ”
      “จริงง่ะ !? ”
      “จริงสิ เหมยไม่อยากไปกับปอนเหรอ ? ”
      “ป่าวจ่ะ ป่าว ” (ตกใจต่างหากล่ะ ดีใจจังเลย ^_^ )
      ตลอดเวลาที่นั่งเรียนฉันไม่มีสมาธิเรียนเลย แต่ดูท่าทางปอนตั้งใจมาก ฉันนั่งมองปอนทั้งคาบเลยล่ะ อิอิ
      พอตอนเที่ยง เราขึ้นไปบนโรงอาหารด้วยกัน ฉันเดินคู่กับปอน ใครเดินผ่านก็มองปอน ก็ปอนน่ารักนี่นา
      และแล้วเราก็กินข้าวเสร็จ
      “เหมย  บ้านอยู่ไหน อ่ะ ”
      “ตรงหมู่บ้านใกล้ๆเนี่ย ปั่นจักรยานมาแปบเดียวก็ถึง หน้าบ้านเหมยจะติดถนนของหมู่บ้านเลย ”
      “จริงๆเหรอ บ้านปอนก็อยู่แถวนั้น แต่ทำไมปอนไม่เคยเห็นหน้าเหมยเลยล่ะ ? ”
      “อ๋อ เหมยเพิ่งย้ายบ้านมาเมื่ออาทิตย์ที่แล้วน่ะ ”
      “เหรอ แล้วบ้านเหมยอยู่ซอยไหนล่ะ ?”
      “ซอย 2 จ่ะที่ใกล้ๆกับสนามเด็กเล่นน่ะ”
      “เหรอ บ้านปอนก็อยู่ ซอย 2 เหมือนกัน งั้นเย็นนี้เรากลับบ้านด้วยกันนะ”
      “จ๊ะ ! ”
      เฮ้อ ... ทำไมถึงได้โชคดีแบบนี้นะ นั่งก็ใกล้กัน บ้านก็ใกล้กัน ดีจังได้เป็นเพื่อนกับปอน >_<
      เสียงกริ่งของคาบสุดท้ายดังขึ้น !!!
      “เฮ้ย ! ปอน กลับบ้านกะข้ามั้ย ? ”
      “ไม่อ่ะ ข้ากลับกะเพื่อนข้าแล้ว”
      “เออ ๆ งั้นเย็นนี้ไปซ้อมที่เดิมนะเว้ย ! ”
      “อืม ได้ ! เหมยกลับบ้านกันเถอะนะ ”
      “จ๊ะ ๆ ”
      แล้วฉันกับปอนก็กลับบ้านด้วยกัน เราปั่นจักรยานไปคนละคัน ขณะที่ฉันปั่นนึกถึงภาพเมื่อเช้าแล้วก็อดขำไม่ได้ อิอิ ^_^
      “เหมย เป็นอะไรน่ะ ยิ้มคนเดียวอยู่นั่นแหละ ต๊องป่าว”
      “อ๋อ ป่าวไม่มีไรหรอกนะ”
      และแล้วก็มาถึงหน้าบ้านฉัน
      “เหมยนี่บ้านเหมยจริงๆเหรอ”
      “อือ ใช่ ทำไมเหรอ ”
      “บ้านปอนอยู่ตรงข้ามกับบ้านเหมย แค่นี้เอง ง่ะ 555+”
      “อือ จริงๆด้วยนะ ”
      แล้วก็เป็นแบบนี้ทุกๆวัน ที่ทุกเช้าเราจะไปเรียนด้วยกัน กินด้วยกัน เล่นด้วยกัน กลับบ้านด้วยกัน ปอนน่ารักมากมีผู้หญิงมาชอบเค้าเยอะเหมือนกันแต่ทำไมปอนถึงไม่มีแฟนนะ ? ปอนเก่งทุกอย่างทั้งเรื่องการเรียนและกีฬา ทุกครั้งที่ห้องเราจะสอบ ก่อนสอบปอนจะติวให้ฉันทุกครั้ง หลายครั้งต่อ 1 วิชาโดยเฉพาะคณิตศาสตร์ แต่ฉันก็ได้ 6 คะแนนทุกครั้งที่สอบเลข วิชาอื่นยังมี 8 9 10 โผล่มามั่ง เพราะฉันอ่อนเลขนี่นา จนฉันจบ ม.4 เราก็ยังสนิทกันเหมือนเดิม และมากขึ้นทุกๆวันด้วยซ้ำ ขึ้น ม .5 ฉันดูเป็นสาวขึ้นมั้ง เริ่มมีรุ่นพี่มาจีบ เหมือนกัน ส่วนปอนนั้นก็ยังเนื้อหอมเหมือนเดิม มีรุ่นน้องเอาจดหมายมาให้เกือบทุกวันเลย แต่ปอนก็ยังไม่ตกลงคบใครซะที ม.5 ปอนดูสูงขึ้น
      เท่จังเลย คงเพราะปอนเป็นนักกีฬาบาสเกตบอลด้วยแหละ ช่วงนี้ปอนลาหยุดบ่อยๆเพราะปอนเป็นตัวโรงเรียนไปแข่งกีฬา ที่อื่น ฉันเลยสนิทกับเจ  แบบไปด้วยกันตลอด แต่ฉันก็ยังคิดถึงปอน ทำไมถึงได้คิดถึงปอนมากขนาดนี้
      ฉันจะอดทนรอ เพราะเหลือเวลาอีก 1 อาทิตย์ การแข่งขันก็จบแล้ว ทำไมฉันจะรอเค้าไม่ได้ แต่ถึงปอนจะยุ่งยังไงเค้าก็ยังมาส่งฉันกลับถึงบ้านทุกเย็น ^_^ วันนี้ก็มาถึง ฉันดีใจอีก 1 วันปอนก็จะกลับมาแล้ว
      “เหมย  ...!เจ มีอะไรจะคุยกับเหมย ได้มั้ย ?”
