กระบี่มากรัก - กระบี่มากรัก นิยาย กระบี่มากรัก : Dek-D.com - Writer

    กระบี่มากรัก

    กระบี่ความจริงอำมหิตไร้ไมตรี ไฉนกระบี่เล่มนี้จึงเรียกว่ากระบี่มากรัก ? ท่านหากพบเห็นกระบี่เล่มนี้ ท่านจะทราบในบัดดล

    ผู้เข้าชมรวม

    1,276

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    1.27K

    ความคิดเห็น


    4

    คนติดตาม


    1
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  16 ต.ค. 46 / 23:17 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      \" ศาสตราวุธอันดับหนึ่งในบ๊ลิ้มยุคนี้เป็นอะไร ? \"
          \" เป็นต้อเช้งเกี่ยม (กระบี่มากรัก) \"
          \" กระบี่ความจริงเหี้ยมเกรียมไร้ไมตรี  ไฉนกระบี่เล่มนี้จึงเรียกกระบี่มากรัก ? \"
          \" เนื่องเพราะกระบี่นี้อยู่ในมือลิ้วแชฮง (ยอดเขาขจี) \"
          \" ลิ้วแชฮงเป็นใคร ? \"
          \" เป็นบุรุษหนุ่มผู้หนึ่ง  บุรุษหนุ่มที่มากรักมากไมตรีผู้หนึ่ง \"
          \" เพลงกระบี่มันสูงล้ำนักหรือ ? \"
          \" มันไม่เคยแพ้พ่ายมาก่อน \"
          \" คนผู้หนึ่งคิดฝึกปรือเพลงกระบี่ถึงขั้นสุดยอดต้องอำมหิตไร้ไมตรี  คนไร้ไมตรีควบคุมกระบี่ไร้ไมตรีจึง    พิชิตไปทุกแห่งหน  คนมากรักเช่นมันไฉนบรรลุถึงแก่นแท้ของเพลงกระบี่ได้ ? \"
          \" เนื่องเพราะกระบี่ของมันก็มากรักมากไมตรีเช่นเดียวกับตัวมัน \"
          \" กระบี่มันก็มากไมตรี ? \"
          \" หากท่านพบเห็นกระบี่ไร้คม  มิหนำซ้ำไม่เคยแปดเปื้อนคาวโลหิตมาก่อน  ท่านใช่เห็นว่ามันมากรักหรือไม่ ? \"
          \" แต่กระบี่เช่นนั้น  ไหนเลยพิชิตไปทั่วแผ่นดินได้ ? \"
          \" เนื่องเพราะเพลงกระบี่ของมัน  คนมากรักควบคุมกระบี่มากรัก  ไม่ขวางฟ้าไม่ขวางคน  ยามใช้ออกกระทั่งภูตเทพยังรุดมาอวยพร  กระบี่เช่นนี้ท่านคิดว่าจะแพ้พ่ายแก่ผู้ใด ? \"
          \" อย่างนั้นมันใยมิใช่ไม่พ่ายแพ้ตลอดกาล ? \"
          \" มันจะไม่แพ้พ่ายตลอดกาล \"    

      ---------------------------------------------------------- =_= ----------------------------------------------------------


