อภิรัฐมองร่างที่ไร้วิญญาณของหญิงสาวที่เพิ่งจะเข้าวัยรุ่นอย่างสังเวช ครั้งหนึ่งหล่อนคงเป็นคนที่สวยมากที่เดียว แต่วันนี้หล่อนช่างผิดแผกอย่างเห็นได้ชัด ใบหน้าของหล่อนอาบนองคราบเลือด เบ้าตาทั้งสองลึกโปร๋ไร้ดวงตาลูกแก้ว.... ข้าง ๆ มีเสียงพ่อแม่ของหล่อนร่ำไห้ปานจะขาดใจ บาดใจเขายิ่งนัก  บุรุษพยาบาลดึงผ้าสีขาวผืนยาวปิดหน้าหล่อน แล้วเข็นเตียงพาหายลับเข้าไปในห้อง ซึ่งติดป้ายว่า ‘ห้องดับจิต’
“คุณตำรวจต้องจับไอ้คนชั่วมาลงโทษให้นะคะ”
อภิรัฐมองลึกลงไปในดวงตาที่คลอเต็มไปด้วยหยาดน้ำใส ๆ ของผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่า ‘แม่’ ที่เพิ่งสูญเสียลูกสาวที่แสนยิ่งใหญ่ไป... ทำให้เขาตะหนึกถึงหน้าที่อันหนักอึ้งของตัวเองที่ต้องคลี่คลายคดีและจับคนร้ายมาลงโทษให้ได้....
“ผมจะพยายามอย่างเต็มที่ครับ”
เขาให้คำมั่นสัญญากับหญิงวัยกลางคนเสียงเครียด หลายต่อหลายครั้งแล้วที่เขาต้องพูดประโยคนี้ซ้ำ ๆ ซาก ๆ ทั้ง ๆ ที่ยังจับฆาตกรโรคจิตรายนี้ไม่ได้....
“มันไปแอบอยู่ที่ไหนวะ”
กี่รายแล้วล่ะ - - ที่ต้องมีหญิงสาวผู้เคราะห์ร้ายถูกฆาตกรรมในสภาพแบบเดียวกันในสองสามเดือนที่ผ่านมา - - เท่าที่จำได้เห็นจะเป็น 4 ราย รวมรายล่าสุดด้วยก็ 5 ราย ที่ถูกฆาตกรรมโดยใช้มีดปลายแหลมคว้านลึงลงไปในเบ้าตา ก่อนจะควักเอาลูกตาหายไปด้วย - - นับว่าเป็นคดีที่น่าสะเทือนขวัญในช่วงนี้ทีเดียว....
แต่ฆาตกรโรคจิตก็ไม่ได้ทิ้งหลักฐานอะไรไว้สักอย่าง....นอกจากร่างที่ไร้วิญญาณเหล่านั้น....
“เป็นไง ได้ความอะไรมั่งมั้ย” อภิรัฐเอ่ยถามนายตำรวจสายสืบ...
“ยังไม่มีอะไรคืบหน้าครับผม”
คำรายงานของนายตำรวจสายสืบ ทำเอาเขาท้อไปเหมือนกัน...แต่ด้วยหน้าที่เขาจำเป็นต้องสู้...ในเมื่อมันกล้าเย้ยกฏหมายเช่นนี้ เขาจะต้องลากคอมันมาลงโทษให้ได้....
“พยายามหน่อยนะ ไปได้”
นายตำรวจผู้นั้นทำความเคารพก่อนเดินจากไป
“บ้าฉิบ! ไปมุดหัวหัวอยู่ที่ไหนวะ”
แฟ้มประวัติของหญิงสาวผู้เคราะห์ร้ายทั้ง 5 รายถูกวางเรียงบนโต๊ะ....
อภิรัฐนั่งอ่านประวัติของเหยื่อเหล่านั้นอีกครั้ง ซึ่งแต่ละรายล้วนอยู่ในช่วงวัยรุ่นทั้งนั้น นอกจากนี้ไม่มีอะไรที่เหยื่อแต่ละรายสัมพันธ์กันเลย...
