Min & jame - Min & jame นิยาย Min & jame : Dek-D.com - Writer

    Min & jame

    เรื่องนี้หลายๆคนคงเคยดั้ยอ่านกานมั่งแร้วนะ แต่เราชอบมากๆเรยอ่ะ มานซึ้งมากๆเลย เลยเอามาลงหั้ยทุกคนที่ยีงไม่ได้อ่านมาอ่านกัน

    ผู้เข้าชมรวม

    462

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    462

    ความคิดเห็น


    3

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  ซึ้งกินใจ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  4 ม.ค. 48 / 21:21 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      ภาค1
      ที่ถนนมุมนึงข้างป้ายรถเมย์
      เราไม่รู้จักกัน เราไม่เคยคุยกัน
      เธอหันมามองผมแล้วเริ่มร้องให้................
      เธอร้องให้
      แล้วมองผมเหมือนจะถามว่าจะไม่ถามหน่อยเหรอว่าร้องไห้
      เรื่องอะไร
      ผมเมินครับ เรื่องอะไรทำไมผมต้องไปสนด้วยเธอไม่ได้น่ารักมากมายซะหน่อย
      เธอเดินเข้ามาครับ
      ท่ามกลางคนที่รอรถเมย์รอบเย็นเพื่อกลับบ้านอยู่
      เธอตบครับตบหน้าเลย
      เต็มๆดังเผี้ยลั่นต่อหน้าผู้คน ทั้งๆที่หน้าอาบไปด้วยน้ำตา
      แล้วเธอก็หันหลังกลับครับเดินไปพิงป้านรถเมย์เหมือนเดิม
      ทิ้งไว้แต่ทุกสายตาที่จับจ้องมาที่ผมเหมือนผมเป็นตัวการที่ทำเธอร้องให้
      ไม่แน่นะครับอาจจะมีใครคิดว่าผมทำเธอท้องก็เป็นได้
      เวรของชิวิตจริงๆ
      ผมทำไงได้ครับ
      เลยต้องเดินไปหาครับเธอยังร้องให้ครับ
      ผมยื่นผ้าเช็ดหน้าให้มองเธอพักนึง
      “ทำไมร้องให้อะเป็นไร” ผมถาม
      “ยุ่ง ไม่ธุระอะไรของนาย”
      อะกรรมเธอตบผมฉาดเบอเร่อแล้วบอกไม่เกี่ยวได้ไง”
      แล้วตบผมทำไมอะผมทำไรให้”เธอหันมามองครับแล้วบอกผมคำเดี้ยวเท่านั้นครับ
      “หมั่นใส้ มีไรไหม”แล้วเธอก็เดินไปครับ
      คืนนั้นผมกลับมาบ้านครับกับเหตุการณ์ที่หลอกหลอนมากๆแก้มผมยังเจ็บอยู่ครับแต่ที่เจ็บแน่ๆคือในอกครับแค้นใจมากกะว่ามันเป็นผู้ชายคงไม่ต้องเดินกลับบ้านแล้วละครับ
      ทั้งเจ็บทั้งอายคนมอง
      ทั้งป้ายเหมือนเป็นความผิดเราไรวะผมคิดเซงมากผมเตะฟุตบอลที่สนามหน้าบ้านกระเด็นออกไปไกลเลยครับ
      เวงอีกพรุ่งนี้ต้องไปหามันเจือกข้ามรั้ว....
      วันนี้มันวันไรวะซวยจริงๆ
      p.sฝันร้ายทั้งคืนครับขอบอกนางมารร้ายมันมาหลอกหลอนในฝัน
      ซวยอีกแล้วครับผมทำซีทเอกสารที่จะไปส่งอาจารยที่มหาลัยหายมันหล่นผมคิดซวยจริงเลยเว้ยต้องไปมหาลัยมือเปล่าทำก็ไม่ทันไม่ทำทันแล้วเซ็ง
      ผมขับรถไปมหาลัยด้วยความเซ็ง
      (เมื่อวานที่ไม่ขับขี้เกียจครับอยู่ที่อารม)
      ไปมหาลัยครับกระโดดเตะเพื่อนที่เจอคนแรกครับบอกเล่นๆความจริงแล้วผมระบายอารม
      เหอ เหอ จารยมาแล้วครับเดินเข้าประตูมาก็ทวงงานเลย
      ยายแก่เวงเอ้ยไม่เห็นใจมั่งวะT_T
      ผมปลงแล้วครับกะว่าคงไม่ได้ส่งแน่ๆ
      ทันใดครับมีคนเปิดประตูเข้ามาครับเธอเดินเข้ามาแล้วถามหาผม
      เอ่อ จารยค่ะนายคนนี้เรียนที่ห้องนี้หรือเปล่าครับเธอพูด
      พลางยื่นซีทงานที่ผมหาทั้งคืนให้จารยช่วยดูจากสมุดรายชื่อ
      ผมหลบไปใต้โต็ะไปแล้วละครับเวงจริงมารร้ายตามมาหลอกผมถึงที่อาจารยประกาศหาเจ้าของครับ
      นายเพื่อนๆเวงทั้งหลายรุมชี้ผมครับ
      เวงผมอีกจำใจต้องลุกขึ้นมายิ้มแหะ แหะ ให้จารย
      ครับผมเองครับจารยมีไรหรือครับ
      มีคนเอางานมาให้นะรู้จักหรือเปล่า
      ผมสบตาเธอครับ เกิดอาการสะอึกเลยครับ
      ยายเพิ้งเมือคืนกลายเป็นสาวงามผมประบ่า
      ขาวและน่ารักมากเลย เกิดอาการตะลึงครับ
      เธอยิ้มมาให้ผมครับแค่คำพูดแรกของเธอก็ทำผมอึ้งแล้วครับ............คำพูดแรกที่ผมยังจำอยู่ทุกวันนี้
      “ที่รักตั้งใจเรียนนะค่ะจะรอหน้าห้องค่ะ”
      แน่นอนครับวันนั้นผมเรียนไม่รู้เรื่องแน่นอนเป็นใครก็ไม่รู้เรื่องแน่ๆเลิกเรียนผมก็ออกมาเลยครับท่ามกลางเพื่อนๆและไทยมุงทั้งหลาย
      เพื่อนตบบ่าผมก่อนที่ผมจะแยกไปหาเธอครับกินใจมากเลยครับ “พรุ่งนี้มรึงดังไปทั่วมหาลัยแน่”เล่นเอาผมเครียดเลยครับเวงนี่T_T
      เธอเป็นใครแล้วมานี่มีธุระอะไร?”ผมถามเธอไม่พูดอะไรครับ
      ได้แต่แตะแก้มผมสาตาเธอดูเป็นห่วงมากเลยครับเธอพูดแค่ว่า
      “เจ็บมากไหมเราขอโทษนะ”ผมอึ้งครับ
      วันที่3มันวุ่นวายสับสนมากครับเกิดอะไรขึ้นกันแน่เธอเป็นใครผมรู้แค่ว่าเธอชื่อมิน
      อยู่มหาลัยเดียวกับผมแล้วก็เรียนคณะคนละคณะกัน
      วันนั้นเธอทะเลาะกะแฟนแล้วผมเผอิญเหลือเกินที่หน้าไปคล้ายแฟนเธอเธอเลยหมั่นใส้ตบผมเอาฉาดเบ่อเร่อ
      (ไม่ไปตบแฟนตัวจริงไปเลยวะ-_-|||)เธอขอโทษแล้ว
      เผอิญเก็บซีทงานของผมได้ที่ป้ายรถเมยเธอเลยเอามาคืนให้
      แล้วที่เรียกที่รักก็แค่ล้อเล่น
      แล้วเธอก็แสนดี แสนดีเหลือเกิน..........ที่เกาะผมยังกะอะไรดีครับ
      ไม่ว่าไปห้องสมุด เล่นเกม เดินห้าง
      ขนาดผมอยู่กะผู้ชายทั้งหมดเธอยังเกาะเลยครับ
      จนทุกคนเริ่มเรียกเธอว่า แฟนเจมสแล้วละครับ
      (ผมชื่อเจมสครับลืมแนะนำตัวไปหน่อย แหะ แหะ)
      กรรม ให้ผมทำไงครับผมขอบอกตรงๆ
      ผมไม่ได้ชอบยายนี้เล้ยผมชอบผู้หญิงหวาน ขาว ใสเรียบร้อยกว่านี้แต่เธอก็เข้าได้ดีกับเพื่อนผมครับผมเลยปล่อยเลยตามเลยเดี้ยวเธอคงจะหาแฟนจากกลุ่มผมสักคนเองแหละผมคิด.............
      ผมคิดแค่นั้นแหละครับเธอก็มาควงแขนผมอีกแล้วครับ-_-||||||
      มินเราไม่ชอบให้เธอมาเกาะกลุ่มเราอย่างนี้อะ
      ผมพูดกะเธอเมื่อได้อยู่2ต่อ2เพราะผมต้องพาเธอไปส่งบ้าน-_-(เพื่อนๆมันยัดมาให้ผมอีกเปลืองน้ำมันโคตรๆ)
      ทำไมอะเจมมินทำไรผิดเธอถามพร้อมจับมือผม
      ผมสะบัดมือทิ้ง
      ก็เราไม่ชอบ มินเป็นผู้หญิงนะไปเกาะคนนู้นคนนี้ได้ไง
      มินเป็นผู้หญิงง่ายๆใช่ไหมถึงทำงี้
      แล้วมินเข้ากลุ่มที่มีแต่ผู้ชายเงี้ยคนอื่นจะคิดไงมันไม่ดีรู้ไหม
      ขอโทษ.......แต่มินไม่มีที่ไปมินไม่มีเพื่อนเลยนะเจม2ปีที่อยู่มหาลัยนี้มินก็มีแต่เขา
      เขาคนที่ทิ้งมินไปเราอยู่ด้วยกันตลอด
      มินรักเขามาก แล้วมินก็เชื่อนะว่าเขาก็รักมิน
      มินเหงาเจมจะไล่มินเหรอที่เราเข้ากลุ่มมาเราก็คิดว่าเจมเป็นคนดี
      ที่เราชอบเกาะเจมเพราะเจมเหมือนแฟนเก่าเรามิน ....มิน...ก็แค่อยากอ้อนบ้างมินเหงานะเจม
      เหงามาก..
      เธอร้องให้ครับทิ้งให้ผมได้แต่เงียบ
      แล้วขับรถไปส่งเธอครับที่บ้าน
      ทุกอย่างยังเหมือนเดิมเกือบอาทิตยแล้วที่มินยังอยู่กะกลุ่มพวกเรา
      แต่ก็มีบางอย่างที่เปลี่ยนไปในความรู้สึกของผม
      มิน และเพื่อนในกลุ่มอีกคน เพื่อนผมเอาใจมินผิดปรกติ
      คอยยกข้าว เสริฟน้ำ แยกไป2คนบ่อยๆ
      แย่งกระทั่งหน้าที่รับส่งของผม
      ใช่ครับ
      ดูยังไงนายเพื่อนผมมันก็จีบมินแน่นอน
      ผมน่าจะดีใจแต่ความรู้สึกของผมกลับไม่ใช่เลยครับ
      ผมหวงครับ
      เป็นห่วงมินเวลาที่อยู่ใกล้เพื่อนคนนี้
      ผมกลัวมินจะเสร็จมันผมไม่อยากเสียมินไป
      ผมเพิ่งรู้ครับว่าการไม่มีมิน ไม่มีคนมาวุ่นวาย
      สัมผัสที่เคยจับผ่านมืออุ่นๆและเล็กของมินนั้นทำให้ผมยอมไม่ได้เลยที่จะเสียเธอไป
      แต่ผมจะทำไรได้ละครับ
      ในเมื่อเพื่อนผมมันเอาแล้ว
      จะไปแย่งมันก็ไม่ได้................
      จะมีคนด่าผมไหมครับท่าผมทำงั้น
      ผมได้แต่ตัดใจครับลาเพื่อนขับรถกลับบ้านแล้วก็นั่งพิงเตียงปิดไฟในห้องเปิดเพลงจากวิทยุฟังแล้วก็นึกถึงวันแรกวันที่ผมเจอมิน
      วันแรกที่มินมาหาผมที่ห้อง
      และที่สำคัญวันแรกที่มินยิ้มให้และก็คอยยิ้มให้ผมเสมอ
      แต่ผมไม่เคยยิ้มตอบเลย
      เสียงดังของแตรรถดังขึ้นที่หน้าบ้านครับ
      ผมฉุนขาดนายบ้าที่ไหนมาบีบแตรหน้าบ้านคนอื่น(วะ)
      ผมชะเง้อหน้ากะด่าออกไปเต็มที่
      เวงกรรมกลับเป็นเพื่อนผมแถวบ้านที่ไม่ได้เจอกันนานถึงบ้านเราจะอยู่ใกล้กันมากก็ตามมันชวนผมไป
      ลูทกับมันครับซึ่งผมก็ไปกะมันแน่ๆอยู่แล้วคว้าอะไรได้ใส่ไปก่อนเดินห้องน้ำไปล้างหน้า เอาวะลืมก็ลืม หญิงคนเดียว....................................คนที่ผมรักที่สุด
      มีต่อครับ.......ผมเขียนเรื่องลงเว็บwww.vrteenอยู่อะครับไปอ่านได้เดี้ยวผมลงเว็ปนี้เรื่อยๆขุดทีเน้อT_T
      ตี2ผับเลิก....ไม่สนุกเลยดนตรีสาวๆเพื่อนๆน่าเบื่อหมด
      ผมไปผมก็ดื่มแค่เหล้า
      เบียร ดื่มๆให้มันลืมลืมมินไปเลย
      โถ่ ทำไมนะตอนที่จีบเธอได้ง่ายๆผมไม่จีบให้มันรู้แล้วรู้รอด
      จะได้ไม่ต้องมากลุ้มเป็นตูดอยุ่อย่างงี้
      เป็นห่าไรวะไม่ร่าเริงเลยเพื่อนตัวดีอมยิ้มแก้มตุ่ย
      เออก้เอ็งเปรมกะสาวๆซะขนาดนั้น
      มันยื่นเบียรมาให้อีกกระป๋องพลางเดินไปสั่งขวดใหม่ที่เย็นกว่า
      (เวงของเหลือให้ผมนี่หว่า)
      พลางพากันขึ้นรถกลับบ้านไม่สนว่าตำรวจจะบอกเมาไม่ขับยังไง เพราะมันบอกว่าเมาไม่ขับก็กลับบ้านไม่ได้เด้
      ผมเบื่อครับขึ้นรถเงียบๆช่างมันผมจะขับมันก็ไม่ยอม.........