          ในเมืองน้อยที่ธรรมดาสามัญแห่งนี้ย่อมไม่มีสิ่งใดดึงดูดใจผู้คน  แต่หากจะถามว่าในเมืองน้อยแห่งนี้สถานที่ใดที่ผู้คนคับคั่งที่สุด  เก้าในสิบคนต้องตอบว่ายู่อี่เล้า(เหลาสมปรารถนา)
          เหลาสมปรารถนาเป็นเหลาสุราแห่งหนึ่ง    ซึ่งความจริงเหลาแห่งนี้ก็ไม่มีที่ใดพิเศษพิดารกว่าที่อื่นๆ  เพียงแต่พ่อครัวที่นี่ปรุงอาหารได้โอชะกว่าที่อื่นอยู่บ้าง  และราคาอาหารที่นี่ก็ถูกกว่าที่อื่นอยู่บ้างเท่านั้น
          ดังนั้นผู้คนส่วนมากจึงไม่ได้มาที่เหลาแห่งนี้  แต่มักไปยังบ่อนพนันที่หลังร้านเสียมากกว่า
          บ่อนพนันแห่งนี้เรียกว่ายู่อี่ตู้ฮ้วง (บ่อนพนันสมปรารถนา)
          ซึ่งความจริงผู้คนในบ่อนนี้มีเพียงหนึ่งเดียวที่สมปรารถนาดังชื่อ  นั่นคือเถ้าแก่อึ้ง
          เถ้าแก่อึ้งความจริงเรียกว่าอึ้งยู่อี่  แต่หลังจากที่มันเปิดบ่อนจนร่ำรวยขึ้นมาก็ไม่มีใครเรียกชื่อเดิมของมันอีก  ถึงกับกระทั่งบางครั้งมันเองยังแทบลืมเลือน



          เถ้าแก่อึ้งผู้นี้มีลักษณะราษีสมกับที่เป็นเถ้าแก่จริงๆ  มันเป็นบุรุษหนุ่มร่างอวบอ้วนสูงหกเชียะเศษ  หมวกทรงสูงสีแดงใบโตเมื่อสวมอยู่บนศีรษะกลมๆป้อมๆของมันกลับคล้ายเป็นสิงโตที่ถูกเชิดก็มิปาน
          เวลานี้เถ้าแก่อึ้งยึดครองโต๊ะที่ชมวิวได้งดงามที่สุดของเหลาสุราเป็นสถานที่ต้อนรับอาคันตุกะสองคน  อาคันตุกะทั้งสองของเถ้าแก่อึ้งที่อ้วนเตี้ยกลับเป็นบุรุษร่างสูงโปร่งคู่หนึ่ง  มันทั้งสองในยามนั่งยังสูงกว่าเถ้าแก่อึ้งร่วมครึ่งศีรษะทีเดียว
          มันทั้งสองหนึ่งเป็นบุรุษร่างใหญ่สวมผ้าคลุมสีดำ  มันแม้สวมชุดดำแต่กลับเป็นคนรักษาความสะอาดอย่างยิ่ง  ชุดดำที่สวมใส่ถึงกับไม่แปดเปื้อนธุลีดินแม้สักจุดเดียว  
          อาคันตุกะอีกคนหนึ่งสูงกว่าคนชุดดำเล็กน้อย  มันสวมใส่ชุดหลวมกว้างสีเขียวท่าทีอ่อนแอคล้ายไม่อาจต้านแรงลม  ที่หว่างเอวยังเหน็บกระบี่ในฝักไม้เอาไว้อีกเล่มหนึ่ง  มิเพียงฝักกระบี่ทำจากไม้  กระทั่งด้ามกระบี่ยังจัดทำจากไม้เนื้อแข็งชนิดหนึ่ง
          ที่แท้ทั้งสามกลับเป็นสหายเก่าที่ไม่ได้พบพานกันมาเป็นเวลานานกลุ่มหนึ่ง  ดังนั้นระหว่างดื่มกินต่างก็หัวร่อเฮฮาไปตลอดเวลา  โดยเฉพาะเถ้าแก่อึ้งคล้ายหัวร่อมากเป็นพิเศษ  ครั้งหนึ่งถึงกับหัวร่อจนขาเก้าอี้หักลงคนล้มกลิ้งจนแทบตกบันได


