“วันประกาศผลการเรียนต่อม.4คือเมื่อวานนี้ วันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ.2546”
วันที่ทุกคนในโรงเรียนแห่งหนึ่งรอคอย
การรับนักเรียนของโรงเรียนนี้ผมไม่ทราบว่าเหมือนโรงเรียนคุณท่านหรือเปล่า
เขารับนักเรียนเข้าเรียนต่อจากจำนวนราว500กว่าๆ รับ200กว่า
ผมเกือบลืมแนะนำตัวไปผมขออาศัยชื่อว่า
“ถังขยะ” ความเป็นมาขอนามปากกานี้มาจาก การชอบรวบรวมขยะเช่นถ้าผมกินขนมเข้าไปจะเหลือถุงขนม  ผมจะเหลียวซ้ายขวาหาถังขยะแต่ถ้าไม่มีผมจะเก็บไว้ในกระเป๋ากางเกงเพื่อหาที่ทิ้งต่อไป  และเมื่อผมอยู่ในห้องผมจะสะสมเศษกระดาษเพื่อไปวาดเล่น  ผมชื่นชอบการวาดรูป  เออ
ใช่ 
  ผมเกือบลืมเพื่อนห้องของผมจะมีเพื่ออยู่ 4 คน(อ่านได้ในเรื่อง
Student of the dead
ในหมวดแฟนตาซี )
คนแรกอิสราหรือ เก้า  เพื่อนที่เส้นตื้น อารมณ์ดี
คนที่สองคอป(ป๋อ)  เพื่อนที่มีใบหน้าคล้ายป๋อ(ดาราที่เป็นพระเอกช่อง7แสดงเรื่องมือปืนพ่อลูกอ่อน)เขามีนิสัยที่ชอบคิดพิเรน(แปลกๆ)  แต่เป็นคนที่รักเพื่อน
คนที่สามชัช     เพื่อนหน้าเข้มเรียนดี คนนี้เทห์ ถึงตัวเล็กไปหน่อย
คนสุดท้ายจืด  เพื่อนคนนี้ความจริงแล้วไม่ได้ชื่อจืดแต่หน้าของเขาจืด  นิสัยของเขานั้นความจริงแล้ว(เพื่อนบอกว่า)เมื่อก่อนเป็นคนเงียบขรึม  แต่บัดนี้อยู่คนละขั้วเลย  เขาเปลี่ยนเป็นคนพูดมา  เรียนเก่ง และชอบถามเรื่องที่น่าสนใจ เช่น
    “ทำไมเก้าถึงเตี้ยกว่าแมน”(แมนคน ที่ว่านี่เขาเป็นเพื่อนในห้อง  ลักษณะสวมแว่นสูงมาหรือที่เรียกกันในนามของเปรตบาง  และเรียกชื่อของภาราดร เพราะแมนเป็นนักเทนนิด  และเรียกเก่งด้วย รูปร่างสูงใหญ่มาก) 
บางที่อาจเป็นมุขพิลึกที่สุด(เป็นปริศานาลึกลับ)
มาเข้าเรืองกันดีกว่า
  ในที่สุดวันที่สุดทุกคนรอคอยก็มาถึง  อาจเป็นวันที่หลั่งน้ำตาก็เป็นได้  สำหรับผมแล้วอย่างน้อยก็คนสายศิลปละ  ผมคิดให้กำลังใจตัวเอง  หลังจากฝ่ารถติดมาได้ก็เข้ามาภายในโรงเรียนเพื่อท่จะมาจอดที่สนามหน้าเสาธง  ผมนำเท้าเยียบลงบนพื้นที่ของโรงเรียน  โรงเรียนของผมที่อยู่มาตั้งแต่อนุบาลจนถึงบัดนี้คือ ม.3  โดยประมาณ8ปีได้ที่ผมอยู่  ผมเดินเข้าห้องเรียนตามปกติ  เสียงจ้อแจ้ของการพูดคุยในยามเช้า  