ระบำผีเสื้อ : Butterfry Dance
        แดดสีทองเรื่อ ๆ ในเวลายามเย็นของต้นฤดูหนาวทอดทอจับอยู่ที่ใบหน้าซีกขวาของหญิงสาวคนหนึ่ง ทำให้ผิวขาวเหลืองอยู่แล้วอร่ามขึ้น นัยน์ตาของเธอใสสวย ขณะนั้นเธอเหมือนรูปปั้นของเทพธิดาแห่งความปรานีแต่ซ่อนความเจ็บปวด และ ความทรมาณ
        ย้อนไปในอดีต เย็นวันหนึ่งในปลายเดือนมกราคม อากาศค่อนข้างเย็น เงียบ และ เศร้า พระอาทิตย์ดวงโตสีแดงสด เหมือนสีเลือดกำลังจะลับหายไปจากยอดไม้ ลมหนาวค่อย ๆ พัดผ่านมา ณ. ที่แห่งนั้นยังมีหญิงสาวคนหนึ่งนั่งอยู่อย่างสงบเงียบบางครั้งเธอก็หยิบภาพวาดเก่า ๆ ใบหนึ่งขึ้นมาดูซึ่งภาพนั้นวาดด้วยสีน้ำมันแสดงถึงภาพทุ่งหญ้า และ มีลำธารไหลผ่านเชิงเขาแห่งหนึ่ง ซึ่งมีต้นไม้น้อยใหญ่ขึ้นอย่างประปราย บริเวณทุ่งหญ้ามีพรรณไม้ต่าง ๆ มากมายนอกจากนั้นยังมีผีเสื้อฝูงใหญ่กำลังบินว่อนอยู่เต็มทุ่งหญ้าแห่งนั้นมีตัวหนังสือเขียนไว้ว่า “ระบำผีเสื้อ”
        ภาพของชายหนุ่มได้ซีดจางลงตามวันเวลาที่ผ่านไป ภาพ
ที่ปรากฏอยู่หน้าช่องเก็บกระดูกที่ฝังอยู่กับกำแพงเก่า ๆ ที่มีตะไคร่น้ำจับอยู่เขียวครึ้มในวัดเล็ก ๆ ห่างไกลจากเมืองหลวง ถึงแม้ว่าเหตุการณ์เมื่อครั้งนั้นจะเกิดขึ้น และ จบลงอย่างรวดเร็ว นานกว่าสิบปีมาแล้วแต่เหตุการณ์นั้นมันเหมือเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้เอง
        พรเทพ คือ ชื่อที่สลักอยู่บนแผ่นหินอ่อนใต้ภาพนั้น ภาพที่ยังคงจ้องมองมาที่ฉันด้วยสายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก และ ความหวังเหมือนตอนที่เขายังคงมีชีวิตอยู่
        ในช่วงเวลานั้นฉันยังคงเป็นน้องใหม่อยู่หนุ่ม ๆ ทั้งหลายต่างเข้ามาลายล้อมรอบตัวฉันมากมายไม่ว่าจะเป็นรุ่นพี่ หรือ รุ่นเดียวกันรวมถึงเขาด้วยคนหนึ่ง ถึงแม้ว่าเขาจะมิได้มาพร้อมกับช่อดอกไม้ช่อใหญ่เหมือนคนอื่น ๆ แต่จากสายตายามที่เขามองเวลาที่มาคุย กับ เพื่อน ๆ ของฉัน ทำให้ฉันค่อนข้างจะมั่นใจว่าเขามีใจให้ฉันอย่างแน่นอน
        แล้ววันหนึ่งโดยไม่คาดฝัน ปลายก็มายื่นแผ่นกระดาษที่อบร่ำกลิ่นหอมรันจวนใจให้กับฉัน ซ้ำยังทำตาปรอย ๆ จนฉันเป็นห่วงหลังจากยื่นกระดาษออกดูอย่างรีบเร่งฉันพบกลอนที่ปลายเขียนมาด้วยลายมือที่เรียกว่า[d] ‘ บรรจงสุดชีวิต ’[d]