          ทั้งสามดื่มกินตั้งแต่เช้าเป็นเวลามากกว่าสองชั่วยาม  แต่วงสนทนากลับมิมีท่าทีจะแยกจากเลยแม้แต่น้อย  บุรุษชุดเขียวพลันยกจอกสุรากล่าวว่า
          \" เถ้าแก่อึ้ง  เรานับถือท่าน ท่านมีสตรีติดพันมากมาย  เรากับเซี่ยวเก๊า (สุนัขน้อย) กลับไม่อาจเสาะหาผู้รู้ใจได้สักครึ่งคน \"
          เถ้าแก่อึ้งยิ้มพลางกล่าวว่า
          \" นั่นเพราะเรามีของวิเศษที่พวกท่านไม่มี \"
          \" ท่านไหนเลยเคยมีของวิเศษอันใด ? \"
          \" เรามี  มิหนำซ้ำมีอยู่มากมาย \"
          บุรุษชุดเขียวตากระจ่างวูบ   รีบกล่าวว่า
          \" ท่านเมื่อมีมากมายก็สมควรแบ่งปันเพื่อนฝูง  เก็บซ่อนไว้เพียงผู้เดียวจะใช้ได้หรือ ? \"
          \" เราแม้มีมากมายแต่ใช้ครั้งหนึ่งก็ลดลงไปส่วนหนึ่ง  หากมอบให้พวกท่านแล้วจะอยู่ได้อย่างไร ? \"
          บุรุษชุดดำที่เรียกว่าเซี่ยวเก๊าพลันกล่าวว่า
          \" ท่านแม้ไม่อาจมอบต่อพวกเรา  อย่างน้อยสมควรนำมาให้ทุกคนชมดู \"
          เถ้าแก่อึ้งหัวร่อฮาฮา  จากนั้นพลันล้วงกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาจากอกเสื้อวางลงบนโต๊ะ
          เซี่ยวเก๊างงงันวูบ  กล่าวถามว่า
          \" นี่หรือคือของวิเศษ ? \"
          \" ไม่ผิดพลาดแม้แต่น้อย \"
          \" ของเช่นนี้ไหนเลยดูงดูดสตรีมาได้ ? \"
          \" ท่านไม่เชื่อ ?  ท่านดูให้ดีว่านี่เป็นอะไร \"
          บุรุษชุดเขียวกล่าวโดยไม่ขบคิดว่า
          \" มันเป็นเพียงตั๋วแลกเงินใบหนึ่ง \"
          \" นั่นก็ใช่แล้ว  ท่านขอเพียงพกพาสิ่งนี้ให้มากไว้อิสตรีย่อมมาเอง \"
          บุรุษชุดเขียวคล้ายถูกวาจานี้สะกดตะลึงลาน  กระทั่งเนิ่นนานผ่านไปค่อยฝืนยิ้มกล่าวว่า
          \" วาจานี้กลับมีเหตุผลอยู่บ้าง \"
          เถ้าแก่อึ้งกล่าวอย่างขึงขัง
          \" ไม่ใช่มีอยู่บ้าง  หากแต่เป็นเหตุผลอันเที่ยงแท้ \"
          เมื่อกล่าวจบ  ทั้งสามก็พร้อมใจกันเปล่งเสียงหัวร่อออกมาอีกครา