ผมรีบเดินเพื่อนำกระเป๋านักเรียนวางลง  และพยายามหาสมุดคณิตเพื่อคัดลอกลงสมุดที่วางเปล่า  ผมทำโจทย์คณิตไม่ได้แต่ผมพยายามเข้าใจให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้  ถึงอย่างไรก็ตามการจัดห้องยังคงทำต่อไป  วันนี้ระดับชั้นม.3ในคาบภาษาอังกฤษได้จัดงานวันปล่อยผี  ผมพอจะรู้มาแล้วบางสำหรับการจัดงาน  จะมีการแสดงโชว์เรื่อง BALD (เรื่องของการล่าแวมไฟร์)  ห้องเรียนประดับประดาไปด้วยถุงขยะที่ติดกันข้างฝาบังแสงอาทิตย์ไปมาให้เข้ามาในห้องเรียน 
  การลอกของผมเป็นไปเรื่อย  ผมขอลอกจากป๋อ(คอป)  เพื่อนบอกกล่าวให้รีบลอกไวๆ เพราะเดี้ยวส่งไปทัน  คาบแรกของวันนี้เป็นการอบรมที่มีทุกสุข  การร้องเพลงเพื่อสรรเสริญพระเจ้า  พอการลอกจบผมก็รีบวิ่งไปกับป๋อเพื่อไปเข้าแถวก็เข้าโรงละคร(เป็นสถานที่ทั้งนมัสการและกิจกรรมต่าง  ความจริงแล้วโบสถ์ก็มีแต่พี่ม.4ม.5ใช้อยู่เราจึงต้องใช้โรงละครไปก่อน  พอผมเดินมาสถานที่เข้าแถวก็มาเจอกับเม็ดฝน  ฝนนะตกประปาย  ครูจึงให้เราเข้าไปในโรงละครเพราะอย่างไรก็ต้องมีการอบรมและแบ่งข้อคิดอยู่แล้ว  ผมเดินเข้าไปยังโรงละคร  ในนั้นแบ่งเป็น2แถว  ตรงกลางเป็นทางเดิน(อาจจะไม่เรียกว่าทางเดินเพราะมันแคบ) ผมกับป๋อไปนั่งปลายแถว  เราพูดคุยกันถึงเรื่องต่างๆ  และเงียบเมื่อครูมาให้ข้อคิด  หลังจากได้ให้ข้อเรียบร้อยแล้ว  ครูที่พิจารณานักเรียนที่จะได้ขึ้น ม.4ก็มาขึ้น  ผมนั่งฟังอย่างตั้งใจ  และครูได้บอกว่าคาบที่6 เราจะได้เข้ามาในที่แห่งนี้อีกครั้งเพื่อมาฟังผู้อำนวยการพูด   
   
วันนี้ท้องฟ้าอยู่ครึมๆ เงียบเหงาจริงๆ
  พอถึงคาบที่อังกฤษ  การแสดงการก็เริ่มขึ้น  บรรยากาศในห้องเรียนมืด  มีแสงบางที่เกิดจากการติดเย็บถุงขยะบังแสงไม่ดี  การแสดงผ่านไปอย่างรวดเร็ว  ต่อไปเป็นการเล่นผีถ้วยแก้ว  ผมไม่เชื่อสักเท่าไรนักเพราะอาจมีคนขยับเองแต่ก็ไม่ได้ลบหลู่ 
      พอจบจากคาบอังกฤษถึงเวลาเข้าไปฟังคำพูดของผู้อำนวยการโรงเรียน  การฟังพูดนี้มีบางคำที่ผมไม่ชื่นชอบนัก  มันเป็นคำจากบางของครูพิจารณาขึ้น ม.4  “ไม่ได้ก็คือไม่ได้”  บางคนอาจจะบอกว่าก็ไม่เห็นเป็นไรนี้  แต่สำหรับผม  มันเป็นไร  แน่  อยากที่บอกผมอยู่โรงเรียนนี้หลายปี  การจากลาเป็นสิ่งที่ผมคิดว่านต้องมี  แต่คำพูดคำนี้นะ  มันพูดง่ายๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  แต่ห่างมองไปลึกแล้ว  มิตรภาพที่ผมสั่งสมมานานเพื่อนรัก  และบรรยากาศแบบนี้หมดไป  ผมไม่รู้จะอธิบายยังไรดี 
