ใครไม่รู้นิยาม
\"ความรัก\" ไว้มากมาย บ้างก็ว่าเป็นอย่างนั้น บ้างก็ว่าเป็นอย่างนี้ บางทีก็เล็ก บางทีก็ใหญ่ มีทั้งกว้าง และยาวไกล และบางทีก็ชิดใกล้เสียเหลือเกิน
แต่ก็อาจบางที มันก็เป็นเพียงอารมณ์ และความรู้สึก
หรือบางที มันก็ไม่ใช่อะไรเลย
เรื่องของหัวใจ มันอ่อนไหว มันอ่อนโยน แต่มันก็แข็งแกร่ง พร้อม ๆ กับอ่อนแออยู่ในตัว
ใครจักกล้าหาญพอ ที่จะนิยามความรักเอาตามใจได้ เพื่อแทนความหมายมันทั้งหมด ?
ไม่ใช่เลย.... และก็เป็นไปไม่ได้เลยเช่นกัน
ความรัก เรารู้จัก แต่รู้จัก ใช่ว่าจะเข้าใจ....
ทุกสิ่งทุกอย่าง แทนความรักไม่ได้ทั้งหมด ทว่า ความรัก เป็นทุกสิ่งทุกอย่างได้...
และพร้อม ๆ กัน
\"ความรัก\" ก็อาจเท่ากับการ
\"ทำร้าย\" ระหว่างกันและกันด้วย
ความจริงก็คือ เราตอบคำถามของความรักไม่ได้ทั้งหมด
แต่ที่เราตอบได้ ก็คือ ตัวของเราเอง
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผล หรือ อารมณ์ ก็ตาม ......
และนี่ก็เป็นเรื่องราวของ
\"ความรัก\" และการ \"ทำร้าย\" กัน ระหว่าง
\"ผม\" กับ \"เธอ\"
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
เช้าวันนี้ ก็เป็นเหมือนทุก ๆ วันที่ผ่านมา ผมจัดการกับตัวเองอย่างลวก ๆ ประสาผู้ชาย ซึ่งไม่ค่อยพิถีพิถัน กับวิถีความเป็นไปในชีวิตของตัวเอง
ตื่นนอน แล้วเคลื่อนตัวมานั่งจมอยู่กับที่ เพื่อละเลียดกาแฟดำรสเดิม ๆ กับแก้วกาแฟใบเก่า พร้อม ๆ กับควันบุหรี่สีเทาจาง ๆ ที่อ้อยอิ่งลอยล่อง ด้วยลมปากเป่าออกมาช้า ๆ
ปลายบุหรี่ลุกแดงวาบโชนเป็นห้วง ๆ เมื่อก้นบุหรี่ระหว่างริมฝีปาก ถูกดูดเอาลมและควันเข้าไปในปอด เพื่อปล่อยออกมาอย่างเชื่องช้า
หมดมวน ก็ต่ออีกมวน และอีกมวน กระทั่งกาแฟดำในแก้วหมดไป
จากนั้น ก็ถึงเวลาย้ายก้นที่แหมะจมอยู่กับที่ เพื่อเคลื่อนจากจุดเดิม ไปจัดการกับตัวเอง แปรงฟัน ขับถ่าย อาบน้ำ แต่งตัว และอำลาจากที่ซุกหัวนอน
เวลาจะเป็นตัวเร่งโดยอัตโนมัติ ให้รีบเดินทางเข้าสู่ที่ทำงานสำเร็จรูป เพื่อให้แรงกายแรงสมอง ชดใช้กับเงินค่าจ้างรายเดือน ที่จ่ายมาล่วงหน้า และหมดไปแล้วล่วงหน้า แทบจะพร้อม ๆ กัน
เปล่าหรอก ผมไม่มีคำตัดพ้อใด ๆ เลย
เพราะเรารู้กันดีอยู่แล้วว่า เมื่อเลือกที่จะจมตัวเองกับระบบของ
\"มนุษย์เงินเดือน\" ก็ต้องจัดระเบียบตัวเอง ให้สมกับการเป็น
\"จักรกลมนุษย์\"
นี่เป็นเรื่องปกติธรรมดา เป็นวิถีที่เราเลือกมาตั้งแต่ต้น...