      “อือ ว่ามาสิจ๊ะ มีไรหรอ” ^_^

      “เหมย  ได้ชอบปอนหรือป่าว ”
      “ทำไมถามงั้น ล่ะ? เจชอบปอนเหรอ ? ”
      “อือ เจชอบปอน ชอบมากด้วยชอบตั้งแต่ ม.2 แล้ว”
      “หรอ ... จ๊ะ”
      ทำไมนะ ทำไมฉันถึงรู้สึกเหมือนมีภูเขาลูกใหญ่มาทับอก ทำไมฉันถึงรู้สึกเศร้าใจขนาด นี้นะ  ฉันอยากเดินออกมาจากที่นั่น ตรงนั้น เวลานั้น อยากเดินหนีไป ให้ไกลที่สุด
      “เจ งั้นเหมยกลับบ้านก่อนนะ เย็นแล้ว” ^_^
      “จ๊ะ เหมย อย่าบอกใครนะ สัญญานะจ๊ะ ” ^_^
      “จ๊ะ  สัญญา จ๊ะ เหมยไปละนะ บาย”
      ฉันปั่นจักรยานมาถึงหน้าบ้าน หยุดยืนอยู่อย่างนั้น ฉันปั่นจักรยาน ไปที่สนามเด็กเล่น ในหมู่บ้าน ฉันนั่งลงที่ชิงช้า
      ตอนนี้ท้องฟ้าจากที่เป็นสีฟ้าค่อยๆครึ้ม มีก้อนเมฆมาบดบังแสงอาทิตย์ ตอนนี้เพิ่ง 3 โมงครึ่งเอง คงเพราะฝนตกท้องฟ้าถึงได้ครึ้ม ฉันไม่สนหรอกฉันยังคงนั่งอยู่อย่างนั้น ฉันเงยหน้ามองท้องฟ้าที่มืดครึ้ม นึก ถึง คำพูดที่ เจสารภาพ กับฉัน เมื่อตอนคาบสุดท้าย ฉันก้มหน้าลง น้ำตาอาบแก้มของฉัน เปียกไปหมด ฉันเองก็ยังสงสัยว่าทำไมต้องร้องไห้ก็แค่ เจชอบปอน หรือว่าฉันเองก็ชอบปอนเหมือนกันแล้วคงชอบมากด้วย . . . สัก 4 นาทีฝนก็ตกปอยลงมา แต่ทำไมฉันถึงไม่ได้รู้สึกเปียกนะ ฉันเงยหน้าขึ้น เห็นคนที่ฉันต้องการพบมากที่สุดตอนนี้ ปอน . . . พร้อมกับกางร่มสีฟ้าใส ให้ฉัน เพราะฝนตก . . . ปอนเลยไม่รู้ว่าฉันร้องไห้ ดีแล้วแหละ . . .
      “เหมย .. ทำไมมานั่งตากฝนตรงนี้ล่ะ รอปอนอยู่ใช่ม๊า ปอนรู้นะ !  ”
      “ป่าวซะหน่อย ไม่ได้รอใครทั้งนั้นน่ะ อยากมานั่งเล่นต่างหาก”
      “มานั่งตากฝนเล่นงั้นเหรอ เหมยปอนมีอะไรจะบอก”
      “ไม่เอาหรอก เหมยอยากเข้าบ้านแล้ว ไปส่งหน่อยดินะ”
      “อืม ก็ได้ๆ”
      อยากให้เวลาหยุดอยู่อย่างนี้ ที่ฉันได้อยู่กับปอนในร่มคันเดียวกัน เดินมาท่ามกลางสายฝนที่แรงขึ้นๆ แต่ตอนนี้ปอนเดินมาส่งที่หน้าบ้านฉันแล้ว . . .
      “ขอบใจนะจ๊ะ เออ ปอน เมื่อกี๊จะบอกอะไร เหมยนะ”
      “อ๋อ ช่างมันเหอะ ปอนลืมนึกไม่ออกแล้วจ๊ะ”ปอนยิ้มแหยะๆ
      “อ่าว มีงี้ด้วย นะ แหม อืมงั้น พรุ่งนี้เจอกัน”
      “เดี๋ยว ๆๆๆ เหมย ให้รางวัลปอนหน่อยดิ ปอนแข่งบาส ชนะแหละ”
      “จริงเหรอ  อยากได้ไรล่ะเดี๋ยวซื้อให้”
      “เดี๋ยวค่อยบอกละกัน ปอนไปก่อนนะจ๊ะ”
      ฉันรู้สึกกังวลมาก เกี่ยวกับเรื่องที่เจพูดเมื่อตอนเย็น เพราะฉันกับเจเราเป็นเพื่อนสนิทกัน ทำไมนะ ทำไมฉันถึงต้องไปชอบปอนมากขนาดนี้ด้วย . . . ทั้งๆที่ก็รู้ว่าเราเป็นเพื่อนกัน ปอนคงไม่คิดที่จะชอบเราซักนิด เค้าเพอร์เฟคไปซะ
      ทุกอย่าง มีคนชอบเค้าตั้งมาก . . . แล้วตลอดคืนนั้นฉันก็ร้องไห้ จนเผลอหลับไป
      เช้าวันนี้อากาศสดใสจัง ผิดกับอารมณ์ของฉันเลย ฉันตาบวมด้วย =_= คงเพราะร้องไห้เมื่อคืนนี้หนักไปหน่อย
      ฉันได้ปั่นจักรยานไปโรงเรียนพร้อมๆกับปอน อีกครั้ง
      “เหมย ร้องไห้รึไง ตาบวมเลยนอนดึกเหรอ รึว่าไม่สบาย ”ปอนพูดพร้อมๆกับเอามือมาแตะที่แก้มฉัน ^_^
      “เปล่าหรอก ไม่ได้เป็นอะไรหรอก ปวดหัวนิดหน่อย”
      “พอถึงโรงเรียนเดี๋ยวปอนพาไปห้องพยาบาลนะ ”
      “อ๋อ ไม่เป็นไรหรอก หายละ หายละ”
      ปอนคิ้วขมวดเลยล่ะ  สำหรับฉันมันดีแล้วที่เป็นแบบนี้ ที่เรายังได้เป็นเพื่อนกัน ได้อยู่ใกล้ ได้หัวเราะกับปอน แค่นี้ก็พอแล้ว ฉันดีใจที่สุด ที่รู้ว่าปอนเป็นห่วงฉัน แค่นี้ก็พอแล้ว . . . เหมยรักปอนนะ โอ๊ย ! ปวดหัวจังเลย ทำไมฉันเห็นปอนลางๆ ปอนจ้องมองฉันอยู่ เหมือนหน้าปอนหมุนได้เลย ฉันล้มลงตรงหน้าปอน . . .