หลังจากที่ฟังคำพูดเสร็จทุกคนก็รีบดิ่งตรงไปยังห้องตน  แต่ก็ทีจังหวะมาขัดจนได้เมื่อระดับชั้นอื่นตั้งเข้ามาสอบจึงต้องจัดโต๊ะก่อน
ครูเรียกตามเลขที่ 
ผมมีเลขที่ต้นๆ
ผมรับใบ
อืม
ผมค่อยๆแกะแม็กซ์เย็บกระดาษออกมันมีสองตัว 
ตัวหนึ่งอยู่ซ้าย  ตัวหนึ่งอยู่ขวา
เอาละเราก็ได้พยายามจนถึงที่สุดเท่าที่เราจะทำได้แล้ว
อย่างน้อยสายศิลป์หรอกน่า
ใช่  สายศิลป์ก็ยังดี (ผมคิด)
ผมค่อยลื่นมือลงเผยชื่อของผม
หัวใจตื่นแรง
ลื่นมืออีกหน่อย 
พ                             
รึ่
บ
!
มีตัวหนังสือเป็นกระจุกลงด้านล่าง
แต่มีตัวหนังสือหนาๆตัวหนึ่งเด่นชัดขึ้น
ผมไม่อยากมอง
เออ
.
ผมค่อยอ่านจากบรรทัดแรกจนถึง
คำว่า- - - - - -  - -
ท่
า
น
-
-
-
ไม่
ผ่
า
น
เก
ณ
ฑ์
กา
ร
คัด
เลื
อ
ก
!!!
เออ
ตาผมเหมอลอย
เด็กผู้หญิงสองคนหันมาถามผม
“ติดไหม”
ผมยังมีกะจิตกะใจเล่นอยู่ได้ (ความจริงแล้วเป็นคนทีชอบล้อเล่น)ผมยิ้มอย่างไรความรู้สึกอยู่นาน
“ไม่ติด”
เก้าหรืออิสราบอกกับผมก่อนหน้านี้ว่าถ้าผมไม่ติดเขาก็คงรู้ผลแล้วว่ามันจะเป็นเช่นไร
ผมลุกขึ้นแล้วเดินไปถามเก้าแต่เขาไม่ยอมแกะกระดาษ 
“- - - ไม่ติดแล้วกูจะติดเหรอ”
“ลองแกะ  มันอาจจะติดก็ได้”
เขาแกะกระดาษและให้ผมและเพื่อนอื่นๆดู
ไม่ติดเหมือนผมเลย
เพื่อนผมอีกคนตะโกนอย่างบ้าคลั่ง
“
เย่ย่ย่ย่ยย่ย่ย่ย่ย่ย่ย่ย่ย่ย่ย่ย่ย่ย่ย่!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
ชัชนั้นเอง
ผมเดินไปดูป๋อ  เขาก็ไม่ติดเช่นกัน เขาบอกผมแต่แรกว่าถ้าไม่ติดก็ปลงเถอะ  และดูจืดที่ถือใบไปมาอย่างละรื่นเขาติดสายวิทย์
“ขอจับ ใบที่ติดหน่อย”ผมพูด
ใบที่ติดจะเหมือนกันจะมีช่องเช็ค3ช่อง
เมื่อผมเดินออกมาพบกับคนมากมาย  ในจำนวนนั้นผมเห็นผู้หญิงตัวเตี้ย  ร้องไห้ตาของเธอแดง  เธอกอดแม่ของเธอ(ผมคิดว่าอย่างนั้นเพราะหน้าตาคล้ายคลึงกันมาก )  ผมเดินจากไปคนเดียวทิ้งเก้าให้พูดคุยกับเพื่อน  ผมเดินอย่างไม่สนโลก  หลังจากซื้อมันทอดกิน  แล้วก็เดินไปโดยหารู้ไม่ว่ารถตู้ข้างหลังจะชนเอา 
