T_T วันที่เธอเปลี่ยน T_T - T_T วันที่เธอเปลี่ยน T_T นิยาย T_T วันที่เธอเปลี่ยน T_T : Dek-D.com - Writer

    T_T วันที่เธอเปลี่ยน T_T

    เรื่องจริงระหว่างเขาสตาฟรุ่นพี่จากมหาวิทยาลัยชื่อดัง และเธอ สาวน้อย ม.5 ที่มาเข้าค่าย แรกๆก็ดูมีความสุขดี แต่แล้ววันหนึ่งเขาก็เปลี่ยนไป เขาเย็นชากับเทอ ทำ-ไม-วะ (ยืมใช้หน่อยแล้วกันคำนี้อ่ะ อิอิ)

    ผู้เข้าชมรวม

    563

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    563

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  5 พ.ย. 46 / 22:32 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      มันอาจจะยาวหน่อยนะคะ

      สิ่งที่คุณกำลังจะได้อ่านต่อไปนี้  มันไม่ใช่เรื่องราว  ไม่ใช่กลอน  ไม่ใช่นิยาย  ไม่ใช่บทประพันธ์  แต่มันคือ… “ ความรู้สึก “  ที่ผู้หญิงคนหนึ่งมีต่อรุ่นพี่คนหนึ่งของเธอ  แม้เธอจะพบกับเขาได้ไม่นาน  รู้จักเขายังไม่ดีพอ  แต่เธอก็มีความรู้สึกดีดี  ความปรารถนาดีให้เขาเสมอมา  เธอไม่หวังว่าเขาจะมารักเธอ  เธอขอแค่เพียงว่าให้เขาหันมามองเธอบ้าง  อย่าทำเหมือนรังเกียจเธออย่างนี้เลย  อย่าทำเหมือนเธอไร้ความรู้สึก   ขอแค่เขาเปิดโอกาสให้เธอได้พิสูจน์ตัวเองก็เพียงพอแล้ว

      “ ความรู้สึกดีดี “  ที่เธอมีให้เขาเริ่มต้นขึ้นเมื่อตอนที่เธอได้มีโอกาสไปเข้าค่ายเมื่อตอนปิดเทอมนี้ล่ะ ( ก็ไม่นานเท่าไหร่หรอก )  ค่ายนี้ถูกจัดขึ้นโดยพี่ๆจากมหาวิทยาลัยชื่อดัง ( มากๆ ) ของเมืองไทย  ใครๆก้อยากที่จะเรียนมหาวิทยาลัยนี้  ค่ายนี้จัดขึ้นสำหรับน้องๆ ม.4 และ ม.5  เป็นค่ายเกี่ยวกับการแนะแนวการศึกษา  การเอนทรานซ์  การเลือกคณะ  แนะนำคณะต่างๆ  และก็ยังมีการเรียนการสอนอีกด้วย  รวมระยะเวลาก็ 5 วัน 4 คืน  แรกๆเขาช่างดีกับเธอนักแต่ทำไมช่วงหลังเขาถึงทำเหมือนรังเกียจเหมือนไม่อยากรู้จักเธอเยี่ยงนี้เล่า  และนี่ก็คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างการเข้าค่ายของ  เขา… สตาฟรุ่นพี่จากมหาวิทยาลัยชื่อดัง  และเธอ…  สาวน้อย ม.5 ที่มาเข้าค่ายแห่งนี้

      วันแรกที่เธอไปถึงค่าย  เธอก็ได้พบกับเขา  เขาไม่ใช่คนหล่อ  ไม่ได้มีอะไรน่าสนใจหรือมีเสน่ห์เหมือนพี่ๆที่เป็นสตาฟคนอื่นนัก  เธอเองก็ไม่ได้สนใจอะไรเขามากมาย  ไม่คิดด้วยซ้ำว่าเขาคนนี้จะเป็นคนที่เธอ…รู้สึกดีๆด้วย  พอแยกย้ายกันเข้าที่พักเสร็จน้องๆที่มาเข้าค่ายก็ถูกพี่ๆสตาฟเรียกมารวมตัวกันรวมทั้งเธอด้วย  คือพี่ๆจะแบ่งน้องออกเป็น 12 กลุ่มแถมยังให้แต่ละโรงเรียนแยกกันด้วยอีกต่างหาก  T_T   ซึ่งคำที่ใช้แทนคำว่ากลุ่มนี้คือคำว่า  “ บ้าน “  บ้านซึ่งถูกรวบรวมไปด้วยความอบอุ่น  ความห่วงใย  การช่วยเหลือ และ  มิตรภาพ  เธอกับเขาไม่ได้อยู่บ้านเดียวกันหรอกนะแต่บ้านของเธอและเขาอยู่ใกล้กัน
      กิจกรรมแรกที่ทำก็คือ  จาก 12 บ้านก็จะแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มแล้วก็แยกกันไปฟังพี่ๆพูดเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ เช่น วิธีการอ่านหนังสือ  ชีวิตในมหาวิทยาลัย อะไรประมาณนี้แหละ  เขาเป็นคนพากลุ่มเธอไปฟัง  เรื่องแรกที่เธอได้ฟังก็คือวิธีการอ่านหนังสือเพื่อเตรียมตัวสอบ  พี่ๆแต่ละคนก็จะมาแนะนำว่าตัวเองมีวิธีอ่านหนังสืออย่างไรจึงเข้ามหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งนี้ได้  และก็มีพี่คนหนึ่งเรียกชื่อเขาพร้อมกับพูดชื่อคณะที่เขาเรียนขึ้นมาเพื่อให้เขาพูดวิธีการอ่านหนังสือของเขาว่ามีอะไรจะเสริมจากที่พี่คนอื่นๆพูดบ้างไหม  
      เพราะชื่อคณะที่เขาเรียนนี่เอง  ทำให้เธอเริ่มที่จะให้ความสนใจเขา  เธออยากเรียนคณะนี้มาก ๆๆๆๆๆๆๆๆ  หลังจากนั้นเธอก็ให้ความสนใจเขาเรื่อยมา  และนี่ก็คือ…การเริ่มต้นความรู้สึกดีๆที่เธอมีให้เขา
      หลังจากที่ฟังพี่ๆพูดจบหมดทุกกลุ่มแล้วเราก็แยกย้ายไปทานอาหารกลางวันกัน  เมื่อทานอาหารกลางวันเสร็จแล้วเราก็มารวมตัวกันที่ห้องประชุม  ระหว่างที่รอให้ชาวค่ายมาพร้อมกันกลุ่มเธอก็จะนั่งอยู่กันเป็นกลุ่ม  ทีนี้เขาและเพื่อนสนิทของเขาก็เข้ามานั่งเล่นกับกลุ่มของเธอ  เขาน่ารักมากนะ  มาเล่นเกมนู้นเกมนี้  เธอนั่งมองเขาตลอดเลย  ส่วนเพื่อนของเธอเกือบทั้งกลุ่มก็นั่งมองเพื่อนสนิทของเขาเช่นกัน ( ก็เพื่อนเขาหล่อนิน่า  แต่ถึงหล่อยังไงเธอก็ไม่มีทางสนใจหรอกเพราะเธอชอบเขาแค่คนเดียว  รึป่าวน๊า ? )  พอทุกคนมารวมตัวกันหมดแล้วกิจกรรมต่อไปก็คือจะมีคนจากกรมแรงงานอะไรประมาณเนี้ยล่ะมาให้เราทำแบบทดสอบเกี่ยวกับความถนัด  เธอมักจะแอบมองเขาเป็นประจำ  ด้วยความที่เธอนั่งแถวหน้าสุดและเขาก็อยู่ข้างหน้าสุดเช่นเดียวกัน  เขาเป็นคนตีกลองให้กับค่ายนี้สลับกันกับเพื่อนสนิทของเขา ( ขอบอก…เพื่อนสนิทเขานะหล่อมาก  ป๊อปที่สุดในค่ายเลยก็ว่าได้ )  หลังจากที่ทำแบบทดสอบเสร็จก็จะเป็นการแนะนำคณะว่าคณะต่างๆนั้นเขาเรียนเกี่ยวกับอะไร  เรียนกันอย่างไร  ก็พี่ๆจากคณะต่างๆก็มาแนะนำกันเรื่อยๆจนมาถึงเขา  คณะของเขานั้นออกมาแนะนำพร้อมกัน 3 คนซึ่งแต่ละคนก็จะเรียนภาควิชาที่ต่างกันออกไป  เธอเองมองเขาตลอดเลยล่ะเวลาที่เขาออกมาพูด  แววตาของเธอดูชื่นชมเขาอยู่มาก
      หลังจากที่แนะนำคณะต่างๆไปส่วนหนึ่งแล้วพี่ๆก็ปล่อยพวกเราไปอาบน้ำกัน  หลังจากที่อาบน้ำเสร็จกลุ่มของเธอ( ที่มาจากโรงเรียนเดียวกันนะไม่ใช่กลุ่มที่พี่เขาแบ่งให้ )  ก็มารวมตัวกันที่หอประชุมและเขาพร้อมด้วยเพื่อนสนิทของเขาก็เข้ามาเล่นกับกลุ่มของเธอ  เขาเป็นผู้ชายที่น่ารักมาก ( เฉพาะในสายตาของเธอนะ )  เสร็จแล้วเราก็ไปทานข้าวกัน  เวลาทานข้าวนั้นเธอแอบมองเขาตลอดเวลาเพราะโต๊ะที่เขานั่งนั้นอยู่หน้าโต๊ะของเธอ  บางครั้งเขาก็หันมาพร้อมกับเจอสายตาที่เธอมองเขาอยู่พอดี  หลังจากทานอาหารเย็นเสร็จพวกเราก็รวมตัวกันในห้องประชุม  ระหว่างที่รอให้ทุกคนมาพร้อมกันนะ  เขากับเพื่อนสนิทของเขาก็เข้ามานั่งที่กลุ่มของเธอ  มาพูดคุยและเล่นเกมกัน  คราวนี้เธอมีโอกาสได้นั่งติดกับเขาด้วยล่ะ  ติดกันเลย  เธอแทบจะอยากหยุดเวลาไว้ตรงนี้จังตรงที่เธอมีเขาอยู่เคียงข้างเช่นนี้  หลังจากที่ทุกคนมาพร้อมกันแล้วก็มีกิจกรรมนันทนาการต่างๆ  ก็เต้นกันนะก็พวกเพลงเชียร์ที่มหาวิทยาลัยที่พี่ๆเขานำมาสอนอะไรประมาณนี้ล่ะ  ก็จะยืนกันเป็นวงกลม  กลุ่มของเธอที่มาจากโรงเรียนเดียวกันก็ยืนเต้นอยู่ด้วยกัน  ซึ่งวันนี้ยังไม่มีใครออกท่าทางมากนัก  คงเป็นเพราะวันแรกมั้งคงยังไม่คุ้นกับสิ่งต่างๆ  แต่เขานะเต้นได้แบบสุดๆเลยอ่ะ  เสร็จแล้วพวกเราก็แยกย้ายกันไปนอน