                                                                      “ กระต่ายน้อยหมายปองดวงจันทร์
                                                                            เฝ้ามองทุกวันเพื่อยลแสง
                                                                          ครั้นจะคว้ามือเอื้อมก็สุดแรง
                                                                      ครั้นจะเปลี่ยนแปลงใจก็เสียดาย
                                                                          ก็ได้แต่เฝ้ามองอยู่อย่างนั้น
                                                                          จะได้จันทร์อย่างมั่นหมาย
                                                                      คงเหมือนฉันที่ต้องมองเธอจนตาย
                                                                      คิดจะได้ใจเธอครองอย่างหมายเลย ”
        สำหรับผู้หญิงคนอื่น ๆ ทั่วไปแล้วพวกเธอน่าจะยินดี และ พึงพอใจที่ได้อ่านกลอนบทนี้แต่ในผู้หญิงเหล่านั้นต้องไม่ใช่ฉันแน่นนอน ฉันเดินไปที่โต๊ะของปลายแล้วเอากลอนไปคืนเขาพร้อมปฏิเสธเขาอย่างไม่มีเยื่อใย และ ไม่ไว้หน้า ทำเอาเขาหายหายไปพักใหญ่ แต่ก็นั้นแหละเขายังคงชอบฉันอยู่ และ เขาก็ไม่ยอมเปลี่ยนใจ ยังคงแอบมองทุกคราวที่มีโอกาส
        จะว่าไปแล้วปลายเป็นผู้ชายร่างสูงใหญ่ ผิวขาวเส้นผมของเขาเป็นรอนเงาสีน้ำตาลอ่อน นัยน์ตาฝัน ท่าทางที่สุภาพ อ่อนโยน ผนวก กับ หน้าตาที่จัดว่าหล่อเหลาชนิดที่เคยมีสาว ๆ ในมหาวิทยาลัยโหวตให้เป็นหนึ่งในสิบหนุ่มหล่อประจำคณะเลยทีเดียวทั้งหลายทั้งปวงนี้ย่อมเพียงพอที่จะทำให้ปลายเป็นหนุ่มเนื้อหอมไปโดยปริยาย
        เท่าที่ฉันพอจะรู้ มีสาวๆมาให้เขาเลือกมากมายแต่เขาเองกลับทำเมินเฉยเขายังฝันถึงความรัก รักที่ไม่มีวันจะสมหวัง เพราะฉันนั้นมีชายหนุ่มในฝันอยู่แล้ว ก่อเดชหรือ ‘กอล์ฟ’ ของเพื่อนๆ กอล์ฟเป็นผู้ชายหน้าตาดี คุยสนุก เป็นกันเองกับทุกคน นักศึกษาสาวๆ ตั้งแต่ปีหนึ่งถึงปีสี่ต่างก็ชื่นชอบเขาทั้งนั้นฉันคบกับกอล์ฟมาเรื่อยๆจนฉันและกอล์ฟเรียนจบปริญาญตรีแล้ว
