แสงไฟติดๆดับๆจากเสาไฟฟ้าข้างทาง  อาจทำให้ใครบางคนที่เดินผ่านไปเห็นสมุดเล่มหนึ่งซึ่งตกอยู่ระที่เกิดจากที่ดินรกร้างข้างฟุตบาท  แต่ไม่เคยมีใครสักคนคิดจะหยิบมันขึ้นมา...
      ปล่อยให้สมุดที่เคยสีสันสดใสเล่มหนึ่งนอนอยู่กับกอหญ้าผ่านลมและฝนมานาน  พร้อมกับรอยหมึกคำสัญญาที่นับวันจะยิ่งเลือนรางเพราะน้ำฝน...  แต่ฝนไม่สามารถลบเลือนคำสัญญาจากจิตใจคนๆ หนึ่งได้  ชีวิตของเด็กม.3ทุกคนคงไม่หนีไปจากเรื่อง เพื่อน ความฝัน ความรัก และการสอบเข้าม.ปลายไปได้และทั้งหมดนี้คือที่มาของเรื่องราวของหลิวที่ห้องเรียนศิลปะ ไฟร์ แซม หลิว ซึ่งเป็นกลุ่มเดียวกันมาตั้งแต่ป.5  ไก้มาอยู่ห้องเดียวกันในชั้นม.1  และนี่คงเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้พวกเขาได้รู้จักกับสา “ นี่เธอ...เธอ...ยืมของเราก็ได้นะ ” หลิวพูดพร้อมกับยื่นดินสอ 2B ให้ 1 แท่ง  เธอก็รับไปพร้อมด้วยรอยยิ้มและเหล็กดัดฟันกลับมา
      รอยยิ้มที่พวกเขาได้เห็นทำให้นึกถึงเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ น่ารักคนหนึ่ง หลังจากจบชั่วโมงศิลปะ พวกเขาก็อาสาพาเธอไปกินข้าวด้วยกัน  นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาสาก็กลายเป็นหนึ่งในสมาชิกของกลุ่ม  ซึ่งถ้าใครมาเห็นก็ต้องแปลกใจว่า ทำไมเด็กผู้หญิงน่ารักๆอย่างสา ถึงมาอยู่ในกลุ่มของเด็กผู้ชาย ที่กำลังคุยกันเสียงดัง  ด้วยคำหยาบต่างๆซึ่งเป็นคำธรรมดาในความคิดของเด็กผู้ชาย
  จากวันเป็นเดือน ... จากเดือนเป็นปี ... เมื่อเพื่อนคบกันมานานก็ย่อมรู้ใจกัน ... และเริ่มรับรู้บางอย่างในวันที่สาไปตัดผมมาใหม่
              “ เฮ้อนี่อะไรเข้าฝันแกวะ ”  ไฟร์พูด
              “ อี๋...ทรงเก่าดีกว่าแยะเลย ”  แซมพูดพร้อมกับเสียงหัวเราะจากทุกคน
                “ แต่เราว่าน่ารักดีนะ ”  หลิวพูด
คำๆ นี้ของหลิวทำให้หน้าขาวๆ ของสาแดงขึ้นมา  ตั้งแต่นั้นมาเราเริ่มสังเกต จากวันนั้นทำให้รู้ว่าคำพูดของหลิวมีอิทธิพลต่อสามาก
      วันแรกของม.3 ก็ไม่มีอะไรมากก็แค่ฉลองที่สาได้รับอนุญาตให้ไป-กลับโรงเรียนเองเหมือนนักเรียนทั่วไป  และเป็นธรรมดาที่นักเรียนม.3ทุกๆคนหนีไม่พ้นการเรียนพิเศษ  และขณะที่พวกเขากำลังคุยรออาจารย์อยู่นั้นหลิวได้ชี้ไปที่นักเรียนหญิงคนหนึ่งหน้าตาสวยมาก  พร้อมพูดว่า
    “ นี่ดูผู้หญิงคนนั้นสิ เราชอบเขามากเลยนะ ”
      ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาสาก็มีอาการแปลกๆ  แต่พวกเราก็ไม่เคยสนใจตามประสาผู้ชายที่ไม่เคยคิดจะเข้าใจความรู้สึกนึกคิดของผู้หญิง
      จนวันหนึ่งพวกเราไปเดินเล่นที่ห้างสรรพสินค้า  วันนี้สาดูซึมผิดปรกติ  ขณะที่เดินเล่นกันอยู่นั้นหลิวได้จับหน้าผากของสา  หลิวตกใจมากเพราะสาตัวร้อนจัด  หลิวจึงพูดว่า
                “ สาเธอตัวร้อนมากนะกินยาอะไรบ้างหรือยัง? ”
                “ ปวดหัวนิดหน่อยไม่เป็นไรหรอก ”    สาตอบพร้อมกับรอยยิ้ม
                “ ดูสิหน้าเหมือนคนใกล้ตายอยู่แล้วยังจะมายิ้มอีก ” หลิวแซวสาโดยที่ไม่รู้ว่านี่เป็นรอยยิ้มสุดท้ายของสา
      ... เอี๊ยด ... ปัง ... อัก ... เสียงของรถบรรทุกคันหนึ่งวิ่งคร่อมเลนมาชนกับรถแท็กซี่  ร่างของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัย  กระเด็นออกจากรถมาราวๆประมาณ 7-10 เมตร ของกระจายเต็มพื้น  พลเมืองดีผู้หนึ่งได้นำร่างของเด็กหญิงที่อาบไปด้วยเลือดส่งโรงพยาบาล
     
                พวกเรารู้สึกเป็นห่วงสา  จึงให้หลิวโทรไปหาสา  แต่ปรากฏว่าแม่ของสาเป็นคนรับสาย  และบอกให้ทุกๆคนรีบมาที่โรงพยาบาลด่วน  พอมาถึงหมอก็ออกมาบอกทุกๆคนว่า  “ คุณสาธินีเพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อครู่นี้เอง ”  และแม่ของสาก็เอาไดอารี่ของสามาให้พวกเราดู  พวกเราได้เห็นว่าทุกหน้าของไดอารี่นั้นมีแต่ชื่อของหลิว  และน้ำตาของหลิวก็หยดลงตรงหน้าหนึ่งที่สาเขียนไว้ว่า  ‘ หลิว ... สารักหลิวนะ ’ 
 
รัก  บางคนคิดว่าเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นต้องพูด  แต่รู้ไหมมีบางคนที่รอฟังคำๆนี้จากปากของคุณอยู่  เมื่อคุณมั่นใจแล้วว่าคุณควรที่จะพูดออกไปดีกว่าที่จะมาเสียดาย และเสียใจเพราะว่าวันนี้เป็นวันที่ ... สาย ... เกิน ... ไป ... และรักของคุณอาจเป็นแค่เพียงความทรงจำตลอดไป...
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น