      ฉันรู้สึกตัวลืมตาขึ้นมา นี่ฉันเป็นไรไปเนี่ย นี่มันห้องพยาบาลนี่นา . . ! ปอนจ้องฉันอยู่ . . .
      “เหมย หายปวดหัวหรือยัง เป็นไรมากรึป่าว  ? ”
      “ปอน เหมยเจ็บแขนจังเลย ทำไมมีผ้าพันแผลด้วยล่ะ ”
      “ก็ตอนเหมยล้มน่ะ จักรยานมันทับแขนเหมยน่ะ ปอนเลยทำแผลให้”
      “แล้วปอนไม่เข้าเรียนเหรอ ”
      “ป่าวหรอก ปอนลาครึ่งวันปอนลาให้เหมยแล้วด้วยนะบอกอาจารย์ว่าเหมยป่วย”
      “จิงง่ะ นี่เหมยไม่ได้เป็นไรมากนะแค่ปวดหัวเอง”
      “แค่ปวดหัวที่ไหน ลงล้มไปแบบนั้น ปอนตกใจมากเลยนะตอนที่เหมยล้มน่ะ ”
      “เป็นห่วงเค้าด้วยเหรอ จ๊ะ ”^_^
      “ห่วงดิ ไม่ห่วงจะพามานี่เหรอ ”
      แล้วกริ่งพักเที่ยงก็ดังขึ้น ปอนพาฉันออกจากห้องพยาบาล ไปกินข้าวที่โรงอาหาร เรานั่งกินข้าวด้วยกัน แล้วลงไปนั่งในสวนของโรงเรียน ตอนนี้ฉันมีความสุขที่สุดเลย อยากให้เวลาหยุดลงแค่นี้จัง ถึงฉันจะเพ้อฝันไปเองคนเดียวก็ตาม แต่นี่คือสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว ความสุขของฉันต้องมีปอน . . . . . ปอน ปอน !!!! เสียงของเจ
      “เป็นยังไงมั่งจ๊ะ เหมย ไปไหนมา หนีเรียนรึไง ”
      “เหมยไม่ได้หนีเรียนซะหน่อย เค้าปวดหัวก็เห็นอยู่ นี่ปอนพาเหมยไปห้องพยาบาล”
      “ตอนนี้เหมยหายปวดหัวแล้วนะ ”
      “นี่ปอน เจมีเรื่องอยากจะคุยด้วยหน่อยได้ไหม ?”
      “เออ . . จริงสิเหมยเพิ่งนึกออก เหมยไปคืนหนังสือที่ห้องสมุดก่อนนะ ”
      “เหมย . . .เดี๋ยวปอนไปหานะ เหมยรอในห้องสมุดนั่นแหละ   อย่าเดินตากแดดมากล่ะ”
      “อือ ๆ เหมยไปละนะ”
      ฉันเดินออกมาจากที่นั่น อันที่จริงฉันไม่ได้ถือหนังสือซักเล่ม ก็ฉันไม่ได้ยืมอะไรมาจากห้องสมุดนี่นา ฉันเดินไปเรื่อยๆ ฉันยืนอยู่บนตึก ตรงระเบียง มองตรงลงมา เห็นเจ กับ ปอน นั่งคุยกันอยู่ ฉันเดินไปในห้องน้ำ ฉันเปิดน้ำแรงๆแล้วร้องไห้ จนแก้มเปียกไปหมดแล้ว เจคุยอะไรกับ ปอนนะ คงจะเป็นเรื่องนั้น คงทำใจได้ไม่ยากหรอกก็แค่ชอบ คงไม่เท่าที่เจชอบปอนหรอกเพราะเจชอบปอนตั้งแต่ ม.2 ส่วนเรา . . . เป็นเพื่อนแค่นี้ดีที่สุดแล้ว
      . . . . .เสียงกริ่งคาบ 5 ดังขึ้น . . .ได้เวลาเข้าเรียนแล้ว ฉันนั่งลงบนเก้าอี้ หยิบหนังสือกาง  วางบนโต๊ะเรียน ใน
      ขณะที่อาจารย์วิชาประวัติศาสตร์กำลังอธิบาย ฉันนั่งมองออกไปนอกหน้าต่าง สมองฉันไม่ได้อยู่ให้ห้องเรียน
      ปอนรู้บ้างไหม ว่า เหมย ชอบปอนมาก แล้วมากขึ้นทุกวันไม่มีทีท่าว่าจะหยุดด้วยสิ แต่ว่าวันนี้และวันต่อไป
      จะเป็นยังไง  ฉันคงต้องกลับบ้านคนเดียว . . . . . นภัสรา . . . นภัสรา ...!!