      วันที่ 2 ของการเข้าค่าย  กลุ่มของเธอตื่นก่อนพี่ๆสตาฟ  มีพี่สตาฟเพียงคนเดียวเองที่ตื่นมา  พอเธออาบน้ำเสร็จก็สวนทางกับเขาซึ่งกำลังจะไปอาบน้ำพอดี  เขาถอดเสื้อเปลือยด้านบนด้วยล่ะ อิอิ  แต่เธอไม่ได้สังเกตุอะไรหรอกนะ  เธอมัวแต่มองหน้าเขาแล้วก็เขินน่ะ  คนอะไรไม่รู้น่ารักมากๆๆๆ  พอทุกคนอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ไปทานอาหารเช้ากัน  แล้วก็มาแบ่งกลุ่มใหม่ซึ่งจะแบ่งเป็นทั้งหมด 7 กลุ่มก็ตามวิชาที่พี่เขาจะสอนนั่นแหละ  ก็จะมี  เลข ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ ไทย สังคม อังกฤษ  วิชาแรกที่เธอเรียนก็คือภาษาไทย  หลังจากนั้นเธอก็ไปเรียนคณิตศาสตร์
      ซึ่งวิชาคณิตศาสตร์นี่เอง  เขาคนนั้นของเธออยู่ห้องนี้ด้วยล่ะ  เขาไม่ถึงกับว่าเป็นคนสอนหรอกนะ  เป็นคนคอยช่วยเสริมมากกว่า ( คนที่สอนน่ะเหรอภายหลังเธอสืบทราบมาว่าคนที่สอนเลขเธอน่ะเป็นศิษย์สำนักเดียวกับเธอด้วยล่ะ อืม  เข้าเรื่องเขาต่อดีกว่าเนอะ )  ก็ที่พี่เขาสอนน่ะพี่เขาสอนแคลฯ  ซึ่งงเธอก็ยังไม่เคยเรียนมามันก็ต้องงงถูกไหม ?  ก็ไม่เชิงว่าไม่รู้เรื่องอะไรเลยนะแต่มีบางส่วนที่งงอยู่ก็เท่านั้นเอง  พอพี่ที่สอนให้ทำโจทย์น่ะ  เธอก็งงนะก็เขาคนนั้นยืนอยู่ตรงนั้นพอดี  ซึ่งเขาก็อธิบายให้เธอฟังนะ  แต่เร็วมากๆไม่สามารถทำให้เธอหายงงได้ เหอๆๆ  แล้วก็มีพี่คนอื่นรวมทั้งพี่ที่สอนน่ะมาอธิบายให้พร้อมกับทำให้ดูว่ามันมายังไงๆ  คราวนี้อ่ะเธอรู้เรื่องแล้ว  ก็มีข้อต่อไปเรื่อยๆ  แล้วก็มีอยู่ข้อหนึ่งเขาก็มาอธิบายให้เธอฟัง  คือเธอจะนั่งอยู่ที่โต๊ะเรียนนั่นแหละ  แล้วเขาก็ยืนอยู่ไง  ที่นี้อ่ะตัวมันก็เกือบจะใกล้กัน ( นึกภาพออกกันใช่ไหมคะ  คือว่าเธออ่ะนั่งอยู่แล้วเขาน่ะยืนอยู่ซึ่งตัวจะเยื้องๆกับเธอไง  แล้วแบบว่าแขนของเขากับเธออ่ะจะชนกันอยู่แล้ว  ถ้ายังนึกภาพไม่ออกนะเรียกเขามาสิเดี๋ยวทำให้ดู  อิอิ )  แล้วเขาก็สอนเธอไป  เข้าใจดีแฮะ  แล้วก็อีกข้อหนึ่งน่ะเธอรู้แล้วว่าต้องทำยังไงก็เกือบจะเสร็จแล้วล่ะแต่ว่าเธอก็ต้องเรียกเขามาอีก  ไม่ใช่อะไรหรอกนะ  เธอคิดเลขไม่เป็นอ่ะ  มันเป็นเศษส่วนกำลังลบหรืออะไรเนี่ยล่ะ  เลขมันยุ่งๆอ่ะ  แล้วก็ข้อต่อไปอะไรก็ไม่รู้งงมากๆ  ตอนแรกมีพี่อีกคนหนึ่งมาสอนเธอก็เกือบได้แล้วล่ะแต่ทีนี้มันผิดพลาดทางเทคนิคนิดหน่อย  แล้วเขาก็คิดให้เธอต่อแล้วมันก็ยังไม่ได้อีก  แบบว่าข้อนี้คิดหลายรอบมากๆเลยอ่ะแต่สุดท้ายก็สำเร็จมาได้  อยากบอกว่าข้อนี้อ่ะเขาทำให้เธอดูทั้งข้อเลยล่ะ  ลายมือเขายังอยู่ในสมุดเธออยู่เลย  ก็อย่างที่บอกนั่นแหละข้อนี้มันยากไงก็ต้องใช้เวลาทำนานหน่อย  แต่เธอซึ่งมีเขาอยู่เคียงข้าง ( เว่อร์ไปม๊ะ จริงๆแล้วก็แค่อธิบายนั่นแหละ )  เพราะมีเขาอยู่ข้างๆนี่เองจึงส่งผลให้เธอทำโจทย์อันแสนยากข้อนี้เสร็จก่อนคนอื่น    ทีนี้ระหว่างที่รอคนอื่นๆอยู่นั้นเธอก็ได้มีโอกาสคุยกับเขา  ก็คุยเกี่ยวกับเรื่องคณะ เรื่องที่เขาเรียนนั่นแหละ  ก็ถามประมาณว่าเรียนอยากไหม  เรียนยังไง  มันแบ่งออกเป็นกี่สาขาวิชา  ก็คุยกันไปเรื่อยๆนะ  เธอดูจะมีความสุขมากๆ  แล้วเธอก็บอกเขาด้วยว่า  เธออยากจะเป็นรุ่นน้องของเขา  เธอรักคณะที่เขาเรียนอยู่มาก  พอเรียนเลขเสร็จก็ไปทานข้าวกันแล้วตอนบ่ายก็มีเรียนสังคมอีกวิชาหนึ่ง
      พอเรียนเสร็จแล้วก็มารวมตัวกันที่หอประชุมก็แนะนำคณะกันต่อ  ก็จะเป็นการแนะนำคณะที่เหลืออ่ะที่ยังไม่ได้แนะนำไปเมื่อวานนั่นแหละ  เธอนั่งมองเขาตลอดเลย  มีบางครั้งที่เขาก็หันมาสบตากับเธอพอดีเลย  เขาจะนั่งอยู่ตรงบันไดทางขึ้นเวทีกับเพื่อนสนิทของเขา ( คนที่หล่อๆนั่นแหละ )  เขาน่ารักดีเนอะ  เธออยากรู้จักเขาให้มากกว่านี้จัง
      พอแนะนำคณะเสร็จพี่ๆเขาก็ปล่อยให้ไปพักไปอาบน้ำแต่วันนี้กลุ่มของเธอไม่ได้อาบหรอกนะ  จะอาบกลางคืนเลยน่ะ  แล้วก็ไปทานข้าวกันเสร็จ  พอตอนกลางคืนวันนี้มีบูมบ้านด้วยล่ะ  นั่นแหละก็บูมกันพอหลังจากบูมบ้านเสร็จแล้วก็เต้นกันต่อ  วันนี้กลุ่มเธอออกลีลาได้แบบสุดๆเลยอ่ะ  และที่สำคัญ…วันนี้เธอได้เต้นกับเขาด้วย  เธอได้เต้นคู่กับเขา  เพลงโรตี อ่ะ  เธอกับเขาได้เต้นด้วยกันได้เต้นคู่กัน  คืนนี้ช่างเป็นอีกคืนหนึ่งที่วิเศษสุดสำหรับเธอ  แล้วก็แยกย้ายกันเข้านอน  