    ฉันได้ทำงานบริษัทเดียวกันกับปลาย เขายังคงแอบมองฉันอยู่เรื่อย เมื่อใดที่เขามีโอกาส หรือ เทาที่จะฉวยโอกาสได้ จนวันหนึ่งก่อเดชขอฉันแต่งงานฉันแทบไม่ต้องใช้เวลาคิดเลย เพราะก่อเดชเป็นลูกชายคนเดียวของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทสื่อสารขนาดยักษ์ผูกขาดตลอดชีพในประเทศนี้ นอกจากนี่กอลฟ์ก็ยังคงเป็นเจ้าของปั้มน้ำมันขนาดใหญ่ถึงสามแห่งด้วยกันมันทำให้ฉันแทบไม่ต้องใช้เวลาคิดเลยแม้แต่น้อย
    หลังจากวันนั้นที่ฉันประกาศข่าวเรื่องการแต่งงานของฉันในบริษัท ปลายหายตัวไปไม่มาทำงานเลยตั้งแต่บัดนั้นมันทำให้ฉันโล่งใจที่ไม่ต้องเจอเขา โดยไม่ได้ตระหนักเลยว่ามันคือความเงียบสงบก่อนพายุใหญ่จะมาถึง และในที่สุดวันนั้นก็มาถึงจนได้ มีคนโทรมาหาฉันที่บ้าน เขาบอกกับฉันว่าเขาเป็นญาติของปลาย ตอนนี้ปลายป่วยหนักจึงไม่สามารถที่จะมาทำงานได้ส่วนตัวฉันเองก็ว่าจะไปเยี่ยมเขาที่บ้านแต่ก็ไม่มีเวลาเสียที วันทั้งวันมั่วแต่ยุ่งๆ อยู่กับการแจกการ์ดแต่งงานของฉันกับกอล์ฟอยู่ 2 อาทิตย์ผ่านไป เหตุการณ์ที่เต็มไปด้วยความอกสั่นขวัญหาย และเปิดเผยความลับในเย็นวันหนึ่ง เย็นวันนั้นหลังจากที่ฉันกลับมาจากการไปแจกการ์ดวันแต่งงานมาถึงบ้าน และยังไม่เปลี่ยนเสื้อ คนในบ้านบอกว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งมาหาต้องการพบฉันด่วน ฉันรีบไปพบเขาทันที ผู้หญิงคนนั้นคือแม่ของปลายนั้นเอง
“ คุณแม่คะปลายเป็นอย่างไรบ้างคะ? หนูเห็นเขาไม่มาทำงาน 3 อาทิตย์แล้ว”
“ หนูพลอยตอนนี้ปลายกำลังป่วยหนัก ข้าว ปลา ไม่ยอมกินเลยละจ๊ะ เอาแต่เก็บตัวอยู่ในห้องคนเดี่ยว ไม่ยอมพูดไม่ยอมจากับใครเลยละจ๊ะ บางครั้งปลายเขาก็เพ้อถึงหนูอยู่บ่อยๆนะ แม่อยากให้หนูไปดูเขาหน่อยได้ไหม”
        “ได้คะคุณแม่ รีบไปเดียวนี้เลยเถอะค่ะ”
    ทั้งๆที่ฉันแทบไม่เชื่อว่าจะเป็นจริงตามที่แม่ของปลายพูดก็ตามทำมัยปลายถึงทำร้ายตัวเองเช่นนี้ และทำไมเขาจึงเพ้อถึงเขาไม่หยุดหย่อน
    แต่มันก็เป็นจริงตามที่แม่ของปลายได้เล่าให้ฟังทุกอย่าง ฉันไม่ได้ถามอะไรแม่ของปลายอีก เมื่อเล่าจบแล้ว ฉันตกใจและเป็นห่วงชีวิตของปลายมาก ฉันจึงรีบไปยังบ้านของปลายทันที เมื่อมาถึงบ้านของปลายก็พอดีคุณหมอได้เดินออกมา แล้วถามฉันว่า
“ เอ่อ คุณคือคุณพลอยใช่ไหมครับ ”
“ คะ ฉันคือพลอย”
“ คุณพรเทพ ควรที่จะได้พบคุณอีกสักครั้งหนึ่ง ก่อนที่จะทรุดไปมากกว่านี้”
    ในใจของฉันตอนนี้มีแต่ความเศร้าโศกสุด ในระหว่างที่ฉันคุยกับคุณหมออยู่นั้น แม่ของปลายได้เดินออกมาจากห้องของปลาย และบอกฉันว่า