      “เธอเหม่ออะไร ได้ฟังที่อาจารย์อธิบายป่าว ตอบซิ ! ”
      “หนู . . .” -_-”
      “อาจารย์ครับ เค้าปวดหัวน่ะครับ ”
      “อ่องั้นเหรอ เธอถ้าเรียนไม่ไหวไปห้องพยาบาลได้นะจ๊ะ ”
      “ค่ะ ๆ ขอโทษค่ะ อาจารย์”
      “เอาล่ะ นักเรียน เรามาเรียนกันต่อนะคะ”
      และแล้วก็ถึงเวลาที่หมดคาบ (คือตอนที่หมดคาบ 5 เค้าจะให้คาบว่าง 1 ชั่วโมง)
      “เหมย เป็นอะไรรึป่าว ”
      “ป่าวนี่ เหมยไม่ได้เป็นอะไรนี่นา ทำไมเหรอ ”
      “ก็ ปอนไปรอเหมยในห้องสมุดตั้งนาน ”
      “อ๋อ ขอโทษทีนะ เหมยลืมไปเลย ”
      “เหมยลืม ปอนเหรอ ”
      ปอน ปอน !!! เสียงนี้อีกครั้งที่เรียก ปอน  
      “ปอน วันนี้พาเจกลับบ้านหน่อยสินะ เหมย เจไปก่อนนะจ๊ะ ”
      “งั้น เหมยไปก่อนนะ ”
      ฉันหันหลังออกจากตรงนั้น แล้วเดินออกจากห้องเรียนมาเรื่อยๆ เรื่อยๆจนถึงจักรยานคันสีฟ้าคันเดิม แต่ว่าวันนี้แปลกไปกว่าทุกวัน เพราะว่าวันนี้ฉันต้องกลับบ้านคนเดียว . . . ถึงหน้าบ้านแล้ว ฉัน จูงจักรยานเข้าไปเก็บที่โรงเก็บรถ ฉันเดินออกไป เดินไปเรื่อยๆ จนถึงสนามเด็กเล่น ที่ที่ฉันกับปอนเดินกางร่มด้วยกัน ฉันนั่งลงที่ชิงช้าคนเดียว เหงาเหลือเกิน ฉันเผลอร้องไห้ออกมาอีกแล้ว นี่แหละมั้งที่เค้าเรียกว่าความรัก มันช่างเจ็บปวดและไม่สามารถพูดออกไปได้ ตอนนี้ท้องฟ้าได้เปลี่ยนเป็นสีส้มทีละน้อย ฉันกำลังเดินกลับบ้าน ค่อยๆลุกขึ้นจากชิงช้า
      ตัวเล็กๆ แล้วเดินจากมาจากที่ตรงนั้น ฉันเห็นเงา เงาที่ฉันต้องการเห็นอีกครั้ง ปอน . . . เดินเข้ามา. .กอดฉัน
      หน้าของฉันซบลงที่ไหล่เค้า ฉันยิ่งร้องไห้มากขึ้นโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ปอนยิ่งกอดฉันแน่นขึ้น นี่ฉันฝันไปรึป่าวนะ อบอุ่นเหลือเกิน . . . . .
      “เหมย  . . เหมยเป็นอะไร ? วันนี้เหมยทำอะไร ”
      “. . . .”
      “เหมย  อย่าทำแบบนี้อีกนะ ปอนไม่ชอบเลย ”
      “โกรธ  . . . เราเหรอ ? ”
      “ไม่มีทาง ปอนไม่เคยโกรธเหมยเลยนะ ” ปอนกอดฉันแน่น. . .
      ฉันยิ่งร้องไห้มากขึ้น. . .มากขึ้น. . ปอนคลายแขนออก มือของเค้าสัมผัสกับแก้มของฉัน หน้าฉันร้อนผ่าว ใจเต้นรัว
      “เหมย อยากรู้ป่าว ว่า เจ มาคุยอะไรกับปอน ”
      “. . . .”
      “ไม่อยากรู้เหรอ ไม่เป็นไรจ๊ะ”
      “ปอนนี่เย็นมากแล้วเหมยกลับบ้านนะ”
      “งั้น เดี๋ยว ปอนไปส่งเหมยนะ ”
      “. .อือ. .”
      เราเดินกลับบ้านมาด้วยกัน ความเหงาของฉันหายไป ขอบคุณปอนมากนะ ที่ทำให้เพื่อนคนนี้ หายเหงา . . .
      ถึงหน้าบ้านของฉัน
      “ปอนไปก่อนนะ พรุ่งนี้วันเสาร์นี่นา เดี๋ยวพรุ่งนี้ปอนมาหานะ ไปปั่นจักรยานเล่นกัน”
      “อือ. . .” =_=

      ฉันขึ้นไปบนห้องนอนล้มตัวลงนอน แล้วหลับไป . . . . ฉันจะหยุดรักเธอไม่ได้หรอก ตัดใจจากรักมันไม่ง่าย ถึงแม้ว่าวันนี้เธอจะเลวร้าย ฉันก็ยังจะรักเธอ ก็ความรักไม่ใช่ความเผลอ มันยากเหลือเกินจะตัดใจ . . . . .
      เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้น ฉันตั้งเวลาให้ปลุกตอน 7 โมง แสงแดดอ่อนๆสาดส่อง มันช่างอบอุ่นจริงๆเลย
      .  .  .  .  .  .ฉันลุกขึ้นจากที่นอน ผูกม่านสีชมพู แล้วเปิดหน้าต่าง ฉันกวาดสายตาจากห้องนอนชั้น 2 ลงมาเห็นวิวในตอนเช้า มันช่างสดชื่นจริงๆ เลย . . . ฉันนึกขึ้นได้ว่า ปอน นัดให้ไปปั่นจักรยานเล่นกันตอนเช้า  ฉันเลยรีบไปอาบน้ำแต่งตัว ฉันเลือกเสื้อกล้ามสีฟ้า ทับด้วยเสื้อแจ๊คเก็ตสีชมพู กับกระโปรงสีขาว ยาวประมาณหัวเข่า กับรองเท้าผ้าใบขาวแถบชมพู ฉันเดินลงไปที่ห้องชั้นล่าง จะไปหยิบขนมปังที่ห้องครัว . . .