      มันบอกถึงบ้านแน่ไม่งั้นก็เจอกันศาลา2 เวง-_-|||||
      ผมเงียบครับปล่อยมันขับต้องคอยดูถนนให้มัน
      ผมกลัวจะได้ไปนอนศาลาจริงๆ
      เห้ยเจมคุณเป้นไรวะไม่ร่าเริงเลย
      สาดมาเที่ยวทั้งทีทำหน้าเหมือนจะตายให้ได้เป็นโรคแพ้สถานบันเทิงหรือไงวะ มันถาม
      “ไม่รู้วะ กรูเครียด ถ้าเป็นแกถ้าของที่รักมากๆ
      โดนแย่งไปจะทำไงวะ”
      ผมเปรยๆขึ้นมา
      ”คำถามปัญญาอ่อนวะ
      ถ้ามรึงรักจะสนไรวะก็แย่งคืนมาดิจะปล่อยให้มันหลุดมือหายไปหรือไงวะ”
      แต่ถ้าเขาอยู่ตรงนั้นเขาอาจจะมีความสุขนะโว้ยเพราะคนที่อยู่กะเขามันอาจดูแลได้ดีกว่า
      “อ้อเรื้องหญิงแล้วจะเป็นไรวะ
      ถ้าเอ็งรักเขาจริงก็เอาเขามาทำให้เขามีความสุขกว่า
      รักเขามากๆรักเขามากกว่าคนไหนๆไม่ผิดหรอกวะ
      ดีกวว่าจะมานั่งเสียใจไปตลอด”เอ้า
      มันยื่นเบียรมาให้
      ดื่มซะดื่มให้กะเอ็งที่เป็นผู้ใหญ่ขึ้นรู้จักรสแห่งรักและอกหักวะ
      ผมรับเบียรจากมันดื่มลงคอรวดเดียวหมด
      เออถ้าโดนแย่งไปก็แย่งคืนสิวะผมบอกกะตัวเอง
      โยนกระป๋องลงถนนได้ยินเสียงดังของกระปิ๋งที่กระทบพื้น
      ยื่นหน้าออกไปรับลมอากาศยามค่ำ
      พรุ่งนี้แล้วสินะ
      วันที่จะได้เจอมินที่มหาลัยอีกครั้ง................
      เห้ยไมพูดหมาๆงี้วะทำงี้ได้ไงเอ้งไม่เคยสนใจไหงวันนี้มาบอกว่าจะจีบมิน
      มรึงไม่รู้เหรอวะว่ากรูจะจีบแล้วก็กำลังเป็นไปด้วยดีด้วย.......
      นายบอยโวยลั่น
      เห้ยใจเย้นมีไรค่อยๆพูดกันสิวะ
      ทุกคนห้ามพลางขวางไม่ให้ใกล้กันได้
      แล้วไงอะผมรู้นะโว้ยนายบอยเอ็งไม่ได้รักมินเอ็งก็แค่อยากจะมีอะไรกะยายมินเท่านั้นแหละ
      เหมือนที่ผ่านๆมา
      เออแล้วไงวะหรือมรึงไม่ใช่คบมานานผมรู้สันดานคุณพอๆกะที่มรึงรู้สันดานกรูละวะ
      เอองั้นเอ็งก็น่าจะเข้าใจสิวะว่าผม...........................
      รักผู้หญิงคนนี้จริงๆรักโคตรๆ รักแบบไม่ทิ้งแน่ๆ
      ถ้าเอ็งจะทำเขาเจ็บเอ็งอย่าจีบเลยวะ
      ผมขอสักคนได้ไหมวะในฐานะเพื่อนให้กรูสักคน
      สรัดพลางต่อยหน้ามันหนึ่งที
      (เอากำไร^^”)
      มันจ้องหน้าผมไม่พูดอะไรเหมือนคิดอะไรสักอย่าง
      ผมเตะมันต่อ
      (เอากำไรอีก)
      สรุปว่าไงวะแค่นี้ให้กรูได้หรือเปล่า ผมถาม
      “ได้แต่กรูขอไรก่อนอย่างได้ป่าววะ” ไรวะห่าถ้าหาได้กรูจะหามาให้เดี้ยวนี้เลย ไม่ยากวะ มันยิ้มมีเลศนัย
      “ขอเตะมรึงคืน 2 ทีเหอะวะเอากำไรกรุไปมันพูดพลางเตะตูดผมไป2ทีแล้วมาโอบไหล่ผม”
      “นายห่า ดูแลมินให้ดีนะเว้ย ให้ดีมากกว่าผมดูแล ละ”
      “เออ กรูสัญญา”
      เห้ยไปล้างคราบเลือดก่อนไปพวกเอ็งอะ
      นางฟ้าพวกมรึงเดินมานู่นแล้วเพื่อนผมบอกเห็นมินหอบหนังสือเดินมา
      ผมกะเพื่อนหันหลังกลับจะรีบหนีไปห้องน้ำ
      แต่ไม่ทันคุณเธอหรอกครับ
      สายเข้าทันที
      จำใจรับครับชื่อแม่คุณเธอโชวหลา
      “จะไปไหนค่ะเห็นมินมารีบเดินหนีเลยนะ เคืองรู้ไหมเนี่ยอยุ่คุยกันก่อนนะห้ามหนีเด็ดขาด”
      ผมไปไหนไม่ได้ส่วนนายบอยหันมาขยิบตาก่อนจะเดินไปห้องน้ำต่อ.........
      ตายแล้วเจม ไปโดนอะไรมามินวิ่งมา
      หยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดที่ปากให้ผม
      “อ้อ ตะกี้มีสาวแปลกหน้าอยู่ๆมากระโดดจูบ เนี่ยงงเลยวิ่งไปนู่นแหละ”
      ผมแซวครับ
      ทันทีเลยเจอหยิกครับยายมินหยิกซะเนื้อเกือบเขียว
      “อยากตายเหรอ เจ็บๆเงี้ยยังเจ้าชู้ เดี้ยวก็ไม่รอดหรอก”
      มินลูบหัวผม
      “เราเป็นห่วงนะ อย่าไปมีเรื่องกะใครอีกละค่ะ”
      มินพูดพลางสบตาผม
      พอครับพอไม่ไปไหนแล้ว
      น่าร้ากกกกกกกกกกกสาดๆเงี้ย
      อืมถ้าไม่เกี่ยวกะมินรับลองไม่มีหรอกครับ
      เห้ยเหมือนวะ เพื่อนๆผมแซว เหมือนแฟนกันใช่ไหมวะ ผมถาม
      ป่าววะ
      เหมือนหมากะเจ้าของ-_-|||||……..
      คืนนั้นผมพามินไปกินข้าวครับที่ร้านแถวเวริดเทรด
      ผมรู้สึกว่ามินดีใจมากเลยครับร่าเริงเดินดูนู่นดูนี่ไปทั่ว
      “มินจายเย็นๆ โหเดินยังกะเป็นลูกสาวเจ้าของห้าง”
      ก็มินดีใจอะเจม.....
      ”เรื่องไรเหรอบอกเราได้หรือเปล่า” มินมายืนข้างๆครับ
      เอามือมาคล้องแขนผมแล้วเอาหัวซบ
      “ก็เรื่องที่เจมพามินมาเดินเที่ยวไง
      เจมไม่เคยทำหยั่งงี้มาก่อนเลยเจมเป็นอะไรไปเหรอ”
      มินหันมามองด้วยสายตาซุกซนเป็นเด็ก
      หน้าขาวๆกะหน้าอกนุ่มๆข้างแขนยิ่งทำให้ผมรักมินมากขึ้น
      (แบบคำที่ว่าหน้าอกสยบโลกได้)
      ผมได้แต่มองมินไม่พูดไรมากแล้วก็เดินต่อไปเงียบๆ
      “เจม เจม รอมินด้วยมินขอโทษ มินพูดไม่ดีออกไป
      เจมพามินมากินข้าวแค่นี้ก็พอแล้วละ”
      มินเดินมากุมมือแล้วก็ยิ้มให้ผมอีกครั้ง.............
      ผมยืนหน้าร้านอาหารญี่ปุ่นใกล้ๆโรงหนังแห่งหนึ่ง
      คนเดินไปมาพลุกพล่าน
      ผมมองพื้นไม่กล้าสบตามิน
      มีมินยืนมองผมด้วยสายตาแบบจะหาคำตอบว่ามายืนทำอะไรตรงนี้
      “มิน เรามีอะไรจะบอก เราคิดมานานแล้วเกี่ยวกะเรากะมินเราอยากให้มินรู้จริงนะว่าเรา...........”
      “ไม่ๆๆๆๆๆๆๆๆ ไม่ ไม่ มินไม่ฟัง”
      มินพูดพลางเอามืออุดหูมินวิ่งหนีผม
      ไม่ยอมฟังอะไรทั้งนั้น มินวิ่งลงบันใดเลื่อนไปท่ามกลางสายตา
      ของคนที่มอง
      ผมกลับบ้านโทรหามินทั้งคืน
      มินปิดเครื่องโทรศัพบ้านเธอก็ถอดสายออกผมติดต่อมินไม่ได้เลย
      ผมร้อนใจมาก
      ผมตัดสินใจจะไปบ้านเธอ
      แต่ภาพพ่อเธอทำความสะอาดปืนตอนผมไปส่งบ้านครั้งแรกยังติดตาอยู่เลย
      ถ้าผมไปหาเธอดึกๆแถมพ่อมินยังรู้ว่ามินร้องให้ละก็
      ผมคงได้ไปนอนเล่นในป่าช้าแถวบ้านแน่
      ผมจะทำไงได้ครับ ผมได้แต่นอนกลิ้งไปมาทั้งคืน
      พร้อมกับคำถามว่า
      “ทำไม และเพราะอะไร อะไรที่ผิดพลาด”
      ตี5.11นาที
      ผมตื่นเช้าแบบไม่เคยมีมาก่อนทั้งๆ
      ที่ผมแทบไม่ได้นอนทั้งคืน ข้าวเย็นผมยังไม่ได้กินด้วยซ้ำ
      ตอนนี้ในหัวมีแต่
      มิน มิน มินแล้วก็มินเต็มไปหมดอาจมีภาพ
      ไก่ทอดแทรกมาบ้าง แต่ยังไงผมก็ยังคิดถึงมินอยู่
      ผมอาบน้ำ แต่งตัว
      เดินออกจากบ้านตรงไปที่รถแล้วขับออกไป..............
      มือถือดังขึ้นเบาๆ1ครั้งแล้วก็เงียบหายทันที
      สาดนายบ้าที่ไหนไม่ลงทุนวะโทรมาให้โทรกลับเงี้ย
      ผมดูชื่อครับ
      ถ้าเป็นนายเพื่อนบ้าผมก็จะโทรไปด่าบุพการีมันซะหน่อย
      พอดูชื่อผมขับรถผิดเลนไป2วิเลยตกใจมากเกือบจะเป็นข่าวหน้า1ซะแล้วT_T
      มินครับ
      ใช่แล้วเบอรของมินปรากฎบนหน้ามือถือและแน่นอนครับผมต้องโทรกลับทันทีผมกดโทรไป แต่ละตื้ด....ตื้ด.....
      ช่างเชื่องช้าเหลือเกิน รับซิมินรับทีเจมจะอกแตกตายแล้ว
      “ฮัลโหล” เสียงใสๆของมินในวันนี้ดูเศร้าสร้อยเหลือเกิน
      แม้ผมไม่ใช่ยอดมนุษย์ก็พอจะมองออกว่ามินเพิ่งผ่านการร้องให้มาอาจจะทั้งคืนด้วย
      “มิน นี่เจมนะเมื่อวานเป็นอะไรไปครับ จู่ๆก็วิ่งหนีเจมเลยมินเป็นอะไร”
      “มินขอโทษเจม มินขอโทษ แต่เจมมินรับไม่ได้แล้วมินไม่อยากฟังมินรู้เจมไม่เคยชอบมินเลย แต่มินขอนะเจมขอได้ไหมแค่..................ให้มินใกล้ๆเจมอยู่อย่างนี้ มินจะไม่ว่าไม่พูดอะไร....เจมจะมีใครก็ได้ขอแค่ให้เราอยู่ใกล้เจมนะ”
      มินร้องให้หนักขึ้น
      “มินรู้มินไม่ควรโทรไปหาเช้าๆมันจะกวนเจมจะทำให้เจมโกรธมินมากขึ้นแต่มินแค่อยากโทรหาเจมเท่านั้น
      มินอยากคุยกะเจมนะแต่มินก็กล้าแค่โทรไปให้เจมเห็นชื่อเท่านั้นแหละ”
      มิน....................