อภิรัฐละสายตา เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ ถอนใจอย่างแรง รู้สึกกลัดกลุ้มและโมโหตัวเองที่ยังหาตัวฆาตกรไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่รู้ตัวฆาตกรค่อนข้างแน่ชัด
“ต้องใช่มันนั่นแหละ ไม่ใช่ใครหรอก”
เขารำพึงรำพัน คิดถึงคดีที่เหมือนกันเมื่อ 10 ปีก่อน
“โทษ 15 ปี มันคงน้อยไป กากเดนสังคมอย่างมันถึงออกมาทำเข็ญได้อีก”
อภิรัฐนั่งอ่านแฟ้มประวัติอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่งเพื่อให้แน่ใจว่า...มันน่าจะทิ้งร่องรอยหรือบอกอะไรสักอย่างกับเขาได้... เขาขีด ๆ เขียน ๆ อะไรไปเรื่อย....
คนแรกชื่อ อนงค์ เกิดวันที่ 1
คนที่สอง ชื่อ อิสรา เกิดวันที่ 9
คนที่สามชื่อ รวี เกิดวันที่ 18
คนที่สี่ ชื่อ อำพัน เกิดวันที่ 1
คนที่ห้า ชื่อ ธิดา เกิดวันที่ 20
เขาเพิ่งจะสังเกตเห็นว่า เหยื่อคนที่ 1 กับ 4 เกิดวันที่ 1 เหมือนกันแต่คนละปี มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ ๆ มันกำลังตั้งใจบอกอะไรสักอย่าง ไม่งั้นมันไม่เสียเวลามาเลือกเหยื่อเกิดวันที่ 1 ถึง 2 คนหรอก - - แต่ตัวเลขเหล่านี้มันหมายถึงอะไรล่ะ - -
เขาครุ่นคิดอยู่นาน จนเสียงโทรศัพท์มือถือกรีดเสียงร้องทำลายความคิดนั้นกระเจิงหนีหายไป....
“พ่อคะ ยังไม่เสร็จงานอีกเหรอค่ะ ไหมรอทานข้าวพร้อมพ่อจนแสบท้องไปหมดแล้ว” เสียงพู่ไหมลูกสาว ต่อว่าผู้เป็นพ่อเล็ก ๆ
“ไหมไม่ต้องรอพ่อหรอก พ่อยังไม่เสร็จงานเลย แค่นี้นะไหม พ่อทำงานอยู่”
ขณะที่เขากดปุ่มวางสายโทรศัพท์ แว่บหนึ่งในความคิดก็นึกถึงเกมส์ที่เคยเล่นเมื่อสมัยก่อนขึ้นมาได้ มันเป็นเกมส์ถอดหรัสตัวเลข - - ใช่ มันต้องเป็นอย่างที่คิดแน่ ๆ - -
เขาหยิบกระดาษเปล่าแผ่นใหม่ขึ้นมาแผ่นหนึ่ง... และเริ่มต้นด้วยการเขียนเลข 1 แทนอักษรตัว A เลข 2 แทนอักษรตัว B เขาเขียนไปเรื่อยจนถึงตัวสุดท้าย...
เขาเริ่มถอดรหัสตัวเลขที่ได้จากวันเกิดของเหยื่อทั้ง 5 อีกครั้ง...
A I R A T
...ใช่จริง ๆ มันเป็นอย่างที่เขาคิดไว้ด้วย...
ยังไม่ทันที่เขาจะอ่านคำเหล่านั้น เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น...
“คุณอภิรัฐคะ ผู้กำกับเรียกค่ะ” สาวใหญ่ประจำกองกำกับฯ บอก
“ครับ...ขอบคุณ” อภิรัฐผงกศีรษะให้หล่อนนิดนึง  “แกเสร็จฉันแน่” สีหน้าเขาดูมีความหวังขึ้นมาหน่อย....
เขาดีดตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ ขยับเสื้อผ้าให้เข้าที่ก่อนจะก้าวข้าวเข้าห้องผู้กำกับ....
“คุณทราบใช่มั้ยว่าตอนนี้เราโดนพวกสื่อมวลชนวิพากษ์วิจารณ์แค่ไหน ชื่อเสียงป่นปี้กันคราวนี้เอง รายที่ 5 แล้วนะ ยังไม่เห็นมีอะไรคืบหน้าเลย หรือคุณจะปล่อยให้มันมีรายที่ 6 ที่ 7 ไปเรื่อย ๆ”
ผู้กำกับเอ่ยเสียงเครียดกว่าที่เคยเป็น... ขณะที่อภิรัฐแต่ได้ยืนนิ่งเงียบไม่อาจโต้แย้งอะไรได้...