“ หนูมาได้เหมาะกับเวลา เพราะว่าปลาย มีสติค่อนข้างเป็นปกติ”
    ฉันกับแม่ของปลายก็เดินไปยังห้องของปลาย ต่างพากันนิ่งเงียบ อากาศในห้องรับแขกเต็มไปด้วยความโศกและวังเวง เมื่อมาถึงหน้าห้อง ฉันยืนสงบสักครู่หนึ่ง เพราะตอนนี้ฉันรู้สึกว่า กำลังเดินเข้าไปเยี่ยมศพของคนที่รักที่สุดคนหนึ่ง และฉันก็เดินเข้ามาในห้อง ภายในห้องนั้นสว่างไสวไปด้วยแสงยามเย็น เวลาประมาณ 5 โมง หน้าต่างทุกบ้านเปิดอ้าออกเต็มที 
    ปลายนอนอยู่บนเตียงข้างเตียงของปลาย มีแจกันดอกไม้ซึ่งเต็มไปด้วยกุหลาบสีแดงสดจัดลอกับช่อยิบโซสีขาวสะอาดตา เมื่อปลายลืมตาขึ้นเมื่อเหลือบเห็นฉันเข้ามา ปลายได้พยายามชั้นตัวขึ้นช้าๆ
“ พลอยเหรอ มานั่งที่นี้ซิ”
    เขาชี้ไปที่เก้าอี้ข้างเตียง เมื่อได้ยินเสียงของปลาย ฉันใจหายวาบเพราะว่าเสียงนั้นแหบแห้งและแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน
“ ปลาย ฉันมาเยี่ยมเธอด้วยความเป็นห่วง เห็นเธอไม่ค่อยสบาย”
“ ขอบใจมากนะพลอย เรารู้ว่าเธอคงไม่ลืมเรา”
แล้วเขาก็ยิ้มอย่างปลื้มใจ
“ แม่ครับ แม่ออกไปพักก่อนก็ได้ครับ ปล่อยผมไว้กับพลอยตามลำพังเถอะครับ”
แต่แม่ของปลายก็ยังมองปลายอย่างเป็นห่วง
“ แม่ครับ แม่ไม่ต้องห่วงนะครับเพราะผมไม่ได้ป่วยหนักสักเท่าไรหลอกครับ” ปลายพูดพลางยิ้มให้กับแม่ของเขานุ่มนวลและอ่อนโยน
“ ผมไม่คิดเลยว่าจะได้พบพลอยในวันนี้ ผมไม่คิดเลยว่าจะได้พบพลอยอีกเลย แม้จะเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิตของผม”
“ อย่าพูดอย่างนี้ซิปลาย ตอนนี้ฉันก็มาอยู่ใกล้ๆเธอแล้ว และฉันจะอยู่ต่อไปตราบที่เธอต้องการ”
“ ไม่เป็นไรหรอกครับผมเข้าใจดี แต่มันก็เป็นไปไม่ได้หลอก เพราะพลอยไม่ใช้ของผม”
“ เอ่อ  ฉันไม่เข้าใจว่าเธอหมายถึงอะไร”
“ พลอยไม่ควรจะเข้าใจ เพราะว่าพลอยไม่เคยเข้าใจผมเลย”
“ บอกฉันซิปลาย ว่ามีอะไรอีกที่ฉันยังไม่เข้าใจ”
“ พลอยไม่เข้าใจทุกสิ่งทุกอย่าง พลอยไม่เข้าใจทั้งหมด ไม่เข้าใจแม้แต่ตัวของพลอยเอง”
“ ฉันแปลความหมายของเธอไม่ออก”
    ขณะนั้นปลายสอดมือเข้าไปใต้หมอนอีกใบหนึ่ง และล้วงเอากระดาษแผ่นหนึ่งขึ้นมา
“ นี้เป็นภาพของผมที่ได้วาดขึ้นมา ผมขอมอบให้คุณเอาเก็บไว้ เผื่อสักวันหนึ่งเมื่อพลอยรู้สึกอ้างว้างให้มองที่ภาพนี้ ปลายจะคอยเป็นกำลังใจให้พลอยเสมอ มันอาจไม่สวยในสายตาของพลอย แต่มันมีชีวิต มีจิตใจอยู่ในภาพนั้น ความรักของผมจะอยู่ในภาพนี้”