      เดี้ยวเจมจะไปรับนะเจมมีอะไรจะบอกต่อจากเมื่อวานเราแค่อยากให้มินได้ฟังมินอย่าคิดมากสิมันอาจไม่เป็นอย่างที่มินคิดก็ได้
      ได้ไหมมินฟังเราพูดซักครั้ง
      หยุดร้องนะคนดีเดี้ยวเราไปรับนะครับ
      “ค่ะ จะรอนะค่ะ”
      ผมขับรถปานพ่อเป็นนายก........
      ผมรีบไปให้เร็วที่สุดผมอยากเจออยากพบและอยาก
      “กอดมิน”มากที่สุดในตอนนี้.......................................
      (กำลังเขียนต่ออ่าT_Tเดี้ยวจะมาอั้บเดทนะค้าบขุดทีT_T)

      มินยืนรออยู่หน้าบ้านครับ.................
      ทั้งๆที่กว่าผมจะมาถึงก็กินเวลามากกว่า30นาทีแท้ๆ
      “มินรอนานหรือยัง มารอด้านนอกทำไมเดี้ยวพี่ก็กดกริ่งเรียกเหมือนทุกทีแหละ”
      ผมจอดรถแล้วบอกมิน มินเดินเงียบๆมาขึ้นรถ
      “เจมสมีอะไรจะบอกมิน “
      มินถามขึ้นมาเรียบๆเล่นเอาผมพูดไรไม่ถูก
      “แล้วมินทายว่าเรื่องอะไรล่ะ”
      ผมถามเท้าก็เหยีบคันเร่งพารถออกถนนใหญ่...............................มินไม่รู้แล้วก็ไม่อยากรู้ด้วยมินว่ามินอยู่อย่างงี้ดีแล้วละมินไม่อยากให้เจมลำบากใจมินจะไม่พูดอะไรแล้วขอโทษนะ
      เธอหันมายิ้มให้ผม(น่าร้ากกสาดอ่า)
      “เจม”มินพูดมือประสานที่ตักก้มหน้า
      “ถ้ามีคนมาจีบมิน เจมจะว่าอะไรไหม
      มินไม่ได้สนเขานะแต่ถ้ามินคิดว่ามินจะลืมเจมมินก็ต้องหาใครสักคนแหละที่จะดูแลมิน” ผ
      มขับรถเข้าข้างทางมองไปที่มิน
      ผมเอื้อมมือไปปลดเข็มขัดนิรภัยออกอีกมือเอื้อมไปที่ไหล่ของมินผมคว้ามินมากอด..
      มินตกใจมากเธอเอามือดันผม
      “เจม เจม จะทำอะไรมินไม่ชอบนะเจมมินไม่ได้หมายความอย่างนี้ เจมอย่า.....”
      มินพยายามดิ้นครับแน่นอนแรงสู้ผมไม่ได้ผมเอาหน้าก้มไประหว่างซอกคอขาวๆของมิน
      มินดิ้นครับดิ้นอยู่ได้ไม่นานแล้วก็หมดแรงในอ้อมแขนผม
      “มินนี่อาจจะฟังเหมือนโกหก
      มินอาจจะไม่เชื่อ เราก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ เราก็ไม่และไม่เข้าใจเลยว่าเกิดอะไรขึ้นแต่............
      ”ทั้งรถเงียบมีเพียงลมหายใจมินดันผมออกมาแล้วมองตาผม
      “เจมอย่าบอกนะว่า”
      มินร้องให้ออกมาเธอเอามือปิดปากใช่ครับเธอร้องให้ทั้งน้ำตา
      “เจมจะบอกว่าเจมชอบมินเหรอ?”
      ป่าว.....เราไม่ได้ชอบมินหรอก
      พอพูดจบคราวนี้มินร้องให้หนักเลยครับแบบยิ้มหุบหายไปเลย
      ผมจับมือมินมาครับ
      “แต่เรารักมินนะ”
      ผมจับมินมากอดต่อ
      แล้วผมก็มองตามินครับแล้วก็แน่นอนครับมินก็หลับตา
      ผมรวบรวมความกล้าครับผมกำลังจะมีลูกครับ
      เอ้ยมีความรักมีเสียงเคาะกระจกครับ
      สาดครายวะกวนคนกำลังจะมีความเดี้ยวเดียวมีเรื่องผมไม่สนครับพยายามสร้างบรรยากาศต่อผมมองตามิน
      มินมองตาผมโอ้วเยี่ยม
      มันเคาะอีกแล้วครับนายบ้าที่ไหนวะ
      ผมคิดอยากดูหนังสดก็ดูไปเงียบๆเด้ผมหันไปครับกะด่าพ่อมันแล้วผมก็อึ้งครับ
      ..........................
      ด่าพ่อมันไม่ออกครับก็พ่อผมอะดิครับมายืนเคาะกระจกอยู่
      ผมยิ้มแหะ แหะ
      แล้วเลื่อนกระจกลงยกมือสวัสดีพ่อ
      ดีครับพ่อมาไงไปไงอะครับเนี่ย
      พ่อผมขมวดคิ้วครับผมยิ้มแบบน่ารักที่สุดในโลกในใจนึกแค่ตายแน่กรูวันนี้T_Tไม่ตายก็ม้ามแตก
      มินเงียบครับได้แต่ยกมือไหว้พ่อผม
      ผมมองก็รู้แล้วครับพ่อผมโกรธแหงๆ
      “ทำไมมาทำไรกลางถนนอย่างงี้ ตะกี้พ่อขับรถมาเห็นจอดข้างทางก็นึกว่ามีอุบัติเหตุอะไรมันไม่สมควรรู้ไหม
      ฉันสั่งฉันสอนให้แกเป็นเด็กหยั่งงี้ตังแต่เมื่อไหร่
      ”พ่อผมโวยลั่นสายตาแบบพยายมก็มะปาน
      ความรู้สึกผมก็แบบ
      กรูตายแน่กรูตายแน่>_<
      เดี้ยวค่ะคุณพ่อ.............
      มินตะโกนออกมาแล้วเรื่องก็ใหญ่ก็เกิดขึ้น
      พ่อผมสบตากะมินพ่อไม่ยิ้มเลยครับผมไม่รู้มินทนได้ยังไงพ่อผม!บแบบ
      มากๆลูกหลานกลัวกันหมดตอนยิ้มก็ดีอะครับแต่พอโกรธก็แบบตัวใครตัวมัน เธอเป็นใคร...........
      ไร้มารยาทฉันไม่รู้นะว่าแกคิดยังไงแต่ฉันไม่ให้แกคบกะลูกชาย
      ของฉันแน่ๆเป็นผู้หญิงไม่รักนวลสงวนตัว
      อ้อหรืออยากได้สามีรวยๆต่อไปนี้อย่ามายุ่งกะลูกชายฉันอีก
      เผี้ยะ......................................................
      มินตบหน้าพ่อผมฉาดเบ่อเร่อแรงเป็นเหตุการณ์วิกฤติที่สุดที่ผมเคยประสบมา
      ผมจะทำยังไงแล้วจะเกิดอะไรขึ้นผมตอบไม่ได้เลยผมกลัวครับผมยอมรับแค่ขนาดตัวพ่อผม
      มินก็ปลิวไปกองกะพื้นได้แล้ว
      มินเงียบก้มหน้าแล้วร้องให้ครับ
      “มินไม่ยอมค่ะ คุณพ่อจะด่าว่าจะว่าหรือจะเห็นมินเลวยังไงมินยอมได้ค่ะมินยอมรับ
      และมินก็ไม่มีสิทธิจะพูดอะไรใรสิ่งที่คุณพ่อเห็น
      แต่มินไม่ยอมหรอกค่ะที่คุณพ่อจะว่าลูกชายของคุณพ่อเองเสียๆหาย มินอยู่กะเจมมาตลอดถึงมินจะยังไม่รู้จักเจมดีเท่าคุณพ่อ
      แต่มินรักเจมไม่น้อยกว่าที่คุณพ่อรักแน่ๆค่ะ
      มินรู้มินอาจเป็นผู้หญิงที่ไม่มีค่าในสายตาพ่อ
      แต่มินก็ไม่เคยออกนอกลู่นอกทาง
      ที่มินยอมให้เจมกอดก็เพราะมินรักเจม
      มินแค่อยากให้พ่อเข้าใจ อย่างน้อยก็อยากให้พ่อเชื่อใจในตัวลูกชายของตัวเอง ขอร้องละค่ะ
      ”มินพูดแล้วจู่ๆมินก็ทรุดลงไปนอนกองกะพื้นถนนต่อหน้าต่อตาผม ผมวิ่งเข้าไปปะคองมินมินเป็นลมไปแล้ว
      ผมก็เข้าใจว่าเธอเจออะไรมามากในช่วง2วันนี้ทั้งไม่ได้นอนร้องให้เสียใจตลอด
      ผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างมินคงรับภาระอะไรมากๆอย่างนี้ไม่ได้แน่ ผมอุ้มมินขึ้นมายืนประจันหน้ากับพ่อผม
      พ่อผมยืนเงียบท่านมองหน้าแล้วจ้องเข้ามาในสายตาผมยังกับจะมองทะลุทั้งตัวผมไป ท่านเอื้อมมือมา
      ผมคิดว่าผมคงโดนตบหน้าหรือถ้าหนักกว่านั้นผมอาจโดนพ่อไล่ไม่ให้เข้าบ้านอีก........................ผมหันหน้าหนี
      พ่อเอื้อมมือมาแตะบ่าผม
      “การจะหาผู้หญิงสวยๆสักคนมาข้างกายแค่มีเงินไม่ยากเลย
      แต่การหาผู้หญิงที่รักเราจริงๆหายากกว่า
      ดูแลเธอดีๆละอย่าทำให้ลูกสะใภ้ของพ่อต้องเจ็บ
      ”พ่อผมพูดเงียบๆแล้วเดินกลับไปที่รถซึ่งมีคนขับรถเปิดประตูรออยู่ ผมอุ้มมินไว้ในอ้อมแขนมองหน้ามินที่กำลังหลับตาอยู่ผมรู้สึกโล่งใจมันมีความรู้สึก
      บางอย่างเกิดขึ้นในใจของผมตอนนี้และ
      วินาทีนั้นผมบอกกับตัวเองว่า............................................