          เถ้าแก่อึ้งขณะจะหยิบฉวยป้านสุรามาเติมให้แก่คนทั้งสอง  ที่เบื้องล่างพลันมีเสียงคนตวาดว่า
          \" ลิ้วแชฮง  ท่านลงมา ! \"
          ทั้งสามมองออกไปที่เบื้องล่างของเหลา  แลเห็นบุรุษหนุ่มชุดแพรสะพายกระบี่สีเขียวเรืองผู้หนึ่งจับจ้องมองมา  ท่วงท่าของมันความจริงงามสง่าอย่างยิ่งแต่ในยามนี้กลับถูกโทสะบดบังจนสูญสลายไป
          เถ้าแก่อึ้งเหลียวหน้าไปยังบุรุษชุดเขียวแล้วกล่าวถามว่า
          \" ท่านรู้จักมันหรือ ? \"
          ที่แท้คนชุดเขียวนี้เรียกว่าลิ้วแชฮง  
          คนผู้นี้เมื่อเป็นลิ้วแชฮง  ที่หว่างเอวเขาก็ย่อมเป็นกระบี่มากรักที่พิชิตไปทั่วแดนดินแล้ว
          ลิ้วแชฮงสำรวจมองบุรุษหนุ่มชุดแพรนั้นอยู่ครู่หนึ่งค่อยกล่าวอย่างครุ่นคิด
          \" คล้ายกับเคยพบพานมา  แต่เราลืมเลือนไปแล้ว \"
          เซี่ยวเก๊าพลันทอดถอนใจคำหนึ่ง  จากนั้นกล่าวว่า
          \" ท่านมิเพียงเคยเจอมัน  มิหนำซ้ำมันยังเคยนัดประลองกับท่านเมื่อครึ่งเดือนก่อน \"
          \" มีเรื่องเช่นนี้ ? \"
          เถ้าแก่อึ้งและลิ้วแชฮงโพล่งขึ้นอย่างพร้อมเพรียง
          คำพูดพอกล่าวออกเถ้าแก่อึ้งก็งงงันวูบ  เหลียวหน้าไปถามลิ้วแชฮงว่า
          \" ท่านไฉนไม่ทราบ ? \"
          ลิ้วแชฮงฝืนยิ้มพลางกล่าวว่า
          \" ความจำเราสั้นยิ่ง \"
          เซี่ยวเก๊ากล่าวเสริมขึ้น
          \" ตัวโง่งมผู้นี้สามารถลืมเลือนทุกสรรพสิ่งภายในสามวัน  ประลองกลับเป็นหลังจากที่มันส่งข่าวมาสิบวัน  ดังนั้นเมื่อถึงเวลานัดมันย่อมไม่อาจรุดไป \"
          เถ้าแก่อึ้งเพิ่งสั่นศีรษะด้วยความเหนื่อยหน่าย  ที่เบื้องล่างพลันแว่วเสียงของบุรุษหนุ่มนั้นตวาดขึ้นมาอีกว่า
          \" ลิ้วแชฮง  ท่านที่แท้จะลงมาหรือไม่ !? \"
          ลิ้วแชฮงแย้มยิ้มให้มันแล้วกล่าว
          \" ข้าพเจ้าไม่ลงไป  หรือท่านไม่อาจขึ้นมา ? \"
          บุรุษหนุ่มนั้นขยี้เท้าด้วยความขุ่นเคือง  สุดท้ายร้อง \"ประเสริฐ\" คำหนึ่ง  พลันหยิบฉวยเก้าอี้ไม้ตัวหนึ่งขว้างปาขึ้นไป  จากนั้นคนค่อยกระโดปราดขึ้น
          โต๊ะที่ทั้งสามนั่งดื่มกินอยู่ทางระเบียงนอก  แต่ถึงกระนั้นก็ยังสูงกว่าพื้นเบื้องล่างอยู่ร่วมสามวา  บุรุษหนุ่มทราบว่าวิชาตัวเบาของตนไม่อาจกระโดดคราเดียวก็บรรลุถึง  ดังนั้นพานซัดขว้างเก้าอี้ไม้ขึ้นไปก่อน  จากนั้นค่อยเหยียบเก้าอี้ทะยานขึ้นอีกครา
          ลิ้วแชฮงคล้ายชมดูเป็นที่สนุกสนาน  พานปรบมือโห่ร้องชมเชยคำหนึ่ง  ยิ่งสร้างความขุ่นเคืองให้แก่มันกว่าเดิม  ร่างเมื่อทะยานเข้าไกล้พลันชักกระบี่จู่โจมออกราวสายฟ้า !
          กระบี่นี้ของมันรวดเร็วจริงๆ  ถึงกับไม่ด้อยกว่าประกายสายฟ้าเท่าใด  เสียงเช้งเพิ่งบังเกิดคมกระบี่ก็บรรลุถึงคอหอยลิ้วแชฮงแล้ว !
          ลิ้วแชฮงยังคล้ายไม่รู้ดีรู้ชั่ว  มาตรว่าแลเห็นคมกระบี่พุ่งวาบเข้ามาชัดๆกลับไม่ถลันหลบ  ยังคงปรบมือหัวร่อร่าอยู่เช่นเดิม
          เถ้าแก่อึ้งตื่นตระหนกเป็นอย่างยิ่ง  แต่ขณะจะส่งเสียงร้องออกไปก็พลันพบเห็น  เก้าอี้ที่ลิ้วแชฮงนั่งอยู่กลับพุ่งปราดไปเบื้องหลังอย่างเร่งร้อน  คมกระบี่แม้จี้ใส่คอคอยแต่กลับไม่อาจเฉียดไกล้กว่าเดิมแม้สักหุนหนึ่ง
          สุดท้ายสภาวะกระบี่หยุดยั้งลง  เก้าอี้ของลิ้วแชฮงก็หยุดยั้งลง  คมกระบี่ก็อยู่ห่างจากลำคอเท่าเดิมไม่ผิดเพี้ยน
          ลิ้วแชฮงหัวร่อแล้วกล่าวว่า
          \" สหายท่านกลับทักทายได้หวาดเสียวนัก \"
          บุรุษชุดแพรไม่ได้หัวร่อ  ประกายตาของมันในยามนี้คล้ายดั่งมีเปลวอัคคีลุกไหม้อยู่ภายในก็ปาน
          ในพริบตานั้นประกายกระบี่วูบขึ้นแวบหนึ่ง  จากนั้นเป็นเสียงเช้งเมื่อคมกระบี่ถูกสอดเข้าฝักดังเดิม