ผมรู้ คุณก็รู้ และเธอของผม ก็คงรู้ด้วยเช่นกัน....
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
บ่ายสองโมง นาฬิกาที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ของผม บอกเวลาของวันที่ผ่านไป ผมรู้ดีว่า เวลาของเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องนี้ เดินเร็วกว่าปกติโดยเฉลี่ย วันละ 3 นาที
นั่นทำให้ผมต้องตั้งเวลาให้มันทุก ๆ 3 วัน เพื่อไม่ให้เวลามันเดินจากไปเร็วนัก
แม้ว่า ความจริงผมจะรู้ว่า .....
เวลามักจะเดินทางไปอย่างรวดเร็วเสมอ เมื่อเราต้องการทำอะไรสักอย่างหรือหลายอย่าง
และผมก็ยังรู้ว่า เวลาจะเดินทางไปอย่างเชื่องช้า เมื่อเรารอคอยอะไรสักอย่างหรือหลายอย่าง
คุณหละ ! คุณว่า เวลาเดินทางเร็วหรือช้า ?
คุณหละ ! คุณว่า เวลาเรามีน้อยไป หรือมีมากไป ?
ผมไม่รู้ว่า คำตอบของคุณจะตรงกับผมไหม แต่ที่ผมรู้ ก็อย่างที่ผมบอกนั่นแหละ
\"สวัสดีครับ ขอสายคุณ...... ครับ\" ผมกรอกเสียงที่คิดว่านุ่มนวลที่สุด ผ่านหูโทรศัพท์ หลังจากกดหมายเลข 9 หลัก ที่ถูกบันทึกในความทรงจำอย่างแม่นยำ
\"จากไหนคะ\" เสียงปลายสายถามกลับมาเหมือนทุกครั้ง คล้ายกับเป็นหน้าที่ที่ต้องทำ
\"เออออ จากเพื่อนครับ\"
\"อ๋อ รอซักครู่นะคะ\"
ผมรอสายด้วยใจจดจ่อ เหมือน ๆ กับทุกวัน นี่ก็คล้ายกับว่า เป็นหน้าที่ประจำของผม ที่ต้องโทรศัพท์ไปหาเธอในช่วงเวลาบ่ายสองโมง เพื่อรายงานตัว
คล้าย ๆ กับเวลาเที่ยงตรง ที่ผมมีหน้าที่ ต้องไปรายงานตัวต่อสำนักงานสำเร็จรูป
ที่ต่างกันก็คือ เวลาเที่ยงตรง เป็นหน้าที่ของการดำรงชีวิต แต่เวลาบ่ายสองโมง เป็นหน้าที่ของหัวใจ
\"ฮัลโหลลล\" นั่นไง แล้วเธอซึ่งเป็นที่รักของผม ก็ส่งเสียงมาจนได้
\"โหลลล สองโหลยี่สิบสี่ เป็นไงบ้างจ๊ะ\" ผมเล่นมุขสุดแสนเชยอีกแล้ว
\"อืมมม แค่นี้ก่อนนะ งานยุ่งมากเลย\"
\"แค่นี้อีกแล้วเหรอ โห เป็นอย่างนี้ทุกวันเลย\" ผมตัดพ้อเหมือนเดิม ๆ อีกแล้ว
\"เอาน่า งานยุ่ง แค่นี้นะ\" เธอตอบกลับมาด้วยเสียงห้วน ๆ แล้วสัญญาณเสียงปลายสาย ก็ถูกตัดไปในทันที คงเหลือแต่ผมที่ถือหูค้างไว้ ด้วยใจแป้ว เหมือนอย่างที่เคยเป็นมาทุกวัน
นี่เป็นอีกวัน และเป็นอีกครั้ง ที่ผมต้องเจอกับเรื่องแบบนี้ ที่จริง ผมควรจะทำใจได้ เพราะต้องเจอแบบนี้ทุกวัน แต่ก็น่าแปลก ผมกลับรู้สึกทุก ๆ ครั้ง
และผมก็รู้คำตอบของตัวเองดีว่า เพราะอะไร
