Painful memory
Of chesty bennington
    ฉันชื่อเชสตี้  เบนนิงตัน  เป็นนักเรียนเกรด 8 ของโรงเรียน L.I. High  school  แล้ววันนี้ก็เป็นวันแรกของปีการศึกษา  อันที่จริงก็ดีอยู่หรอก  อากาศก็สดใสซึ่งปกติไม่ค่อยจะมีบ่อยนัก  ทำไมน่ะเหรอ  ก็ที่นี่คือเมืองลอนดอนน่ะสิ  ฝนตกเกือบทุกวัน  ถนนนี่แฉะไปหมด  แต่ฉันก็รักเมืองนี้แล้วก็คนที่นี่ด้วย  เอาล่ะ
  มาเข้าเรื่องกันดีกว่า  สิ่งที่ทำให้วันนี้เป็นวันที่ห่วยแตกก็คือ  มีไอ้เด็กบ้าคนนึงเดินชนฉันอย่างจัง  ดูจากป้ายชื่อแล้วเจ้าหมอนี่เพิ่งอยู่แค่เกรด  7
    \"เฮ้!  เดินยังไงยะ  ไม่รู้จักดูตาม้าตาเรืองรึไง  ของตกกระจัดกระจายหมดแล้ว\" ฉันระเบิดใส่เขาทันที
    \"ขอโทษครับ\" เขาพูดเบาๆ ใบหน้าเรียบเฉย  ฉันยิ่งโมโหหนักเข้าไปอีกเมื่อเจ้าเด็กบ้านี่เดินหนีไปดื้อๆ ขอโทษแค่นี้เองเหรอ  ไม่ร็จักมีน้ำใจช่วยเก็บของมั่งเลย \"คนอะไรอวดดี  บ้าที่สุด\" ฉันเดินอย่างฉุนเฉียวเข้าห้องเรียนไป
    หลังจากวันนั้นฉันก็ไม่ได้เจอหน้าหมอนั่นอีก  จนกระทั่งที่โรงเรียนประกาศว่าจะมีการเข้าค่ายพักแรมของนักเรียนเกรด  7  และเกรด  8  ฉันกับเพื่อนๆ นั่งรถที่ทางโรงเรียนจัดให้  พอไปถึงสถานที่ที่จัดให้เป็นค่ายพักแรมซึ่งเป็นภูเขาสูงและป่าทึบ  อาจารย์ก็ให้ทุกคนจับสลากเลือก \'คู่หู\'  ซึ่งหมายความว่าจะต้องนอนเต๊นท์เดียวกัน  ช่วยกันทำอาหาร  เดินทางสำรวจป่าด้วยกัน  พูดง่ายๆ ก็คือต้องทำทุกอย่างด้วยกัน (แต่ยกเว้นอาบน้ำนะ)  ซึ่งเป็นความซวยมหาซวยของฉันที่ต้องคู่กับ
    \"เฮ้ย! นายนี่เอง  ซวยจริงๆ\"  ฉันบ่นที่จับสลากได้คู่กับเจ้าเด็กกวนโอ๊ยที่เคยเดินชนฉัน  เขาไม่ได้พูดอะไร  แต่ฉันเห็นเขายิ้มน้อยๆ ที่มุมปาก  มันทำให้ฉันหงุดหงิดขึ้นมา
    แล้วการเดินทางสำรวจป่าก็เริ่มต้นขึ้น
