มีชาย 2 คน ทั้งคู่เป็นคนไข้ในโรงพยาบาลเดียวกัน
อยู่ในห้องพักคนไข้รวมในห้องเดียวกัน
ทั้งคู่ต่างมีอาการเจ็บป่วยที่สาหัสพอๆ กัน
คนหนึ่งเป็นโรคปอดบวมขั้นสุดท้าย
หมอแนะนำให้เขาลุกขึ้นนั่งบนเตียงวันละ 1 ชั่วโมงในช่วงบ่ายทุกวัน
เพื่อช่วยให้การละลายเสมหะจากปอดไหลลื่นได้ดีขึ้น
เตียงคนไข้ปอดบวมตั้งอยู่ริมหน้าต่าง
ส่วนเตียงของเพื่อนร่วมห้องตั้งอยู่อีกฟากของห้อง
คนไข้ต้องนอนราบบนเตียงไม่สามารถลุกขึ้นนั่งได้
ทั้งสองคนฆ่าเวลาไปวันๆด้วยการพูดคุยกันในเรื่องต่างๆ
ตั้งแต่เช้าจนถึงเวลานอน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องบ้าน ครอบครัว
เรื่องการงานที่เคยทำก่อนล้มเจ็บ
ชีวิตในระหว่างที่เป็นทหารในกองทัพบกฯลฯ
ทุกๆ วันในช่วงบ่าย คนไข้โรคปอดจะลุกขึ้นนั่งและ
มองไปนอกหน้าต่างเพื่อระบายเสมหะตามคำแนะนำของแพทย์
เขาก็จะถือโอกาสบรรยายสิ่งที่มองเห็นข้างนอกหน้าต่างให้แก่เพื่อนร่วมห้อง
ฟังการได้รับฟังเรื่องราวจากภายนอกนี้ได้กลายเป็นความสุขอย่างเดียว
ที่คนนอนเจ็บอีกฟากห้องจะพึงมีโอกาสได้รับในแต่ละวัน
เป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงช่วงบ่าย
จึงกลายเป็นเวลาแห่งการรอคอยของคนไข้ที่นอนเจ็บอยู่
เขาจะได้รับฟังข่าวสารการเปลี่ยนแปลงของโลกภายนอก
ที่เขาไม่มีโอกาสได้เห็นหรือได้สัมผัสโดยตรง
คนไข้โรคปอดที่อยู่ริมหน้าต่างเล่าให้เพื่อนว่า
สิ่งที่เขาเห็นนอกหน้าต่างเป็นสวนสาธารณะสวยงาม
มีทะเลสาบกว้างขวางใหญ่โต มีเป็ดสีขาวระเริงเล่นในน้ำ
มีสวนดอกไม้บานสะพรั่งปลูกเป็นหย่อมๆดูสวยงามทั่วไป
ในทะเลสาบมีเรือพายล่องลอยไปมาดูผู้คนในเรือช่างมีความสุขยิ่งนัก
หญิงสาวชายหนุ่มเดินคลอเคลียกันไปมาหลายคู่
ดูมีความสุขสดชื่นกันเหลือเกิน
ทำให้ทั่วทั้งบริเวณร่มรื่น และถ้ามองออกไปไกลๆ
จะแลเห็นตึกรามบ้านช่องสวยงามอยู่ไกลออกไป
ทุกอย่างล้วนดูสวยงามเป็นยิ่งนัก
ในขณะบรรยายความงดงามของธรรมชาติจากภายนอกอยู่นั้น
คนเจ็บอีกฟากก็หลับตานึกสร้างมโนภาพตามเรื่องที่ได้รับฟัง
ทำให้เขามีความสุขสดชื่นยิ่งนัก เสมือนหนึ่งตนได้เข้าไป
อยู่ในสวนสาธารณะด้วยตนเองทีเดียว
ในช่วงบ่ายวันหนึ่งคนไข้ริมหน้าต่างได้บอกเพื่อนร่วมห้อง
อีกฟากว่ากำลังมีขบวนแห่สวยงามเดินผ่านไป