ก่อนหน้านั้น ย้อนหลังไปในช่วงที่ผมกับเธอคบกันใหม่ ๆ เรามีเรื่องคุยกันได้ทั้งวันทั้งคืน ว่างเมื่อไหร่เป็นต้องยกหูโทรศัพท์คุยกัน เรื่องงานบ้าง สัพเพเหระบ้าง
บางที ไม่มีเรื่องอะไรเลย เราก็ยังคุยกันได้ในความเงียบ คล้ายกับว่า ในความเงียบนั้น เราได้ยินเสียงหัวใจสื่อสารถึงกัน
เหมือนกับว่า เวลาของคืนวันทั้งหมด มีเพื่อการสื่อสารระหว่างผมกับเธอเท่านั้น
แต่ถึงตอนนี้ เรื่องที่เราคุยกันคงมีน้อยลง และก็คล้ายกับว่า เวลาของคืนวัน สมควรใช้ไปกับเรื่องอื่น ๆ อีกมากมาย มากกว่าที่จะเป็นเรื่องระหว่าง ผมและเธอ
แต่ถึงอย่างนั้น มันก็ไม่ได้ทำให้ผมเลิกรักเธอ หรือรักเธอน้อยลง ตรงกันข้าม ผมยังรักเธอเหมือนเดิม และมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ
ส่วนเธอ ก็น่าจะเหมือนกับผมกระมัง เพราะเมื่อไหร่ที่ผมถามเธอ ก็จะได้คำตอบว่า
\"รัก\" เหมือน ๆ เดิม แม้ว่า เธอจะไม่ค่อยอยากตอบเท่าไหร่นักก็ตาม
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
หลังเสร็จภาระหน้าที่ของหัวใจ ผมก็มานั่งจ่อมจม กับภาระหน้าที่ของการดำรงชีวิตต่อไป ตรงหน้าผม คือจอคอมพิวเตอร์ ซึ่งหมายถึงงานที่กองสุมพะเนินเทินเท่อ หากแต่ถูกจัดระเบียบอย่างเรียบร้อย ในชื่อไฟล์ต่าง ๆ
หน้าที่ผมก็คือ ทำการสางงานแต่ละชิ้น ให้เสร็จลุล่วงโดยเร็ว ในแต่ละวัน เพื่อไม่ให้ดินพอกหางหมู จนหางผมขยับขยายไปไหนไม่ได้
ทว่า ทั้งหมดที่ทำ ก็เพื่อรอให้เวลาเดินทางไปถึงช่วงเวลาค่ำ ที่ผมจะได้พูดคุยกับเธออีกที
อย่างน้อย ก็เป็นอีก 2 ช่วงเวลา ของการพูดคุย ถ้า...เธอยังไม่ต้องการมาพบผม
ช่วงแรก หกโมงเย็นถึงหนึ่งทุ่มโดยประมาณ กับช่วงสุดท้าย สองทุ่มครึ่งถึงสามทุ่มครึ่งโดยประมาณ
ช่วงเวลาแรก จะเป็นช่วงเวลาที่เธอจะบอกกับผมว่า เธอจะกลับบ้านแล้ว หรือบอกว่า เธอจะไปร่วมกิจกรรม หรือสังสรรค์กับเพื่อน ๆ
ช่วงนี้ จะสั้นเป็นพิเศษ
ที่สั้นเป็นพิเศษ ก็เพราะจะเป็นแค่การแจ้งเพื่อทราบเท่านั้น
เช่นว่า
\"กลับแล้วนะ\" และ
\"แค่นี้ก่อนนะ\" หรือ
\"จะไปเล่นแบดกับเพื่อนนะ\" และ
\"แค่นี้นะ\" หรือ
\"คืนนี้ จะไปกินข้าวกับเพื่อนนะ\" และ
\"แค่นี้นะ\" ฯลฯ
ส่วนผมนะเหรอ ... ก็แค่ตอบรับคำบอกให้ทราบของเธอ เพราะถ้าจะถามต่อ เพื่อให้การสนทนายาวขึ้น ก็จะถูกตัดบทแทบจะในทันที
แต่สิ่งที่สำคัญมากกว่านั้น ก็คือ ถ้าผมยังเซ้าซี้ต่อไป ก็เป็นการสุ่มเสี่ยงอย่างยิ่ง ต่อการเคืองขุ่นของเธอ
ผมขอบอกกับคุณตรง ๆ ว่า ผมกลัวเธอจะโกรธเป็นอย่างยิ่ง
คุณคงสงสัยสิว่า อะไรมันจะน่ากลัวขนาดนั้น ?
