เสือผู้หญิง
    ก๊อก..ก๊อก..ก๊อก
    เสียงเคาะประตูดังขึ้นเป็นจังหวะ  ถึงผู้มาเยือนอาจไม่ได้มีเจตนาทำให้น่ากลัว  แต่สำหรับคนที่กำลังนั่งชมรายการ “ชมรมขนท้ายทอยลุก”  อยู่คนเดียวเช่นผมในตอนนี้  อย่าว่าแต่เสียงเคาะประตูเลย  แค่เพียงเสียงมดหายใจก็อาจทำให้ผมอุจจาระแตกได้
    ผมไม่เข้าใจเหมือนกันว่าใครมาดลใจให้ผมกดรีโมทมายังช่องนี้  ช่องที่กำลังฉายรายการประเภท  ‘โปรดใช้วิจารณญาณในการชม...แต่ไม่เชื่ออย่าลบหลู่’ 
  ไม่เล๊ย
ผมไม่กลัวผีหรอก  แค่เกรงใจเท่านั้นเอง 
    ก๊อก..ก๊อก..ก๊อก
    เสียงเคาะประตูยังดังอยู่  ใครกันนะที่มาหาผมในยามวิกาลเช่นนี้  ผมเหล่ดูนาฬิการูปนกเพนกวินสะดือจุ่นที่แขวนไว้บนผนัง    ห้าทุ่มแล้ว!  เป็นไปไม่ได้หรอกที่จะมีคนมาหาผม
    หรือว่า?
    คงไม่หรอกน่า
    ผมลุกขึ้นยืนทั้งที่ขายังสั่น  เหงื่อผุดเม็ดโป้งเต็มหน้า  คอแห้งอย่างกับทะเลทราย  ผมตรงดิ่งไปที่ประตูอย่างเชื่องช้าประดุจหอยทากที่กำลังคลานอาบแดดอยู่ในทะเลทรายซาฮาร่า
    “ใครครับ?”  ผมจงใจถามแบบสุภาพ
    “
กูเองโว๊ย”  อีกฝ่ายตอบกลับมา  ผมสะดุ้งเฮือก  ใครกันหว่า?
    “กูเองน่ะใครล่ะ?” 
    “ไอ้เหลนไง”  ชื่อของมันทำให้ผมร้องอ๋อ    ไอ้จิ้งเหลน    ลูกชายตาจิ้งโกร่งกะยายจิ้งหรีดนั่นเอง    ผมรีบเปิดประตูให้มัน
    “มาทำไมดึกๆ ดื่นๆ วะ”  ผมตะคอกใส่มัน  จิ้งเหลนมองหน้าผม  มันเลิกคิ้วแล้วทำหน้าย่นเหมือนหมาจู
      “ก็เอ็งเป็นคนโทรเรียกข้ามาไม่ใช่เรอะ?”  เสียงมันยียวนกวนเบื้องต่ำ   
  เออเนอะ
เพราะไอ้รายการบ้าๆ นั่นแท้ๆ เชียว  ทำให้ผมลืมเลือนทุกสิ่งไปหมด
    “เออ
ข้าขอโทษ  เอา
เอา
ไปกันเลยเหอะ”    ผมแก้เก้อ  แต่ไอ้เหลนยังไม่เลิกทำหน้าสุนัขสงสัย
    “เอ็งจะไปชุดนี้เนี่ยนะ”  มันชี้  ผมก้มลงมองตัวเอง  ลืมอีกแล้วว่ากำลังใส่เสื้อกล้ามกับผ้าข้าวม้าอยู่    แถมกางเกงลิงก็ไม่ได้นุ่งอีกตะหาก  เออ
รอแป๊บแล้วกัน