“ถ้าคุณไม่สามารถจัดการกับคดีนี้ได้ก็บอกผม ผมจะได้ให้คนอื่นเค้าจัดการแทน ไม่ใช่ดันทุรังทุรัง แต่ที่ทำไม่ได้อย่างนี้ คุณช่วยยืนยันกับผมหน่อยสิว่าจะไม่มีรายที่ 6 อีก”
“ครับผม”
“เอาละ ผมเชื่อมือคุณ” เสียงผู้กำกับอ่อนลง “คุณน่ะเป็นมือดีที่สุดในท้องที่ของเรา ผมก็ไม่อยากจะไปยืมมือท้องที่อื่นมาหรอก” ผู้กำกับถอนใจเบา แต่เขายังได้ยิน “ผมก็มีลูกสาวเหมือนกัน ตอนนี้ไม่ว่าใครก็หวาดระแวงไปหมด ไม่เว้นแต่ผม ทุกคนฝากความหวังไว้กับคุณนะ”
“ทุกคนฝากความหวังไว้กับคุณนะ”
เสียงผู้กำกับดังก้องอยู่ในหัว เหมือนเป็นการตอกย้ำให้เขาต้องจัดการสะสางคดีนี้ให้เร็วที่สุด...
อภิรัฐกลับมานั่งเก้าอี้ตัวเดิม พยายามอ่านตัวอักษรเหล่านั้น ซึ่งดูเหมือนจะเป็นชื่อมากกว่า AIRAT อะไรรัด ๆ ไอรัตน์ ก็ไม่น่าจะใช่ แต่ถ้าใช่มันพยายามบอกอะไรอยู่นะ ....
เขากวาดสายตาย้อนมองชื่อเหยื่อแต่ละรายอีกครั้ง พบว่า....เมื่อเขียนชื่อเป็นภาษาอังกฤษ อักษรตัวแรกของแต่ละรายจะตรงกับรหัสตัวเลขที่ถอดออกมา...
...มันต้องมีอะไรมากกว่านั้นซี... เขาอ่านประโยคนั้นซ้ำไปมาหลายรอบ ก่อนผวนคำไปเป็นชื่อเขา อภิรัฐ คล้าย ๆ ชื่อเขา APIRAT แต่ขาดอักษรตัว P  เพียงตัวเดียว หรือว่าเหยื่อรายต่อไปจะขึ้นต้นด้วยตัว P
แล้วใครล่ะ???
“ผมเองก็มีลูกสาวเหมือนกัน”
เสียงผู้กำกับแว่วเข้ามาในหัวอีกครั้ง ลูกสาว พู่ไหม อภิรัฐเก็บเอกสารบนโต๊ะเข้าลิ้นชักอย่างรีบร้อน ก่อนคว้ารถขับไปบ้านหลังที่เขาไม่อยากไปด้วยลางสังหรณ์บางอย่างซึ่งรุนแรงจนเขาทนอยู่เฉย ๆ ไม่ได้...
“ขอให้ลางสังหรณ์บ้า ๆ ไม่จริงเถอะ”
เขาขับรถปัดแฉลบไปมาอย่างน่าหวาดเสียว แถมยังผ่าไฟแดงอีกด้วย...
“ขออย่าให้เป็นเหมือนคืนนั้นเลย”
และแล้วค่ำคืนที่เหมือนฝันร้ายของเขาที่ฝังไว้ในส่วนที่ลึกสุด ก็ถูกขุดคุ้ยขึ้นมาอีกจนได้... ภาพชายร่างใหญ่กำลังคร่อมอยู่บนตัวภรรยาของเขา ในมือข้างหนึ่งชูขึ้นคล้ายมีลูกแก้ววาววับในนั่น มันหัวเราะดังลั่นก่อนหันมาแสยะยิ้มให้เขาด้วยใบหน้าน่าเกลียดน่ากลัวดุจราวกับปีศาจจากอเวจี... เขาเหนี่ยวไกปืน ร่างมันค่อย ๆล้มลงทั้ง ๆ ที่ใบหน้ายังคงฉาบรอยยิ้มสมใจ แต่มันก็ยังไม่ตาย มันกลับมีชีวิตอยู่รอดหลังม่านเหล็ก แต่ภรรยาของเขาซิกลับต้องตายอย่างอนาถด้วยน้ำมือของมัน... นึก ๆ ไปแล้ว เขาน่าจะฆ่ามันให้ตายเสียตั้งแต่วันนั้น....
