เสียงนกกระจอกตัวเล็กๆที่ดังมาจากข้างหน้าต่างห้องนอน  ช่วยปลุกให้ฟางตื่นขึ้นรับวันใหม่ที่สดใสอีกวันหนึ่งในฤดูหนาว  เธอเปิดหน้าต่างออกมาทักทายพวกมันด้วยอารมณ์ที่แจ่มใส  พลางชะโงกหน้ามองไปยังหน้าต่างห้องนอนบานหนึ่งที่อยู่ตรงกันข้ามกับห้องของเธอ
    “ทศก็คงยังไม่ตื่นอีกตามเคย”
    เด็กสาวปรารภกับตนเองเบาๆพลางถอนหายใจ ก่อนจะตะโกนเรียกเพื่อนบ้านของเธอ
    “ทศ ตื่นได้แล้วนะ อย่าลืมสิว่าเรามีนัดกัน ถ้าทศสายอีก ฟางจะไม่ช่วยแล้วนะ ทศ ได้ยินหรือเปล่า” เมื่อสิ้นเสียงของเธอแล้ว ก็มีใบหน้าของชายหนุ่มคนหนึ่งที่บ่งบอกถึงอาการง่วงเหงาหาวนอนโผล่มาจากหน้าต่างบานนั้น
      “นี่! ชั้นหนาวจะตายอยู่แล้วนะ  เธอรีบมากเลยหรือไง  ยังไม่ถึงเวลานัดซะหน่อย” ทศมักจะใช้สรรพนาม ‘ชั้น’ กับ ‘เธอ’ แทน ‘เรา’ กับ ‘ฟาง’ เสมอเมื่อถูกรบกวนผิดเวลาแบบนี้
      “ช่วยไม่ได้ อยากมาใช้ให้ฟางปลุกเอง ก็รู้ๆกันอยู่ว่าฟางน่ะ เดินเร็วกว่านาฬิกาเสียอีก รีบๆไปอาบน้ำเลยไป แม่ฟางทำกับข้าวเผื่อแล้ว มากินพร้อมกันด้วย ถ้าฟางอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วไม่เห็นทศอยู่ที่บ้านฟางนะ มีเรื่อง!”
      “เออ! ให้เวลาตั้งชั่วโมง ยังไงก็ทันอยู่แล้ว” เขากล่าวทีเล่นทีเล่นทีจริง แล้วรีบปิดหน้าต่างทันที ก่อนที่นาฬิกาปลุกในมือของฟางจะต้องลอยข้ามไปอยู่ในห้องนอนหรือกระทบกับส่วนใดส่วนหนึ่งบนร่างกายของเขา ปล่อยให้ฟางแอบยิ้มอยู่คนเดียวตรงที่เดิม
     
      ฟางกับทศ เป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่เด็กๆ  สิ่งที่จะแยกทั้งสองออกจากกันได้  คงจะมีเพียงรั้วไม้สูง 1 เมตร ที่กั้นอาณาเขตของบ้านสองหลังเท่านั้น แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ทั้งสองต้องอยู่ไกลห่างกัน เนื่องจากหน้าต่างห้องนอนของฟางอยู่ตรงตรงกันข้ามกับหน้าต่างห้องนอนของทศพอดี ทั้งสองจึงมีความรู้สึกผูกพันธ์กันแน่นแฟ้นมากกว่าเพื่อนคนอื่นๆ และความผูกพันธ์นั้นก็ค่อยๆแปรเปลี่ยนไปเป็นความรักอยู่ในใจของฟาง ซึ่งเธอก็รู้ใจของตนเองดี แต่ไม่กล้าที่จะเปิดเผยให้ใครรู้ จึงได้แต่เก็บกดมันเอาไว้ ภายใต้คำว่าเพื่อนเท่านั้น
      “ไม่น่าเชื่อจริงๆว่าทศจะเข้าห้องสมุดเป็นด้วย ถ้าไม่ใช่เพื่อคะแนนคงจะไม่เฉียดมาใกล้เลยล่ะสิ” ฟางเอ่ยแซวขณะที่เดินมาด้วยกัน
      “ไม่ใช่แค่คะแนนอย่างเดียวหรอก เรามีจุดประสงค์อื่นด้วย”