      วันที่ 3 ของเธอกับการใช้ชีวิตร่วมกับเขานะค่ายนี้  วันนี้มีเรื่องหน้าเศร้าอยู่อย่างหนึ่งก็คือ  เย็นวันนี้เขาต้องกลับบ้านจะมาใหม่ก็คงเป็นพรุ่งนี้เช้า  แต่ไม่เป็นไรหรอกเพราะเขาไปตอนกลางคืนนี่นา  วันนี้ก็เหมือนกับทุกวัน  เริ่มต้นตอนเช้าก็ทานข้าว  เขาก็ทานของเขาไป  เธอก็มันแต่แอบมองเขาอยู่นั่นแหละ  ทานข้าวเสร็จแล้วก็ไปเรียนกัน  วิชาแรกชองเธอก็คือ ฟิสิกส์ และก็ต่อด้วย อังกฤษ จ้า  พอเธอเรียนเสร็จก็มาที่หอประชุม  วันนี้มีใครก็ไม่รู้จากสโมสรอะไรสักอย่างเนี่นล่ะมา present  face  ด้วยล่ะ ( แต่ถ้าไม่ได้ทุนจากสโมสรนี้ก็แย่อยู่เหมือนกันน๊า  มา present face นิดหน่อยไม่เป็นไรหรอก เนอะ ) แล้วคนจากสโมสรเนี้ยเค้าก็พูดๆๆๆๆๆ  ทีนี้ตอนเค้าจะกลับนะเค้าให้พวกเราร้องเพลงกันด้วยล่ะ  เพลงนั้นก็คือเพลง  ขอให้เหมือนเดิม  ของวงบูโดกัน น่ะ   เวลาที่ร้องเพลง  เธอก็มองเขาตลอดเลยแถมทำตาซึ้งใส่เขาด้วย  เธอทำราวกับว่าเธอร้องเพลงนี้ให้เค้าฟังล่ะ  ก็เพลงนี้ความหมายดีนี่  เธอร้องเพลงไปก็ฝันในใจไปว่า  เขากับเธอร้องเพลงนี้ให้กัน  มองตากันซะซึ้งเชียว  เธอก็ได้แค่ฝันอ่ะนะเพราะในความเป็นจริงแล้ว  คงไม่มีโอกาสหรอก  เขาไม่ให้โอกาสเธอเลย ( ถ้าไม่เชื่อลองอ่านต่อไปสิว่าเขาใจร้ายขนาดไหน T_T )
      พอคนจากสโมสรที่มา present  face  กลับไปแล้วก็ไปทานข้าวกลางวันกัน  พอทานข้าวเสร็จแล้วเธอกับเพื่อนของเธอก็มีโอกาสเดินสวนกับเพื่อนสนิทของเขา ( คนที่หล่อๆคนเดิมนั่นแหละ  คนอะไรก็ไม่รู้มองกี่ทีก็ไม่เคยเบื่อเลย )  เธอให้เพื่อนของเธอถามเพื่อนสนิทของเขาว่าเขามีแฟนรึยัง ?  คำตอบที่ได้มานั้นก็คือ…..
      คือ………..
      คือ………….
      เขายังโสดจ้า  เขายังไม่มีแฟน  อย่างนี้เธอก็มีสิทธิ์ล่ะสิ  เย้ๆๆๆ  ดีใจจัง  เขายังไม่มีแฟน  
      พอทานข้าวเสร็จแล้วก็เข้าหอประชุมกัน  พี่ๆเค้าก็จะมีเกมให้เล่นซึ่งแบ่งออกเป็น 4 ฐาน  ก็จะมีฐานวิทยาศาสตร์  คณิตศาสตร์  อังกฤษ  ภาษาไทย  ก็จะให้ตอบคำถามนั่นแหละ  ไม่มีอะไรมากหรอก  พอเสร็จจากฐานแล้วพี่ๆเค้าก็จะแบ่งกลุ่มเป็นความสนใจในด้านต่างๆแล้วให้น้องๆชาวค่ายไปเลือกฟังเอาเองตามความสนใจ  ก็จะมีอย่างเช่น คอมพิวเตอร์  คิดวิเคราะห์  สัตว์  พืช  เยอะแยะมากๆๆๆๆๆ   แต่ว่า…ไม่มีกลุ่มไหนที่ตรงใจเธอสักกลุ่มเลย  มันก็มีกลุ่มที่เกี่ยวกับที่เธอสนใจนะแต่ว่ามันก็ยังไม่ตรงใจเธอซะทีเดียว  นั่นก็คือ  กลุ่มคิดวิเคราะห์นั่นแหละ  พอฟังกลุ่มนี้เสร็จแล้วเธอก็เดินดูกลุ่มอื่นเรื่อยๆเผื่อว่าจะมีกลุ่มไหนตรงกับความสนใจของเธอแบบสุดๆอ่ะ  แต่ว่าก็ไม่มี  เหอๆๆๆ   พอเธอไม่รู้จะไปกลุ่มไหนเธอก็เลยมาที่กลุ่มคอมพิวเตอร์   ซึ่งตอนแรกนะคนเยอะมากๆๆๆๆๆ  แต่ตอนนี้คนเริ่มบางตาแล้วล่ะ  คนที่พูดกลุ่มนี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกก็เพื่อนสนิทของเขาคนที่หล่อๆนั่นแหละ ( คนอะไรไม่รู้ป๊อปมากๆ )  เธอก็บอกเพื่อนเขาว่าไม่เห็นมีกลุ่มของวิชาที่เธอชอบเลย  พี่เค้าก็บอกว่าต้องคุยกับเพื่อนเขา ( ก็เขาคนที่เธอชอบนั่นแหละ )  แต่ว่าตอนนี้เขากลับบ้านไปแล้ว  แย่จัง !  เธอก็คุยกับเพื่อนของเขานะว่าเธอชอบวิชานี้แบบสุดๆเลยอ่ะ  จริงๆแล้วอ่ะนะ  เธอรักวิชานี้มากกกกกกก  และก็เพราะวิชานี้เช่นเดียวกันที่ทำให้เธอชอบเขา  
      พอเสร็จจากตรงนี้แล้วก็ไปทานข้าวเย็นกัน  แย่จังเนอะวันนี้เขาไม่อยู่เธอก็ไม่รู้จะมองใครเหมือนกัน  ทานข้าวเสร็จบางส่วนก็ไปอาบน้ำกันแต่ว่ากลุ่มของเธอก็ยังไม่อาบอีกตามเคย  กลุ่มเธอก็เข้ามานั่งเล่นในหอประชุมแล้วเธอก็ได้มีโอกาสคุยกับเพื่อนสนิทของเขา ( คนเดิมนั่นและ )  คุยกันไปคุยกันมาก็วกมาคุยเรื่องเขาจนได้  คุยกันเรื่องวิชาและคณะที่เธอชอบอ่ะจ้ะ  คุยกันยังไงก็ไม่รู้  เพื่อนเขาก็ให้เบอร์เขากับเธอ  เธอได้เบอร์เขาแล้ว  ดีใจมากๆๆๆ  แทบจะเก็บอาการไว้ไม่อยู่  จนเพื่อนของเธอต้องสะกิดให้เธอรู้สึกตัวว่าเพื่อนของเขางงแล้วนะว่าเธอเป็นอะไร  แหม…ก็คนมันดีใจนี่นา  
      พอกลางคืนวันนี้ก็มีกิจกรรมกันต่อ  วันนี้มีประกวดด้วยล่ะ  ขอเรียกการประกวดนี้ว่า Miss Newspaper  ก็แล้วกันนะเพราะว่าที่โรงเรียนของเธอเคยมีการประกวดแบบนี้  ก็ไม่มีอะไรมากหรอกพี่ๆเค้าจะมีหนังสือพิมพ์ให้แล้วก็ให้เราประดิษฐ์ชุดจากหนังสือพิมพ์ใส่นั่นแหละ  หลังจากการประกวดเสร็จพี่ๆเค้าก็ให้เข้านอนเพราะว่ามันดึกมากแล้ว  วันนี้ไม่มีเต้นจ้า  

