...กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว...
ในอีก
ภพหนึ่งของโลก... มีอาณาจักรต่างๆ เพียงสี่อาณาจักร...
ในอาณาจักร
นีเรซัส มีเรื่องราวหนึ่ง... เกี่ยวกับความรักอันเป็นนิรันดร์... ที่กาลเวลาได้ผันแปรให้กลายเป็นเทพนิยายที่ตราตรึงในหัวใจของชาวนีเรซัส และชาวอาณาจักรทั้งสามที่เหลือ...
เรื่องราวของชายหนุ่มผู้หนึ่ง... เขาเกิดในตระกูลสูงศักดิ์... เป็นถึงเชื้อราชวงศ์แห่งนีเรซัส อีกทั้งยังเป็นบุตรคนโทน...
ชาวนีเรซัสอันเกิดในชนชั้นต่ำกว่ามักจะกล่าวถึงชายหนุ่มในฐานะผู้ที่เพรียบพร้อมทุกอย่าง ทั้งหน้าตา... เงินทอง... ชนชั้น... และความเฉลียวฉลาด...
พวกเขาพูดเสมอว่า ...คงไม่มีอะไรอีกแล้วที่บุตรคนโทนของขุนพลแห่งนีเรซัสจะไม่มี...
...แต่พวกเขาไม่เคยคิด... เลยจริงๆ...
ว่าบางที
ความเพรียบพร้อม ก็ไม่ใช่สิ่งที่บางคนต้องการเสมอไป...
...ความเพรียบพร้อม... ของพญาสกุณาที่จำต้องสยายปีกงามในกรงทอง... ไร้อิสระ... ไร้สิทธิในการจะเลือกหนทางชีวิตของตนเอง
ขุนพลแห่งนีเรซัสมักจะกล่าวกับบุตรชายเสมอ... ด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง...
\"เคอัส... เมื่อลูกโตขึ้น... ลูกจะเป็นแบบพ่อ...\"
คำพูดที่เสมือนคมมีดโปร่งบาง... เชือดเฉือนหัวใจแห่งความรู้สึกของบุตรตนเองอย่างไม่รู้ตัว...
...ต้องเก่ง...
...ต้องกล้าหาญ...
จะมีบ้างไหมนะ... วันที่เขา... จะได้เลือกหนทางของตนเองเสียที...
แล้ววันหนึ่ง... เป็นวันเทศกาลสำคัญ... วันในฐานะครบรอบ 900 ปีของราชวงศ์แห่งนีเรซัส...
เหล่าชาวเมืองต่างจัดงานเพื่อเฉลิมฉลองแก่กษัตริย์ของตน... ผู้ที่พวกตนล้วนให้ความจงรักภักดีดั่งนายบ่าวผู้ซื่อสัตย์กับนายผู้ใจดีของตน...
...เคอัสเองก็ร่วมงานด้วยในฐานะ
เชื้อราชวงศ์
.....และเป็นครั้งแรก......
ที่เขาได้เจอกับเธอคนนั้น
จะว่าเป็นการเจอกันแบบธรรมดาคงมิถูกนัก... หญิงสาวบุตรีคนสุดท้องของเศรษฐินีม่ายผู้หนึ่ง... เธอไม่ได้ร่วมงานเลี้ยง เพียงแค่พักผ่อนในห้องส่วนตัว... อยู่อย่างเงียบเหงา...
แสงตะเกียงสีทองที่ทอรางๆ ผ่านม่านลูกไม้ขาวที่ถูกชักปิดหน้าต่างระเบียงบานใหญ่...
แสงนั้น... ที่ดึงดูดความสนใจของชายหนุ่ม...
เสียงครวญเพลงอ่อนโยนหวานระรื่นหูราวเสียงขับขานของมวลสกุณาตัวน้อยยามอรุณประสานไปกับเสียงสายน้ำของธาราเบื้องข้างคฤหาสน์หลังใหญ่ของเศรษฐินีม่ายชราแลเสียงเรไรกรีดร้องยามรัตติกาล
เสียงของอิสตรีผู้นั้นพลันหยุดชะงัก... เมื่อเคอัสร่อนร่างสูงระหงลงบนระเบียงหินอ่อนที่ห้องของตน... แม้จะไร้สุ้มเสียง... หากเงาของเขาที่อาศัยแสงไฟจากโคมที่ระเบียง... ก็ทอทาบไปบนม่าน...
\"ใครน่ะ\"
เธอไม่ได้หวาดกลัวต่อบุคคลแปลกหน้า หากเสียงนั้นกลับฟังดูเป็นมิตรและแปลกใจ
\"....ผม....\"
คำแนะนำตัวเพียงเล็กน้อย...
...ก็สร้างไมตรีได้... ดั่งสหายที่คุ้นเคยกันดีหากต้องจากกันไปนาน...