          บุรุษชุดแพรกล่าวเสียงเย็นชา
          \" ท่านจดจำข้าพเจ้าได้หรือไม่ ? \"
          ลิ้วแชฮงกล่าวอย่างหนักแน่น
          \" ข้าพเจ้าจำไม่ได้ \"
          บุรุษชุดแพรงงงันวูบ  มันย่อมคิดไม่ถึงว่าลิ้วแชฮงจะตอบเช่นนี้  ซึ่งความจริงนอกจากลิ้วแชฮงแล้วไม่ว่าผู้ใดก็ไม่เคยกล่าววาจาเช่นนี้ต่อหน้ามันมาก่อน
          มิหนำซ้ำลิ้วแชฮงกล่าวอย่างหนักแน่นจริงจังถึงเพียงนั้น  ท่าทางสัตย์ซื่อจริงใจถึงเพียงนั้น  กลับทำให้ผู้ฟังถึงกับหัวร่อไม่ออกร่ำไห้มิได้
          เซี่ยวเก๊าพลันทอดถอนใจกล่าวว่า
          \" ซึ่งความจริงต้องตำหนิท่านกำหนดวันยาวนานเกินไป  มันย่อมต้องลืมเลือน \"
          บุรุษชุดแพรถลึงตาใส่มันแล้วกล่าวว่า
          \" เรากำหนดเพียงสิบวันให้หลังนั่นยาวนานนักหรือ ? \"
          เซี่ยวเก๊ากล่าวอย่างเฉื่อยชา
          \" เราก็ไม่ทราบว่ายาวนานหรือไม่  เราเพียงทราบว่าท่านหากคิดให้มันจดจำเรื่องราวได้ถึงสิบวันมิสู้ไปบังคับกระบือให้ออกไข่ยังจะง่ายดายกว่า \"
          บุรุษชุดแพรตะลึงลานอยู่ครึ่งค่อนวัน  พลันหันไปกล่าวกับลิ้วแชฮงว่า
          \" ท่านลืมเลือนจริงๆ ? \"
          ลิ้วแชฮงหัวร่อฮิฮะ  ย้อนถามอย่างยิ้มแย้ม
          \" ท่านดูเราคล้ายเป็นคนไม่สัตย์ซื่อหรือ ? \"
          สีหน้าท่าทีของเขาในยามนี้ต่อให้เป็นคนมีมารยาทที่สุดยังมิอาจไม่ยอมรับว่า  ลิ้วแชฮงไม่คล้ายคนสัตย์ซื่อแม้แต่น้อย
          บุรุษชุดแพรกลับคล้ายยินยอมเชื่อ  กล่าวเสียงเย็นชา
          \" ประเสริฐมาก  ท่านเมื่อกล่าวเช่นนี้พวกเรามิสู้มาประลองกันในบัดดล \"
          ลิ้วแชฮงปรบมือกล่าวอย่างยิ้มแย้ม
          \" ประการนั้นเราไม่ขัดข้อง  เพียงแต่เรายามนี้รับประทานจนอิ่มหนำ  มิหนำซ้ำไม่มีอารมณ์ต่อยตีกับผู้คน  ท่านโค่นเราในตอนนี้จะไปบอกกล่าวต่อผู้อื่นได้อย่างไร ? \"
          บุรุษชุดแพรต้องตะลึงลานอีกครั้ง  เมื่อหวนคิดดูก็พบว่าวาจานี้มีเหตุผลอยู่บ้าง  ดังนั้นพยายามข่มกลั้นโทสะกล่าวว่า
          \" ท่านต้องการอย่างไร ? \"
          \" ข้าพเจ้าไม่ต้องการอย่างไร  เพียงแต่ต้องการเลื่อนวันเวลาออกไปอีกเล็กน้อย  ทางที่ประเสริฐให้ผ่านพ้นวันนี้ไปก่อน \"
          บุรุษชุดแพรครุ่นคิดเล็กน้อย  จากนั้นกล่าวถามว่า
          \" วันพรุ่งเป็นอย่างไร ? \"
          ลิ้วแชฮงผงกศีรษะเป็นเชิงเห็นด้วย  บุรุษชุดแพรค่อยแค่นเสียงกล่าวเสียงเย็นชา
          \" เพียงหวังครั้งนี้ท่านไม่ลืมเลือน  ไม่เช่นนั้น... \"
          ลิ้วแชฮงหัวร่อฮาฮา  ชูจอกขึ้นฟ้าพลางกล่าวอย่างรื่นเริง
          \" ข้าพเจ้าสาบานต่อฟ้า  หากวันพรุ่งข้าพเจ้าไม่รุดไปขอให้ตกบันไดตาย \"
          สุรายังไม่ทันเข้าปาก  บุรุษชุดแพรก็หันกายเดินจากไปแล้ว
          มันเดินลงบันไดไปอย่างแช่มช้า  รอจนร่างมันลับหายไปแล้วค่อยปรากฏซุ่มเสียงอันเย็นชาดังขึ้นว่า
          \" ยามสนธยาของวันพรุ่งมิใช่ท่านตาย  ก็เป็นเราสิ้น \"