ถ้าคุณสงสัยอย่างที่ว่านี้ ก็อาจแปลว่า คุณยังไม่รู้จักมันดีพอ
เปล่า ๆ ๆ ๆ ผมไม่ได้พูดลอย ๆ แต่ผมมีตัวอย่างมาให้ดู
ตัวอย่างที่เอามาให้ดู ก็เช่นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในช่วงเวลาสุดท้ายของการพูดคุย สำหรับค่ำคืนวันนี้
ใช่ครับ ช่วงเวลาสุดท้ายของวัน ที่ผมควรจะทะนุถนอมใช้ให้คุ้มค่า แต่ก็กลับกลายเป็นว่า ผมทำเรื่องให้เธอเคืองขุ่นจนได้
เรื่องของเรื่องก็มีแค่ว่า ผมดันไปแสดงความเป็นห่วงเธอ ห่วงมากเสียจนเธอรู้สึกรำคาญใจเป็นอย่างยิ่ง
\"ฮัลโหลลลล ถึงบ้านแล้วเหรอ\" ผมต่อสายโทรศัพท์ไปหาเธอ เมื่อเห็นตัวเลขบอกเวลา มาหยุดอยู่ที่สองทุ่มครึ่ง
\"อืมมม เพิ่งถึง\" เธอตอบสั้น ๆ ด้วยน้ำเสียงเหนื่อย ๆ
\"เหนื่อยเหรอ กินข้าวยัง\" ผมทอดเสียงให้ฟังดูนุ่มนวล เจือด้วยความห่วงใย เพื่อบอกให้รู้ว่า ผมเป็นห่วงเธอ
\"เหนื่อย งานเยอะ เครียด กินมาม่าแล้ว เดี๋ยวจะนอนแล้ว\" เธอตอบกลับมาด้วยเสียงห้วน ๆ เหมือนเดิม แต่ก็ยังดี ที่คราวนี้ เธอพูดยาวขึ้น
\"อืมม แล้วอาบน้ำยังหละ แปรงฟันยัง แล้วกินน้ำผึ้งที่พี่ซื้อให้หรือเปล่า มันช่วยให้หลับง่าย ไม่ปวดท้องนะ อ้อ อย่าลืมหัวเราะสัก 3 ทีก่อนนอนด้วยนะ จะได้ฝันดีไง\" ผมถามเธอต่อ แล้วตบท้ายด้วยมุขหัวเราะก่อนนอน
\"อาบแล้ว แปรงฟันแล้ว กินน้ำผึ้งแล้ว\" เธอตอบกลับมาทันที แต่ครั้งนี้นอกจากเสียงจะห้วนแล้ว ยังออกจะเหี้ยม ๆ อีกด้วย จากนั้น เธอก็พูดเสียงแข็งๆ ว่า
\"แล้วนอนได้ยังหละ\"
ผมอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบว่า \"ไม่พูดเล่นกันเลยเหรอ เล่นตัดบทอย่างนี้อีกแล้วเหรอ\"
\"เปล่านี่ พูดเล่น แหย่เล่นหนะ\" เธอตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่ทอดให้ดูว่า อ่อนลง
\"อืมมม เหมือนเอาจริงเลย\" ผมตอบเธอไปสั้น ๆ เพราะใจยังสะอึกอยู่ กับถ้อยคำของเธออยู่
ที่จริง เรื่องมันก็ควรจะจบลงแบบไม่มีอะไร เพราะเธอยอมอ่อนลง แต่ก็เหมือนเป็นเวรกรรมแต่ปางไหนก็ไม่รู้ ทำให้ผมไปเซ้าซี้เธอเข้าให้อีก จนเธอตัดบทอีกครั้งว่า จะขอนอนแล้ว
และก็ด้วยความปากไวของผม ก็เลยโพล่งออกไปพร้อม ๆ กับความคิด เพื่อยืนยันว่า ที่เธอบอกว่า พูดเล่น มันไม่จริง
เท่านั้นแหละ ก็เหมือนว่า ความพยายามที่จะอดทนของเธอ ซึ่งในช่วงหลัง ๆ เธอมีอยู่น้อยเหลือเกิน ก็ขาดผึงทันที และนั่นทำให้ความขุ่นเคือง ปรากฏออกมาชัด ทั้งโดยเนื้อความและน้ำเสียง