      วันที่ 4 ซึ่งเป็นคืนสุดท้ายของการเข้าค่ายแล้วนะ  ตื่นเช้ามากิจวัตรประจำวันก็ปกติเหมือนกับทุกวันเพียงแค่วันนี้เวลาทานข้าวเช้าเธอไม่ได้มองเขานั่นเอง  ก็เขายังไม่กลับมานี่นา  เสร็จแล้วเธอก็ไปเรียน เคมี และ ชีววิทยา  หลังจากเรียนเสร็จเธอก็มองหาเขาตลอดเลย  เขามายังน๊า  เอ๊ะ  นั่นเขานี่นา  เย้ๆๆๆ  เขากลับมาแล้ว  เรียนเสร็จแล้วก็มารวมกันที่ห้องประชุมพี่ๆเค้าก็จะมีสมุดเล้มเล็กๆเหมือนเฟรนด์ชิปแจกให้เอาไว้ให้ใครเขียนก็ได้ แล้วเราก็ไปทานข้าวกลางวันกัน  พอทานเสร็จเธอก็เข้ามาในห้องประชุม  เขายืนอยู่กับเพื่อนของเขา  เธอก็เดินเข้าไปหาเขาพร้อมกับขอป้ายสตาฟของเขา  เขาก็บอกเธอว่าเป็นพรุ่งนี้แล้วกันเพราะเขาต้องใช้อยู่  ก็ไม่มีปัญหานะ  แล้วเธอก็บอกเขาว่าเฟรนด์ชิปอ่ะเธอจะให้เขาเขียนเป็นคนสุดท้ายนะ   เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงอยากให้เขาเขียนเป็นคนสุดท้าย  คงเป็นเพราะว่าเธอไม่อยากให้คนอื่นอ่านมั้ง  หรือไม่ก็อยากจะบอกเขาทางอ้อมมั้งว่าเขาจะเป็นคนสุดท้ายของเธอ  โอ้…  คิดได้ไงเนี่ย  แล้วเธอก็เดินไปให้พี่คนอื่นๆเขียนนะ  ส่วนเพื่อนเขาน่ะเหรอคนต่อคิวรอให้เขียนยาวมากๆ  พอได้เวลาแล้วพี่ๆเค้าก็เรียกรวมแล้วก็ให้เข้าฐาน 4 ฐานซึ่งพี่ๆเค้าก็จะพูดเกี่ยวกับ  ทุนในหมาวิทยาลัย  โควต้าต่างๆ  ถ้าเอนท์ไม่ติดจะทำไง  และวิธีการเลือกคณะ  นั่นแหละก็ฟังพี่ๆเค้าพูดเค้าแนะนำกัน  ได้ประโยชน์และสาระมากๆ  พี่ๆเค้าใจดีเนอะที่มาจัดค่ายนี้ให้  เขาเองอยู่ในฐานที่เกี่ยวกับเรื่องทุนต่างๆ  ก็เขาเป็นเด็กทุนนี่นา  ทุนของประเทศซะด้วยสิ  เก่งเนอะ  
      พอเสร็จจากตรงนี้แล้วพี่เค้าก็จะแบ่งออกเป็นกลุ่มต่างๆซึ่งจะแบ่งเป็นตามคณะต่างๆในมหาวิทยาลัย  เราอยากเรียนอะไรก็ไปฟังคณะนั่นน่านแหละ  เธอก็ไปฟังนะ  ฟังคณะของเขานั่นแหละ  ก็อย่างที่บอกตั้งแต่แรกแล้วไงว่าเธออยากเรียนคณะนี้มาก  เธอนั่งหน้าสุดเลยล่ะ  ไม่ห่างกับเขามากนะ  ห่างกันแค่นิดเดียวเอง  แต่…ถึงแม้ตัวเธอกับเขาจะห่างกันไม่มากนัก  แต่ความรู้สึกของเธอนั้นช่างห่างกันเหลือเกิน  วันนี้เขาดูห่างเหินกับเธอมากนะ  เธอพยายามถามเขาเกี่ยวกับเรื่องคณะ  แต่เขาก็ไม่ยอมตอบ  มีพี่อีกคนหนึ่งตอบแทน  ทั้งๆที่เขาควรจะเป็นคนตอบคำถามของเธอมากกว่าเพราะเขาเรียนคณะนี้โดยตรง  ( แต่ยังไงก็ขอบคุณพี่คนนั้นนะคะที่ช่วยตอบให้  ขอบคุณค่ะ )  แต่พอคนอื่นถามนะเขาตอบด้วยล่ะ  ไม่ใช่ว่าเธอคิดไปเองหรอกนะ  ถ้าลองมองแววตาเขาจะรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลง  ดูเขาเปลี่ยนไปมาก  เหมือนไม่ค่อยอยากยุ่งกับเธอ  รังเกียจเธอเลยก็ว่าได้  เอ…หรือเป็นเพราะว่าเพื่อนของเขาบอกเขาว่าเธอชอบเขา  แต่คงไม่หรอกมั้ง  วันนี้เป็นวันที่เธอรู้สึกแย่นะ  อะไรที่ทำให้เขาเปลี่ยนได้เช่นนี้  ทั้งท่าทาง  สายตา  คำพูด  และการกระทำ
      เสร็จแล้วก็ไปทานข้าวกันเราก็ไปทานข้าวเย็นกัน  วันนี้มีการแสดงของแต่ละบ้านด้วยล่ะ  พอทานข้าวเสร็จเธอก็เลยไปซ้อมการแสดง  พอถึงเวลาแสดงก็นั่นแหละออกมาแสดงกัน  พอการแสดงของน้องๆเด็กค่ายจบลงก็มีการแสดงของพี่ๆสตาฟ  เขาแสดงด้วยล่ะ  น่ารักดีเนอะ  เธอนั่งแถวหน้าสุดเลย  จะได้เห็นเขาชัดๆไง  เขาแสดงได้ดีมากเลยในสายตาเธอนะ  พอเสร็จจากการแสดงแล้วก็เต้นกันต่อแหละ  วันนี้เธอไม่ได้เต้นกับเขาหรอก  เต้นกับพี่อีกคนหนึ่งน่ะ  ซึ่งพี่คนนี้ก็น่ารักมากๆ  เธอได้จับมือพี่เขาด้วย  อิอิ  พอเต้นเสร็จตอนแรกพี่ๆเค้าจะให้พอแล้วล่ะแต่ว่าพวกเราชาวค่ายไม่ยอมก็เลยได้เต้นต่ออีกนิดนึง  เสร็จแล้วพี่เค้าก็ให้มานั่งสวดมนต์ไหว้พระนั่งสมาธิเตรียมเข้านอนนั่นแหละ ( ก็เหมือนทุกคืนอ่ะค่ะ )  แต่พอนั่งสมาธิกันเสร็จพี่เค้าก็บอกว่าให้นั่งเข้ามาติดๆกันหน่อยแล้วก็ห้ามลืมตานะ  พวกเราชาวค่ายทุกคนก็ทำตามแต่โดยดี
      ระหว่างที่พวกเรานั่งหลับตาอยู่นั้นก็มีพี่คนหนึ่งพูดเกี่ยวกับค่ายนี้  พูดความรู้สึกที่มี  พี่เค้าพูดดีมากๆเลยอ่ะ  ซึ้งมากๆ  แล้วเธอก็รู้สึกว่าไฟจะดับลงแล้วเธอก็ได้กลิ่นเทียน  หลังจากนั้นพี่ๆเค้าก็ร้องเพลงให้ฟัง 2 เพลง  เธอก็ไม่รู้หรอกนะว่าเพลงนี้คือเพลงอะไร  แต่…เพลงนี้ทำให้เธอและชาวค่ายอีกหลายคนร้องไห้   ทุกคนตกอยู่ในภวังค์แห่งความเศร้า  ไม่มีใครอยากให้คืนนี้มาถึงคืนที่เราทุกคนจะต้องจากกัน  ไม่มีใครอยากให้ค่ายนี้ต้องจบลง  ทุกคนอยากอยู่ที่นี่ที่ค่ายนี้ค่ายที่เปี่ยมไปด้วยความรัก  มิตรภาพ  ความรู้สึกและความทรงจำดีดีที่มีร่วมกัน  สิ่งดีๆที่พี่ๆทุกคนมอบให้  พอพี่ๆเค้าร้องเพลงจบพี่เค้าก็ให้ทุกคนลืมตา  สิ่งที่เธอเห็นก็คือเสียงไฟจากเทียนที่พี่ๆเป็นคนจุดรายล้อมอยู่รอบตัวเธอ  หยดน้ำตาใสๆเปื้อนอยู่บนใบหน้าของทุกคน  หลังจากนั้นก็จะมีพี่แต่ละคนมาพูดความรู้สึกของตัวเอง  ยิ่งเห็นพี่ๆร้องไห้  ยิ่งได้ฟังพี่พูด  เธอยิ่งเศร้าหนัก  เธอไม่อยากจากที่นี่เลย  เธอสังเกตเขา  เธอมองหน้าเขา  เหมือนอยากจะจำหน้าเขาไว้นานๆ  เขาคนนั้นของเธอเหมือนจะร้องไห้  พอพี่ๆพูดเสร็จพี่ๆเค้าก็ให้น้องๆพูดบ้าง  ใครอยากพูดอะไรก็ได้  ก็จะมีอยู่คนหนึ่งเค้าให้พี่ๆหลับตาแล้วก็ร้องเพลง  ดวงจันทร์ในคืนแรม  ของปาน  ให้พี่ๆเค้าฟัง  พี่ๆเค้าร้องไห้  เค้าเศร้า  เค้าก็คงรู้สึกเหมือนกับเธอและชาวค่ายทุกคนว่าไม่อยากให้ค่ายนี้ต้องจบลง  หลังจากนั้นเราชาวค่ายทุกคนก็นัดกันว่าพอพูดจบแล้วจะร้องเพลง  ไม่มีเธอวันนั้น ไม่มีฉันวันนี้  ของ ดี2บี ให้พี่ๆ  พอพวกเราชาวค่ายร้องเพลงจบพี่เค้าก็จะมีการผูกข้อมือให้ด้วยด้ายสีชมพู ( ตอนแรกก็ไม่รู้หรอกนะว่าด้ายน่ะสีชมพู  พอเปิดไฟดูถึงจะรู้  เพราะระหว่างที่ผูกข้อมือนั้นแสงสว่างที่ใช้มีเพียงแค่แสงจากเทียนที่พวกพี่ๆเค้าจุดเท่านั้น
      พี่คนแรกที่เธอให้ผูกก็คือพี่คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอพี่เค้าผูกให้เธอที่ข้อมือด้านขวา  ระหว่างที่ผูกนั้นพี่ๆเค้าก็จะพูดไปเรื่อย  พูดให้ข้อคิดเราให้เราตั้งใจเรียน  พูดได้แบบว่าซึ้งมากๆ  หลังจากที่พี่คนแรกผูกเสร็จทุกคนในค่ายก็จะกระจัดกระจายกันใครอยากให้พี่คนไหนผูกก็ไปหาพี่คนนั้น  ซึ่งพี่เค้าจะนั่งกันเป็นวงกลมแบบตอนที่ยืนจุดเทียนร้องเพลงนั่นแหละ  เขา…เป็นคนที่ 2 ที่เธอให้ผูกข้อมือ  เธอให้เขาผูกข้อมือซ้าย  ตอนแรกเขาก็งงนะว่าทำไมให้ผูกด้านซ้ายเพราะเขาเห็นว่าพี่คนแรกที่ผุกให้เธอน่ะผูกด้านขวา  แต่เอก็ไม่ได้บอกอะไรเขาไป  เขาก็ถามเธอว่าอยากเข้าคณะอะไร ( คำถามนี้นะพี่ๆเกือบทุกคนจะถาม )  เธอก็ตอบเขาไปว่าเธออยากเป็นรุ่นน้องของเขา  เธออยากเรียนคณะเดียวกับเขา  พอเขาพูดเสร็จเธอก็บอกเขาว่าเธอขอโทรไปหาเขาได้ไหม  เขาก็ตอบเธอว่าได้  ก่อนที่เธอจะลุกขึ้นเพื่อไปให้พี่คนอื่นผูกต่อนั้นเธอยื่นมือไปให้เขา  เธอขอเขาจับมือ ( ใจกล้าจริงๆเลย )  เขาก็ยื่นมือมาให้เธอจับแต่โดยดีนะ   หลังจากนั้นเธอก็ไปให้พี่คนอื่นผูกต่อแล้วก็วกกลับมาที่พี่ที่เป็นเพื่อนสนิทของเขาซึ่งนั่งอยู่ข้างๆเขานั่นแหละ  แต่ ณ เวลานี้เขาไม่ได้ผูกข้อมือให้ใครแล้ว  เพื่อนสนิทของเขาก็ถามเธอด้วยคำถามเดียวกันว่าอยากเรียนคณะอะไร  เธอก็บอกชื่อคณะไปพร้อมกับบอกว่าอยากเป็นรุ่นน้องของเขา  เขาหันมามองด้วยล่ะ  พอเพื่อนสนิทของเขาผูกข้อมือให้เธอเสร็จเธอก็กะว่าจะมานั่งคุยกับเขาเพราะว่าเขาว่างอยู่  แต่ช้าไปเสียแล้วมีใครที่ไหนก็ไม่รุ้ 2 คนมานั่งคุยกับเขาก่อน  ฮือๆๆๆๆๆ  เธอก็ไม่ได้อะไรนะเธอก็ยืนรออยู่แถวๆนั้นนั่นแหละ
      ทีนี้เพื่อนสนิทของเธอนั่งคุยกับพี่อีกคนหนึ่ง ( รู้จักกันมานานแล้ว) ซึ่งอยู่ใกล้ๆกับที่เขานั่งอยู่  ติดกันเลยล่ะ  ด้วยความที่รู้ใจเพื่อนไงเพื่อนของเธอก็เลยชวนเธอไปนั่งด้วย   ก็เข้าทางเธอเลยล่ะเธอก็ไปนั่ง  แถมนั่งติดกับเขาด้วยนะ  แต่ว่าตอนนี้เขาก็ยังคุยกับเด็กค่าย 2 คนนั่นอยู่คุยกันเรื่องเรียนอ่ะ  ( เธอแอบได้ยินมา )  พอ 2 คนนั่นลุกไปแล้วก็เป็นโอกาสของเธอสิทีนี้ที่จะได้คุยกับเขา  เธอหันไปเรียกเขา  เขาหันมามองเธอ  แล้ว…..
      แล้ว…………
      แล้ว………..
      แล้ว………เขาก็ลุกออกไป  เขาลุกออกไปนอกหอประชุมเลย   เขาเดินจากเธอไป  ทั้งๆที่เธอเรียกเขา  ทั้งๆที่เขาก็ได้ยินเธอเรียก  ทำไมล่ะ  มันเกิดอะไรขึ้น  ทำไมเขาถึงทำกับเธอแบบนี้  เขาเห็นเธอเป็นอะไร  เขาช่างใจร้ายนัก  ทำอะไรไม่คิดถึงความรู้สึกของเธอเลย  เธอก็มีหัวใจเหมือนกันนะ  เธอทำอะไรผิดเหรอ  ทำไมเขาถึงเย็นชาห่างเหินหมางเมินเหมือนคนไม่เคยรู้จักกันแบบนี้  เธอก็ได้แต่งง  งง  และ งง  เธอไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาทำ  เธอหันไปหาเพื่อนสนิทของเขาแถมพาลใส่เพื่อนสนิทของเขาอีก  เหอๆๆๆ    สักพักเธอก็เห็นเขาเดินเข้ามา  ตรงมาที่เธอ  เอ…หรือเขาจะเปลี่ยนใจกลับมาหาเธอนะ  เธอเริ่มใจชื้นขึ้นมานิดแล้ว  เมื่อกี๊เขาอาจจะไปเข้าห้องน้ำก็ได้เนอะ  แต่เปล่าเลย  ไม่ใช่อย่างที่เธอหลอกให้ตัวเองดีใจเลย  เขาเดินเลยเธอไป  ไปนอนตรงโซฟา  เฮ้อ…  สักพักพอเขาลุกขึ้นมา  เธอก็ยิงโทรศัพท์ไปที่เบอร์ของเขา  จะดูว่าเขามีปฏิกิริยาไหม  เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูด้วยล่ะ  ก็แค่นั้นเองไม่มีอะไร  พออีกสักพักนึงพี่ๆเค้าก็ให้ไปนอน  ก็มันดึกแล้วนี่น่า  เกือบจะตี 3 แล้วอ่ะ  ระหว่างเดินจะไปที่พักนั้นเธอก็คุยกับเพื่อนสนิทของเขา  จะว่าไปก็พาลเอากับเพื่อนเขานั่นแหละ  พอถึงที่พักแล้วเธอกับเพื่อนของเธอก็ไปเข้าห้องน้ำกัน  ทีนี้ตอนจะขึ้นไปนอนน่ะมันจะต้องผ่านห้องพักของพี่สตาฟก่อนไง  แล้วเพื่อนของเธอก็คุยกับพี่สตาฟอยู่แต่ว่าไม่ได้เข้าไปในห้องนะ  เธอก็เห็นเขานอนอยู่  เธอก็ทักเขาประมาณว่านอนแล้วเหรออะไรประมาณเนี้ย  เขาก็ตอบอะไรมาสักอย่างเนี่ยล่ะแต่น้ำเสียงเขาเย็นชามากๆ  เหมือนไม่อยากคุยกับเธอเลย  พอเธอเห็นเขาเป็นแบบนี้เธอก็เดินไปเลย  แบบว่าไม่ไหวแล้วอ่ะ  มันสุดๆแล้ว  เธอต้องรีบไปให้พ้นจากตรงนี้  พ้นจากสายตาที่เขาจะสามารถมองเห็นเธอได้  เธอไม่อยากให้เขาเห็นเธอในขณะที่เธอกำลังอ่อนแอ  