    เขาพูดแล้วหลับตา และพูดต่อไปอย่างแผ่วเบา
“ ถึงแม้คุณไม่เคยที่จะรักผมเลย แม้แต่น้อย”
ดวงตาของเขาเริ่มจะมีน้ำตาคลอ เขาตัวสั่นน้อยๆ คล้ายกับว่าจะพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลรินลงมา
“ ถึงแม้ว่าผมจะอุทิศทั้งชีวิตของผมให้กับความรักที่มีต่อคุณ”
น้ำเสียงของเขา ทำให้ฉันแทบร้องให้
“ ใช่แน่นอน”ฉันตอบอย่างไม่เต็มเสียงนัก
“ ผมเขาใจ ผมจะปล่อยคุณไปจากหัวใจของผม”
เขานิ่งสักครู่หนึ่งก่อนพูดว่า
“ แต่ผมขออะไรสักข้อได้ไหม”
“ ถ้าฉันทำได้ฉันยินดี”
“เมื่อผมตายไป คุณช่วยกอดผมไว้จนกว่าจะสิ้นใจ ขอให้ผมตายในอ้อมแขนของคนที่ผมรักได้ไหม”
“ได้ซิ แต่ปลายไม่ตายหลอกน่า เชื่อพลอยเถอะอย่าทำอย่างนี้เลย”
        อีกหนึ่งอาทิตย์ปลายได้เสียชีวิตลงอย่างกระทันหัน ตอนนั้นฉันอยู่ต่อหน้าของปลาย พร้อมด้วยบรรดาญาติของปลายในระหว่างชั่วโมงอันเงียบเชียบนั้น ก่อนหน้าที่เขาจะสิ้นใจ ปลายขอดินสอกับกระดาษ เขาต้องการที่จะพูดอะไรสักอย่างกับฉัน แต่ไม่มีเสียง ไม่มีแรง เขาจึงเขียนลงบนกระดาษว่า
“ ชีวิตของผม ขอแลกด้วยการตายในอ้อมกอดของคนที่ผม
”
    คำพูดสุดท้ายยังไม่จบ เขาก็สิ้นใจเสียก่อน แต่คำว่า ‘รัก’ ที่หายไปของเขากับดังก้องอยู่ในหัวของฉันตลอดเวลา ในขนาดที่ฉันกอดร่างไรวิญญาณของเขาด้วยน้ำตานองหน้า
    สายตาที่จ้องมองฉันในวันนั้นกับภาพบนกำแพงไม่เปลี่ยนแปลงในวันใดที่ฉันสิ้นหวังหรืออ่อนแรง ฉันมักจะมาที่นี้เสมอ พร้อมกับภาพนั้นเสมอมา อย่างน้อยฉันก็มีคนที่เคยใช่ชีวิตของเขาทั้งชีวิตเพื่อผู้หญิงที่ไม่คู่ควรกับความรักของเขาเลยแม้แต่น้อย
    ถึงแม้ว่าในที่สุดแล้วฉันจะได้แต่งงานกับก่อเดช แต่ชีวิตสมรสของเราก็พังทลายอย่างรวดเร็ว ก่อเดชรวยเกินไปที่จะเป็นสมบัติของผู้หญิงคนใดคนหนึ่ง และฉัน ก็ได้เรียนรู้ว่าคฤหาสน์หลังใหญ่ที่ไม่มีความรักเป็นส่วนประกอบก็ไม่แตกต่างจากคุกเท่าไรนัก
    สิ่งที่เหลืออยู่หลังจากหย่าจากเขา ก็มีแค่ทรัพย์สินพอประทั้งชีวิต กับสิ่งสำคัญที่สุดที่ฉันเลือก แทนที่จะเป็นทรัพย์สินจำนวนมหาศาล ลูกเพียงคนเดียวของฉัน ผู้ชายที่ฉันรักและห่วงใยที่สุดในชีวิต
Hattsuki
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น