การจราจรในกทม.ยามดึกดื่นไม่ค่อยติดขัดเท่าไหร่  เพียงไม่นานผมกับกระทาชายนายจิ้งเหลนก็เดินทางมาถึงแหล่งบันเทิงยามราตรีแห่งหนึ่ง  เสียงเพลงดังปานนรกแตกแผดออกมาจากทุกร้าน  วัยรุ่นและไม่รุ่นทั้งชายหญิงต่างกำลังดีดดิ้นไปตามเสียงเพลง  ท่าของทุกคนคล้ายกับสุนัขที่กำลังวิ่งพล่านเพราะถูกน้ำร้อนสาดใส่  ทุกคนกำลังทั้งเมาและมันส์  แต่บางคนต้องหยุดเต้นชั่วครู่เพื่อแกะเส้นผมของตัวเองที่ดันไปพันกับผมของคนข้างๆ  ส่วนใครที่ไม่แกะ  ก็จะมองดูคล้ายแฝดสยามที่มีส่วนหัวติดกัน
    เป้าหมายของผมกับไอ้เหลนอยู่ที่ร้าน “รูด 68”  มันเป็นร้านยอดนิยมของที่นี่  ใครมาเที่ยวถนนอเวจีสายนี้แล้วไม่ได้มาที่รูด 68  แสดงว่ามาไม่ถึงอเวจี
      แต่ในเวลานี้ไม่ต้องลุ้นกันเลยว่าจะมีโต๊ะว่างสำหรับเรา  ข้างในร้านนั้นแม้แต่เชื้อโรคก็ยังไม่มีที่ให้เล็ดลอดเข้าไปแพร่เชื้อ  แต่ทุกคนยังพยายามจะยัดทะนานกันเข้าไปข้างใน  แปลกดีเหมือนกัน  ทีเวลาขึ้นรถเมล์แน่นเอี้ยดล่ะก็บ่นอย่างกับหมีกินรังแตน  แต่ทีอย่างงี้ก็ดันเบียดกันเอ๊าเบียดกันเอา  ทั้งที่มีกลิ่นเหงื่อไคลและขี้เต่าโชยฉุนอยู่เหมือนกัน
    ข้างนอกก็แน่นไม่แพ้ข้างใน  ถ้าขี่คอกันได้คงขี่กันไปแล้ว  แต่ผมกับจิ้งเหลนยังไม่ละความอุตสาหะในการสอดส่องหาโต๊ะว่าง   
 
นั่นไง!  ตรงนั้นว่างอยู่ตัวนึง  ผมปราดเข้าไปเหมือนเสือพุ่งตะปบเหยื่อ 
    “เอ่อ
พี่ฮะ  โต๊ะนี้นั่งไม่ได้นะครับ”  เด็กหนุ่มหน้าตาเจี๋ยมเจี้ยมเอานิ้วสะกิดผมเบาๆ
    “
อ๊าย
ทำไมล่ะไอ้น้อง  รู้ป่ะพี่ลูกใคร”  ผมว๊ากใส่เขา  เจ้าหนุ่มกลัวจนหางจุกก้น  เขาทำท่าไม่แน่ใจว่าพลั้งเผลอเหยียบเท้าผมเข้าหรือเปล่า
    “แต่
โต๊ะตัวนี้มันไว้สำหรับให้ผมนั่งเก็บค่าเข้าส้วมนะครับ”
    “เอ้า
เหรอ
พี่รู้หรอกน่า  มันเป็นมุขน้องมันเป็นมุข”  ผมตบหัวไอ้เหลนกลบเกลื่อน  ความมืดมักทำให้เราผิดพลาดได้เสมอ  อาทิเช่น  ตอนหน้ามืด  เป็นต้น
    ผมกับจิ้งเหลนผละออกมาจากที่ตรงนั้นอย่างไม่สะทกสะท้าน  อย่างน้อยความหนาของหน้าก็มีมากขนาดยางมะตอยเรียกป๋า    ไอ้เรื่องจะมาเสียฟงเสียฟอร์มกันตรงนี้ไม่มีซะหรอก  ผมเริ่มมองซ้ายขวาต่อไปเพื่อหาที่ลงอีกครั้ง  แต่ทุกทิศทางเต็มไปด้วยผู้คน  สงสัยว่าคงไม่มีโต๊ะว่างจริงๆ 
 
แต่ช้าก่อน!