      วันที่ 5 วันสุดท้ายของการอยู่ค่าย  ถึงเวลาแล้วเหรอเนี่ยที่เธอต้องจากเขาไป  เธอไม่อยากให้เวลานั้นมาถึงเลย  ตอนเช้าก็ไปทานข้าวกัน  นี่เป็นมื้อสุดท้ายแล้วที่เธอจะได้ทานข้าวพร้อมกับมองเขาไป   พอทานข้าวเสร็จเธอก้เจอเขาตรงที่เก็บจานข้าวอ่ะ  เธอก็ถามเขาถึงป้ายสตาฟที่เธอขอไว้เพราะเธอไม่เห็นเขาใส่ป้ายสตาฟแล้วนี่  เขาก็บอกว่าอยู่ในหอประชุม  แล้วพอทานข้าวเสร็จก็เข้าหอประชุมกัน  ก็ระหว่างที่รอประธานมาปิดเธอก็ไปให้พี่ๆคนอื่นเขียนเฟรนด์ชิปต่อ  แล้วทีนี้ประธานที่จะมาปิดค่ายก็มาถึง  ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอก  ผ.อ. เก่าโรงเรียนของเธอเองมากับอาจารย์อีกคนหนึ่งก็อาจารย์ที่โรงเรียนของเธอนั่นแหละ  พอพิธีปิดค่ายเสร็จสิ้นลง  พี่ๆเค้าก็ให้แยกย้ายกันกลับบ้าน  แต่ก็มีบางส่วนที่อยู่ให้พี่เขาเขียนเฟรนด์ชิปต่อรวมทั้งเธอด้วย  พอเธอเห็นว่าเขาว่างไม่ได้เขียนเฟรนด์ชิปให้ใครแล้ว  เธอก็เดินเข้าไปหาเขาพร้อมกับทวงป้ายสตาฟ ( กลัวไม่ได้ เหอๆๆ )  แล้วเขาก็ลุกไปหยิบมาให้เธอ  เย้ๆๆ  เธอได้ป้ายสตาฟของเขาแล้ว  แล้วเธอก็ยื่นเฟรนด์ชิปของเธอให้เขา  เขาก้ถามว่านี่เขายังไม่ได้เขียนให้เธออีกเหรอ  เหอๆๆ  ช่างไม่ได้จำอะไรเลย เฮ้อ..  แล้วเขาก็เขียนเฟรนด์ชิปให้เธอ  และนี่ก็คือข้อความที่เขาเขียนให้เธอ
      To น้อง… (ชื่อเธออ่ะ )
      ขอให้น้อง….(ชื่อเธออีกเช่นกัน)  ตั้งใจเรียนตั้งใจอ่านหนังสือ
      เยอะๆนะครับ  จะสมหวังตามที่ตั้งใจไว้นะ
      ครับ  จะได้เป็นน้องพี่ตามที่พูดไว้
      มันไม่อยากหรอกหากเราพยายาม
      ก้าวไปให้ถึงฝันนะ
      Good  luck
      แล้วเขาก็ลงชื่อเขา  แต่เขาไม่ได้ให้เบอร์หรือเมลล์เธอไว้เลย  สักพักเธอก็เลยเดินไปขอเมลล์เขา  เขาก็เขียนให้ด้วยล่ะ  แหม…จะไม่เขียนให้ได้ไงล่ะก็อุตส่าห์ขอทั้งที  พอผู้คนเริ่มบางตาเธอก็ยืนอยู่ตรงนั้นนั่นแหละตรงที่เขาอยู่  เธอเรียกชื่อเขาอีกแล้ว  แต่ไม่รุ้จะคุยอะไรหรอกนะ  แล้วสักพักเธอก็ให้เขาเซ็นป้ายชื่อของเธอ  เขาก็เซ็นให้ด้วยล่ะ  ป้ายชื่ออ่ะเธอให้เขาเซ็นคนเดียวเลย  แล้วเธอก็ถามชื่อจริงและนามสกุลของเขา  ถึงวันนี้เขาจะเย็นชาห่างเหินและดูหมางเมินกับเธออย่างไรเธอก็ไม่สนแล้วล่ะ  ยังไงเธอก็จะคุย  ไม่ว่าเขาจะทำหน้าเหมือนไม่อยากคุยยังไงเธอก็จะคุยกับเขาอยู่ดี  ก็นี่…มันวันสุดท้ายที่เธอจะได้อยู่กับเขาแล้วนะ  หลังจากวันนี้ก็ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนเราถึงจะได้เจอกัน  เธออยู่กับเขาสักพักนึงพอผู้คนเริ่มทยอยกันเข้ามาตรงนี้เธอก็ถอยสิ  เธอก็ไปให้พี่คนอื่นเขียนเฟรนด์ชิปต่อ  สักพักเธอก็เห็นเขาเดินลงมา  เดินรอบๆหอประชุมดูนู่นดูนี่  เธอก้มองเขาตลอดเลยนะแล้วเธอก็เดินเข้ามาหาเขา  ตอนนั้นรู้สึกว่าเพื่อนของเธอจะคุยกับเขาอยู่นะ   เธอก็เลยแกล้งๆเดินเข้าไปหาเพื่อนเธอ  อิอิ  แล้วสักพักเขาก็เดินไปอีกทางหนึ่ง  เธอก็ได้แต่มองตาม  
      แล้วสิ่งที่เธอไม่คาดคิดมันก็เกิดขึ้น   อีกแล้วครับท่าน ( ย่อหน้านี้ขอระบายหน่อยนะคะ  ขอบคุณค่ะ )  มันทำแบบนี้กับเธออีกแล้ว  มันทำแบบนี้ต่อหน้าเธอ  สิ่งที่มันทำกับเธอนั้นเคยเกิดขึ้นแล้วเ ครั้งนั้นเธอไม่ได้ว่าอะไรมันเพราะนั่นคือครั้งแรก  เธอคิดไปในทางที่ดีว่ามันไม่รู้(ทั้งๆที่ความจริงมันก้รู้อ่ะ)  มันไม่ได้ตั้งใจ  แต่ครั้งนี้เธอไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว  เธอโมโหมากๆ  มันทำให้เธอโมโหจนเธอลืมชื่อจริงของเขา ( ว้า…แย่จัง  แต่เธอลืมจริงๆนะ  นี่ก็กะว่าจะถามที่เพื่อนสนิทเขาแทนอ่ะว่าเขาชื่ออะไร )  มันไม่น่าทำแบบนี้กับเธอเลย  เธอกำลังจะได้เป็นคนเดียวในค่ายที่……  แต่ดูมันทำดิ  อืม…ขอระบายแค่นี้ก็แล้วกันนะคะ  เดี๋ยวเรื่องมันจะไปกันใหญ่  ตอนนี้ก็ดีขึ้นแล้วล่ะค่ะ  ช่างมัน  คิดวะว่าทำบุญทำทานให้….. ก็แล้วกัน  มาเข้าเรื่องต่อดีกว่า
      สักพักด้วยความที่เธอโมโหเธอก็เลยละสายตาจากเขา   เธอก็ทำนู่นทำนี่เรื่อยเปื่อย  จนพี่ๆเค้าจะกลับกันแล้ว  เอ…เขาหายไปไหนนะ  เธอไม่เห็นเขาเลย  อีกสักพักหนึ่งเอกับกลุ่มเพื่อนของเธอก็เดินไปที่รถที่เค้ามาจอดรอรับพวกพี่ๆ  พี่ๆเค้ากำลังจะไปแล้ว  ฮือๆๆๆ  ร้องไห้กันอีกแล้ว  รถใกล้จะออกแล้ว  แล้วเขาหายไปไหนล่ะ  เธอและเพื่อนของเธอเดินไปที่รถ  ร่ำลาพวกพี่ๆเสร็จเธอก้ถามเพื่อนสนิทของเขาว่า  เขาหายไปไหน  เพื่อนเขาบอกว่า  เขากลับบ้านไปแล้ว  แงๆๆๆๆ  กลับไปตอนไหนเนี่ยเธอไม่เห็นรู้เลย  สักพักพอพี่ๆเค้ากลับกันหมดแล้วเธอก็โทรหาเขา  เธอก็บอกเขาว่าเธอโทรมาลาเขา  เมื่อกี๊เธอยังไม่ได้ลาเขาเลย  ไม่รู้ว่าเขากลับตั้งแต่ตอนไหน  ก้คุยกันสักพักนึงแล้วก็วาง  