น่าแปลก... ที่เคอัส... ชายหนุ่มผู้มิเคยมีสหาย... และมิเคยสนใจที่จะเข้าสังคม... กับหญิงสาวที่มารดาประคบประหงมเลี้ยงดูราวไข่ในหิน และมิเคยได้พานพบกับบุรุษผู้ใดมาก่อน... จะเข้ากันได้ดีขนาดนั้น...
เมื่อเรื่องราวแห่งมิตรภาพของทั้งคู่แพร่หลาย...
ชาวนีเรซัสต่างก็พูดกันว่า พวกเขาคือคู่ที่เหมาะสมกันที่สุด
ชายหนุ่มเชื้อราชวงศ์ กับ หญิงสาวที่เกิดในตระกูลดี... และมีหน้าตาสวยงามราวนางฟ้า...
สายใยแห่งมิตรภาพที่สืบสานไปเรื่อยๆ... จนกระทั่งกลายเป็นสายใยแห่งความรัก...
...แต่ว่า...
บางที...
อุปสรรคก็มีอยู่เหมือนกัน... ในเทพนิยายหวานชื่น...
อาณาจักรนีเรซัสเริ่มขัดแย้งกับอาณาจักรเฟย์ใกล้เคียง... และความขัดแย้งเพียงเล็กน้อยก็แปรเปลี่ยนเป็นสงคราม
เคอัสผู้ต้องเจริญรอยตามผู้เป็นบิดา... ต้องเข้าร่วมสงครามด้วย... แต่เขา... ก็เข้าร่วมสงครามนั้นด้วยความเต็มใจ
หากได้ปกป้องมาตุภูมิแล้ว... ก็เป็นการดีที่จะตอบแทนบุญคุณของธรณีที่รองรับเขานับตั้งแต่เยาว์วัย... และเพื่อปกป้องผู้คนที่รัก
ในคืนสุดท้ายของวาระแห่งการอำลา... เคอัสไปหาหญิงสาวผู้เป็นที่รักของเขาอีกครั้ง... หากคราวนี้ เขากลับตัดสินใจที่จะพาเธอไปที่ธาราอาเรียนส์... ธาราใกล้เคียงคฤหาสน์งามของผู้เป็นมารดาของหญิงสาว...
ใต้พฤกษางามที่แผ่กิ่งก้านสาขาไปทั่ว... กิ่งก้านสาขาสีน้ำตาลเข้มอันประดับประดาด้วยมวลบุปผาสีชมพู... กลีบบุปผชาติร่วงโรยลงเกลื่อนกลาดพื้นหญ้าสีเขียวอ่อนนุ่ม และร่วงโรยสู่ผิวธาระ...
คำพูดของเคอัสที่ฝากไว้กับหญิงสาว... น้ำเสียงอ่อนโยนที่จะตรึงตราในหัวใจของเธอชั่วนิรันดร์...
\"อารีน่า... ผมไม่ได้มีอะไรให้คุณ นอกจากคำสัญญา...
รอผมได้ไหม....
....จนกว่าผมจะกลับมา... ผมสัญญา...
.......
แล้วพอถึงวันนั้น... พวกเราจะเจอกันอีกครั้งที่ใต้ต้นไม้นี่... เพราะฉะนั้น....\"
เพราะฉะนั้น....
....รอนะ....
..............
คำพูดที่ฝากเอาไว้..... คำสัญญาจากหัวใจที่เปล่งออกมาเป็นถ้อยคำ....
ของชายหนุ่มผู้ลาจากไปสมรภูมิ....
ถึงแม้ว่าความหวังจะริบหรี่... แต่หญิงสาว... อารีน่า... ก็ยังคงรอคอยอย่างเชื่อมั่น....
ทุกๆ วัน... ทุกๆ คืน... หญิงสาวจะนั่งอยู่ ณ ใต้พฤกษาที่แผ่กิ่งก้านมอบเงาร่มรื่นแก่ตัวเธอ... มือเรียวบางทั้งสองข้างประสานกันเพื่ออธิษฐานให้แก่ชายหนุ่มเสมอ...
วันคืนผ่านไป... พร้อมๆ กับที่สงครามใกล้จะสิ้นสุด....
คำอธิษฐานอวยพรของหญิงสาวมิอาจส่งไปถึงพระผู้เป็นเจ้าได้...
เคอัสได้จากไป... ในสงคราม... แต่เกียรติศักดิ์ในฐานะที่เขาเป็นผู้นำแห่งกองทัพซีเรนัส... เคียงคู่กับผู้เป็นบิดา... ก็ยังอยู่.....
ชื่อเสียงได้กลายเป็นตำนาน... ตำนานของชายผู้หนึ่ง... ที่สามารถโค่นเฟย์ลงได้.... แต่เกาฑัณฑ์จากฝ่ายนั้นก็ได้คร่าชีวิตเขาไปชั่วนิรันดร์....