      ผมรักผู้หญิงคนนี้มากที่สุดในโลก
      ผมพามินมาเข้าโรงพยาบาลแถวๆรามคำแหงมินยังหลับอยู่
      มินไม่ลืมตามากว่า6ชั่วโมงแล้วทั้งพ่อและแม่ของมินมาเยี่ยมมินอยู่หลายครั้งผมรู้สึกแย่และสับสนมากที่แม่ของมินคอยสะกิดผมถามแต่ “เมื่อไหร่มินจะตื่น มินจะเป็นอะไรไหม”แล้วก็จะต่อด้วยท่านร้องให้เสมอ ผมยังนั่งอยู่ในห้องคอยจับมือมินให้กำลังใจ มินกุมมือตอบผมเบาๆบ้างแต่มินก็ยังไม่ยอมลืมตาซักที
      หมอบอกมินแค่เหนื่อยไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ไม่น่าเป็นห่วงเหรอ?สำหรับผมแล้วคนเป็นลมที่นอนเงียบไม่พูดอะไรมากว่า6ชั่วโมงผมถือว่าเรื่องใหญ่มากแล้ว ผมออกมายืนที่ระเบียงคลำหาบุหรี่มาดูดสักตัว มองไปที่ตลาดข้างโรงพยาบาลแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่เสียงมือถือดังขึ้น “ฮัลโหลใครวะ มีไรกำลังเครียดนะเว้ย” พ่อเอง เสียงตามสายตอบกลับ “เอ้ยสวัสดีครับพ่อมีไรครับโทรมาแต่เช้า”ผมตกใจทันทีแทบทำโทรศัพทตกจากชั้น4 ปล่าวก็พ่อเป็นห่วงแกไม่ได้กลับมาบ้านทั้งคืนนี้ก็เช้าแล้วนะลูกก็น่าจะโทรมาบอกบ้าง แม่แกก็นั่งรอแกด้านล่างทังคืนมือถือแกก็ไม่มีสัญญานติดต่ออะไรไม่ได้”พ่อผมบ่นให้ผมฟัง”พ่อครับ.......ขอสายแม่หน่อยได้ไหมครับผมอยากจะคุยกับแม่”พ่อผมไม่พูดอะไรได้ยินแต่เสียงเดิน...ได้ยินพ่อพูดว่าเอ้าจากลูกชายแกแหนะสักพักแม่ผมก็มารับโทรศัพท เสียงท่านยังอ่อนโยนแสดงความเป็นห่วงเชื่อไหมครับแม่ผมไม่เคยตีผมเลยสักทีเดียวท่านพูดค่อยๆช้าๆแต่ฟังเข้าใจง่าย “ว่าไงลูกมีอะไรจะบอกแม่หรือ”ผมว่าแล้วคุยกะแย่จัง่ายกว่าพ่อเยอะ “แม่ครับ...........แม่เคยรักใครสักคนแบบมากๆไหมครับแบบเขาสำคัญที่สุด แบบไม่มีอะไรทดแทนได้ รักแบบอยากอยู่ด้วยกัน อยากกุมมือกันไปจนตาย”ผมเว้นระยะแป็บนึงรอให้แม่ตอบแต่ก็นานพอสมควรเลยกว่าจะมีเสียงตอบกลับมา“แล้วลูกเข้าใจคำว่ารักแค่ไหน ลูกยังเด็กนักสำหรับแม่ แม่อยากรู้จริงๆว่าเด็กที่เคยเล่นซน วิ่งไปวิ่งมาอย่างลูกจะเติบโตจนเข้าใจคำว่ารักได้ดีหรือยัง คำว่ารักมันอธิบายยาก แต่ถ้าลูกอยากได้ตัวอย่างแม่ก็จะเล่าให้ลูกฟัง”ตอนลูกเด็กๆเราไปหัวหินด้วยกันลูกเล่นอยู่แถวน้ำตกแล้วแม่ก็นั่งดูอยู่จำได้ไหม”ผมเริ่มลำลึกความหลังมันช่างผ่านมานานเหลือเกินจบแทบจำไม่ได้ จำได้เพียงลางๆเท่านั้น “ครับแม่ผมจำได้”ตอนนั้นลูกรู้ไหมว่าลูกซนจนตกลงไปในร่องของหินเท้าลูกติดอยู่ พ่อกับแม่กระโดดลงไปช่วยน้ำเชี่ยวมากเลยลูกตอนนั้น แม่ก็เพิ่งมารู้ที่หลังว่าน้ำป่ามันไหล่บ่าลงมาแบบไม่บอกไม่กล่าว ตอนนั้นมีพ่อที่พยายามแกะเท้าลูกออกจากหิน มีแม่ที่คอยอมอากาศจากด้าบบนไปป้อนให้ลูกที่ใต้น้ำ แม่รู้ลูกแม่รู้ดีตอนนั้นถ้าพ่อเอาเท้าลูกออกไม่ทันเวลาเราอาจสูญเสียลูกไปและถ้าร้ายกว่านั้น ชิวิตของพ่อและแม่ก็คงดับไปด้วย”ผมปิดตานึกภาพความทรงจำนั้นก่อนจะหันมาฟังต่อ
      ตอนนั้นแม่ได้ยินเสียงน้ำไหลมาเรื่อยๆฝนก็ตกหนักลงมาคนอื่นได้แต่ยืนมองบนฝั่งไม่มีใครอยากเอาชิวิตมาเสี่ยงกะเราหรอกลูก “เห้ยน้ำป่า”มีคนตะโกนขึ้นแม่ตกใจมากหันไปเห็นสายเป็นขาวๆลอยลงมาจากตัวน้ำตกแม่หันไปมองพ่อ พ่อไม่สนใจด้วยซ้ำนะลูกว่าน้ำมันไหลลงมาเขายังพยายามสุดชิวิตที่จะเอาลูกขึ้นมาจากน้ำ” ตูมเสียงน้ำกระแทกวินาทีนั้นแม่ลูกสึกแค่สายน้ำมันกระทบตัวพัดพาแม่ไปแม่คิดว่าคราวนี้ต้องตายแน่ๆมันเกิดขึ้นเร็วมากจริงๆแม่หายใจไม่ออกเลยลูกสายน้ำมันม้วนตัวแม่อยู่แม่ก็คิดแค่ว่าคงจบแค่นี้แล้ว แต่ก็มีมือนึงมาฉุดแม่ขึ้นจากน้ำ.......................................พ่อของลูกฉุดแม่ขึ้นมาจากน้ำแม่เห็นพ่อมือนึงเกี่ยวกับกิ่งต้นไม้อยู่ และที่แม่เห็นชัดเจนที่สุดก็คือลูกลูกที่นอนนิ่งสนิทอยู่ในอ้อมแขนอีกข้างนึงของพ่อลูกไม่รู้สึกตัวแล้วละมั้งแต่แม่ยังจำสีหน้าของพ่อได้อยู่เลยท่านมองที่ลูกแน่ๆ สายตาที่แสดงว่าลูกเป็นคนที่สำคัญที่สุดและวินาทีนั้นแม่ก็แน่ใจมากๆเลยว่าพ่อรักลูกมาก กว่าจะมีคนมาช่วยเราทั้ง3คนก็กว่า20นาทีแหนะลูก พ่อของลูกเกาะฝืนกระแสน้ำที่เชี่ยวมากๆโดยต้องอุ้มลูกแล้วฉุดแม่อยู่ แม่คิดนะลูกแม่คิดว่ามันคงทรมานมากแน่ๆ แม่จะปล่อยมือออกเพื่อลดน้ำหนักให้พ่อ อย่างน้อยเรา3คนก็จะไม่ตายหมู่แต่พ่อก็ยังกุมมือแม่ใว้แน่นราวกับจะรู้ความตั้งใจ และความหมายของสิ่งที่แม่กำลังจะกระทำ น้ำยังพัดลูกพัดแรงขึ้นเรื่อยๆสายน้ำกระทบหน้าแม่จนด้านชา ทั้งหนาวทั้งเจ็บแต่พ่อก็ยังไม่ยอมแพ้ แม่รู้ว่าถ้ายังเกาะอยู่แบบนี้ไม่นานพ่อต้องหมดแรงและต้องยอมแพ้กับธรรมชาติแห่งนี้”แม่นิ่งไปนานมากก่อนจะเล่าต่อราวกับแม่นึกภาพแห่งอดีตเป็นฉากๆและกำลังซับน้ำตาตัวเองอยู่... พ่อหันมาบอกแม่ที่กำลังจะหมดแรงตอนนั้น แม่ยังจำอยู่ทุกวันนี้เลย “หากจะตายเราก็ตายด้วยกันครอบครับสำคัญมากสำหรับผม เราจะขาดใครไปไม่ได้คุณเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดและลูกก็ด้วยแข็งใจใว้นะ”ตอนนั้นแม่ไม่มีแรงแล้วนะลูกความเหนื่อยกะสายน้ำมันทำเอาแม่จะสลบอยู่แล้วแต่แม่ก็ยังยิ้มให้พ่อแม่พูดได้แค่คำว่า”ค่ะ”เท่านั้น
      สรุปเราสามคนรอดไหมแม่ ผมถาม “ถ้าไม่รอดแล้วที่ยืนคุยอยู่นี่ผีหรือไงแม่ผมยิงมุขตลกกลับมาผมก็เพิ่งรู้ว่าแม่ก็มีอารมขัน ผมแกล้งหยอกแม่เพราะกลัวแม่จะร้องให้แล้วผมต้องมานั่งปลอบอีก ผมแพ้น้ำตาผู้หญิงมาก แบบไม่อยากเห็นเลย“ต่อจากนั้นไม่นานก็มีคนมาช่วย เขาพาเรา3คนพ่อแม่ลูกขึ้นจากฝั่งแล้วพาไปโรงพยาบาล ตอนเช้าแม่ต้องวุ่นวายหน้าดูต้องวิ่งวน2ห้องทั้งห้องพ่อและลูกถึงมันจะอยู่ติดกันก็เถอะลูกก็ยังซนไม่รู้เรื่องไรมากหรอกหมดบอกลูกแค่ขาดอากาศจนช็อคไปเท่านั้น แต่พ่อนี่สิแม่พึ่งรู้จากหมอเมื่อเช้าว่ากระดูกไหล่หักและร้าว คงเจอน้ำม้วนตัวไปกระแทกหินตอนที่เจอน้ำป่า หมอยังบอกเลยคนอาการหยั่งงี้แค่ลำพังจะพยุงตัวเองกลางสายน้ำเชี่ยวก็เจ็บจนทนไม่ได้อยู่แล้วนี่ยังต้องมาอุ้มทั้งลูกแล้วยังต้องฉุดแม่อีก ต้องใช้กำลังใจมหาศาลจริงๆ”นี่แหละลูกความรักที่พ่อและแม่มี ลูกมั่นใจไหมละว่าจะรักใครสักคนได้เท่านี้
      ผมถอนหายใจ......................มองไปที่เตียงมิน
      ครับแม่ผมคิดว่าผมรู้แล้ว..................
      รู้แล้ว..................
      มินยังคงนอนหลับตาอยู่ผมนั่งมองมินอยู่ข้างเตียงเห็นมินหายใจเบาๆสม่ำเสมอ ผมเริ่มคิดถึงวันแรกที่ผมเจอมินวันแรกที่มินตบผม วันแรกที่เราทะเลาะกัน และวันแรกที่เรากอดกัน....มินวันนี้สวยเหลือเกิน หน้าขาวๆยังนอนหลับตาไม่รู้เรื่องอะไร ซอกคอที่เรียวยาว...ตัดกับชุดคนไข้นิ่งทำให้มินยิ่งสวยขึ้นไปอีก ผมลองเรียกมินเบาๆหลายครั้งมินก็ยังไม่ยอมลืมตาตื่น จนผมคิดว่ามินแกล้งหลับหรือเปล่า ผมเอื้อมมือไปหยิบรีโมททีวีปิดทีวิทิ้งแล้วก็หันมามองมินซึ่งหลับตาไม่รู้เรื่องอยู่บนเตียง............(เสร็จกรู ผมคิด......)เอ้ยม่ายช่าย ม่ายช่าย ผมก้มลงไปกระซิบข้างๆหูมินครับพูดกับเขาเบาๆ ตื่นได้แล้วมินหากไม่คื่นเราคงห้ามใจที่จะจูบมินไม่ได้
      ผมก้มหน้าไปใกล้มินครับ ใกล้มากจนลมหายใจของเรากระทบกัน วินาทีนั้นที่ปากผมประกบกับมินเพียงเบาๆ ผมหวังแค่เพียงมินจะตื่นขึ้นลืมตาแล้วยิ้มให้ผมเหมือนกับสโนไวท แต่เปล่าเลยมีแต่ความเงียบมินยังนอนเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมถอนหายใจความรู้สึกยังติดปากไม่รู้จะมีคนว่าผมลักหลับหรือเปล่า ผมเดินไปหยิบมือถือบน ตู้เย็นหยิบกุญแจรถใส่กระเป๋ากำลังจะเดินออกจากห้องก็ได้ยินคำพูดหนึ่งขึ้นมา
      “การทำอนาจาร หรือลักหลับผู้อื่นขนาดนอนหลับโดยไม่ยินยอมมีโทษต้องจำคุก3ปีหรือปรับไม่ต่ำกว่า30,000บาทหรืออาจต้องทั้งจำทั้งปรับนะค่ะ” ผมหันไปเห็นมินนั่งลุกขึ้นหันมายิ้มหวานให้ผม ผมยิ้มตอบเดินไปหามิน แสงแดดส่องเข้ามาทำผมมินเป็นประกายน่ารักเหลือเกิน
      “แล้วผมต้องเจอลงโทษยังไงบ้างละครับ”ผมถามแล้วยืนอยู่ข้างๆเตียง....................แล้วเราก็จูบกันอีกครั้งนานกว่านานทีเดียวก็การจูบจะเสร็จ..........
      “สรุปมินเป็นแฟนเจมหรือยังเนี่ย” มินถามผม
      “ยิ่งกว่าเป็นอีกเรารักมินมากรู้ไหม”ผมตอบมินยังเอามือคล้องคอผมอยู่
      “มินรักเจมนะ”มินพูดช้าๆเบาๆแต่ได้ใจความ
      .............................
      ...................
      “เจมก็รักมินครับ”
      (ถ้าภาคแรกก็จบตรงนี้อะครับ แต่มีต่อไปอีกยาวเลยถ้าขึ้นภาค2จะเอายังไงก็ช่วยๆลงความเห็นให้ด้วยนะครับ^^)
      ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
      ภาค2
      ฉันเกลียดมันมันต้องตาย……..
      มันอยุ่ร่วมโลกกะฉันไม่ได้นังตัวแสบ……….
      เธอพูดพลางหยิบมีดมากรีดรูปมินที่วางอยู่บนโต็ะ
      มีดนั้นทิ่มแรงจนโต็ะเป็นรูลึก………………….
      ผ่านมาเกือบอาทิตยแล้วที่มินกะผมเป็นแฟนกันมินเป็นผู้หญิงที่น่ารักมากครับ
      น่ารักที่สุดในโลกเลยขี้งอน
      หวงแล้วก็แครผมมากๆแต่มีอย่างหนึ่งที่ผมไม่สบายใจเลยแล้วก็รู้สึกหงุดหงิดมากด้วย………………….
      มินโดนแกล้งโดยไม่รู้สาเหตุหลายครั้งแล้ว…
      ใช่ครับใช่อ่านไม่ผิดหรอกครับ……
      โดนแกล้ง….