      “นี่ เหมย ปอนมารอตั้งนานละ อายเค้ามั้ยเนี่ยนอนตื่นสาย ” นั่นเป็นเสียงบ่นของแม่ฉันเอง ^_^
      “ขอโทษ ค่ะ แม่หนูไปนะคะ ปอนไปกันเถอะ” ฉันพูดพร้อมกับหยิบขนมปังทาแยมส้มไปคาบไว้ในปาก
      (ฉันชอบกินขนมปังกับแยมส้มที่สุดเลย)
      “ทำไมปอนมาแต่เช้าเลยล่ะ”
      “ก็อยากให้เหมยโดนแม่บ่นนี่นา ”
      “แหม. . .ไม่สงสารเค้าเลยนะ  งอนละ”
      “ อ้าว ! ทำไงถึงหายงอนละ เนี่ย ”
      “พาเราไปเลี้ยงไอติม ดิ ”
      “อือ ๆ ก็ได้ ”
      แล้วฉันกับปอนก็ปั่นจักรยานไปด้วยกัน ปอนให้ฉันปั่นตามเค้า ทำไมไม่รู้ แต่ก็นั่นแหละปอนเค้าอยู่ที่นี่ตั้งแต่เกิดนี่นา เค้าก็ต้องรู้ทางว่ามีที่ไหนน่าเที่ยวมั่ง เราปั่นจักรยานมาเรื่อยๆ ไกลเหมือนกันแหละ ซักประมาณ 4 กิโลได้มั้ง
      ทางสวยมากเลยเป็นเส้นทางแล้วมีต้นไม้อยู่ข้างทางเลยไม่รู้สึกร้อนซักนิด พอเข้าไปอีกจะเป็นเหมือนกับไร่องุ่นใหญ่มากเลย  พวกเราจอดรถไว้ที่ไร่ . . . แล้วปอนก็บอกว่านี่เป็นไร่ของคุณอาของปอนเอง ปอนจูงมือฉัน เดินไปในไร่องุ่น สวยมากๆๆๆๆเลย ที่หลังไร่มีบ้านต้นไม้ด้วย จะเป็นบ้าน หลังเล็กๆตั้งอยู่บนต้นไม้ใหญ่  ฉันทึ่งเลยบ้านบนนั่นน่ารัก มาก ปอนบอกว่าเป็นบ้านที่คุณอาของปอนทำให้เล่นตอนเด็กๆ เดี๋ยวนี้เลยไม่ค่อยได้มาที่นี่เท่าไหร่ . . . ปอนกับฉันปีนขึ้นไปบนบ้านต้นไม้หลังเล็ก  ตอนนี้เรายืนอยู่บนระเบียงของบ้านต้นไม้หลังน้อย
      “เหมย บ้านน่ารัก มั้ยจ๊ะ ”
      “อือ . . .น่ารักมากๆเลย ”
      “เหรอจ๊ะ   เหมย ..! จ๋า”
      “ทำไม. . .?”
      “ถ้าเหมยมาที่นี่ บอกปอนนะ ปอนจะพามา ปอนอยากมากับเหมย ”
      “อือได้สิ จ๊ะ ! ”
      ท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้ม ทั้งๆที่เพิ่ง 9 โมงเช้า ฝนเริ่มซาลงมา ปอนจูงมือฉันเข้ามาในบ้านหลังน่ารัก . . .
      “ปอน ฝนตกแล้วเนี่ย ทำยังไงดี . . .! ”
      “ปอนขอโทษนะ ปอนหาของก่อนนะ”
      ปอนค้นของในบ้านหลังเล็ก ห้องนี้มี เตียงเล็กๆของเด็ก 1 เตียง  ตะเกียงไฟ ที่ผนังหัวเตียง บนชั้นวางของอันเล็กมีของเล่นเด็ก เช่น ลูกบอล กล่องดนตรี รถบังคับคันเล็ก แล้วร่ม 1 คัน หลังจากนั้นปอนก็หาของในเป้ มีข้าวกล่อง 1 กล่อง กับ ขนมปังพร้อมแยมส้ม แย่จังเลยตอนนี้เราก็ติดอยู่ในบ้านหลังน้อยหลังนี้ ฮือ ๆ  T_T
      “เหมย ปอนขอโทษนะ”
      “ไม่เป็นไรหรอกจ๊ะ แปบเดียวเดี๋ยวฝนก็หยุดตกแล้ว”
      “อือ . .”
      “เหมย ...!”
      “.......”
      “ปอนหนาวจังเลย”
      “อ่าวแล้วทำไงดีล่ะ ?”
      “เดี๋ยวเราหยิบผ้าให้นะ”
      ฉันหยิบผ้าบนที่นอนมาห่มให้ปอน น่ารักจังเลยนั่งขดตัวเหมือนเด็กๆเลย อิอิ
      “นี่ บ้ารึป่าวไม่เคยเห็นคนหนาวรึไงเหมย ยิ้มอยู่ได้”
      “แหม มองแค่นี้ต้องโมโหด้วยเหรอจ๊ะ ”
      “เหมยมานั่งตรงนี้ซิ ข้างๆปอนนี่ ”
      “อือ. . .ทำไม ”
      ปอนกางผ้าห่มมาคลุมให้ฉัน เราอยู่ในผ้าห่มผืนเดียวกัน อุ่นจังเลย . . . ปอนโอบไหล่ฉัน ทำไมฉันถึงได้ใจเต้นรัวขนาดนี้นะ ปอนยื่นหน้ามาใกล้ๆฉัน ปอนหลับตาลง เสียงฟ้าร้องดังขึ้นมา ฉันกรี๊ดลั่น  !! ปอนหัวเราะใหญ่เลย
      “หัวเราะทำไมเนี่ย กลัวจริงๆนะ”
      “กลัวอะไร ก็แค่ฟ้าร้อง ”
      “แหม ก็กลัวนี่นา”
      “เหมย เจบอกว่า ชอบปอน นะ ”
      “…..”
      “เงียบทำไมล่ะครับ”
      “ก็จะให้พูดไรเล่า”
      “พูดอะไรก็ได้ไง ปอนอยากให้เหมยพูด”
      “จะให้พูดอะไรล่ะ”
      “ช่างมันเถอะ”
      “….”
      เสียงสายฝนเริ่มซาลง เราเดินมาที่ระเบียงแล้วลงจากบ้านต้นไม้ สังเกตได้เลยใบองุ่นมีหยดน้ำติดอยู่ด้วยดูแล้วสดชื่นมากๆเลย . . . แล้วเราก็ช่วยกันเก็บองุ่นได้คนละ 1 ตะกร้า แล้วเราก็กลับบ้านกัน . . .
      และแล้วก็ถึงเช้าวันจันทร์ ฉันปั่นจักรยานไปโรงเรียนแต่เช้า พร้อมๆ กับปอน เหมือนทุกๆวันที่ไปเรียนมีความสุขจังเลย แต่ว่า  . . . ยิ่งเจ สนิทกับฉันมากเท่าไหร่ ฉันยิ่งลำบากใจมากเท่านั้น เพราะฉันรักปอนเข้าแล้ว รักมากด้วยสิ
      ตอนนี้ฉันสับสนไปหมดเลย . . .