@@@@@@
เสียงประตูถูกเคาะดังถี่ แข่งกับสายฝนที่เทกระหน่ำลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา
“ใครน่ะ!” พู่ไหมส่งเสียงถาม  แต่ก็ไม่มีเสียงตอบกลับ หากมีแต่เสียงทุบประตูโครมใหญ่อย่างบ้าคลั่งแทน พู่ไหมเริ่มใจเสีย นึกถึงข่าวฆาตกรโรคจิตที่พาดหัวข่าวอยู่ในขณะนี้
ไม่นานนักเสียงเคาะประตูก็เงียบหายไปเป็นปลิดทิ้ง ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น พู่ไหมค่อยเดินแอบย่องไปแหวกผ้าม่านดู แต่ไม่พบใครสักคน เป็นไปได้ไง มันหายไปไหนแล้ว
พู่ไหมรีบขึ้นไปบนห้องนอนโดยไม่รอคำตอบ เปิดประตูห้องค่อย ๆ เอื้อมมือไปเปิดสวิตซ์ไฟ เดินเข้าไปในห้องทันทีไฟสว่างทั่วห้อง เธอก็เห็นร่างของชายร่างใหญ่ปรากฏขึ้นตรงมุมห้อง พู่ไหมหวีดร้อง ม่านตาเบิกกว้างด้วยความกลัวสุดขีด ใบหน้าของมันหื่นกระหายราวกับปีศาจ
“อย่า! อย่าเข้ามาน่ะ!” พู่ไหมร้องสุดเสียง เมื่อมันเดินเข้ามาหา....
“อย่า! อย่าเข้ามา” พู่ไหมถอนร่นจนไปติดอยู่กับมุมห้อง เธอกลัวจนเข่าอ่อน ร่างรูดลงไปกองกับพื้น พนมมือไหว้มันอย่างลนลาน...
“อย่าทำอะไรฉันเลย ฉันกลัว”
“กลัว กลัวทำไม” มันหัวเราะ “แม่แกยังไม่เห็นกลัวเลย” มันแผดเสียง ชะงักฝีเท้าที่ก้าวเข้ามาหาลง...
“นี่ไง...ที่พ่อแกฝากไว้” มันชี้ไปที่แผลเป็นเหนือหัวใจขึ้นไปหน่อย ก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะ แล้วร้องไห้สะอึกสะอื้นเหมือนเด็ก ๆ
“ฉันแค่ขอลูกตาแม่แกไปให้ลูกสาวของฉันเท่านั่นเอง ลูกสาวฉันไม่มีลูกตา เขาโกรธฉัน ขอฉันเถอะนะ ลูกจะได้ยอมพูดกับฉัน นะ นะ” มันพร่ำพรรณาเหมือนคนวิกลจริต
พู่ไหมขยับตัวถอย...
“นะ...ขอฉันเถอะ”
มันลูบหน้าพู่ไหมด้วยมือหยาบคร้าน เรื่อยมาจนถึงเบ้าตา.....
“ลืมตาซิ...” มันตวาด หากแต่เธอยังคงหลับตาสนิท... มันใช้มือข้างหนึ่งบีบคางพู่ไหมจนชาไปทั่วหน้า “ลืมซิ” สักพักเธอทนความเจ็บไม่ไหว ก็ต้องลืมตาตามคำสั่งของมัน....
“สวยจัง ..ลูกฉันต้องชอบแน่ ๆ”
มันระเบิดเสียงหัวเราะอย่างไม่ทันสุดเสียง เสียงปืนก็ดังลั่นบ้าน ร่างของมันกระตุกเฮือก ค่อย ๆ ล้มลง...
“แกจะไม่มีโอกาสได้ทำชั่วอีกต่อไป”
อภิรัฐกระหน่ำยิ่งซ้ำลงไปยังร่างของชายโรคจิตจนมันแน่นิ่งไม่ไหวติง....
@@@@@@
หลังจากชายโรคจิตผู้นั้นได้ล่วงลับไปแล้ว พู่ไหมเพิ่งจะรู้ความจริงบางอย่างที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้... ภรรยาของเขาเสียชีวิตในวันที่เขาขับรถคว่ำ ส่วนลูกสาวต้องสูญเสียดวงตาทั้งสองข้าง และได้ฆ่าตัวตายในเวลาต่อมา....และสาเหตุที่แกขับรถคว่ำก็เป็นเพราะ พ่อของพู่ไหมเอง ที่ขับรถเร็วปัดแฉลบแซงจนเขาหักหลบไม่ทันจนรถพลิกคว่ำ
- - พู่ไหมไม่รู้ว่า ใครถูกใครผิด แต่เธอก็จะอยู่ข้างพ่อที่พู่ไหมรักเสมอ - -
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น