มืดมน.. เหลือเกิน - มืดมน.. เหลือเกิน นิยาย มืดมน.. เหลือเกิน : Dek-D.com - Writer

    มืดมน.. เหลือเกิน

    โดย lotto

    พล็อตแปลกๆ ที่ลองแต่งมา ลองอ่านกันนะ

    ผู้เข้าชมรวม

    323

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    5

    ผู้เข้าชมรวม


    323

    ความคิดเห็น


    4

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักอื่น ๆ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  10 มิ.ย. 46 / 23:34 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      ใครล่ะจะเคยคิด  ว่าจะมีวันนี้เกิดขึ้น  วันที่พระอาทิตย์ไม่ได้ส่องแสงให้เราอีกต่อไป..
           จากเหตุการณ์ที่จุดดับบนดวงอาทิตย์เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ  จนกระทั่งแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ได้ลาจากไปตลอดกาล  ทุกวันนี้  แสงสว่างและความร้อน  ล้วนมาจากพลังงานไฟฟ้าแทบทั้งสิ้น  แน่นอนว่าจากการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่นี้  ทำให้ประชากรโลกเบาบางไปอย่างน่าใจหาย  ที่ยังคงเหลืออยู่ได้ก็เห็นจะมีแต่พวกเศรษฐีที่พอจะมีเงินจ่ายค่าไฟที่อีกไม่นานจะหมดไปเหมือนกับดวงอาทิตย์

           ความจริงผมเองก็เคยเป็นหนึ่งในนั้น  ลูกเศรษฐีที่เกาะเงินพ่อแม่มีชีวิตรอดอยู่ได้  ใช่แล้ว  มันเป็นเพียงแค่อดีต  ตอนนี้  ผมไม่เหลืออะไรอีกแล้ว  การขาดดวงอาทิตย์ไม่ได้ส่งผลแค่ขาดแสง  แต่ความร้อนก็ถูกดึงตามไปด้วย  จากที่เคยสบถด่ามาหลายปีว่า  เมืองไทยมีแต่หน้าร้อนกับร้อน  ตอนนี้ผมรู้สึกได้เลยว่า  อยากได้ฤดูร้อนนั้นกลับมา  นอกจากความร้อน  ก็ยังขาดพืช  กว่าค่อนของคนที่เหลือทั้งหมดบนโลกต้องเผชิญกับโรคขาดสารอาหาร  ที่เลวร้ายกว่านั้น  เราไม่มีเครื่องฟอกอากาศธรรมชาติอีกต่อไป  อากาศที่สูดเข้าไปเริ่มจะหาออกซิเจนไม่ได้แล้ว

           ผมทนกับสภาพที่เลวร้ายนี้มามากเกินพอแล้ว  ทั้งๆ ที่ผมคิดอยุ่เสมอว่า  ยังไงก็จะฝ่าฟันอุปสรรคเหล่านี้ได้  เฝ้าแต่หวังลึกๆ ว่าจะมีใครซักคน  พบวิธีที่จะสามารถดำรงชีวิตในสภาพนี้ได้  แต่ความหวังทั้งหมดได้ดับวูบลง  เมื่อพ่อและแม่ของผม  ได้ลาจากผมไป  ทิ้งผมไว้คนเดียวในสภาพแบบนี้  \"อยู่ไม่ได้แล้ว\"  คำเหล่านี้วนเวียนอยู่ในหัวสมองของผมซ้ำแล้วซ้ำเล่า  ทางเลือกที่มีอยู่หนึ่งเดียวในตอนนี้ของผมคือ  รอให้สมบัติพ่อแม่ที่เหลืออยู่หมด  อันเป็นวันที่ลมหายใจของผมก็ต้องหมดเช่นกัน  หัวสมองของผมไม่ต้องการรับรู้สิ่งใดใดอีกต่อไป  ยังเหลืออยู่เพียงความรู้สึกที่อยากจะหนีไปให้พ้นจากที่ตรงนี้

           ตัดสินใจแล้ว  ผมตัดสินใจแล้ว  ถึงผมจะเคยคิดว่าการฆ่าตัวตายมันเป็นเรื่องที่โง่และบาปมาก  แต่ผมทนไม่ไหวแล้ว  พ่อแม่ผมเค้าก็คงเข้าใจผม  เพราะท่านทั้งสองก็ทำเช่นนั้น  แต่ผมคงไม่ใจเด็ดขนาดนั้น  ภาพพ่อและแม่นอนจมกองเลือดในมือมีปืนที่ถูกอาบไปด้วยสีแดงสดมันยังคงติดตาและหลอนผมเองอยู่  ผมคิดว่า  แค่เดินออกไปในความมืดมิดด้านนอก  ออกไปในพื้นที่ที่ไม่มีแสงไฟ  เดินเข้าไปเรื่อยๆ จนมองอะไรไม่เห็น  หาทางออกไม่ได้  นั่นก็คงจะทำให้ผมตายไปเอง  ถึงตอนแรกมันอาจจะดูทรมานและใช้เวลานานไปหน่อย  แต่มันก็ไม่น่าสยดสยอง  และพอถึงตอนนั้น  ผมคงจะไม่เหลือความรู้สึกใดใดให้ทรมานหรอก