      ทศกล่าวขึ้นพร้อมด้วยใบหน้าที่เริ่มเป็นสีชมพูจางๆ เป็นอาการที่ทำให้ฟางต้องขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ  แต่ก็ไม่ได้ถามอะไร  และเขาคงจะรู้ตัวว่าทำให้เธอเริ่มสงสัย  จึงได้กล่าวต่อ
      “นอกจากเรื่องรายงานแล้ว ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่เราอยากให้ฟางช่วย คือว่า
เรา
สนใจเพื่อนของฟางที่ชื่อรินน่ะ”
      คำพูดของทศ ทำให้หัวใจของฟางแทบจะหยุดเต้น  ด้วยความที่นึกไม่ถึงว่าเขากำลังแอบชอบใครบางคนอยู่  ซึ่งคนๆนั้นคือเพื่อนของเธอ
      “แล้ว
ทศจะให้ฟางช่วยยังไง” เธอกลั้นใจถามออกไป ซึ่งเขาได้แต่อมยิ้มก่อนตอบว่า
      “ก็
ฟางช่วยแนะนำเราให้เค้ารู้จักหน่อย ส่วนที่เหลือเราจัดการเอง เดี๋ยวคงได้เจอกัน เค้ามาที่ห้องสมุดนี้ทุกอาทิตย์ล่ะ เราสืบมาแล้ว”
      แม้ว่าใจจริงฟางจะไม่อยากจะทำหน้าที่แม่สื่อให้กับเขาเลย  เพราะรู้ดีว่าตัวเธอเองรู้สึกอย่างไรกับเขา  แต่ด้วยความเป็นเพื่อน  จึงไม่อาจปฏิเสธคำขอร้องของเขาได้ หญิงสาวพยายามทำใจยอมรับความเป็นจริงในระหว่างที่เดินไปด้วยกัน  แล้วสิ่งที่ทศพูดก็เป็นความจริง  เมื่อทั้งสองพบว่ารินกำลังอ่านหนังสืออยู่คนเดียวเงีบบๆในห้องสมุดแห่งนี้
      “ริน มาคนเดียวหรือ”ฟางเดินเข้าไปทักทาย
      “อื้อ! แล้วฟางล่ะ” ผู้ถูกถามก่อนเริ่มถามกลับบ้างด้วยสีหน้าที่แจ่มใส และสายตาที่มองข้ามไปทางด้านหล้งของฟางราวกับจะบอกกับเธอว่า\'แล้วนั่นใคร\'
      “ฟางมากับเพื่อนน่ะ นี่ทศ เพื่อนฟางนะ ทศ นี่ก็รินน่ะ ฟางขอนั่งด้วยละกันนะริน ทศก็ไปหาหนังสือมานะ ฟางจะได้ช่วยทำงาน” ฟางกล่าวเป็นชุดๆ โดยไม่เปิดโอกาสให้ทศได้ทักทายกับรินเลย เขาจึงได้แต่เดินไปค้นหาหนังสือด้วยสีหน้าผิดหวัง โดยที่มีสายตาของรินมองตามไปก่อนที่จะหันมาคุยกับฟาง
      “ฟางกับทศสนิทกันดีนะ เหมือนแฟนกันเลย”
      ฟางอึ้งไปเล็กน้อยกับคำพูดที่เสียดแทงหัวใจของเธอที่รินกล่าวออกมา  แต่ต้องรีบปฏิเสธออกไป “ก็แค่โตมาด้วยกัน อยู่บ้านติดกันน่ะ ไม่มีอะไรหรอก”
      \"แล้วฟางไม่สนใจบ้างเลยหรือ  ทศเค้าก็น่ารักดีนะ  เราเจอเค้ามาหลายครั้งแล้ว  แต่ไม่กล้าเข้าไปทัก  มันดูไม่ค่อยดีน่ะ  อีกอย่าง
เค้าเองก็ไม่รู้จักเราด้วย”
      ใบหน้าของรินเริ่มกลายเป็นสีชมพูจางๆ  ซึ่งฟางเองก็สังเกตเห็น  และเข้าใจในทันทีว่ารินเองก็คงแอบชอบทศอยู่เช่นกัน  แล้วทศก็หอบเอาหนังสือกองใหญ่เข้ามาพอดี ฟางจึงคิดจะเปิดโอกาสให้ทั้งสองได้ใกล้ชิดกัน