      นี่ก็คือเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นระหว่างการเข้าค่าย  หลังจากค่ายจบลงเธอก็ติดต่อกับเขาอยู่นะ  เธอส่งเมลล์ไปหาเขาทันทีที่เธอกลับถึงบ้าน  อีก 2 วันต่อมาเธอก็หาเบอร์บ้านของเขาได้  เธอโทรไปหาเขาที่บ้าน  เขาก็งงนะว่าเธอเอาเบอร์เขามาได้อย่างไร  เธอก็บอกเขาว่าเธอเอามาจากเนต  เขาก็ถามว่าหามาได้ยังไง  เธอก็เลยบอกเขาว่าก็หาๆเอาอ่ะ  ก็วันนั้นที่ถามนามสกุลไง ( ถึงเธอจะจำชื่อเขาไม่ได้แต่เธอก็ยังจำนามสกุลเขาได้อยู่ )  เขาก็พูดเสียงเบาๆค่อยๆประมาณว่า  ไม่น่าบอกเลย  ดูเขาพูดกับเธอสิ  ทำไมล่ะ  เธอน่ารังเกียจมากนักเหรอ  ทำไมเขาต้องพูดกับเธอแบบนี้ล่ะ  ไม่รักษาน้ำใจกันเลย  แล้วก็คุยกันแป๊บนึงเธอก็ถามเขาว่าเธอโทรมากวนรึป่าว  เขาก็บอกว่า ไม่กวนแต่เขาบอกเธอว่าเขากำลังจะโทรหาเพื่อน  อืม…มันหมายความว่าไงล่ะ  เขาไล่เธอทางอ้อม  เขาไม่อยากคุยกับเธอ  พอได้ยินดังนั้นเธอก็วางสิ  จะคุยต่อทำไม  เขาไม่อยากคุยด้วยนี่  