      ---------------------------------------------------------- =_= ----------------------------------------------------------


          เซี่ยวเก๊ามองดูเงาร่างมันลับไป  ค่อยทอดถอนใจกล่าวว่า
          \" บุรุษหนุ่มนี้มิเพียงทรนงโอหัง  ทั้งยังตาบอด \"
          ลิ้วแชฮงส่งเสียงดังอ้อเป็นเชิงถามไถ่  เซี่ยวเก๊าจึงค่อยกล่าวว่า
          \" หากมันมีดวงตาก็สมควรมองออกว่ามันไม่ใช่คู่มือท่าน \"
          \" มันไม่ใช่คู่มือเรา ? \"
          \" ท่านไม่ต้องแสร้งเป็นโง่งม  เมื่อครู่ตอนท่านหลบกระบี่มันความจริงสามารถลงมือได้อย่างเหลือเฟือ  มิหนำซ้ำมันแม้ลงมือเต็มกำลังท่านกลับหลบรอดได้อย่างปลอดโปร่ง  อาศัยเพียงความนี้ก็เพียงพอแล้ว \"
          \" ท่านคล้ายกำลังบอกว่ายังมีสาเหตุอื่นอีก ? \"
          \" ย่อมมี  ยอดฝีมือสู้กันความเยือกเย็นเป็นกุญแจสำคัญของชัยชนะ  มันกลับถูกท่านปั่นศีรษะเล่นจนลืมเลือนทุกสรรพสิ่ง  ไหนเลยจะสู้กับผู้อื่นได้อีก ? \"
          ลิ้วแชฮงหัวร่อฮิฮะ  กล่าวว่า
          \" เราเพียงตอบมันตามความสัตย์  ไปปั่นศีรษะมันเมื่อไร ? \"
          เถ้าแก่อึ้งหัวร่อแล้วกล่าวว่า
          \" ท่านเป็นคนสัตย์ซื่อจริงๆ  ชั่วชีวิตเราไม่เคยพบพานคนสัตย์ซื่อเช่นท่านมาก่อน \"
          เซี่ยวเก๊าก็หัวร่อพลางกล่าวว่า
          \" ท่านเมื่อไม่เคยพบเห็นก็มองดูให้มากไว้  จะอย่างไรคนเช่นมันเกรงว่าในแผ่นดินไม่มีคนที่สองอีก \"
          ลิ้วแชฮงมองดูคนทั้งสอง  กระทั่งเนิ่นนานผ่านไปค่อยฝืนยิ้มกล่าวว่า
          \" เราสัตย์ซื่อจริงใจถึงเพียงนี้  ไฉนพานไม่มีผู้คนเชื่อถือ ? \"