      “จริงสิ วิชานี้รินได้คะแนนดีที่สุดในชั้นเลยนี่นา ถ้าอย่างนั้นรินก็ช่วยแนะนำทศในการทำรายงานหน่อยนะ เดี๋ยวฟางจะไปหาหนังสืออ่านสัก 2-3 เล่ม” ฟางกล่าวกับรินก่อนหันมากระซิบกับทศว่า “เปิดโอกาสให้แล้วนะ ทำคะแนนดีๆหน่อยล่ะ” แล้วรีบเดินไปอีกทาง แต่ก็อดหันกลับมามองไม่ได้ ทั้งที่ในใจรู้ดีว่าหากหันกลับมาก็จะได้พบกับภาพความสนิทสนมกันอย่างรวดเร็วของทศกับริน ที่บาดใจเธอเสียเหลือเกิน
     
      “ฟาง เปิดหน้าต่างหน่อยสิ” ทศตะโกนเรียกจากหน้าต่างห้องนอนของตนเองเมื่อกลับมาถึงบ้าน หลังจากที่ไปส่งรินเรียบร้อยแล้ว โดยที่ฟางขอแยกตัวออกมาก่อน
      “มีอะไรอีกล่ะ” ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหงุดหงิดของฟางทำให้ทศตกใจไม่น้อย
      “ฟาง โกรธเราใช่มั้ย เราขอโทษนะ ถ้าทำให้ฟางรำคาญ” น้ำเสียงที่บ่งบอกความรู้สึกผิด ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกตัวขึ้น
      “เปล่า ไม่มีอะไรหรอก ฟางเพลียน่ะ ทศเรียกฟางมีอะไรรึเปล่า”
      “เราอยากจะขอบใจฟาง ที่ช่วยเรา ฟางไปพักผ่อนเถอะนะ แล้วพรุ่งนี้เจอกัน”
      ฟางรู้ดีว่าทศขอบใจที่ฟาง ‘ช่วย’ ในเรื่องใด แต่ก็ต้องจำทนเก็บความรู้สึกเสียใจเอาไว้ แล้วบอกกับตนเองให้ตัดใจเสียที ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่เรื่องง่ายเลยก็ตาม
     
      เวลาผ่านไปนานถึง 2 เดือน ซึ่งได้หอบเอาความหนาวเย็นของฤดูหนาวไปด้วย แต่ความหนาวเหน็บในใจของฟางนั้น คงไม่มีสิ่งใดที่จะพัดพามันไปได้
      “เป็นอะไร ทศ ท่าทางเหมือนมีเรื่องกลุ้มใจอย่างนั้นแหละ” ฟางกล่าวทักเมื่อมองเห็นสีหน้าของบุคคลที่นั่งอยู่ข้างๆ ซึ่งทำให้หัวใจของเธอพลอยกังวลไปด้วย ทศเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าด้วยแววตาสับสนพลางถอนหายใจก่อนที่จะกล่าวออกมา
      “เรื่องรินน่ะสิ เราไม่รู้เลยว่าเค้าคิดยังไงกับเรากันแน่ บางทีก็ทำเหมือนชอบเรา แต่บางทีก็ทำเหมือนไม่สนใจ เมื่อวันวาเลนไทน์เอาดอกไม้ไปให้ เขายังเฉยๆเลย เราสับสนจะแย่อยู่แล้ว  เฮ่อ! ยิ่งรักยิ่งกลุ้มแฮะ”