  สายตาเหยี่ยวหนุ่มอย่างผมโฉบไปเห็นอะไรบางอย่าง  หญิงสาวอนงค์หนึ่ง  เธองดงามดุจนางฟ้าจากสวรรค์  รูปร่างอวบอัดตามตำรา  ถ้าเป็นอาหารก็คงเป็นพวกเปิบพิสดารเลยทีเดียว  และที่สำมะคัญคือ  เธอน่าจะมาคนเดียว
  สัญชาติญาณเสือผู้หญิงในตัวผมพลุ่งพล่านขึ้นในทันใด  ผมจึงรีบยักย้ายร่างกายอันแสนจะหล่อล่ำเข้าไปหาเธอในทันที 
  “ทานโทษนะครับ  มาคนเดียวเหรอครับ”  เสียงผมหล่อล้ำหน้าตาซะอีก  เธอหันมาพร้อมกับส่งสายตาหวานเจี๊ยบกว่าน้ำตาลเมืองเพชรมาให้  สะพานคอนกรีตถูกทอดมาถึงผมแล้ว
  “เปล่าค่ะ  แต่ไม่มีใครมาด้วย”  นั่นแน่  เล่นลิ้นซะด้วย
  “รังเกียจไหมครับ  ถ้าจะขอนั่งด้วยคน”
  “ค่ะ
รังเกียจ”  ผมยิ้มหุบในทันใด  แต่เธอหัวเราะคิก     
  “แหม่มล้อเล่นค่ะ  นั่งด้วยกันก็ได้”  เธอยิ้มหวานอีกแล้ว    ไม่อยากเข้าข้างตัวเองเลยพับผ่าสิ    แต่ผมว่าเธอต้องมีใจล่ะน่า
  ผมกับไอ้เหลนกลายเป็นเพื่อนร่วมโต๊ะของน้องแหม่มในทันที  เธอเป็นผู้หญิงที่แสนน่ารักเหลือเกิน    ผมชักถูกใจน้องแหม่มคนสวยซะแล้ว   
  แต่ไม่ใช่ผมคนเดียวที่พยายามจะจีบเธอ
 
ไอ้จิ้งเหลน  ไอ้ก้างขวางคอ!
  มันกับผมพยายามชิงไหวชิงพริบกันอย่างสุดเดช  เสือสองตัวจะมาอยู่ถ้ำเดียวกันได้ยังไง  แต่ประทานโทษเถอะครับ  ผมมันเสือหนุ่ม  มันน่ะเสือพิการ  ฝีปากของผมดีกว่ามันเยอะ  ยังไงน้องแหม่มคงไม่รอดกงเล็บผมแน่ๆ ในคืนนี้   
  ผมกับน้องแหม่ม ( ต่อไปนี้จะไม่พยายามเอ่ยถึงไอ้จิ้งเหลน ) เริ่มร่ายรำไปตามทำนองเพลงที่ในบางครั้งก็ดังเหมือนใครกำลังขุดถนน  บางหนก็โหยหวนดุจดังสุนัขหอน    สายตาที่เราสองคนจ้องประสานกัน    ทำให้เราซู่ซ่าเสียวสะท้านปานปวดท้องอึ
  “เดี๋ยวเลิกแล้วน้องแหม่มไปไหนต่อครับ”  ผมเหลือบมองเวลา  เกือบตีสองแล้ว
  “แหม่มคงกลับบ้านน่ะค่ะ  พี่ไปส่งแหม่มหน่อยนะ”    เธอเกาะแขนผมหมับเป็นตุ๊กแก  ไอ้ครั้นจะปฏิเสธก็เสียเชิงชายแล้ว  ผมรีบประคองร่างสาวน้อยผู้แสนเซ๊กซี่นั้นออกจากหน้าร้านทันที  แต่ไอ้เหลนตัวแสบก็ตามประกบไม่ห่าง 
 
โถ!  ไอ้
.    หมูเค้าจะหามอยู่แล้วแท้ๆ
แท๊กซี่ที่มีเราสามคนเป็นผู้โดยสารพุ่งทะยานไปตามทางถนน  แน่นอนว่าผมใช้เท้าน้อยๆ บรรจงยันให้ไอ้เหลนไปนั่งที่เบาะหน้าคู่กับคนขับ  ส่วนที่เบาะหลังนั้นมีเพียงแค่เราสองเท่านั้น  น้องแหม่มตะกุยตะกายผมเหมือนนางแมวป่า  ไอ้ผมก็พยายามแสดงความเป็นสุภาพบุรุษบังหน้าเอาไว้ก่อนอย่างเต็มที่ 