           ผมเริ่มเดินออกไปจากบ้าน สมบัติที่พ่อแม่ยังคงเหลือไว้ให้  ทางด้านหลังบ้านของผมนี่แหละคือที่ที่ผมกำลังมองหาอยู่  แต่ก่อนมันเคยเป็นทุ่งดอกทานตะวันเหลืองอร่าม  แต่ตอนนี้ไม่มีอีกแล้ว  เหลือเพียงที่โล่งๆ  มืดๆ และไกลสุดลูกหูลูกตา  ไกลพอที่จะทำให้ผมเดินไปเรื่อยๆ ได้นานเท่านาน

           ตอนนี้ความมืดได้ครอบคลุมทั่วทั้งร่างของผมแล้ว  มองไปรอบๆ ตัวมีแต่สีดำ  ถึงตอนนี้จะให้ผมกลับไปทางเดิมก็คงจะทำไม่ได้อีกแล้ว  ความรู้สึกแรกที่ผมได้รับคือความหนาว  มันหนาวมาก  ถึงแม้เสื้อที่ผมใส่จะหนาอยู่บ้าง  แต่ก็ยังมีควันอกมาจากปากและจมูกผม  และก็ทำให้ผมเดินสั่นได้ตลอดทาง  และแล้วผมก็รู้สึกหิวขึ้นมา  แน่นอนละตั้งแต่ที่ผมได้เห็นภาพสยดสยองของพ่อและแม่เมื่อวาน  ก็ทำให้ผมกินอะไรไม่ลงมาจนตอนนี้  ท้องของผมเริ่มปั่นป่วน  มันแสบจนทำให้ผมรู้สึกว่า  ไม่มีแรงจะเดินต่อไปแล้ว  ผมเอามือกุมท้องและล้มตัวลงนอน  ไม่เป็นไร  ผมนอนตายเงียบๆ ที่นี่ก็ได้  นอนหลับแบบไม่ตื่นมาอีกเลย  พอผมหลับตาลง  ก็ได้รู้ว่ามันก็ไม่ต่างกับตอนลืมตาเลย

           หลับตาได้ไม่นาน  ยังไม่ทันที่จะทำให้สติผมขาดลง  ก็มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมต้องลืมตาขึ้นอีกครั้ง  เสียง  มีเสียงกระทบพื้นที่ผมกำลังเอาหูแนบอยู่นี้  ถ้าผมไม่คิดไปเอง  มันต้องเป็นเสียงคนกำลังเดินมาแน่ๆ  และเสียงนั้นก็ดังขึ้น ดังขึ้นเสียด้วยสิ  ไม่รู้เป็นอะไร  ผมรู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก  นี่ผมกำลังกลัวรึ  ทั้งๆ ที่ผมเตรียมใจที่จะตายแล้วเนี่ยนะ  ถึงอย่างนั้นใจผมก็ยังเต้นรัวผิดปกติอยู่ดี  

           ผมลืมตาค้างอยู่อย่างนั้น  ไม่รู้จะทำอะไรไปมากกว่านี้แล้ว  และแล้ว  เสียงเดินที่ได้ยินเป็นจังหวะนั้นก็หยุดลง  และตอนนี้  เบื้องหน้าผมก็ไม่ได้มีเพียงสีดำอีกแล้ว  ผมเห็น  เห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง  ไม่นะ  ผมไม่น่าจะเห็นเธอได้  แต่ในความมืดขนาดนี้ผมกลับมองเห็นเธอได้อย่างชัดเจน  เห็นผิวของเธอที่ดูขาวผุดผ่อง  เห็นดวงตาสีดำเป็นประกายของเธอที่กำลังมองผมอยู่เช่นกัน  เห็นผมที่ยาวสลวยมาถึงข้อมือ  เห็นแม้กระทั่งริมฝีปากสีชมพู  แล้วผมก็นึกเอะใจขึ้นมา  เธอคนนี้ต้องไม่ใช่คน  ไม่ใช่คนแน่ๆ  ใครล่ะที่จะดูสุขภาพดีขนาดนี้ได้ในโลกปัจจุบันนี้  แล้วใครล่ะที่จะสามารถใส่เพียงชุดกระโปรงวันพีชสีขาวยาวแค่เข่าบางๆ อย่างนี้  มาเดินในที่ที่เหน็บหนาวอย่างนี้  และเธอก็เดินมาด้วยเท้าเปล่าเสียด้วย