\"งั้นก็แค่นี้แหละ ปวดหัว จะกินยานอนแล้ว\" เธอตัดบทชัวะเข้าให้ ด้วยการกระแทกเสียงทีละคำ หนัก ๆ เน้น ๆ พร้อมกับเสียงโครมหนึ่ง ที่คล้ายกับเธอเอาโทรศัพท์ กระแทกเข้าให้กับอะไรสักอย่างใกล้ ๆ มือเธอ
และนั่นทำให้ผมรู้ว่า เธอจะไม่คุยอะไรกับผมอีกแล้ว เพราะเธอเคืองขุ่นอย่างรุนแรง
และก็แปลว่า ผมไม่ควรเซ้าซี้เธออีกต่อไป เพราะไม่ว่า ผมจะออกอาการงอน หรือออกอาการง้อ เธอก็จะไม่ใส่ใจอีกแล้ว
และก็แปลว่า ผมต้องวางสายโทรศัพท์ เพื่อยุติการสนทนาไร้สาระใด ๆ ต่อจากนั้น
แล้วอย่างนี้ คุณว่า น่ากลัวไหม ?
นี่ผมยังไม่ได้บอกว่า หลังจากเหตุการณ์นี้จบลง คุณยังต้องลุ้นด้วยใจระทึกต่อไปว่า ในวันรุ่งขึ้น คุณจะต้องเจอกับอะไรบ้าง
แต่บทเรียนอย่างนี้ บอกให้ผมรู้และสำนึกผิดอย่างมาก แม้ว่า ผมจะเผลอลืมตัว จนเกิดเหตุการณ์ขึ้นซ้ำซากบ่อยครั้ง หลังจากนั้นอีกก็ตาม
ผมรู้ว่า เมื่อเรารักใครสักคน เราก็ต้องพร้อม ที่จะรับอะไรอีกหลายอย่าง ที่จะเข้ามาหา
มีอะไรหลาย ๆ อย่างที่จะเกิดขึ้น รวมถึงความเปลี่ยนแปลงจากเดิม
เมื่อเวลาผ่านไป !
เช่นว่า ความอดทน ที่เดิมก็อาจมีไม่มาก แต่เมื่อเวลาผ่านไป จากไม่มาก ก็อาจกลายเป็นไม่มีเลย
เช่นว่า การถนอมน้ำใจกัน จากเดิมที่ยังพอมีบ้าง แต่เมื่อเวลาผ่านไป ก็อาจมีน้อยลง หรือลืมไปเลย
เช่นว่า จากที่เคยพูดถึงและคอยดูแลกัน ก็อาจกลายเป็นพูดถึงแต่ตัวเอง ดูแลแต่ตัวเอง และหัวใจตัวเอง
และถ้ายิ่งเรียกร้อง ยิ่งตัดพ้อ แทนที่จะได้มา ก็อาจจะกลายเป็นว่า ไปเพิ่มความขุ่นเคือง ให้มากขึ้นไปอีก
สำหรับผมตอนนี้ แม้ว่า ผมจะยังคงตอบคำถามเรื่องของความรัก ไม่ได้ทั้งหมด
แต่ที่แน่ ๆ .... ผมตอบตัวเองได้
ก็เมื่อเราเลือกที่จะรัก ก็เท่ากับว่า เราเลือกแล้ว ที่จะถูกทำร้ายด้วยความรัก ...
ไม่ว่าจะมาจากคนที่เรารัก หรือจากตัวเราเองก็ตาม
แล้วคุณหละ คิดคล้าย ๆ กันกับผมหรือเปล่า หรือว่า มีอย่างอื่นอีก
ถ้าคุณรู้แล้ว ก็ไม่ต้องตอบผมหรอกนะ
เพราะที่คุณต้องตอบ ก็คือตัวคุณเอง กับหัวใจของคุณนั่นแหละ ...
..........>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>ปลาย<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<.............
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น