  เดี๋ยวก่อนเหอะ
  “พี่คะ  แหม่มทนไม่ไหวแล้ว 
เราเข้าโรงแรมกันเถอะค่ะ”    โอ้
อะไรกันนี่    แม่สาววัตถุไวไฟ    ผมตอบสนองเจตนารมย์ของเธอในทันที  ผมสั่งให้แท๊กซี่เลี้ยวแว่บเข้าโรงแรมมู่ด..ร่าน(ม่านรูดนั่นแหละ)แห่งหนึ่ง    พอรถจอดน้องแหม่มก็รีบวิ่งลงจากรถเข้าห้องไปในทันที  แต่เธอก็ทิ้งคำปริศนาไว้ให้ผมกับไอ้เหลนว่า 
  “พี่เข้ามาพร้อมกันสองคนเลยก็ได้นะคะ  น้องแหม่มรับได้เสมอ”
  ผมมองหน้าจิ้งเหลน  แววตาของมันบ่งบอกว่าคิดอะไรที่ลามกจกเปรตอยู่  ผมไม่ชอบใจเลยที่จะต้องแบ่งปันเรื่องนี้ให้มัน  แต่ช่างเหอะ  ยังไงมันก็เพื่อน
  เสียงน้ำหล่นกระทบพื้นดังซู่ซ่าในห้องน้ำ  น้องแหม่มคงกำลังอาบน้ำอยู่  ผมสบตาไอ้เหลนอีกครั้งหนึ่ง  คนที่มีวัฒนธรรมและระเบียบวินัยต้องรู้จักเข้าแถวตามลำดับก่อนหลัง
  เสียงประตูห้องน้ำเปิดออกแล้ว  กลิ่นหอมจางๆ ของสบู่และเนื้อนางคละคลุ้งไปหมด  หวานคอแร้งล่ะตู  น้องแหม่มค่อยๆ ยุรยาตรออกมาแล้ว  ผมนอนผิวปากรอเธออยู่บนเตียงอย่างสบายอารมณ์สุดๆ 
  น้องแหม่มมายืนอล่างฉ่างตรงหน้าผม  เธออยู่ในเสื้อผ้าชุดทะมัดทะแมง 
พร้อมกับมีปืนในมือ!
  “ขอบคุณมากนะคะที่มาส่งน้องแหม่ม  คราวนี้พี่สองคนก็ช่วยส่งของมีค่ามาให้น้องแหม่มนะคะ”  เธอยังยิ้มน่ารักที่มุมปาก  ปืนในมือเหมือนสาวท้องแก่ที่พร้อมจะลูกไหลได้ตลอดเวลา
  ปฏิบัติการณ์ของน้องแหม่มกินเวลาแค่นกกระจอกไม่ทันกินน้ำ  แล้วเธอก็จากไป  จากไปพร้อมกับข้าวของที่มีค่าทุกอย่างของผมกับไอ้เหลน  เธอพร้อมรับเราทั้งสองคนได้อย่างที่เธอพูดเอาไว้จริงๆซะด้วย 
  ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเสือผู้หญิงอย่างผม ต้องมาเจอเข้ากับนางเสือผู้หญิงอย่างเธอเข้า  ร้ายกาจจริงนะ
 
ตำรวจคร๊าบบบ
.ผมขอแจ้งความ!
                                  &&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&&
มาแก้ให้อ่านง่ายเข้าครับผม.......ชอบก็โหวดเยอะๆ...ยังมีเรื่อง...ยาผีบอก , แผนปล้นเหนือเมฆ  แล้วก็เรื่องยาวคือ อัศวินความฝันด้วยนะครับ  ใครชอบก็เชิญเข้าไปอ่านได้ครับ...จ้าว...นายยยย...
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น