      ผมก็จำได้ไม่หมดรู้สึกเรือ่งแรกอะครับมีคนเอาหนังสือเรียนของมินไปทิ้งขยะทุกเล่มทุกวิชาเลยครับมีคนไปเจอแบบเละจนเอามาใช้ไม่ได้อีก
      ตอนนั้นผมดูหน้ามินแล้วสงสารครับ
      ได้แต่กุมมือมินเป็นกำลังใจอยู่เงียบๆ
      แต่การแกล้งก็หนักมากขึ้นครับ
      ครั้งหนึ่งเล่นเอาผมหงุดหงิดไปเป็นอาทิตยเลยมีคนเอารูปมินไปลงเว็ปขายตัว
      ผมขอสงวนชื่อเว็ปนะไม่อยากให้มีคนไปขุดๆมันขึ้นมาอีก
      ทิ้งเบอรไว้เรียบร้อย
      ชื่อจริง มหาลัยจริง
      และที่สำคัญครับเบอรโทรก็ยังของจริง
      แน่นอนครับมีนายบ้าโรคจิตทั้งหลายโทรมามากมายเลย
      พอมินรับเองก็จะพูดแบบไม่ขายแล้วเหรอ
      อยู่ไหนไปรับไหม
      บางคนถึงกะพูดลามกหยาบคายต่างๆเลยครับ
      ผมฉุนมากช่วงนั้นเหนื่อยครับ
      ผมต้องคอยด่านายพวก
      เชี้ยๆทั้งหลายที่คอยแต่จะโทรมา
      แต่บางทีมันเห็นผู้ชายรับมันก็จะวางๆไปอะครับ
      บางทีผมก็ต้องออกแรงด่ามันหลายต่อหลายรอบบางพวกโรคจิตหนักครับยิ่งด่ายิ่งชอบ
      คอยแต่จะโทรมาหามิน
      วันนั้นวุ่นวายมากชื่อมินดังไปทั่วมหาลัยเลยครับ………
      บางคนก็แบบไม่เชื่อไม่เห็นไม่รู้
      แต่ขอดูหน้าประมาณนั้น..มาคอยชะเง้อมองหน้ามิน
      มินก็ได้แต่เกาะแขนผมเดินไปเงียบๆในมหาลัยอะครับ ทุกคนในกลุ่มผมสงสารมินกันมาก พยายามหาตัวการ
      แต่เรื่องในเน็ตอย่างนี้มันคงจับมือใครดมไม่ได้ใช่ไหมละครับก็เลยเป็นการแบบคว้าน้ำเหลว
      ผมนั่งเครียดแบบทั้งวันเลยอ่ะครับ………………
      มินเอามือมาแตะหลังผมซึ่งนั่งอยู่ที่ม้านั่งริมทางเดิน “
      เจมไม่ต้องโกรธนะ มินไม่เป็นไรหรอกแค่นี้เองมินทนได้”
      ผมหันไปมองมิน มินพยายามฝืนยิ้ม
      รอยยิ้มของมินยิ่งทำให้ผมยิ่งโกรธหนักขึ้น
      “ไม่เป้นไรได้ไง ตอนนี้มันเสียหายไปมหดแล้วมินไม่เข้าใจหรอกว่ามันหงุดหงิดแค่ไหน ที่แฟนตัวเองโดนหาว่าเป็น…….”
      ผมหงุดหงิดหันไปอีกทางพยายามไม่มองหน้ามิน
      ผมรู้ผมไม่ควรโกรธมันไม่เป็นความจริงซะหน่อย
      “เป็น กะหรี่ใช่ไหม เจม” มินน้ำตาอาบแก้มทั้ง2ข้าง
      มินทุบอกผม
      “ใช่ไหมตอบมาสิ ใช่ไหม”ผมดึงมินมากอด
      “มินเจมขอโทษ มินไม่ได้ตั้งใจให้เป้นหยั่งงี้ เรารักมินนะ
      เรายอมไม่ได้หรอกหากมีใครจะมาทำลายมิน”
      “มินขอแค่ให้เจมเชื่อใจมิน อย่างที่มินเชื่อใจเจมก็พอ
      ทั้งมหาลัยมินไม่แครใครแล้วไม่สนใจด้วยว่าใครจะพูดยังไง
      มินแค่กลัว กลัวเจมจะทิ้งมินไป
      มินกลัวนะมินไม่อยากอยู่คนเดียวอีกแล้ว”
      ไม่นานข่าวต่างๆก็เงียบหายไปแค่การกลั่นแกล้งมินยังไม่จบ
      ภาพตัดต่อมินโป๋ริมทางเดิน มีโทรศัพท์โทรมาตอนดึกๆตลอดคืน พอรับก็มีไม่มีคนพูด ง
      านที่ส่งให้อาจารยก็หายไประหว่างทางอีก
      ผมรู้มินท้อมากแววตามินไม่แจ่มใสเหมือนเคยแล้ว มินจะกลัวจะระแวงทุกเรื่อง……………..
      จนพวกผมเองพลอยเหงาหงอยไปด้วย
      คืนนั้นที่บ้านนายบอยผมนั่งกินเบียรดีดกีตาร์ไปตามเรื่องพวกผมก็เฮฮาไปตามภาษาวัยรุ่นทั่วไปเรื่องมันน่าจะดีถ้าไม่มีเรื่องบ้าๆอย่างงี้ขึ้น “กรูสงสารมินวะแบบ น้องเขาไม่น่าจะเจออะไรอย่างงี้เลย”นายบอยเกรื่นเรื่องนำทุกทีความคิดมันมักจะโดนเบรคแต่คราวนี้กลับกลายเป็นเรื่องที่ดูมีสาระที่สุดตั่งแต่ผมเคยเห็นตั้งแต่คบกับมันมา “กรูว่านะต้องมีคนที่เกลียดยายมินแบบมาก มากเลยวะ กรูไม่เข้าใจเลยว่านายบ้าที่ใหนเกลียดเด็กน่ารักน่ารักอย่ามินลง แล้วถ้าลงมันเรื่องอะไร” ทุกคนหันมามองผม ใช่สิแฟนผมนิผมก็ต้องออกความคิดเห็นดีๆบ้าง “กรูไม่รู้วะ กรูรู้แค่ว่ากรูจะปกป้องมินแค่นั้นแหละ”อ้วกกกกกกกกกกกกทุกคนกวนตีนโดยมิได้นัดหมาย เอาเหอะวะ เอาเหอะทุกวันนี้กรูก็เห็นพวกมรึงหวานจนกรูหมั่นใส้จะตายห่าแล้ว อะนะหุหุ เห้ยหรือจะเป็นมรึงวะที่แกล้งมินอิจฉาในความหล่อของกรู ถุย อย่างเอ็งเนี่ยนะหล่อกรูยังคิดเลยว่ามินหน้ามืดมาคบมรึงได้ไง555555อยากจะหัวเราะเป็นภาษาอีนเดียวะT_T ไม่เป็นไรเว้ยสักวันนึงมินคงจะเห็นในความเท่ของกรูถึงตอนนั้นอย่าหาว่าพี่บอยไม่เตือนนะเว้ย.หล่อๆอย่างกรูอะเคยเป็นดัชชี่บอยมาแล้ว (แต่ผมว่าหน้ามันเหมือนแมงกุดจี่มากเลย) ปรกตินายบอยก็หน้าตากวนตีนอยู่แล้ว วันนี้หน้าตามันยิ่งกวนตีนหนักขึ้นกว่าเก่า หน้ามันคล้ายๆกระสอบทรายไปทุกทีแล้ว……………………..ผมคิดพลางขยับช่วงเท้าบริหารปลายตีน
      “เห้ยได้ไงวะ น้องมินอะของกรูเว้ยสาดดดดดดดดดพูดเงี้ยเสียดิ”นายโอ็ตไม่ยอมแพ้รีบเกทับทันที ผั้วะ ผมเตะตูดนาย ก้านคอนายโอ็ตแล้วตบนายแนทเบาๆเพื่อนเป็นการห้ามปากของพวกมัน ก่อนที่ผมจะฉุนมากกว่านี้ เวงแค่นี้เตะเจ็บนะเว้ยนายบอยโวยลั่น แล้วคืนนั้นก็ผ่านไปอย่างสงบสุข(หรือเปล่า)ท่ามกลางเสียงฮาและเสียงกวนตีนของพวกมันตลอดคืน
      มีคนมาชอบผมครับ ป่าวครับป่าวไม่ใช่มิน ……เธอสวยครับน่ารักมากสวยพอๆกะมินทีเดียว มันก็ไม่ถึงกะแน่ใจ100เปอรเซนหรอกว่าเธอชอบผม แต่เท่าที่ดูเหตุการณ์แล้วใช่แน่ๆ ผมเจอเธอที่ระเบียงของห้องเรียนผม ผมไม่รู้เธอโง่จริงโง่เล่นกันแน่เธอไม่รู้เลยละครับว่าผมกะมินเป็นแฟนกันอยู่ ดูเธอจะไม่สนใจด้วย เธอเข้ามาคุยกับผมแบบ นี่นาย อ้อเหรอ ชื่อไร เราเจนนะ เป็นเพื่อนกัน แล้วก็เกาะติดแน่น……..-__-||||ย้ำแน่นจริงๆ แต่พอมินมาเธอจะยิ้มแย้มสดใสแล้วก็ไม่เข้าใกล้ผม นายคำที่ว่าผู้หญิงมีมารยา108เล่มเกวียนก็ทำให้ผมซึ้งตอนเนี้ยแหละและก็ไม่นานแล้วก็ไม่ยากเลยครับ เธอคนนี้เป็นเพื่อนรักกะมินทันทีเลย ผมก็พอจะเข้าใจผู้หญิงก็มีเรื่องที่เล่าให้ผู้ชายฟังไม่ได้หลายเรื่อง เวลาจะไปห้องน้ำ ปรึกษาปัญหาหัวใจอะไรเทือกนี้ ผมก็ดีใจนะครับดีซะอีกมินจะได้มีเพื่อนที่เป็นผู้หญิง จะได้ไม่ต้องเกาะผมมากเกินไป แฟนเกาะก็ดีนะครับแต่บางทีมันก็ร้อนไม่อยากให้ใครมาเกาะมาแหะหรอกครับมันหงุดหงิด อิอิ วันนั้นพวกผมนั่งอยู่ที่โรงอาหารพวกผมก็แยกกันไปให้มินนั่งจองโต็ะแล้วมินอยากกินไรผมก็จะไปซื้อมาให้(กินแค่1จ่ายถึง2T_Tอะเหอ)ทำงี้ประจำคราวนี้ ยายวาวา(ตัวแสบ) อ้อลืมบอกไปครับเธอคนที่เข้ามาใหม่เนี่ยชื่อวาๆนะครับก็เกาะตามผมไปซื้อของด้วย เกาะซ้ายทีเกาะขวาที่ พอไปที่ร้านกำลังจะซื้อของครับ วาวาเขาก็มาจับมือผม ผมตกใจมากเลยแต่ยังไม่ได้สะบัดมือเขาออกได้แต่หันไปมองหน้าวาวาที่กำลังมองหน้าผมอยู่ครับ……………


      เจม เจมรักมินจริงหรือเปล่า..
      วาวาพูดหันมามองตาผมแบบสายตาที่อธิบายอะไรไม่ถูกผมได้แต่กลืนน้ำลาย
      “รักสิรักมากด้วยนะวาวา...........”ผมตอบแบบมั่นใจในคำตอบมาก ผมกะแบบแม้ว่ายายวาวาอะไรเนี่ยจะชอบผมอยู่
      หรือเปล่าก็ต้องยอมถอยให้ผมกะมินแน่ๆ
      “เหรอ...”วาวาพูดแล้วก็ยิ้ม
      ผมไม่เข้าใจเลยว่าเขาคิดอะไรอยุ่กันแน่
      “ยิ้มอะไรวาวา......บ้าหรือเปล่า” วาวาแค่ดีใจล่ะ
      ป้าแม่ครัวส่งถาดอาหารที่เพิ่งสั่งมาให้
      วาวาหยิบแล้วก็เดินออกมายืนคอยผมอยู่
      “ดีใจเรื่องอะไร”คำตอบของวาวายิ่งทำให้ผมวุ่นวายใจมากขึ้นไปอีกผู้หญิงคนนี้คิดอะไรอยู่กันแน่ผมอ่านไม่ออกเลยจริงๆ........
      ก็วาวาดีใจตอนที่วาวาถามเจมว่าเจมชอบมินมากหรือเปล่าแล้วเจมตอบช้านะสิ เจมรู้ตัวใหมว่าเจมหยุดคิดไม่ได้ตอบวาวาทันที
      “แล้วมันแปลกตรงไหนละวาๆมันแปลกยังไง”
      “นั่นก็แปลว่าเจมรักมินนะสิ.........................”วาวาตอบคราวนี้เธอหันหลังให้ผมเดินกลับไปที่นั่งกินข้าว
      ทิ้งไว้แต่คำพูดที่ให้ผมคิดทั้งคืน.........
      “แต่มันก็หมายความว่า เจมไม่ได้รักมินมากที่สุด”
      นี่เป็นคืนที่วุ่นวายใจผมมากที่สุด
      คำถามมากมายวนเวียนอยู่ในใจผม
      ภาพในหัวยังย้อนไปย้อนมาซ้ำๆภาพที่วาวายกถาด
      และคำพูดที่ว่า
      ผมไม่ได้รักมินที่สุด
      มันหมายความว่ายังไงผมถามกับตัวเองยากจริงๆกับคำถามนี้
      มีคนมาเคาะประตูห้อง....ผมก็ได้แต่บิดขี้เกียจแผลบนึงแล้วก็ลุกไปเปิดประตูน้องสาวยืนอยู่ยื่นโทรศัพทมาให้ผม
      “เฮียแฟนเฮียโทรมาละ”
      น้องสาวผมยื่นโทรศัพทให้.....
      ” ฮัลโหล มินเหรอ
      “ว้าอะไรกันคนอุตสาหโทรมาหาดันคุยเรื่องมินให้เสียอารมเงี้ยโกรธตายเลยนะค่ะ”
      เสียงวาวาลอดผ่านมาตามสาย
      เธอหัวเราะเล็กฟังแปลกหูทีเดียว
      ผมตกใจจนโทรศัพทแทบหล่น
      “โทรมาทำไมจะบ้าเหรอรู้ไหมนี่มันกี่โมงแล้ว”ผมด่าไปทันที
      “โถ่......เจมก็วาวาแค่อยากถามว่าพรุ่งนี้ช่วงบ่ายอาจารยสั่งให้เอาอะไรไปส่งหรือเปล่า
      วาวาไม่แน่ใจอะผิดมากเหรอ ถ้ารบกวนมากวางก็ได้นะ”วาวาฉุนจัด ผมโล่งใจเลยครับรู้สึกผิดทันที
      “ขอโทษ ขอโทษ โอ๋ๆๆๆ เราก็ไม่แน่ใจเดี้ยวเราเช็คหนังสือแป้บนะ”ผมเดินไปหยิบกระเป๋าสะพายข้างพลิกดูสมุดจดแล้วก็นั่งบอกรายการวาวาไป
      “แค่ นี่แหละวาวามีอะรอีกไหมเดี้ยวเราจะไปอาบน้ำแล้ว”ผมเอามือเกาพุง3ทุ่มกว่ายังไม่อาบน้ำเลย-_-||||
      “มีสิเจม”วาวาพูดเสียงร่าเริงมาตามสาย
      “ฝันดีนะค่ะคิดถึงเจมรู้ป่าว”
      แล้วเธอก็วางโทรศัพทไปครับ
      ทิ้งให้ผมยืนอึ้งอยุ่ตรงนั้น......................