      หลังจากนั้นอีก 2 วันเธอก็โทรหาเขาอีก  คราวนี้เธอโทรเข้ามือถือเขา  ก็คุยกันได้แป๊บเดียวเองอ่ะ  ก็เสียงเขาเหมือนไม่อยากคุยกับเธอเลย  เธอถามเขาว่าคุยได้รึป่าว  ว่างไหม  เธอโทรมากวนรึป่าว  แค่นั้นล่ะเหมือนเข้าทางเขาเลย  เขาถามเธอว่ากี่โมงแล้ว  เธอก็บอกว่าบ่ายโมง  ( ทั้งที่จริงๆอ่ะเกือบจะบ่ายโมงครึ่งแล้ว  แต่ที่ตอบไปแบบนั้นก็เพราะว่าครั้งล่าสุดที่เธอดูนาฬิกาน่ะมันบ่ายโมง  ลืมไปว่ามันผ่านมานานแล้ว  เหอๆๆ )  เขาก็บอกว่าเขามีนัดเพื่อนตอนบ่ายโมงครึ่ง  ฮือๆๆ  เขาไล่เธอทางอ้อมอีกแล้ว  เธอก็เลยต้องวางโทรศัพท์  คิดดูสิถ้านัดเพื่อนจริงนะเขาต้องไปตั้งนานแล้วสิ  เพราะตอนที่เขาบอกมันก็บ่ายโมง 28 นาทีแล้วนะ  ที่เขาทำแบบนี้มันหมายความว่าไงอ่ะ