      “หวัดดีจ๊ะ ! เหมย ปอน ”
      “หวัดดีจ๊ะ เจ . . .”
      “ปอนๆๆ วันเสาร์นี้ว่างมั้ย ? จ๊ะ”
      “อ๋อต้องดูก่อนนะว่ามีซ้อมบาสรึป่าว”
      “อือ จ๊ะถ้าซ้อมละก็บอกด้วยนะถ้าหากเหมยไม่ว่าง เดี๋ยวเจจะไปเชียร์ เอง”
      “อือ. .แต่เหมยคงไปด้วยแหละ ”
      “เหมยต้องดูก่อนว่าว่างรึป่าว บางทีคงต้องช่วยแม่ทำอาหารน่ะจ๊ะ”
      “เห็นมั้ย ? ปอน เดี๋ยวเจไปช่วยเชียร์ปอนนะจ๊ะ นะนะนะ ”
      “อืม ได้สิ ”
      ฉันรู้สึกเจ็บในใจ ว่านี่คือสิ่งที่เราเลือกให้กับตัวเองและปอนเหรอ ฉันสับสนไปหมด แต่ตอนนี้สิ่งที่ฉันรู้คือ ฉันรักเค้ามากที่สุด . . .
      “เหมย พรุ่งนี้วันเกิดปอนนะคร๊าบบ . . .”
      “งั้นเหรอ ทำไงดีล่ะ จะทวงของขวัญเหรอไง เดี๋ยวทำการบ้านให้ 1 อาทิตย์ละกันนะ ”
      “จริง เหรอ !! ”
      “ล้อเล่นจ๊ะ ” อิอิ ^_^
      “พรุ่งนี้หลังเลิกเรียนไปที่ไร่ด้วยนะ ปอนจะรอเหมยอยู่ที่นั่น ต้องแต่งตัวน่ารักๆด้วยนะ ปอนจะรอเหมยนะ”
      “อือๆ ได้จ๊ะ ” ^_^
      “ไม่ต้องเอาของขวัญอะไรมานะ”
      ตอนนี้เวลา 2 ทุ่ม ฉันนอนอยู่ในห้องนอน คิดๆๆๆว่าเมื่อไหร่จะถึงเย็นพรุ่งนี้ซะทีนะ คิดๆๆพรุ่งนี้เตรียมชุดไรดีนะ
      ฉันหลับตาลงนอน เห็นแต่หน้าปอน ปอน ปอน และก็ปอน . . . .
      และแล้วก็ถึงตอนเย็น ก่อนกลับบ้าน
      “เหมย ปอนไปก่อนนะ เจอกันที่เดิมครับ”
      “อือๆ จ๊ะ”
      ฉันเลือกชุดกระโปรงสีขาวแขนสั้นกระปุกยาวถึงเข่า ปล่อยผม กับรองเท้าผ้าใบสีดำตัดกัน ไปละนะเรา ...!
      ฉันปั่นจักรยาน ไปที่ที่ปอนรอฉันอยู่ ฉันมาถึงแล้ว บ้านต้นไม้หลังเล็กน่ารัก ฉันยืนอยู่ใต้ต้นไม้ จนท้องฟ้าเริ่มเป็นสีส้มแล้วตอนนี้ท้องฟ้าค่อยๆเริ่มมืดลง ปอนยังไม่มาเลย  ปอนเป็นอะไรรึป่าวนะ . . . ฉันเริ่มกลัว กังวลและร้องไห้ ฉันรู้สึกว่าตอนนี้ฉันอ่อนแอมากที่สุด . . . ฉันร้องไห้
      “เหมย ร้องไห้ทำไม   ”
      “…”
      ฉันวิ่งไปกอดปอน กอดแน่นที่สุด แล้วความกังวลหายไปฉันโล่งใจมากๆเลย เพราะตอนนี้ฉันได้อยู่กับปอนแล้ว
      “เหมย อย่าร้องไห้สิ ปอนไม่ได้ไปไหนเลยนะ นี่ไงปอนอยู่กับเหมยแล้ว”
      “อือ...เหมยคิดว่าปอนจะไม่มาแล้วนี่นา”
      “ปอนนัดไว้ ปอนก็ต้องมาสิ เหมย .. ! หลับตานะจ๊ะ”
      “…..”
      ใจฉันเต้นรัว แขนของเค้าโอบที่เอวของฉัน ฉันรู้สึกถึงริมฝีปากที่อบอุ่น นี่ปอนจูบฉันอยู่ . . . เพียงสัมผัสเบาๆ
      ฉันลืมตาขึ้น ทั่วไร่องุ่นเปิดไปสวยมากๆเลย ปอนให้แหวนกับฉัน แหวนเงินขอบสีขาวเรียบๆสลักชื่อปอนกะเหมยไว้ในวงแหวน ปอนสวมมันให้ฉัน . . . ปอนหน้าแดงกล่ำเลย ถึงแม้ว่าจะอยู่ในที่สลัวๆก็ยังเห็นชัดว่าเค้าหน้าแดง น่ารักจังเลย . . .
      “เหมยไม่ได้เอาของขวัญมาให้ปอนเหรอ”
      “อ้าว ก็บอกว่าไม่ให้เอาอะไรมาไม่ใช่เหรอ”
      “ล้อเล่นน่า ไม่เป็นไรหรอกจ๊ะ ปอนได้รับแล้วล่ะ”
      “อะไรหรอ พูดอะไรรู้อยู่คนเดียวนะ”
      “ป่าวหรอก” ปอนยิ้มเขินๆ น่ารักจัง
      “. . . ” >_<
      “เหมย นี่กี่ทุ่มแล้วจ๊ะ”
      “3 ทุ่ม 55 แล้วอ่ะ”
      “ก็ปอนเกิด ตอน 4 ทุ่ม อ่ะจ๊ะ”
      “เหรอ . . .”
      “เหมย เคยรักใครรึป่าว ”
      “. . . .”