      วันต่อมาผมไปรับมินที่บ้าน มินยืนหน้าบึ้งเป็นตูด................................ผมมองมินแล้วคิดในใจเลยครับ ชิบหายแล้ว มินขึ้นรถมาปุบดึงหูผมปั๋บเลยครับ “นี่ นี่ นี่ เจมระยะนี้มีข่าวเจมกะวาวาหนาหูมากเลยนะ............เจมทำไมเจ้าชู้อย่างนี้ นี่เจ้าชู้นักใช่ไหม”มินพูดพลางเริ่มบิดหูผมแล้ว เจ็บครับเจ็บ ตาก็มองถนน มือก็ขับรถ ปากก็พยายามพูดให้มินปล่อยผมก่อนที่จะกลายเป็นข่าวหน้าหนึ่งพรุ่งนี้.......... “โถ่มินฟังก่อนสิเอาข่าวมาจากไหน เชื่อใจเราหน่อยสิครับ”ผมพยายามอธิบาย “อ้อ.....นี่แปลว่ามันเป็นจริงใช่ไหม ทำไมต้องอธิบาย”เอาแล้วครับ มินยิ่งบิดแรงมากขึ้น มินเสียใจนะ “ทำไมทำไมหรือมินสวยไม่พอ จำไว้นะถ้าเจมจะนอกใจมิน มินก็จะนอกใจเจมเหมือนกัน”มินปล่อยมือนั่งกอดอกตามองไปอีกฟากไม่สนใจมองผมอีก ผมได้แต่ส่ายหน้า สงครามย่อยๆกำลังจะเริ่มขึ้นครับ .....................ผมเคยได้ยินคำว่าคนจะรักกันจริงต้องเคยทะเลาะกันกันอย่างน้อยก็สักครั้งหนึ่งถึงจะรู้ว่าคนๆนั้นจริงๆแล้วเขาเป็นยังไง แต่ถ้าเลือกได้ผมไม่อยากทะเลาะกะมินเลยครับ
      มินเดินลงรถไปแล้ว ผมบอกตอนเย็นเจอที่รถเลยนะเธอก็แค่ อืมๆแล้วก็เดินลงจากรถไป ผมปรับเบาะแล้วเอนนอนที่รถเปิดหน้าต่าง อีกมือกดปุ่มซีดีให้มันเดินแล้วนอนฟังเพลงต่อ กว่าผมจะมีเรียนก็เกือบเที่ยงได้ ขณะที่ผมกำลังจะหลับตานั้น สายตาผมก็เหลือไปเห็นกระเป๋าตังมินตกอยู่ “ทำไมซุ่มซ่ามอย่างนี้นะ”ผมบ่นกับตัวเอง หยิบกระเป๋าตังเดินลงรถไป ผมเดินขึ้นบันไดหลายชั้น ทำไมตึกสูงขนาดนี้ไม่มีลิฟ(วะ)ผมบ่นกับตัวเอง ผมวิ่งแบบก้าวที3ขั้นบันไดเพื่อไล่ให้ทันมินซึ่งขึ้นมาก่อนนานแล้ว ว้าย!ผมวิ่งชนกับคนที่สวนผ่านมา.....หนังสือร่วงลงพื้นกระจาย แล้วคนที่ชนกับผมก็กำลังจะตกบันได ตามหนังสือของเธอไปไม่รู้สัญชาติญาติ หรืออะไรดลใจผม ผมคว้ามือคนที่ตกดึงตัวเขามากอด เพราะยังไงผมก็เสียสมดุลตอนคว้าแล้วหล่นบันไดมาด้วยอยู่แล้ว ตุบเสียงผมตกจากบันได้ขั้นที่1หล่นลงมาถึงขั้นสุดท้าย (ประมาณ10ขั้นได้) อุก ผมร้องจุกไปหมดผมเอาหลังลง ความรู้สึกตอนนี้ชาไปทั้งตัวแต่ความคิดผมกับเป็นห่วงคนที่อยู่ในอ้อมแขนมากกว่า ผมกอดเธอมากกว่า1นาทีผมไม่มีแรงปล่อยมือตอนนี้ตัวผมชาไปหมด กว่าแรงจะกลับมาเพื่อปล่อยมือออกก็นานทีเดียว “เป็นอะไรหรือเปล่าครับ ผมถาม”ยังมองไม่เห็นหน้าคนที่ผมช่วยเลยผับผ่าสิ “ไม่เป็นไรค่ะคุณละค่ะ” เสียงเธอฟังคุ้นหู
      ผมเงยหน้าดูแล้วก็ตกใจกับคนที่อยู่ในอ้อมแขนผมมาก “วาวา”ผมตะโกนลั่น
      “ก็ใช่นะสิเจมนี่สุภาพบรุษจัง วาวาดูไม่ผิดจริงๆ” วาวายังนั่งอยู่บนตัวผมเธอเอามือยันตัวลุกขึ้นเอามือเสยผมเล็กน้อย ผมของเธอดำสรวย ไหลลงมาตามร่องคอ ทิ้งให้ผมซึ่งจุกอยู่ทำอะไรไม่ถูก เธอยังไม่ยอมลุกออกไป แล้วความซวยที่สุดก็ดลใจเหลือเกินที่จะให้มิน เดินลงมาจากห้องเรียนเพราะหากระเป๋าตังไม่เจอ ยืนมองอยู่ตรงขั้นบันใดชั้นบนสุด ผมไม่รู้ว่ามินเห็นภาพที่เกิดขึ้นตอนใหน และส่วนไหนผมรู้แค่ว่ามินวิ่ง.....ออกไปจากตรงนั้นทันที ทันทีเมื่อผมรู้ตัวว่ามินอยุ่ตรงนั้น...........มิน..........ผมผลักวาวาออกวิ่งตามไปทันที เจ็บก็เจ็บ เหนื่อยก็เหนื่อย แต่ตอนนี้ผมรู้แค่ว่าผมต้องตามมินให้ทันเท่านั้น แน่นอนผมวิ่งเร็วกว่ามินในที่สุดผมก็คว้าข้อมือของมินได้.....ผมฉุดตัวของมินไว้ มินหันมาน้ำตาอาบหน้า ก่อนที่ผมจะพูดอะไรฝ่ามือของมินก็มาตบหน้าผม
      เผี้ยะดังลั่น..........ตรงสุดทางเดิน มินสงบลงแล้วเธอยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าผม เธอยืนร้องให้หนักจริงๆผมก้มหน้ามองหาผ้าเช็ดหน้าให้มิน ทันใดนั้นมินก็พูดออกมา ผมยังไม่แน่ใจเลยว่าผมฟังผิดหรือเปล่า ผมได้ยินแค่ว่า “เจม............เราว่านะ.........เราเลิกกันเถอะ”
      ดาดฟ้ามหาลัย ผมนั่งดูดบุหรี่อยู่ ลมด้านบนพัดตีหน้าอย่างน้อยมันก็ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้น มินไม่ฟังอะไรเลย เธอพูดประโยคนั้นแล้วเธอก็เดินจากไป ความรู้สึกของผมราวกับนั่นจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมจะเห็นมิน ผมพยายามนึกว่ามันเป็นฝัน แต่ความเจ็บที่ข้างแก้มยิ่งตอกย้ำว่าเหตุการณ์ที่ผ่านมานั้นเป็นเรื่องจริงๆ
      โทรศัพทมือถือดังหลายครั้ง ผมคอยหยิบมาดู นายบอย นายโอ็ต นายแนท แล้วก็คนอื่นๆผมไม่สนใจหรอก ตอนนี้ผมคอย คอยแค่ชื่อของมินที่จะปรากฎบนมือถือของผม แต่มันก็ไม่มีไม่มีมาสักครั้งเดียวน้ำเริ่มขังที่ตาผม ผมพยายามเช็ดมันออก ผมคิดว่าผมจะไม่ร้องให้ ผมไม่ร้องให้มานานแล้ว ผมฝืนตัวเองเต็มที่เงยหน้าขึ้น แต่น้ำตาก็ยังไหลลงมาอาบสองแก้ม............. เห้ย!มานั่งปี่แตกอะไรตรงนี้คนเดียววะ เสียงนายบอยกระแซะมา ผมหันไปมองมันตกใจว่ามันเจอผมได้ไง นายบอยหันไป ตะโกนบอกคนอื่น “เห้ยเจอแล้วเว้ยยั่งอยู่เนี่ย”ผมหันไปมอง เพื่อนผมเดินผ่านประตูดาดฟ้ามาทีละคนทีละคน ทุกคนเดินตรงมาที่ผม พวกมันยิ้มแต่ไม่พูดอะไรราวกับเข้าใจเรื่องราวทุกอย่าง รวมทั้งความรู้สึกของผมด้วย.................. “มรึงเจอกรูได้ไงวะผมถาม” นายบอยกับเพื่อนๆนั่งอยู่รอบๆผม พวกผมนั่งบนกำแพงดาดฟ้า ความรู้สึกผมดีขึ้นมาก อย่างน้อยผมก็ยังมีเพื่อนๆนั่งอยู่รอบๆผม “กรูเจอมรึงครั้งแรกตรงนี้ แล้วก็ตรงเนี้ยที่กรูกะมรึงเป็นเพื่อนกัน.................กรูต่อยกะมรึงครั้งแรกก็ตรงนี้ แล้วคราวนี้กรูเห้นมรึงร้องให้ครั้งแรกก็ตรงนี้วะ” นายบอยเหน็บผมครั้งยิ่งใหญ่ที่เดียว “เห้ยไม่ได้ร้องเว้ย ควันบุหรี่มันปลิวเข้าตาต่างหาก....ผมพยายามแก้ตัว “เหรอ...กรูว่ามันคงเป็นควันที่ชื่อว่ามินหรือเปล่าวะ”นายบอยแซวผมเล่นๆแต่เล่นเอาผมเงียบไปเลยครับ...
      วันนี่กินข้าวแบบไม่มีมิน บอกตรงๆครับไม่อร่อยเลยผมพยายามมองหามินจากคนรอบๆไม่เห็นเลยครับไม่เห็นแม้แต่เงา ผมได้แต่ถอนใจเอาช้อนเขี่ยข้าวไปมาไม่อร่อยเลย ผมว่าวันนี้ผมคงกินไม่ลงแน่ๆ......................แล้วมินก็มานั่งข้างๆผม กิน กิน กินแล้วก็กิน บอกตรงๆผมไม่เคยเห็นมินกินเก่งขนาดนี้มาก่อน
      “ถ้าขอโทษ มินจะยกโทษให้ก็ได้นะ”มินพูดมาโดยไม่หันมามองผมเลย...........ข้าวกองอยู่ตรงหน้า ไม่สนแล้ว
      มิน เจมขอโทษเจมผิดไปแล้ว ผมพยายามอ้อนวอน อ้อเหรอ มินพูดช้อนตักข้าวเข้าปากไม่สนใจอีก ใช่ซี้ อย่างเจมอะคงเคยพูดหยั่งงี้มากะผู้หญิงเป็นร้อยเป้นพันแล้วก่อนคบมินก็เคยเห็นเดินกะคนนั้นคนนี้ ถามจริงเหอะเคยจริงใจกะใครบ้างใหม........ก็เคยสิกับมินไง ผมยังพูดไม่จบ ซ่า....น้ำเย็นๆจากแก้วในมือของมินก็สาดกระจายเต็มตัวของผม........มินโยนแก้วลงพื้นสายตาเย็นชา ..............หรือเรื่องของเราจะจบลงกันแน่...
      มินจากผมไปแล้ว.......ผมได้แต่เดินหลบออกมาจากสายตาของผู้คน ผมไม่อยากให้ใครตามแล้วผมก็ไม่อยากพบเจอใคร.......ผมนั่งลงที่ขอบสระว่ายน้ำของมหาลัย ไม่มีคนเลย......ผมจ้องลงไปในความลึกของสระ น้ำใสๆตัดกับกระเบื้องสีฟ้าดูสวยเหลือเกิน ผมท้อใจกับตัวเองมาก ผมหย่อยเท้าลงในสระแล้วก็ทิ้งตัวลงไปทั้งตัว ในหัวมีเรื่องให้คิดมากมายจริงๆ ผมรู้สึกสบายบอกไม่ถูก ความรู้สึกที่ค่อยๆจมลงไปในน้ำมันช่วยให้ผมลืมมินไปได้มากทีเดียว.......ผมเริ่มทบทวนวันเวลาที่อยู่ด้วยกัน ความสุขและเสียงหัวเราะของมินไม่เคยจะหายไปจากในหัวใจผมเลย ภาพความทรงจำเก่าๆไหลทะลักเข้ามาเหมือนกับสายน้ำ ความอึกอักเริ่มเข้ามาเยือน..........ผมลืมตามองด้านบน ภาพสั่นไหว สมองสั่งให้ร่างกายเสาะหา อากาศ แต่หัวใจกลับคิดว่า..ตายซะก็ดี
      ภาพรอบข้างเริ่มมือไปหมดร่างกายเริ่มกระตุกเล็กๆเป็นจังหวะความอึกอัดและทรมาน...แผ่กระจายไปทั่วทั้งร่างกาย นี่หรือความตายที่ทุกคนรู้จักกัน ตูม..........เสียบางสิ่งกระทบน้ำคือสิ่งที่ผมได้ยืนเป้นครั้งสุดท้าย....ก่อนที่สติของผมจะเลือบลางจนดับไป.........