    \"ชื่ออะไรอ่ะ\" ฉันถามห้วนๆ พลางแบกสำภาระใส่บ่า
    \"ร็อบ  แล้วเธอล่ะ\"
    \"เชสตี้\" ฉันตอบสั้นๆ แล้วเราสองคนก็ออกเดินทางตามแผนที่ที่อาจารย์แจกให้โดยไม่ได้พูดด้วยกนซักคำแต่เส้นทางที่เราเดินไปนั้นดูเหมือนว่าจะสับสนวุ่นวายไปหมด  จนค่ำเราถึงพบว่าหลงทางเสียแล้ว
    \"ทำยังไงดีล่ะ  ฉันยังไม่อยากตายตอนนี้นะ  โดยเฉพาะกับนายด้วย!  ถ้าไม่มีคนมาตามหาเรา  แล้วจะออกไปจากที่นี่ได้ยังไง  \"ฉันเริ่มขวัญเสีย\"
    \"ใจเย็นๆ ก่อนนะ  ฉันเชื่อว่าเธอไม่ตายกับฉันหรอก  เราต้องออกไปจากที่นี่ได้แน่นอน  แต่ตอนนี้เราต้องอยู่กันที่นี่ก่อน  อย่าเพิ่งเดินต่อเพราะเดี๋ยวจะยิ่งหลงไปใหญ่\"  ร็อบบอกเมื่อเห็นฉันกระวนกระวาย  และเขาก็ส่งอาหารให้ด้วย
    ตกดึกอากาศเริ่มหนาวเพราะที่นี่เป็นป่าทึบ  ฉันกับร็อบช่วยกันกางเต๊นท์แล้วก็ก่อกองไฟบรรเทาความหนาว  หลังจากที่รอคนมาช่วยซึ่งไม่เห็นมีซักคน  ฉันก็ผล็อยหลับไปโดยมีร็อบคออยู่ข้างๆ ฉันเพิ่งรู้สึกว่าที่จริงเขาก็เป็นคนดีเหมือนกันนะ  เพราะตอนที่ฉันหลับไปอากาศมันหนาว  ฉันก็เลยนอนขดตัวแล้วรู้สึกว่ามีผ้าห่มคลุมที่ร่างของฉัน  ความหนาวเริ่มหายไป  มีแต่ความอบอุ่นเข้ามาแทน  ฉันรู้ว่าร็อบเป็นคนห่มผ้าให้  จะไม่รู้ได้ไงล่ะก็อยู่กันแค่สองคนนี่นา  ความคิดของฉันเริ่มเปลี่ยนไป  เขาไม่ใช่เจ้าคนอวดดีอย่างที่ฉันเคยเข้าใจแต่อย่างใด  แต่เขากลับเป็นคนที่อ่อนโยน  มีอารมณ์ขันและคอยดูแลฉันตลอด  3  วันที่เราหลงป่าอยู่  ไม่รู้สิ!  ฉันว่าเขาก็น่ารักดีเหมือนกันนะ  ดูอย่างตอนที่ฉันเดินสะดุดกิ่งไม้ขาแพลงเดินต่อไม่ได้  เขาก็ให้ขี่หลัง (ดูเหมือนว่าฉันจะเป็นตัวถ่วงตามเจริญจริงๆ)  ฉันไม่กล้าเอ่ยคำขอบคุณไม่กล้าสบตาหรือมองหน้าเขา  ความรู้สึกเริ่มแปลกๆ ไปจากเดิมแล้วฉันก็ได้คำตอบของหัวใจว่า  ฉันได้หลงรักร็อบเข้าแล้ว!