      “ไม่อยากตอบเหรอ เป็นไรจ๊ะ”
      “แล้วปอนล่ะ”
      “ปอนไม่เคยรักใครเลย ก็เหมยเป็นรักแรกของปอน และรักสุดท้ายของชีวิตปอน”
      “ปอน จะ สี่ทุ่มแล้วนะเนี่ย” ^_^
      “เหมย เกี่ยวก้อยสัญญาหน่อยดิ”
      “ไม่เอาหรอก เกี่ยวก้อยทำไมล่ะไม่เห็นจำเป็นเลย”
      “โอเค ไม่ก็ได้ ปอนจะสัญญากับเหมยนะ ว่าอะไรดีล่ะ ”
      “. . . .” -_-”
      “สัญญาว่า ปอนจะรักเหมยตลอดไปครับ เหมยพูดมั่งดิ”
      “อืมจ๊ะ สัญญา” >_<
      “ไม่เอาแบบนี้ ปอนอยากให้เหมยพูดนี่นา” ^o^
      “ก็. . .อือ มืดแล้วปอนไปส่งเหมยหน่อยสินะ ” ^_^”
      “อือ จ๊ะ ก็ได้ กลับบ้านกันเถอะ”
      ปอนพาฉันมาส่งที่หน้าบ้าน . . . ตลอดทาง ฉันครุ่นคิด ทำไมฉันถึงไม่พูดออกไปนะว่าฉันรักเธอ ฉันรักเธอนะ
      ปากฉันทำไมถึงไม่พูดออกไป ปอนจะเสียใจมากขนาดไหน ฉันอยากจะพูดออกไป แต่ทำไมมันพูดไม่ออก ฉันรักเธอ รักมากด้วย ตอนนั้นฉันคงนึกถึง เจ เพื่อนของฉัน เพื่อนอีกคนที่รัก ปอนเหมือนกัน และรักปอนมากด้วย นี่ฉันทำดีที่สุดแล้วใช่ไหม ฉันหวังว่าจะเป็นอย่างนั้นนะ ถ้าฉันพูดออกไป ฉันทำผิดต่อ เจ ถ้าฉันไม่พูดฉันทำร้ายใจตัวเอง ฉันสับสนไปหมด ช่วงหลังๆ เจ โทรศัพท์มาหาฉันทุกเย็น แล้วสิ่งที่คุยนั้นส่วนมากเป็นเรื่องของปอนซะส่วนมาก จะให้ฉันทำยังไงนอกจากให้คำปรึกษา นั่นคือสิ่งที่ฉันทำได้ และคิดว่าดีที่สุดแล้วใช่ไหม ?  ไม่ว่าฉันเกิดอะไรขึ้น ไม่ว่าฉันจะเลือกอะไร แต่สิ่งที่ไม่เปลี่ยนคือ ฉันรักปอน . . . .
      ฉันขึ้นมาบนห้องนอน ล้มตัวลงนอน เพราะฉันเหนื่อยล้า  ฉันควร ดีใจ ? เสียใจ ? ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน . . . .
      . . . . .วันนี้ เมฆบนท้องฟ้า หนา และครึ้ม ฝนเริ่มทยอยตก ลงมา พ่อของฉันจึงต้องขับรถไปส่งฉันที่โรงเรียนเพราะว่าฝนตกหนัก ฉันก้าวเข้ามาในห้องเรียนที่นั่งข้างๆฉันว่างเปล่า . . . ทำไมล่ะ ? วันนี้ปอนไม่มาโรงเรียนเหรอ ? ฉันโทรศัพท์เข้ามือถือของปอน  ไม่มีคนรับโทรศัพท์ ทำไมปอนไม่รับโทรศัพท์ล่ะ ฉันเริ่มใจเสีย
      ฉันโทรไปอีกครั้ง  มีเสียงรับโทรศัพท์มาจากปลายสายแล้ว !! ฉันหวังว่านั่นจะต้องเป็นเสียงของปอน แต่ไม่ใช่หรอกนะ . . . มันเป็นเสียงคุณแม่ของปอน เหมือนท่านร้องไห้ เกิดอะไรขึ้นนะ ฉันสับสน ตกใจ ฉันทำอะไรไม่ถูก
      “คุณป้าคะ นี่เหมยนะคะ คุณป้าเป็นอะไร ปอนอยู่ไหนคะ”
      “เหมย ตอนนี้ป้าให้ลุงไปรับหนูมาหาป้านะ เหมยรออยู่ที่โรงเรียนนะจ๊ะ”
      เสียงของคุณป้าร้องไห้ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ท่านเป็นอะไร . . ฉันกระวนกระวายใจมาก ฉันสับสนไปหมด ปอนเป็นอะไรนะ ? ปอน ปอน ปอน สมองของฉันคิดถึงแต่ปอน ปอน คนเดียวเท่านั้น
      . . รถของคุณลุง จอดอยู่ตรงหน้าฉัน ฉันไม่รีรอวิ่งขึ้นรถทั้งๆที่ฝนนั้นตกแรงมาก พร้อมกับเสียงฟ้า ร้องน่ากลัว แต่ฉันไม่สนใจอะไรทั้งนั้น สิ่งที่คิดถึงอย่างเดียวตอนนี้คือ ฉันต้องเห็นปอน คุณลุงคุณพ่อของปอน นั่งเงียบตลอดทางฉันสังเกต ท่านน้ำตาคลอ . . . เพราะอะไรนะ
      “คุณลุงคะ ปอนอยู่ที่ไหนคะ”
      “ปอน อยู่ที่โรงพยบาล นะ เหมย ”
      “คุณลุง . . . ปอนเป็นอะไรคะ”
      “เมื่อคืนนี้ตอน 1 ทุ่ม ที่ปอนกำลังปั่นจักรยานไปที่ไร่น่ะ. . .”
      “ทำไมเหรอคะ คุณลุง”
      “ปอนโดนรถชน น่ะเหมย ปอนไม่รู้สึกตัวตั้งแต่ตอน 3 ทุ่มครึ่งแล้ว ”
      “. . . .”