      ผมสะดุ้งตื่น.......รอบข้างมืดไปหมด...ผมตายแล้วเหรอผมไม่แน่ใจกับภาพโดยรอบ เริ่มสำรวจตัวเอง ผมยังหายใจหาย หายใจอย่างสม่ำเสมอ ผมยังไม่ตาย แค่ไม่มีแรงเท่านั้น ผมรู้สึกมีอะไรมาติดเต็มตัวผมไปหมด ผมได้แต่คลำหาสวิตทไฟที่ไหนสักแห่ง...แล้วผมก็กดมันลงไป พรึ่บไฟสว่างที่หัวเตียงเป็นแสงอ่อนๆ อย่างน้อยมันก็ช่วยทำให้ผมเห็นรอบข้างบ้าง.............ภาพที่ผมเห็นภาพแรก แม่นั่งพิงพ่ออยู่ที่โซฟามุมห้อง.........มือของทั้งคู่ประสานกัน นายบอย นายโอ็ต นายแนท และคนอื่นๆนอนตรงโต้ะบ้างเก้าอี้บ้างดูสับสนไปหมด ที่พื้นนายบอยยังกลิ้งอยู่ที่มุมห้อง มันบ่นพึมพำอะไรไม่รู้ น้องสาวนอนหลับอยู่ที่ปลายเตียง ตายังหลับพลิ้มมือยังถือมีดปลอกผมไม้อยู่เลย และที่ผมเห็นชัดเจนที่สุดก็คือมิน มินที่นอนอยู่ข้างๆปลายมือของผม แก้มของมินเลอะคราบน้ำตาเกรอะไปหมด ทำให้แก้มของเธอดูหมองไปบ้าง............แต่ก็ยังหน้ารักอยู่ น้ำตาใสๆปิ่มขอบตาและไหลลงมาอาบ2แก้ม มินพึมพำออกมาสั้นๆเบาๆ เจม....เจมอย่าเป็นไรนะ ผมได้แต่เอื้อมมือไปปาดน้ำตาออกจากสองแก้มของมิน และเมื่อไหร่ไม่รู้ที่น้ำตาก็ไหลอาบบนหน้าของผม......
      แล้วสิ่งที่ทำให้ผมประหลาดใจมากที่สุดก็คือวาวา ก็นอนถัดออกไปไม่ไกลจากมินเลย ผมมองวาวาแล้วก็หันมามองมิน ผมไม่เข้าใจความคิดวาวาเลยเธอรักผมเหรอ แล้วทำไมต้องพยายามทำลายผมด้วยในเมื่อเธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าผมรักมินมากแค่ไหน สาวสวยสองคนนอนล้อมเตียงผม ผมเอามือลูบหัวมินเบาๆเหมือกำลังลูบหัวเด็กตัวน้อยๆ มินลืมตาขึ้นมองดูผม...............ผมเอามือป้องปากไม่ให้มินส่งเสียง ผมไม่อยากให้มินทำทุกคนตื่น ตอนนั้นบรรยากาศในห้องมีแต่ความเงียบเท่านั้น มีเพียงผมกะมินที่ยังพูดคุยกันอยู่เบาๆในห้องนี้
      ห้องนี้
      มินกุมมือผมเอามือผมมาจับ จับ จับ จับอยู่อย่างนั้นราวกับกลัวว่ามันจะสลายไป เธอเอามือของผมไปแนบแก้มเธอยิ้มออกมา ปล่อยให้ผมสงสัยกับอาการประหลาดของมิน “มินคิดว่ามินจะไม่มีโอกาส จะจับมือใหญ่ๆของเจมอีกแล้ว”มินขอโทษเจมมินมินไม่เคยรู้เลยว่า เจมจะแคร แครคนอย่างมินขนาดนี้ มินพูดเงียบๆมือผมยังแนบข้างแก้มมิน สัมผัสได้ถึงความรู้สึกอบอุ่นที่ถ่ายถอดผ่านมือเล็กๆนั้น.....
      เราไม่ได้ทำอะไรเพื่อมิน เราแค่ทำไปตามความรู้สึกของเรา การจะรักการจะเกลียดใครสักคน เราฝืนไม่ได้หรอก...มิน....ทุกอย่างต้องใช้เวลาก่อเกิดมันขึ้นมา การที่เราแครมินมากเราก็ไม่เข้าใจตัวเองเลยเหมือกัน.......แต่วันนี้แค่มินยังอยู่ใกล้ๆเรา เราก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว
      ผมกะมินพากันเดินไปที่ระเบียงดาดฟ้าช้าๆผมเอามือข้างนึงเกาะเอวมิน มีมินเดินถือขวดน้ำเกลือให้ ผมมองดูดาว........คืนนี้ฟ้าโปล่งเห็นดาวชัดเจนเหลือเกิน แต่ก็น้อยกว่ามินที่อยู่ข้างๆผม ลมพัดกลางคืนเย็นจนขนลุก ผมได้แต่กระชับแขนข้างที่โอบมินให้ใกล้กันยิ่งขึ้น อย่างน้อยตรงนี้ก็คงอบอุ่นกว่าที่ไหนๆ
      “มินไม่โกรธเจมเหรอ ที่เรากอดกะวาวาที่ทางเดิน.......” ผมถามตายังคงมองฟ้า ผมไม่กล้าสบตามินเลยในคืนนี้
      “ไม่โกรธหรอก เราจะเชื่อใจคนที่เรารัก มันผิดด้วยเหรอ ที่มินงี่เง่าเจมก็อย่าเกลียดมินนะ” ได้หรือเปล่า มินถามผม
      ผม..ก้มหน้าไปใกล้มินแล้วเราก็จูบมินมันเป็นจูบที่แทนคำตอบของทุกสิ่งที่เกิดขึ้น โดยไม่อาศัยคำพูดหรือคำอธิบายใดๆเลย.............
      เลย.............
      วาวาไม่ยอมให้มันเป็นแบบนี้หรอก..........เสียงของวาวาพูดมาจากด้านหลัง ผมกะมินหันไปตะลึงกับมีดผลไม้ในมือ ผมงงและไม่แน่ใจกะภาพที่เห็น ผมรู้แค่ว่า วาวากำลังถือมีดจ่อมาที่ผมกะมินอยู่
      “มินขี้โกง วาวา มองเจมสมาก่อนตั้งนานแล้ว ทุกครั้งที่เรียนในห้อง เวลาที่เจมอยู่กะเพื่อน เวลาที่เจมคอยฟังอาจารยแล้วจดบันทึก แล้วอีกมากมายที่วาวา อธิบายไม่ถูก แล้วอยู่ๆมินก็จะมาแย่งเจมไปอย่างงี้”วาวาพูด สายตาของเธอเย็นชา มันเป็นสายตาที่ไม่น่าออกมาจากผู้หญิงน่ารัก น่ารักคนนี้เลย ผมของเธอตกเป็นประกายดำ ปรกติคงจะดูสวยมาก แต่ตอนนี้วาวากลับเหมือน ตุ้กตา ที่ไร้หัวใจยังไงอย่างนั้น “วาวา อย่าทำอะไรบ้าๆนะ ใจเย็นๆมีอะไรค่อยๆคุยกัน”ผมพยายามห้ามวาวา แต่ดูเหมือนเธอจะไม่ฟังแล้วก็ไม่พยายามเข้าใจอะไรเลย
      “เจม ทำไมเจมไปรักผู้หญิงแบบนี้ ..............ดูมันสิเจมแกล้งทำเป็นไร้เดียงสา ความจริงมันก็ร่านไม่ได้เข้ากับหน้าตาที่เจมเห็นหรอก ผู้ชายก็แบบนี้ ขอแต่น่ารักอ่อนหวานก็เอาได้หมด”วาวาพูดดังขึ้น ดังขึ้นทุกที ผมมายืนบังมินเอาไว้ มินไม่กล้าสบตาวาวา มินเอามือกุมเสื้อผมแน่น ไม่ผิดหรอกครับ มินกำลังกลัวอยู่แน่ๆ “วาวาไม่ดีตรงไหน ตรงไหนที่วาวาด้อยกว่ามัน เสื้อผ้าทรงผม หรือสีผิว เจมบอกมาสิ บอกมา วาวาเปลี่ยนให้หมด”วาวาตะโกนดังลั่น คนในห้องตื่นหมดแล้ว ไม่มีใครกล้าขยับ ทุกคนรู้ว่าตอนนี้วิธิเดียวที่จะไม่มีใครบาดเจ็บ ก็คือผม ผมคนที่ต้องคุยกะวาวาให้รู้เรื่อง เพื่อตัววาวา ผมและก็มินเอง บรรยากาศในห้องตึงเครียด ผมเหลือบดูนาฟิกา ตี2กว่าแล้ว ผมยังไม่น่าตื่นมาเจอเรื่องวุ่นวายอย่างนี้เลย ผับผ่าสิ.......
      สิ.......
      วาวาเดินถือมีดเดินเข้ามาใกล้ทีละก้าว ทีละก้าว ผมได้แต่ยืนบังมินมากขึ้น สายน้ำเกลือหลุดจากแขนไปนานแล้ว ผมได้แต่จ้องหน้าวาวา แต่เธอก็ไม่ได้หวั่นเกรงเลย ยังเดินเข้ามา เข้ามาใกล้จนจะถึงมินอยู่แล้ว
      “ทุกอย่างก็เป็นเพราะ แก เพราะแก.........ถ้าไม่มีแกสักคน คนที่เจมจะรักก็จะมีฉันคนเดียว”วาวาตอนนี้เหมือนคนบ้า ผมเป็นผู้ชายยังรู้สึกกลัวเลย............. “งั้นเรื่องต่างๆที่มีคนแกล้งมิน วาวาก็เป็นคนทำใช่ไหม”ผมถาม อย่างน้อยก็ทำให้วาวาชะงักไปบ้าง “ใช่สิ...........ใช่วาวาทำเอง ผู้หญิงอย่างมันก็ควรโดนซะบ้าง ตั่งแต่มันมาไม่มีอะไรดีซักอย่าง วาวามีค่าบ้างไหมในสายตาเจมตั้งแต่นายนี่มา มันแย่งทุกอย่างไปจากชิวิตฉัน”แม้แต่รอยยิ้มของเจมที่เคยหันมายิ้มให้วาวาบ้าง........ รู้สึกว่าวาวาจะไม่สนใจอะไรแล้ว วาวาเดินตรงมาหามินเงื้อมีดขึ้นสูง....................สวบ........เสียงมีดเสียบเข้าเนื้อ............. ภาพต่อเนื่องก็คือ ชายคนนึง ที่กำลังกอดวาวาโดยมีมีดปักที่ท้องเขาอยู่............
      “ขอบใจนะกับความรู้สึกที่วาวามีให้เรา” ผมยิ้ม มีดยังปักที่ท้องอยู่ ความรู้สึกชาแผ่ซ่านไปทั่ว นี่นะหรือความรู้สึกของคนที่ถูกแทง “เจม เจมทำหยั่งงี้ทำไม ไม่นะ ไม่นะ” วาวาทิ้งมีดเธอพยายามเอามือมากดห้ามเลือดให้ผม แต่คงไม่ทันแล้ว เลือดข้นๆยังไหลออกมาตามร่องนิ้วของวาวา ผมยังได้แต่ยิ้มให้.............ไม่ได้สนใจแผลของตัวเองเลยมันชาจนไม่รู้สึกเจ็บแล้ว “อย่าเสียใจนะที่แทงเรา เราไม่เสียใจหรอกที่วาวาเป็นคนแทง................”ผมพยายามพูด ผมเริ่มหนาวแล้วละมันเป็นยังไงก็ไม่รู้............. “แต่เราคงจะเจ็บมากกว่านี้ถ้าวาวาแทงมิน ........... เรารักมินนะ ไม่น้อยกว่าที่วาวารักเราขอโทษที่เรารักวาวาไม่ได้ และไม่เคยสังเกตุเลยว่าเธอจะชอบเราขนาดนี้”ผมทรุดลงยันพื้น ขาไม่มีแรงเลยสิ โถ่เว้ยมีดคงแทงไปลึกมาก..........วาวาเอามือประคองผม วาวาร้องให้หนัก ผมฟังเธอไม่รู้เรื่องแล้วสิ แต่ผมก็ได้แต่พยายามฝืน ผมอยากจะได้ยินคำนี้ก่อนที่ผมอาจต้องจากทุกคนไป “สัญญาได้ไหม วาวา สัญญากะเรานะ ว่าจะไม่ทำร้ายใครอีก มือของวาวาไม่ได้มีไว้เพื่อทำร้ายใคร อย่าเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เราดีใจนะ ดีใจที่ได้รู้จักวาวา รู้จักทุกคน......เราอยากย้อนเวลาจริงๆ ไปในวันที่เราอยู่ด้วยกันหัวเราะด้วยกัน..อีกครั้ง”ผมฝืนจริงๆแล้วเลือดไหลไปตามทางเป็นแนวยาว หายใจลำบากขึ้นทุกทีแล้วสิ
      “สัญ......ญา ได้ไหม....ว่า.....จะ......ไม่ทำ..ร้ายมิน..อีก” ผมพยายามพูด วาวากุมมือผมแน่น ผมยังคงมองวาวา รอคำตอบจากปากของเธอ ........................ ค่ะ.................น้ำตาวาวาไหลมาโดนหน้าผม.......วาวาตอบ แล้วผมก็หมดสติไป
      เจมนี่คงเป็นจดหมายฉบับแรกที่มินเขียนให้เจมตั้งแต่เรารู้จักกันมา..........เจมยังนอนหลับอยู่เลย.........เจมคงไม่รู้หรอกว่ามินอยากคุยกะเจมแค่ไหน.........มินแวะมาหาเจมทุกวันเลยนะพอเลิกเรียน มีคนมาจีบมินบ้างประปราย แต่เจมไม่ต้องห่วงนะมินไม่สนใจหรอก............เมื่อไหร่เจมจะตื่นล่ะ พ่อแม่ของเจมเป็นห่วงมากเลยรู้ไหม ถ้าเจมคิดจะล้อเล่นมันก็ใจร้ายเกินไปนะ ตั้งแต่เจมหลับไป มินเหงามากเลยพูดจาอะไรก็ไม่ยอมตอบ....