      ฟางก้มหน้าลงมองพื้น ความรู้สึกของทศที่มีต่อริน ทำให้เธอปวดใจเหลือเกิน “ถ้ามองในมุมของฟางนะ ฟางคิดว่ารินคงจะชอบทศอยู่ไม่น้อยเลยล่ะ แต่ถึงยังไง...ฟางก็ไม่ใช่ริน เลยไม่รู้ว่าจริงๆแล้วรินคิดยังไง แต่ถ้าทศไม่เข้าไปบอกว่าชอบรินก่อน รินคงจะพูดออกมาไม่ได้หรอกนะว่ารู้สึกยังไงกับทศ รินเค้าเป็นผู้หญิงนะ ต้องรักษาภาพพจน์กันบ้าง จะให้พูดหรือแสดงออกมาตรงๆคงทำไม่ได้หรอก”
      คำพูดของฟางช่วยจุดประกายความหวังให้กับทศ เขาจึงมีสีหน้าดีขึ้นมาก “ขอบใจฟางมากนะที่ช่วยเรา ฟางเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเราจริงๆ”
      ‘เพื่อนที่ดีที่สุด...เท่านั้นเอง...สินะ’ ฟางได้แต่คิดในใจ ไม่กล้าเปิดเผยให้เขาได้รับรู้ ด้วยกลัวว่าจะสูญเสียมิตรภาพที่ดีไป
      ‘ตลอด 18 ปีที่ผ่านมา คงมีแค่คำว่าเพื่อนจริงๆ’ 
      ผลการสอบเอนทรานซ์ที่ผ่านมา สามารถสร้างความดีใจให้กับใครหลายๆคนได้มากที่เดียว โดยเฉพาะฟาง ที่สามารถเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ที่ใฝ่ฝันได้ ส่วนทศกับรินก็สามารถเข้าเรียนได้ในมหาวิทยาลัยเดียวกัน คณะเดียวกันตามที่ตั้งใจเอาไว้
      “ฟางคิดดีแล้วจริงๆเหรอ ตั้งแต่เกิดมา เรายังไม่เคยแยกจากกันเลยนะ” ทศพยายามเหนี่ยวรั้งฟางเอาไว้ หากแต่ก็ไร้ผล
      “ก็ถึงเวลาต้องจากกันแล้วไง ตอนนี้คนที่ต้องอยู่ใกล้ชิดกับทศ ควรมีแค่รินคนเดียวนะ” ฟางพยายามข่มใจ สะกดกลั้นอารมณ์ เพื่อที่จะกล่าวคำเหล่านี้ออกมา แต่ทศก็ยังดึงดัน
      “รินเป็นแฟน แต่ฟางเป็นเพื่อน มันก็ไม่เหมือนกันอยู่แล้ว ไม่เห็นจะต้องไปไหนไกลๆเลย”
      “ผู้หญิงน่ะ ซักวันก็ต้องมีหวาดระแวงเป็นเรื่องธรรมดา แต่ที่ฟางจะต้องไปไม่ใช่แค่เหตุผลนี้หรอก อย่าลืมว่าม.ช.คือความฝันของฟางนะ ทศไม่ต้องห่วงหรอก ยังไงๆเพื่อนที่ดีที่สุดของฟางก็มีแค่ทศคนเดียว”
      “ฟางก็คือเพื่อนที่ดีที่สุดของเราเหมือนกัน”
      ในที่สุด ทศก็เข้าใจ และไม่เหนี่ยวรั้งฟางอีกเลย เมื่อถึงวันที่ฟางต้องไป ทั้งสองก็จากลากันอย่างเงียบๆ มีเพียงรอยยิ้มเปื้อนคราบน้ำตาเท่านั้น
     
      ในขณะนี้ ฟางแน่ใจแล้วว่า ความรู้สึกที่มีต่อทศนั้น เป็นแค่ความรักระหว่างเพื่อนเท่านั้น ถึงแม้จะมีความเจ็บปวด หึงหวงเข้ามาเกี่ยวข้อง ก็เพียงแค่ความรู้สึกหวงเพื่อน ไม่อยากให้เพื่อนสนิทกับใครมากกว่าตนเองเท่านั้น เมื่อคิดได้เช่นนี้แล้ว ฟางก็หัวเราะออกมาเบาๆด้วยความรู้สึกขบขันในตนเอง แล้วมุ่งหน้าสู่เชียงใหม่ด้วยหัวใจที่เปี่ยมด้วยความสุข
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น