    ผลจากอากาศที่หนาวจัดของป่าบนภูเขาสูงทำให้ฉันเป็นไข้  พอถึงตอนกลางคืนไข้จะขึ้นสูง  ตัวร้อนจี๋  อากาศก็หนาวจนผ้าห่มก็เอาไม่อยู่ อาหารเริ่มร่อยหรอ  ก็วันนี้เป็นวันที่  4  แล้วที่ฉันกับร็อบหลงอยู่ในป่าแห่งนี้  ฉันคิดว่าเราคงจะหลงเข้าไปไกลมา  ถึงขนาด  4  วันแล้วพวกเขายังหาเราไม่เจอเลย  แต่อย่างน้อยก็ยังมีร็อบนั่งอยู่ข้างๆ  พิษไข้ทำให้ฉันปวดหัวแล้วก็คิดมาก  ฉันร้องไห้ออกมาด้วยความท้อแท้หมดหวังว่าจะออกไปจากที่นี่ได้  หรือว่าฉันจะต้องตายในป่าแห่งนี้จริงๆ มองไปทางไหนก็เห็นแต่ความมืด  มีเพียงแสงสว่างจากกองไฟที่ยังลุกโชนอยู่เบื้องหน้าเท่านั้น  แต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้ฉันหายจากความกลัวหรือความหนาวเลยแม้แต่น้อย
    \"หนาวจังเลย  ฉันอยากกลับบ้าน - - ฉันไม่ชอบที่นี่เลย ฮือ\" ฉันยังคงร้องไห้  ตัวสั่งด้วยความหนาว  สองมือดึงผ้าห่มให้กระชับตัว  ร็อบมองหน้าฉันด้วยสายตาเศร้าๆ แล้วทันใดนั้นเขาก็ขยับเข้ามาใกล้ๆ และโอบกอดฉันไว้  ฉันรู้สึกถึงความอบอุ่น  ความท้อแท้สิ้นหวังค่อยๆ หายไป
    \"อย่าร้องไห้เลย  ฉันยังอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนเธอ  บางทีวันพรุ่งนี้พวกเขาอาจจะหาเราเจอก็ได้\" ร็อบปลอบ
    ฉันสะอึกสะอื้นอยู่ในอ้อมกอดของเขา  แต่ไม่รู้หรอกว่ากอดนี้หมายความว่ายังไง  รู้แต่ว่ามันอบอุ่นและมีความสุข  อยากให้เขากอดฉันไว้อย่างนี้ตลอดไป  ถึงแม้ว่ามันจะมีความหมายว่าอย่างไร  ฉันก็จะจดจำมันไปอีกนานแสนนานเลยล่ะ  ในใจก็คิดว่า \"ฉันดีใจจริงๆ ที่ได้มาอยู่ที่นี่กับเธอ  ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเวลาที่ไม่น่าอภิรมณ์นักก็ตาม\"  แล้วฉันก็แอบหวังอยู่ลึกๆ ว่าบางทีร็อบอาจจะชอบฉันก็ได้  แต่ตอนนี้ฉันยังไม่รู้
    วันที่  5  ที่เราอยู่ในป่า
  ฉันมีแรงพอที่จะเดนต่อไปได้เราก็เลยเดินไปเรื่อยๆ แล้วก็เจอที่โล่งกับลำธาร  ตอนนี้แหละที่จะได้เอาความรู้ที่เคยเรียนมาใช้ให้เป็นประโยชน์  ร็อบก่อกองไฟแล้วตักน้ำมาราดให้มีควันออกมา  เพื่อทำสัญญาณที่เห็นได้จากทางอากาศ
    แล้วก็เหมือนสวรรค์มาโปรด  มีเฮลืคอปเตอร์บินมาตรงที่เราสองคนอยู่  พวกเขาคงจะเห็นสัญญาณควัน  จากนั้นก็ลงจอดรับฉันกับร็อบ
    ฉันดีใจที่รอดมาได้หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น  ฉันกับร็อบก็สนิทกันมากขึ้น  เราไปไหนมาไหนด้วยกันและสัญญาไว้ว่าจะไม่มีความลับหรือปิดบังอะไรต่อกัน  ฉันหาโอกาสที่จะขอบคุณเขาที่ดูแลฉันในป่าแหงนั้นและตอนนี้แหละที่เหมาะที่สุด  ตอนที่เรานั่งอยู่ด้วยกันที่สวนสาธารณะไฮร์  ปาร์ค
    \"เอ่อ - - ร็อบ\" ฉันตะกุกตะกัก