แม้ว่าคนนอนเจ็บจะไม่ได้ยินเสียงดนตรี แต่เพราะเพื่อน
ได้บรรยายความสวยงามของขบวนแห่อย่างละเอียดลออ
จนเขาสามารถเห็นภาพในใจได้อย่างชัดเจนราวกับเห็นด้วยตาตนเอง
เหตุการณ์ในทำนองนี้ได้เกิดขึ้นวันแล้ววันเล่า
เช้าวันหนึ่ง เมื่อนางพยาบาลเดินมาที่เตียงคนไข้ริมหน้าต่างเพื่อ
เช็ดตัวให้ตามปกติ ปรากฏว่าคนไข้สิ้นลมเสียแล้ว เธอรู้สึกเสียใจ
เพราะคนไข้ผู้นี้มีนิสัยที่ดี
ไม่เคยทำตัวเป็นภาระแก่เธอโดยไม่จำเป็น
เมื่อบุรุษพยาบาลนำร่างอันไร้วิญญาณออกไปแล้ว
เตียงริมหน้าต่างก็ว่างลง คนไข้ที่นอนเจ็บอีกฟาก
จึงขออนุญาตนางพยาบาลขอย้ายเตียงไปอยู่ริมหน้าต่าง
เพื่อจะได้เห็นทิวทัศน์ภายนอกบ้างซึ่งนางพยาบาลก็ไม่ได้ขัดข้องอะไร
เธอย้ายเตียงคนไข้ไปอยู่ริมหน้าต่างแทนเตียงเก่าหลังจากแน่ใจว่า
คนไข้ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว เธอก็หันไปทำกิจอย่างอื่นในห้อง
คนไข้ที่ย้ายมาริมหน้าต่างรู้สึกดีใจมาก
เขาพยายามยันตัวในท่านั่งเพื่อจะได้เห็นทิวทัศน์จากภายนอกหน้าต่าง
ในใจคิดว่าต่อไปนี้เราจะได้เห็นทุกอย่างด้วยตัวเองซะที
เมื่อได้มีโอกาสมองไปนอกหน้าต่างเขากลับเห็นแต่ฝาหนังทึบกั้นอยู่
ไม่ปรากฏมีทิวทัศน์สวยงามอย่างที่เคยได้ยินจากเพื่อนของเขาที่เสียชีวิตไป
คนไข้จึงหันมาถามนางพยาบาลว่า เพื่อนเขาที่เพิ่งเสียชีวิตไป
ได้บรรยายความสวยงามทั้งหลายตลอดระยะเวลาอันยาวนานได้อย่างไร
นางพยาบาลกล่าวแก่เขาว่า
ความจริงแล้วเพื่อนของคุณที่เสียชีวิตไปแล้วนั้น
เป็นคนตาบอด เขาไม่มีทางเห็นแม้กระทั่งกำแพงที่กั้นอยู่ด้วยซ้ำไป
พยาบาลกล่าวยิ้มๆว่า บางที เขาคงพยายามให้กำลังใจคุณมากกว่า
การทำให้ผู้อื่นมีความสุข
เป็นความสุขอย่างยิ่งสำหรับผู้ให้
ตัวเราจะเป็นอะไรไม่สำคัญ
การร่วมทุกข์อาจทำให้ความทุกข์แบ่งเป็นสองส่วนได้
แต่การร่วมสุข ผลได้กลับเป็นสองเท่าเสมอ
ถ้าอยากรู้สึกว่าตนเองรวยเป็น
ก็ให้สำรวจสิ่งทั้งหลายที่คุณมีซึ่งไม่อาจซื้อได้ด้วยเงิน
สิ่งที่คุณมีและเงินซื้อไม่ได้ก็คือ
การที่คุณมีชีวิตอยู่ในปัจจุบันขณะนี้
ฉะนั้นจงทำปัจจุบันให้ดีที่สุด
เพราะปัจจุบันคือของขวัญที่คุณทุกคนล้วนได้มาโดยธรรมชาติ
และเป็นสิ่งที่เงินซื้อไม่ได้
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น