“ปิ๊บ”
ผมเหลียวไปดูเล็กน้อยก่อนหันไปเดินอย่างเคยโดยไม่รู้สึกกลัวตาย 
  ผมนั่งกินอย่างเป็นทุกข์อีกครั้ง  และอ่านเมอร์ลินผู้วิเศษ หนังสือที่ยืมมาจากหอสมุด  แต่กระนั้นมันไม่ได้ทำให้ผมหายทุกข์ใจเลย  ผมนั่งเหมอลอยต่อไปและคิดถึงคำพูดที่ว่า  “ที่นี้ไม่ใช่คำตอบสุดท้าย”
อนาคตของผม  ผมอยากเป็นสัตวแพทย์  ผมอยากรักษาสัตว์  แต่ผมไม่เก่ง  การเป็นสัตวแพย์นั้นต้องเรียนสายวิทย์ แค่สายศิลป์ยังไม่ติดจะไปสายวิทย์  จะได้เรื่องเหรอ  ครูก็บอกว่า  ถ้าผมเรียนไปก็ถูไถ่ไปจนจบ ม.4 แต่ถ้าเราต้องใจละจะรอดไหมผมคิด
เมื่อแม่ผมรู้เรื่องเข้าก็ร้อนหนาวทันที  ผมบอกแม่ว่า
“กลับบ้าน อยากกลับบ้าน”
หลังเมื้อเย็นของวันนั้นผมเริ่มทำใจได้  เพื่อนผมโทรมาหา
“ฮัลโหล”
“นี่บาสนะ(เพื่อนผมเองของฟิตเรียนตอนท้ายถึงแม้ว่า  เกรดออกมาจะเป็นภาษาคอมไปสักหน่อย คือ 1  0 มี3บาง เขาเป็นอิสลาม  และผมรู้จักเขาตั้งแต่ ป.2 และอยู่ในกลุ่มชุมชนวิทย์  ชุมชุนสัตววิทยา  )”
“อืม”ผมพูด
“ข่าวดี ข่าวร้าย”
“ข่าวร้าย”
“แล้วบาสละ”
“ข่าวร้าย”
“ อ้อ..ไปเรียนซ่อมคอมด้วยกันไหม”
“ อ้อ..ยังอยากเป็นสัตวแพทย์อยู่  อืม  เรียนสายสามัญต่อดีกว่า”
“ ก็แล้วแต่นาย”
“แล้วอยู่ที่ไหน”ผมถามเพราะได้ยินเสียงรบกวนเป็นเสียงรถ
“อยู่บ้าน”
“แล้วจะไปไหนไหม”
“เดี้ยวไปละหมาด(ถ้าเขียนผิดต้องขอโทษด้วยนะครับ)”
“อืม”
“แล้วจะไปเรียนจริงๆเหรอ สายอาชีพเนี่ย”
“อืม”
“เห็นว่าเรียนจบแล้วเตะฝุ่นก็มี”
“อะไร”ผมรู้สึกว่าเพื่อนผมไม่เข้าใจคำว่าเตะฝุ่น
“ก็ไม่มีงานทำไง แล้วจะทำไง”
“ก็เปิดร้านซิ”
“อ้อจริงด้วย”
หลังจากได้พูดคุยกันมา
“งันแค่นี้ก่อนนา”
“สวัสดี”
“สวัสดี”   
ต่อไปก็คงเป็นทางเดินทางไปสู่ข้างนอก  และหนทาง  ผมไม่รู้ว่ามันจะสว่างเท่าใดแต่ผมรู้ว่าพระเจ้าจะนำทางผมไป  และพระองค์จะนำชีวิตของผม  ผมของเป็นกำลังใจให้คนที่เป็นเช่นดังผมหรือ  ผู้ที่มีความทุกข์  ขอให้พระเจ้าทรงนำทางทุกท่าน  และอวยพระพร
อธิษฐานทูนขอในพระนามพระเยซูคริตส์เจ้า 
อาเมน
..
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น