           ตอนนี้ผมอาจจะตายไปแล้วก็ได้  ผมคิดอย่างนั้น  และเธอคนนี้อาจจะเป็นนางฟ้าก็ได้ใครจะไปรู้  ถึงผมจะคิดอย่างนั้น  แต่เมื่อเธอเริ่มเดินเข้ามาหาผมก็ยังทำให้ผมใจเต้นผิดปกติได้อยู่ดี  เธอเดินมาหยุดตรงหน้าผมและนั่งคุกเข่าลงกับพื้น  ผมไม่รู้จะทำอะไรดี  อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิดไป  ผมได้แต่นอนนิ่งมองเธออยู่อย่างนั้นแล้วเธอก็ค่อยๆ ยกมือขาวๆ ของเธอ  มาจับที่แก้มของผม  ผมรู้สึกได้ถึงความอุ่นที่แผ่ซ่านมาจากมือของเธอ  ไม่น่าเชื่อ  มันทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นและดีขึ้นมาก  ตอนนี้หัวใจของผมเต้นเป็นปกติอีกครั้ง  ทำไมกัน  ตอนนี้ผมรู้สึกดีอย่างมาก  อยากจะอยู่อย่างนี้ไปอีกนานเท่านาน  และตายไปในสภาพที่เป็นสุขอย่างนี้

           \"ไม่ได้นะ\"  เสียงชองเธอได้หยุดความคิดของผมอย่างฉับพลัน  อะไรกัน  นี่นางฟ้าตนนี้อ่านใจผมออกด้วยรึนี่แล้วที่เธอห้ามผมไว้ล่ะ  หมายความว่ายังไง

           \"เธอจะมาตายตอนนี้ไม่ได้นะ\"  เสียงเล็กๆ ได้ถูกเอ่ยออกมาอีกครั้ง  ยังไม่ทันที่ผมจะคิดอะไรต่อ  ผมก็รู้สึกว่ารอบๆ ตัวผมมันดูสว่างขึ้น  สว่างขึ้น  ผมมองเห็นสิ่งต่างๆ รอบตัวมากขึ้น  มองเห็นพื้นที่ผมนอนอยู่  ไม่นานผมก็สามารถมองเห็นได้กระทั่งสิ่งที่อยู่ไกลออกไป  รวมถึงมองเห็นบ้านของผมเองด้วย  แต่สิ่งหนึ่งที่ตอนนี้ผมกลับมองไม่เห็น  เธอคนนั้น  นางฟ้าของผมคนนั้น  ตอนนี้เธอไม่อยู่แล้ว

           ผมลุกขึ้นนั่งนั่ง  น่าแปลกที่ตอนนี้มันกลายเป็นเรื่องง่ายๆ  ซึ่งไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้ผมไม่สามารถทำได้  อาการปวดท้องยังคงมีอยู่  แต่มันก็เป็นเพียงอาการตอนหิวข้าวธรรมดาๆ  มันไม่เห็นทรมานเหมือนก่อนหน้านี้เลยนั่งอยู่ได้ไม่นานผมก็คิดว่า  นี่ผมควรจะทำยังไงดี  ......  ผมลองมองกลับไปที่บ้านของผมอีกครั้ง  ทางที่ผมเดินมามันดูไม่ไกลอย่างที่ผมคิดเลย  แล้วมันก็ไม่ได้หนักหนาอะไรเลยที่จะเดินกลับไป  ผมลุกขึ้น  เริ่มก้าวเดินอีกครั้ง  เดินไปสู่สิ่งสุดท้ายที่พ่อแม่เหลือไว้ให้

           ผมไม่รู้ว่านี่มันเกิดอะไรขึ้นกับผมกันแน่  ผมไม่รู้ว่านางฟ้าของผมนั้นจริงแล้วเป็นใคร  และต้องการอะไร  แต่เธอทำให้ผมรู้สึกว่า  ผมควรจะสู้ต่อไป  อย่างที่ผมเคยคิดอย่างนั้น  ตอนนี้สิ่งที่ผมเฝ้ารอได้บังเกิดขึ้นแล้วจุดหมายของการรอคอยมันอยู่ตรงหน้าผมแล้ว  ผมก็ควรจะดีใจ  และก้าวเดินต่อไป  จริงมั๊ย  
      ...............  นางฟ้าของผม ..........


      * หลังจากเหตการณ์นั้น  นักวิทยาศาสตร์ทั้งหลายต่างสันนิษฐานกันว่า  เมื่อดวงอาทิตย์ดับลง  ก็ทำให้แรงดึงดูดระหว่างโลกและดวงอาทิตย์หมดไปด้วย  แล้วโลกเราก็ร่อนเร่ไปเรื่อยๆ  จนไปพบกับแรงดึงดูดใหม่จากดาวฤกษ์ดวงใหม่  ในกาแล็กซี่ใหม่  พร้อมกับการค้นคว้าครั้งใหม่  การเริ่มต้นใหม่ของมนุษย์โลก.
      * เรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นเล่นๆ  ไรที่คิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ก็อ่านผ่านๆ ไปเหอะนะ  เหอะๆๆ

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×