    \"อะไรเหรอ\" เขาหันมามองหน้า
    \"คือว่า - - ขอบคุณที่เธอคอยช่วยเหลือแล้วก็ดูแลฉันตอนที่อยู่ในป่านั่นน่ะ\"  ฉันเอ่ยเบาๆ
    \"ไม่เป็นไรหรอก\" เขายิ้ม \"ก็เราเป็นเพื่อนกันนี่นา\"
    ฉันกระตุกที่หัวใจเล็กน้อย \"เพื่อนเหรอ\"
    \"อืม - - ใช่
  ก็เธอเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันเชสตี้\"
    ฉันพยายามรักษาสีหน้าให้เป็นปกติ \"งั้นเหรอ\"
    \"อือ\" ร็อบพยักหน้า \"ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นรุ่นพี่ฉันปีนึงแต่เราก็เป็นเพื่อนกันได้\"
    ฉันมองหน้าร็อบ  ใบหน้าของเขาดูสดใสแสดงถึงความจริงใจในสิ่งที่พูด  แต่มันทำให้ฉันรู้สึกเจ็บแปลบที่หัวใจ  ฉันฝืนยิ้มให้เขา  ทิ้งกระดาษใบเล็กๆ ในมือที่เขียนและตั้งใจเอามาให้เขา  แต่มันคงไม่มีความหมายแล้วล่ะ  ทั้งที่ในใจอยากจะบอกเขาเหลือเกินว่า \"ฉันรักเธฮ  ฉันไม่ต้องการเป็นแค่เพื่อนที่ดีที่สุด - - แต่อยากเป็นมากกว่านั้นน่ะ!\"  ฉันอยากจะตะโกนออกมาแต่ก็ไม่กล้าพอ
    \"อ้อ! ฉันมีอะไรจะให้ดู\" ร็อบบอก  ใบหน้ายิ้มแย้มกว่าทุกครั้ง  เขาล้วงเอากระเป๋าสตางค์ออกมาดึงรูปใบเล็กๆ แล้วยื่นให้ฉัน  \"นี่คือคาเรน  เรียนอยู่ห้องเดียวกันกับฉัน  เธอว่าเป็นยังไง  เชสตี้\"
    ฉันฝืนยิ้ม \"ก็น่ารักดีนะ  แล้วเขารู้รึเปล่าล่ะว่าเธอชอบ\"
    ร็อบส่ายหน้า \"ฉันไม่กล้าบอก  แต่จะพยายามอยู่\"
    \"รีบบอกเขาซะ  เธอคงไม่อยากปล่อยให้มันสายเกินไปหรอกใช่ไหม\" ฉันฝืนตัวเองต่อไปไม่ได้แล้ว \"ฉันจะกลับแล้วนะร็อบ\"
    เขาพยักหน้า  ฉันหันหลังแล้วเดินไปจากเขา  น้ำตาคลอแล้วก็ไหลออกมา  แต่ร็อบไม่เห็นหรอก  เขาไม่เคยรู้อะไรเลยไม่รู้ว่าฉันคิดยังไงกับเขา  โง่จริงๆ!  ฉันคิดอย่างน้อยใจ  เขาไม่เคยคิดอะไรกับฉันนอกจากความเป็นเพื่อน  แล้วที่เขาบอกฉันเรื่องคาเรนก็เพราะเราเคยสัญญากันไว้ว่าจะไม่มีความลับต่อกัน  โดยที่เขาไม่รู้ตัวเลยว่าสิ่งที่เขาทำมันทำร้ายจิตใจฉันขนาดไหน
    วันเสาร์
  ร็อบโทรมาชวนฉันไปเดินเล่นที่สวยสาธารณะและฉันก็ตกลง  พอไปถึงเราก็ไปซื้อไอศกรีมมานั่งกินที่ม้านั่งตัวเดิม  ต่างคนต่างนั่งเงียบ  ร็อบดูเงียบผิดปกติ
    หลังจากเงียบกันไปพักหนึ่ง  ร็อบก็เอากระดาษสีฟ้าแผ่นเล็กๆ ออกมาจากกระเป๋าแล้วยื่นให้ฉัน  ฉันถึงกับสะดุ้งเพราะกระดาษแผ่นนั้นก็คือกระดาษที่ฉันเขียนความในใจและตั้งใจเอามาให้เขา  แต่ฉันทิ้งมันไปแล้วนี่นา  ฉันเขียนว่า
    to. ร็อบ
        ขอบคุณมากสำหรับความช่วบเหลือของเธอ ร็อบ
    ฉันดีใจที่ได้รู้จักเธอ  กอดครั้งนั้นอบอุ่นมาก  ฉันจะจำ
    มันไปตลอดเลย  และสุดท้ายฉันอยากบอกว่า
        ฉันรักเธอนะร็อบ!