ในวันสุดท้าย...
ชายหนุ่มหายใจรวยริน... ทราบดีว่า... เขาคงไม่มีโอกาสได้เยือนบ้านเกิดอีกแล้ว
สายลมที่พัดผ่าน... เขาได้ฝากคำพูดเอาไว้... ให้แก่อารีน่า...
\"อารีน่า... ผม... ขอโทษ...
ทั้งๆ ที่ให้สัญญาไว้แท้ๆ
แต่ก็ทำตามสัญญานั้นไม่ได้...
...ไม่ว่าไง ผมก็จะรักคุณตลอดไปนะ...
อาจจะน้ำเน่าแต่ว่า... หวังว่าคุณจะได้ยินเสียงนี้...
...ผม... แค่อยากขอบคุณ... ที่คุณรอผม... และขอโทษ...\"
.....ขอโทษ.....
เทพเจ้าแห่งสายลมได้พัดผ่านจากสมรภูมิไป... ทิ้งร่างสูงให้ทอดกายอย่างสงบ... กลางเสียงคร่ำครวญร้องไห้แห่งสงคราม....
และเยือนนครหลวงแห่งซีเรนัส... เพียงเพื่อนำคำพูดถ้อยคำจำนรรจาแก่หญิงสาว...
ในคืนราตรีที่ศศิธรกระจ่างใสเปล่งแสงสีนวลงดงาม... หยาดน้ำตากระจ่างใสไหลรินจากนัยน์ตาสีมรกตคู่งามเมื่อเธอได้ยินเสียงกระซิบแผ่วเบาที่ฝากมากับสายลมนั้น...
....การรอคอยของอารีน่าควรจะสิ้นสุดลง.... แต่ว่า....
เธอจะขอรอคอยแบบนี้... ตลอดไป...
คำอธิษฐานสุดท้าย...
ที่มีเพียงเทวีแห่งความรักอันสิงสถิตที่สรวงสวรรค์เท่านั้นที่จะได้ยิน...
....ขอให้ฉันรอแบบนี้ไปตลอดได้ไหม.... ถึงแม้ว่า... เขาจะจากไปอย่างไม่มีวันกลับ.... แต่ฉันขอ....
หากเป็นไปได้
จะขอทำอะไรก็ได้... ที่ให้เขากลับมา... อีกครั้ง...
แม้แต่จะต้องรอต่อไป...
ด้วยเหตุนี้ เทวีแห่งความรักผู้ประทับใจใน
รักแท้ ของหญิงสาว
จึงมอบเวทย์มนตร์ให้แก่อารีน่า...
แม้ว่าร่างของเธอจะสลายไปตามกาลเวลาแล้วก็ตาม... แต่วิญญาณของเธอก็ยังคงสิงสถิตกับพฤกษาต้นนั้นตลอดไป...
ฤดูกาลผันผ่าน... ฤดูหนาวมาเยือน...
ต้นไม้ทุกต้นล้วนผลัดใบเหลือเพียงกิ่งก้านว่างเปล่า... แต่ต้นไม้ ณ ริมฝั่งธารา... ยังคงออกดอกสีชมพูอ่อนบานสะพรั่ง....
...เรื่องราวความรักของชายหนุ่มและหญิงสาว...
จากปากต่อปาก
จากเรื่องแห่งความเป็นจริงกลายเป็นเรื่องเล่า... และจากเรื่องเล่ากลายเป็นเทพนิยาย
...แต่...
หากมีใครที่บังเอิญพลัดหลงไปเพียงลำพังในคืนพระจันทร์เต็มดวง... ที่ธาราสายนั้น... ใต้ต้นไม้ที่ออกดอกตลอดปี...
พวกเขาจะได้เห็น...
นางฟ้าผู้มีหน้าตางดงามยิ่งกว่านางอัปสรใดๆ บนสรวงสวรรค์... เส้นผมสีเงินปลิวไสวไปกับสายลม... นัยน์ตาคู่งามพริ้มหลับ... มือเรียวบางประสานกัน...
ดวงหน้าเปี่ยมไปด้วยความเชื่อมั่น....
....ถึงแม้ว่า..... ความเชื่อมั่นนั้นไม่ได้รับการตอบแทน.....
แต่ว่า.....
บางที เมื่อถึงคราที่ชายหนุ่มและหญิงสาวจะได้พบพานกันใหม่อีกครั้ง... ได้เกิดใหม่ และได้พบกันใหม่ในยุคใหม่ที่ปราศจากสงคราม
รักแท้ที่สืบสานมาตั้งแต่ชาตินี้... คงจะได้อยู่ต่อไป... ชั่วนิรันดร
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น