      ---------------------------------------------------------- =_= ----------------------------------------------------------


          อาทิตย์สนธยาแดงฉานปานอัคคีส่องผ่านหมู่หยากไย่ที่บานหน้าต่างเข้ามา  พอดีส่องตรงใบหน้าที่เคร่งขรึมจริงจังของมือกระบี่ชุดแพร
          อาทิตย์สนธยาไกล้ลาลับ  แต่ลิ้วแชฮงยังไม่รุดมา  ความจริงมันสมควรร้อนรุ่มกระวนกระวาย  แต่ใบหน้ามันกลับสงบราบเรียบเป็นอย่างยิ่ง  ถึงกับคล้ายเป็นศิลาแลงพันปีก็ปาน
          มันยืนหันหลังให้กับบานประตู  ประกายตาตาอันเยียบเย็นมุ่งตรงไปยังแท่นบูชาแน่วแน่ไม่กระพริบ  นี่ไหนเลยเป็นคนหน่มอารมณ์วู่วามที่เซี่ยวเก๊ากล่าวถึงเมื่อวันวาน ?
          นั่นเป็นมันจงใจแสดงให้ลิ้วแชฮงชมดู  หากมันอารมณ์ร้อนแรงดั่งเปลวเพลิงเช่นนั้นจริงคงจบชีวิตไปเสียเนิ่นนานแล้ว
          มันทราบว่าลิ้วแชฮงเข้มแข็งกว่ามันมากนัก  มันหากต้องการมีชัยเหนือลิ้วแชฮงก็ต้องทำให้ลิ้วแชฮงดูแคลนมัน  ยามหักหาญผลาญชีวิตหากลิ้วแชฮงบังเกิดความชะล่าเลินเล่อต่อมันสักเล็กน้อยก็ต้องจบชีวิตไต้คมกระบี่มันแน่นอน
          การลงมือเมื่อวานล้วนเป็นแผนการที่แนบเนียนของมัน  มันทราบว่าลิวแชฮงยามนี้ต้องบังเกิดความดูแคลนต่อมันอย่างยิ่ง  มันมุ่งหวังให้ลิ้วแชฮงยิ่งดูแคลนมันยิ่งมากยิ่งดี
          ดังนั้นมันวางใจยิ่ง  วางใจว่าลิ้วแชฮงต้องรุดมาสังเวยชีพไต้คมกระบี่มันในไม่ช้า
          มันถึงกับมองเห็นภาพที่ลิ้วแชฮงล้มลงจมกองโลหิต  ใช้ประกายตาที่เจ็บแค้นและหวาดหวั่นพรั่นพรึงจับจ้องมองมัน  ร่ำร้องเสียใจถึงความโง่งมของตน
          เพียงแค่ประหวัดนึกถึงสภาพเช่นนั้น  มันก็ลิงโลดจนกล้ามเนื้อสั่นระริก  ที่มุมปากอดปรากฏรอยยิ้มลี้ลับลึกซึ้งขึ้นมิได้
          ในยามนั้นดวงตามันพลันทอประกายวูบ  มันทราบว่าผู้ที่มันรอคอยมาแล้ว
          มันดีดตารางลูกคิดอย่างเลิศลอย  ทราบว่าในวันนี้ลิ้วแชฮงต้องสังเวยชีวิตไต้คมกระบี่มันแน่นอน  แต่ครั้งนี้มันกลับผิดแล้ว
          มิหนำซ้ำผิดพลาดอย่างมหันต์ยิ่ง !!