      “เหมย ฟังลุงนะ ตอนนี้ปอนอยู่ห้องไอซียู ปอนยังไม่รู้สึกตัวเลย เค้ามีเลือดคลั่งในสมองมาก”
      “. . . .”
      “ปอนหัวฟาดกับพื้นถนน เหมย หมอช่วยเค้าไม่ทัน เรามาส่งเค้า ช้าไป ลุงผิดเอง ”
      ฉันอึ้ง . . ฉันทำอะไรไม่ถูกเลย นี่มันอะไร ก็เมื่อคืนนี้ . . . น้ำใสใสไหลอาบแก้มของฉัน เรื่อยๆ ไม่หยุด ทำไมหัวใจฉันถึงได้เจ็บแบบนี้ เหมือนจะแตกสลาย ภาพทุกอย่างลอยเข้ามาในหัว ภาพตั้งแต่แรกที่เราได้รู้จักกัน ที่เราได้พบกันวันแรกตอน ม.4 ที่ฉันปั่นจักรยานชนปอน เป็นเพื่อนสนิทกัน จนเรารักกัน ไปปั่นจักรยานเล่นด้วยกัน ไปส่งฉะนที่บ้านทุกเย็น ให้ฉันยืมหลังไว้พิงเวลาฉันร้องไห้
      ไปไร่องุ่นด้วยกัน ปอนมากางร่มให้ฉันในสนามเด็กเล่น ปอนทำให้ฉันโดนแม่ดุเพราะฉันตื่นสาย ติดฝนอยู่ในบ้านต้นไม้ด้วยกัน อยู่ในผ้าห่มผืนเดียวกัน . . .และยังหัวเราะฉันที่ฉันกลัวเสียงฟ้าร้อง  ปอน ปอน ทำไมโรงพยาบาลไกลแบบนี้ . . .
      . . . ตอนนี้ฉันอยู่หน้าโรงพยาบาล ฉันไม่สนใจฝนที่กำลังตก ฟ้าที่กำลังร้อง ฉันรู้แต่ว่าต้องวิ่งไปให้ถึงที่นั่น ปอนรอฉันอยู่ . . . และแล้วฉันก็วิ่งมา เดินเข้าไปในห้องนั้น ห้องที่ปอนนอนอยู่ เห็นแล้วทรมานมาก สายอะไรก็ไม่รู้ระโยงระยางเต็มไปหมด ฉันนั่งอยู่ข้างๆเตียง ฉันนั่งร้องไห้ น้ำตาฉันไหลออกมามาก มากซะจนมองเห็นหน้าปอนเลือนลาง เหลือเกิน ฉันนั่งมองเค้า เฝ้าดู แล้วได้แต่ร้องไห้ ฉันพูดอะไรไม่ออกเลย ฉันจับมือ เค้า แล้วเอานิ้วก้อยของเราเกี่ยวกันไว้ เพราะเมื่อคืน ฉันปฎิเสธที่จะเกี่ยวก้อยสัญญากับเค้า ด้วยเหตุผลของฉันที่วันมันไม่เห็นจะสำคัญเลย . . .
      “ปอน เหมยสัญญาอยู่นี่แล้วไง ปอนตื่นขึ้นมาสัญญากับเหมยนะ” เสียงสะอื้นของฉัน
      “ปอน ฟังเหมยอยู่ไหม เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไปนะ ”
      ฉันได้แต่ร้องไห้ ร้องไห้ และร้องไห้ ทำไมฉันถึงได้เจ็บปวดขนาดนี้ นี่แหละมั้งที่เค้าเรียกว่าความรัก ฉันไม่ขออะไรอีกแล้ว ขอแค่ให้ปอนลืมตาขึ้นมาอยู่กับฉัน เป็นเพื่อนที่คอยอยืนข้างๆฉันเหมือนเมื่อก่อน . . .
      . . . . .และแล้วเส้นของคลื่นวัดการเต้นของหัวใจ ก็เป็นเส้นตรง. . . . ฉันตกใจมาก น้ำตาไหลไม่หยุดเลย
      “ปอน อย่าไปนะ ปอน ต่อไปนี้ใครจะพาเหมยไปที่ไร่ละ”
      “ต่อไปนี้ใครจะกางร่มให้เหมย ต่อไปนี้ใครจะปั่นจักรยานเป็นเพื่อนเหมย ปอน ตื่นสิ”
      “ปอน เหมยพูดแล้วก็ได้ เหมยรักปอนนะ เหมยรักปอนที่สุด ปอน” ฉันสะอื้นจนฟังไม่ออกเหมือนกันว่าตัวเองพูดว่าอะไร . . . . ขอบคุณปอนที่สอนให้เหมย ได้รู้จักคำว่า รัก ได้รู้จักคำว่า เพ้อฝัน ได้รู้จักคำว่า เจ็บ ได้รู้จักคำว่ารอคอย ได้รู้จักคำว่า เสียใจ เหมยไม่เคยมีชีวิตอยู่ได้โดยไม่ได้นึกถึงปอน ความสุขของเหมยจะต้องมีปอนเสมอ
      ปอนเป็นรักครั้งแรกของฉัน และจะเป็นรักครั้งสุดท้ายในชีวิตของฉัน ฉันคงไม่สามรถรักใครได้เท่าปอนอีกแล้ว
      ฉันรักเค้ามากเหลือเกิน ทำไมเราไม่รู้จักกันให้เร็วกว่านี้นะ เหมยได้รักปอน ใช่แล้วเหมยเกิดมาเพื่อรักปอน และจะรักปอนตลอดไป ทุกวันนี้ตอนเช้าฉันไปโรงเรียน ทำทุกอย่างเหมือนปกติ แต่. . .ไม่มีปอน ทุกเย็นฉันไปไร่ ไปแค่คนเดียวเท่านั้น  ทุกครั้งที่ฉันไปที่นั่นฉันรู้สึกได้ว่า ปอน ยืนอยู่ข้างๆเพราะที่นั่นเป็นที่ที่ฉันได้พบปอนครั้งสุดท้าย
      เป็นที่ที่ปอนมาลาเหมยครั้งสุดท้าย . . . . .ลาก่อน ความ รัก ของฉัน

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×