    แต่ไม่รู้จะกล้าพอที่จะบอกเธอหรือเปล่า
    I love you so  much Rob!
    แล้วเธอล่ะคิดเหมือนฉันรึเปล่า?
    \"เธอคิดแบบนั้นจริงๆ เหรอ  เชสตี้\" ร็อบถาม
    ฉันไม่อาจปฏิเสธเสียงของหัวใจได้ \"ใช่ - - ฉันรักเธอ  รักมากกว่าคำว่าเพื่อนซะอีก\" ฉันพูดเบาๆ มองหน้าเขาอย่างหมดหวัง \"แต่ฉันไม่กล้าบอกเธอ\"
    \"เชสตี้ - - ฉันดีใจ  แล้วก็ขอบใจที่เธอคิดแบบนั้น แต่ฉันรับมันไว้ไม่ได้หรอก  ขอโทษนะ\" ร็อบพูดพลางจ้องหน้ฉัน
    น้ำตาจากไหนก็ไม่รู้ไหลพรั่งงพรูออกมาจากดวงตาของฉันอย่างไม่สามารถกลั้นเอาไว้ได้ \"ไม่เป็นไรหรอก  ฉันเข้าใจ  ที่ผ่านมาฉันคิดไปเองทั้งหมด  แต่วันนี้ฉันได้คำตอบแล้วล่ะ  ไม่ต้องห่วงนะ  ฉันไม่เป็นไรหรอก  แล้วเธอก็สบายใจได้เลย  เพราะฉันจะไม่ไปรบกวนเธอกับคาเรนอย่างแน่นอน\"  ฉันใช้มือปาดน้ำตาออกจากแก้มทั้งสองข้าง  แล้วเดินผละออกมา  น้ำตายังไหลไม่หยุด
    \"เดี๋ยวก่อน - - เชสตี้  ที่ฉันบอกว่าเธอคือเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันน่ะ  มันเป็นความจริง  เธอไม่ได้คิดไปเองหรอก  และตอนนี้ฉันก็ยังยืนยันคำพูดนั้นนะ\"
    ฉันหยุดเดินแล้วหันไปยิ้มทั้งน้ำตาให้เขา  \"เธอไม่ต้องสงสารฉันหรอก  ร็อบ\" ฉันเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า  แล้วก็ออกเดินต่อไป  เป็นการก้าวไปข้างหน้าและจะไม่หันหลังกลับไปอีก  ถึงแม้ว่าสิ่งที่ฉันได้เลือกมันจะทำให้เจ็บปวดเพียงใดก็ตาม
    ฉันพยายามทำให้ตัวเองเข้าใจว่า  มันไม่มีทางเป็นไปได้หรอกที่ร็อบจะรักฉัน  รู้แล้วว่าฉันคิดผิดเองตั้งแต่ต้น  รู้แล้วว่าฉันมีค่าเป็นได้แค่เพื่อนของเขา  แต่ก็ดีใจที่ได้รู้ความจริงว่าเขาคิดยังไงกับฉัน  คนเราจะไปฝืนใจกันไม่ได้ในเมื่อเขาไม่ได้รัก  เราควรจะเข้าใจและมีทางเดียวให้ทำก็คือ  ตัดใจซะ  มันก็ไม่ใช่ว่าจะทำได้ง่ายๆ หรอกนะ  แต่ฉันก็จะพยายามทำ  ให้เวลาเป็นเครื่องบรรเทาความเจ็บปวด  แล้ววันนั้นฉันจะกลับมาเป็น  เชสตี้  เบนนิงตัน  คนเดิม  ที่ไม่เคยมีเด็กเกรด  7  ที่ชื่อร็อบอยู่ในหัวใจ!
The end
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น