      แล้วเธอก็โทรหาเขาอีก  เธอก็ถามนู่นถามถามนี่เขาไป  แล้วเธอก็ถามเบอร์พี่ที่ค่ายกับเขา  เขาก็ไม่รู้อะไรเลยอ่ะ  เหอๆๆ  เธอก็คุยกับเขา  อีกไม่กี่วันเขาจะไปมหาวิทยาลัยเพื่อทำอะไรสักอย่างเนี่ยล่ะ  แล้วก็เปิดเทอมวันที่ 27 ต.ค. นี้  เธอคุยกับเขาได้ประมาณ 2 นาที  เอาอีกแล้วครับท่าน  เขาบอกเธอว่าโทรศัพท์มา  เธอก็ต้องให้เขาไปรับโทรศัพท์ เฮ้อ...เมื่อไหร่จะได้คุยอีกเนี่ย

      เหตุการณ์หลังจากเข้าค่ายจนถึงวันนี้ก็มีเพียงเท่านี้ล่ะ  ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าวันต่อๆไปเรื่องราวระหว่างเขากับเธอจะดำเนินไปอย่างไร  แต่มีหลายสิ่งที่เธออยากบอกกับเขานะ  ถ้าเขาได้มีโอกาสเข้ามาอ่านก็ขอให้รับรู้ด้วยแล้วกันว่า….

      คุณและหลายๆคนที่ไม่เคยรู้จักเรามาก่อนคงคิดว่า…ที่เรารักวิชานี้  อยากเรียนคณะนี้เป็นเพราะคุณ  หลายคนคงจะคิดอย่างนั้น  แต่เราขอบอกให้คุณรับรู้และเข้าใจไว้เลยนะว่า  เพราะว่าเรารักวิชานี้และอยากเรียนคณะนี้ต่างหาก  จึงทำให้เราอยากรู้จักคุณให้มากกว่านี้  จึงทำให้เราชอบคุณ  ทำให้เรารู้สึกดีๆกับคุณ

      จริงๆแล้วเราก็ไม่รุ้หรอกนะว่าเราชอบคุณรึป่าว  มันเป็นความรู้สึกที่ว่าเราชื่นชมคุณมากกว่า  เราอยากเป็นแบบคุณ  อยากมีโอกาสที่จะเรียนแบบคุณมาก  มันเลยทำให้เราอยากอยู่ใกล้ชิดคุณ  หรือไม่ก็เราอาจจะชอบคุณจริงๆก็ได้

      เราไม่รู้นะคะว่าคุณเปลี่ยนไปเพราะสาเหตุใด  ทำไมคุณถึงได้เย็นชาหมางเมินและเหินห่างกับเราเช่นนี้  เราไม่รู้ว่าเราทำอะไรผิด  ช่วยบอกให้เราเข้าใจหน่อยได้ไหม  หรือเป็นเพราะว่าคุณรู้ว่าเราชอบคุณ  คุณถึงได้ไม่อยากยุ่งกับเราอย่างนี้  

      คุณเริ่มเปลี่ยนไปตั้งแต่วันนั้นวันที่เราได้เบอร์คุณมา  เราไม่รู้นะว่าเพื่อนคุณบอกรึป่าวว่าเรามีท่าทีว่าชอบคุณ  คุณอาจจะรู้เองก็ได้เนอะ  เพราะช่วงหลังเราก็แสดงออกมากเหมือนกัน  เป็นความผิดของเราเองล่ะ

      ถ้าเป็นเพราะเหตุผลนี้แล้วล่ะก็เราอยากให้คุณลืมมันนะ   เราก็แค่อยากมีพี่ชาย  มีคนรู้จักที่เรียนในคณะที่เราต้องการ  ก็แค่นั้นเอง  อย่าคิดมากสิ

      เราอยากให้คุณกลับมาเป็นเหมือนเดิม…ได้ไหม?  เหมือนวันแรกๆที่คุณยังคุยดีๆกับเราไง  อย่าทำเหมือนว่าไม่อยากคุยกับเราหรือรังเกียจเราเลยนะ  แต่…ถ้าคุณรังเกียจเราจริงๆแล้วล่ะก็  บอกเรามานะ  เราจะไปจากชีวิตคุณทันที  จะไม่มายุ่งวุ่นวายกับชีวิตคุณอีกเลย

      เพียงคุณบอกมาคำเดียวว่า…ไม่อยากยุ่งกับเรา  เราจะไปจากคุณทันที  เราทำได้ทุกอย่างเพื่อความสบายใจของคุณ  เพื่อคุณเราทำได้ทุกอย่าง

      ขอโทษนะถ้าที่ผ่านมาเราทำให้คุณไม่พอใจ

      สุดท้ายนี้…เราอยากรู้เหตุผลนะว่าทำไมคุณถึงเย็นชากับเราแบบนี้   ทำ-ไม-วะ-! ( ไม่ได้หยาบคายนะ  แต่คำนี้ขอบอก…ฮิตมากในค่ายอ่ะ อิอิ)

      ลองฟังเพลงนี้ดูนะ

      วันนี้เธอแปลกจัง   วันนี้เธอแปลกไป
      ทำไมวันนี้ดูเธอไม่เหมือนกับทุกวัน
      ทำไมวันนี้ไม่ยอมพูดคุยกับตัวฉัน
      ไม่ยอมทักกัน…อย่างเคย
      จากเพื่อนสนิทกัน  จากเพื่อนที่เข้าใจ
      ทำไมวันนี้ดูราวกับคนไม่คุ้นเคย
      เธอหลบสายตาฉัน  แล้วทำเป็นเฉยๆ
      ไม่รู้เลย…เพราะอะไร
      คงมีใครบอกให้เธอได้รู้เรื่องจริงในใจฉัน
      และเธอเองก็คงไม่อยากรับมัน
      เธอจึงทำแบบนี้…

      ถ้าเป็นอย่างนั้นฉันขอ…ให้เธอลืมได้ไหม
      ถ้าเป็นอย่างนั้นฉันขอ…ให้เธอไม่ต้องสนใจ
      แค่คนแอบรักเท่านั้น…ไม่สำคัญเท่าไหร่
      ฉันขอได้ไหม…ให้เรากลับมาเป็นเหมือนเดิม

      จะไม่ไปบอกใคร…ให้ช่วยพูดกับเธอ
      จะไม่มาเผลอไม่คิดกับเธออย่างนี้อีก
      จะเป็นแค่เพื่อนกัน…ขอแค่ได้ใกล้ชิด
      ในคราวนี้ฉันสัญญา

      ขอบคุณทุกคนนะคะที่อ่านจนจบ  เราอยากให้ตอนจบของเรื่องนี้จบแบบมีความสุขจัง  เฮ้อ...

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×