          เสียงฝีเท้าอันแช่มช้าเนิบนาบเมื่อดังขึ้นที่เบื้องหลัง  มันก็ทราบว่าผู้มาต้องเป็นลิ้วแชฮง  เนื่องเพราะลิ้วแชฮงในยามปกติเป็นปีศาจเกียจคร้าน  ย่อมไม่ยินยอมใช้วิชาตัวเบาออกมาโดยง่ายดาย
          มือกระบี่ชุดแพรแสร้งเป็นบ่นพึมพัม  จากนั้นสะบัดหน้าหันกลับไปถลึงมองฝ่ายตรงข้าม  คิดร่ำร้องด่าทอลิ้วแชฮงสักครา
          แต่วาจามันยังไม่ทันเปล่งออกก็ต้องกลืนกลับไป  เนื่องเพราะผู้มามิใช่ลิ้วแชฮง  หากแต่เป็นเถ้าแก่อึ้ง !
          คราครั้งนี้มันค่อยบังเกิดความตื่นตระหนกอย่างแท้จริง  ร่ำร้องว่า
          \" ผู้แซ่ลิ้วนั้นเล่า ?  หรือลูกเต่านั่นหลบหนีไปอีกแล้ว ? \"
          เถ้าแก่อึ้งจ้องมองมันอย่างเย็นชา  กระนั่นเนิ่นนานผ่านไปค่อยกล่าวว่า
          \" มิผิด  มันหลบหนีไปตั้งแต่เมื่อเช้า \"
          \" เมื่อเช้า ?  ที่แท้ลูกเต่านั่นกลับเป็นชนชั้นอันขลาดเขลา  ท่านทราบหรือไม่ว่ามันหลบหนีไปที่ใด ? \"
          เถ้าแก่อึ้งกล่าวอย่างแช่มช้า
          \" เราทราบ  เนื่องเพราะเราเป็นผู้จัดส่งพวกมันไปด้วยตนเอง \"
          มือกระบี่ชุดแพรร่างสั่นสะท้านขึ้นคราหนึ่ง  จากนั้นถดถอยไปสองก้าวค่อยกล่าวเสียงเย็นชา
          \" ที่แท้พวกท่านกลับคบคิดกันไว้แต่แรก  ท่านกลับขวัญกล้าไม่น้อยที่กล้ารุดมาในวันนี้ \"
          ขณะที่กล่าว  มือขวาของมันก็เอื้อมไปแตะด้ามกระบี่แล้ว
          เถ้าแก่อึ้งคล้ายไม่ทราบว่าความตายกำลังย่างกรายเข้ามา  ยังกล่าวโดยไม่อนาทรร้อนใจ
          \" ซึ่งความจริงพวกมันรอคอยท่านอยู่ไม่ไกล  เราสามารถพาท่านไปในทุกเวลา  ขึ้นอยู่กับท่านต้องการไปหรือไม่ ? \"
          มือกระบี่ชุดแพรจับจ้องมองเถ้าแก่อึ้งเนิ่นนาน  ความแตกตื่นเมื่อครู่เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความตื่นเต้นสงสัยทีละน้อย  สุดท้ายค่อยคลายมือจากด้ามกระบี่แล้วถามว่า
          \" พวกมันที่แท้ไปที่ใด ? \"
          เถ้าแก่อึ้งช้อนตาขึ้นประสานกับดวงตาของมันอย่างแช่มช้า  จากนั้นกล่าวอย่างเน้นเสียง
          \" ไปฮวงซุ้ย  เนื่องเพราะเมื่อวานปีศาจเมามายตัวนั้นตกบันไดคอหักตาย \"

      ---------------------------------------------------------- จบ(เห่) ----------------------------------------------------------

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×