      ทุกคนในกลุ่มสบายดีนะไม่ต้องห่วง บอยก็ยังขยันแซวมินเรื่องเจม ยังกับกลัวมินจะลืมเจมหยั่งงั้นแหละ.ทุกคนดีกับมินมากเจมไม่ต้องห่วงนะ.............อีกไม่กี่วันก็จะวันเกิดเราแล้วละเจม ปีนี้มินอยากจะฉลองวันเกิดกับเจม2คนจริงๆเลย มินผ่านป้ายรถเมล์ที่เราเจอกันวันแรกบ่อยๆจำได้ไหมที่มินตบหน้าเจม ตลกเนอะดูไม่มีเหตุผลเลย..........
      มินนี้เหมือนคนบ้าเลย.............เจมเมื่อไหร่เจมจะฟื้น........มินอยากคุยกะเจมมากเลยนะจริงสิวาวากะมินเป็นเพื่อนรักกันมากเลยนะตอนนี้วาวาไม่เคยทำไม่ดีกะมินเลย......ทุกคนก็ไม่เอาเรื่องวาวาด้วยละเจม ทุกคนเข้าใจและก็ยกโทษให้วาวา มินก็ไม่รู้นะว่าวาวารักเจมแค่ไหน แต่มินไม่ยอมแพ้หรอก ก็มินรักเจมนิ..รักเจมไม่น้อยกว่าใครๆแน่ แต่อยากรู้ว่ารักแค่ไหน มินไม่บอกหรอก รอเจมตื่นมาฟังคำตอบเองดีกว่า มินจะรอนะเจมจะรอจนกว่าเจมจะฟื้น.......ไม่ว่ากี่วัน กี่เดือนแล้วก็ไม่ว่ากี่ปี.....
      p.sมีเรื่องตลกมาเล่าแหละ วั้นนั้นนะมีปารตี้เล็กกันฉลองสอบเสร็จ วาวาเขาซื้อ โอริโอ้มาเยอะแยะเลย พอมินถามว่าซื้อมาทำไมอะ เขาก็ตอบมาว่าเจมชอบแหละ ทั้งๆที่เจมยังนอนโรงพยาบาลอยุ่เลยแปลกคนเนอะ
      ยังรักเจมเสมอนะค่ะ
      มินค่ะ
      นค่ะ
      ผมฟื้นแล้วครับยังแข็งแรงและร่าเริง ผมสลบไปแค่3วัน มินทำยังกะผมจะจากไปตลอดกาลอย่างงั้นตอนผมตื่นก็เที่ยวโทรบอกใครต่อใครวุ่นวายไปหมด ผมละเซ็งจริงๆ-_-||| นายบอยบ้ากว่าเพื่อนเป็นผู้ชายแท้ๆทั้งเกาะทั้งกอดจนผมขนลุกไปทั้งตัว แผลที่ท้องยังไม่หายเลยครับ เจ็บจริงๆเจ็บไม่หาย........แต่ที่ท้องนะครับเรื่องเล็ก กับการที่มินป้อนข้าวป้อนน้ำ ทำให้ผมแทบลืมไปเลยว่าเจ็บเป็นยังไงคงไม่ต้องบรรยายนะครับว่ามีความสุขขนาดไหน...........
      ช่วงนี้สบายครับมี2สาวคอยดูแล พอมินเรียนวาวาอยู่ พอวาวาอยู่มินก็เรียน วาวาบ้าหนักครับ นั่งกะผมอยู่ดีๆบางทีก็ร้องให้ ขอโทษ ขอโทษอยู่นั่นแหละ.........ผมยังนึกเสียวๆอยู่เลยว่าเธอจะหวนมาแทงผมตอนหลับหรือเปล่า –“- มินไม่หึงวาวาครับ แปลกคน ผมเคยถามเธอก็บอกแค่ว่ามินเป็นผู้หญิงและมินก็เข้าใจวาวาดี เจมอย่า...............รังเกียจวาวานะ ถ้าเป็นวาวามินไม่หึงหรอกยกให้คน -_-เวงกรรม
      ตอนที่อยู่ในโรงพยาบาลวุ่นวายที่สุดในชิวิต พยาบาลไม่รู้กี่แผนก มารุมล้อมผม บางคนก็มานั่ง
      ฟังเรื่องของผมกะมินอยู่อย่างนั้น บางทีวัดใข้นานเป็นชั่วโมง แต่ผมก็ยินดีนะครับ ที่จะเล่าเรื่องของผม มิน แล้วก็อาจจะติดวาวา มาด้วยให้ฟัง บางคนก็เรียกผมแบบ หนังควาย ตายยากอะไรประมาณเนี้ย บอกตรงๆไม่ชอบเลยครับ......
      แต่ผมก็จะพยายามนะครับ โถ่ก็ผมต้องดูแลมากกว่าคนอื่นตั้งสองคน ต่อไปผมคงเหนื่อยแย่เลยครับ อิ อิ ^_^
      (ภาค3.....จะมีคนอ่านไหมน้าT_T)
      ________________________________________________________________
      ภาค3
      “ อะไรนะมิน............เจมฟังไม่ชัด” ผมเสียงดัง ไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่พึ่งได้ยินมา “ใช่แล้วเจม เจมฟังไม่ผิดหรอก มินกำลังจะไปอเมริกาค่ะ”................
      “แล้วที่ผ่านมาละมิน เราฟันฟ่ากันมาเพื่ออะไรกว่าเราจะได้อยู่ด้วยกันได้เจมไม่ยอมหรอก” มินเอามือมาเกาะชายแขนเสื้อผม มินเข้าใจเจมน่ะ แต่ทางบ้านเขากำหนดมาแล้วต้องไปเดือนหน้าแล้ว มินคงขัดใจคุณพ่อมินไม่ได้หรอก ผมได้แต่เงียบ อึ้ง มึนแล้ว ก็งง เรื่องมันเกิดขึ้นเร็วมาก แผลที่ท้องผมยังไม่หายเลย ผมกำลังคิดว่าพอผมออกมาจากโรงพยาบาล ชิวิตผมคงมีแต่ความสุข ชิวิตที่มีมินอยู่ข้างๆตลอดเวลา แต่นี้อะไร มินกำลังจะจากผมไปอีกแล้ว “ดวงเราคงไม่สมพงศกันเนอะ ไม่เคยมีโอกาศจะได้อยู่กันนานๆเลย”มินพูดแบบเศร้าๆ ตาเหม่อลอยมองฟ้า ผมไม่รู้ว่ามินกำลังคิดอะไร แต่ภาพมินมองฟ้าตอนนี้ ก็สวยเหลือเกินแล้วล่ะครับ
      “เดี้ยวพี่จะไปคุยกะพ่อมินให้”ผมลุกขึ้น กะขับรถไปบ้านมินกะมินตอนนี้เลย.........อย่างน้อยจะได้คุยกะพ่อของมินให้รู้เรื่องเลย “เจมอย่าทำอะไรบ้าๆนะ......มินไม่เล่นด้วยหรอก เข้าใจเหตุผลบ้างนะค่ะ ผู้หญิงไม่ชอบผู้ชายตื้อมากหรอก เจมใจเย็นๆสิ” มินพยายามบอกกะผม แต่จะให้ผมเย็นลงไม่ง่ายเลยครับในตอนนี้
      เดี้ยวมินกลับบ้านก่อนนะ มินบอกลาผม เธอหยิบหนังสือมาแนบอกเดินจากไปเงียบๆ........................แล้วนั่นก็เป็นวันสุดท้ายที่ผมได้เจอกับมิน
      “โทรศัพท์ที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ โปรด....”............. โครมผมกระแทกหูโทรศัพท์ 3 วันแล้ว มินไม่มาโรงเรียน ไม่มาพบ ไม่มีแม้กระทั้งเมดเสดสักฉบับ และที่สำคัญผมติดต่อมินไม่ได้เลย มินไม่เคยเป็นหยั่งงี้.............เมื่อวานเป็นวันสอบวันสุดท้าย ทุกคนไปฉลองกันแต่มินก็ยังไม่โผล่มาเลยแม้แต่เงา ผมได้แต่ถามตัวเอง ทำไม เพราะอะไรมันเกิดอะไรขึ้น ความรู้สึกที่เกิดขึ้นคืออะไรกันแน่มันอึดอัดทรมาน คิดถึงแต่หน้ามิน ผมไม่ชอบความรู้สึกนี้เลย มันเป็นความรู้สึกแบบว่า ผมจะไม่ได้พบกับมินอีก
      ผมขี่มอไซด์ที่กองอยู่ในโรงรถที่บ้าน ซึ่งไม่ได้ขับมานานแล้วไปเรื่อยๆ ขับไกล ไกล และไกลออกไป ผมไม่ได้ดูป้ายดูทางด้วยซ้ำ ผมแค่อยากหาที่สงบๆสักที่ คิดถึงมินคนเดียว.........ขับมาถึงสวนสาธาระณะแห่งหนึ่ง เวลาพึ่งจะย่ำเช้า นกยังร้อง จิ้บ จิ้บ ..ไปทั่วทั้งสวน กรุงเทพมีที่สวยขนาดนี้ด้วยหรือ ผมจอดรถข้างทาง มือคลำหาบุหรี่มาดูด ทำลายธรรมชาติ ผมนั่งผิงม้านั่งสีขาวตัวหนึ่ง น้ำค้างที่ยังเปียกๆเกาะเต็มเก้าอี้ มันทำให้เสื้อผมเปียก แต่ผมก็ไม่ใส่ใจหรอก ผมก้มหน้าเขี่ยขี่บุหรี่เบาๆให้มันกระทบพื้น แต่น้ำใสๆก็หล่นกระทบพื้นก่อนบุหรี่ซะอีก “มิน มิน มินอยู่ไหน เจมคิดถึงมินเหลือเกินรู้ไหม ตอนนี้”
      พี่ค่ะเป็นอะไร ไปเหรอ ผมเงยหน้าขึ้นมอง เด็กผู้หญิงคนนึงอายุไม่น่าจะเกิน7ขวบยืนมองผมอยู่ ดวงตาของเธอกลมโต ดูน่ารัก เธอเป็นเด็กผิวขาวดูเป็นลูกผู้ดีที่ไหนสักแห่ง เธอมองมาที่ตาของผมซึ่งกำลังแดงก่ำจากการร้องให้ เหมือนกับจะมองทะลุทีเดียว เด็กคนนั้นยิ้ม ไม่กลัวผมด้วยซ้ำ ผมเงยหน้ามองหาแม่เด็ก ไม่มีใครอยู่บริเวณนั้นเลย “พี่ขาพี่อย่าร้องเลยหนูมีของดีจะให้ค่ะ”เธอเอามือล้วงหาของจากกระเป๋าใบเล็กๆที่สะพายมาข้างๆ เธอยื่นอมยิ้มสีแดงเล็กๆน่ากินมาให้ผมอันนึง.........เอาไปสิค่ะพี่.....หนูให้นะค่ะเธอยังยัดอมยิ้มสีแดงอันเล็กๆอันนั้นให้ผม...............ผมโยนบุหรี่ลงพื้นเบาๆแล้วใช้เท้าดับมันทิ้ง....เอาก็เอาวะ ผมคิด....เพิ่งสูบบุหรี่มากินอมยิ้มต่อก็ให้รสชาติแปลกไปอีกแบบเหมือนกัน-_-||||
      น้องเขานั่งลงข้างๆผม............ผมนั่งเงียบแกะห่ออมยิ้มแล้วยัดอมยิ้มเข้าปาก........................
      “อร่อยไหมค่ะพี่” น้องถามผม ผมหันไปยิ้มให้แล้วเงียบ ใจก็ลอยคิดไปเรื่อยๆ คิดถึงมิน คิดไปเรื่อยเปื่อย
      “อร่อยครับ แล้วน้องไม่กินเหรอ”ผมถาม น้องเขาส่ายหน้าไปมาแล้วก็ยิ้ม
      “นั่นเป็น อมยิ้มอันเดียวที่หนูมีค่ะ” เด็กคนนั้นตอบ ผมหันไปมอง ตกใจเล็กๆ
      เนี่ยผมแย่งขนมเด็กกินเหรอ(วะ)เนี่ย -_-|||||
      อ่าวน้อง โถ่แล้วก็ไม่บอกพี่ ป่ะไปซื้อใหม่กัน ผมพูดพลางจูงมือน้อง
      แต่เด็กคนนั้นส่ายหน้า
      “ไม่เอาล่ะค่ะ หนูให้ เพราะเห็นพี่เศร้าเวลาหนูไม่สบายใจหนูก็จะกินอมยิ้มอย่างงี้ละค่ะมันช่วยได้มากเลยนะค่ะ”
      แล้วแม่หนูก็สอนนะค่ะว่า คนเรา มีอะไรก็ต้องช่วยเหลือกัน..................
      ต้องแบ่งปันกัน........
      ขอบคุณนะน้อง ผมลูบหัวเธอเบาๆ อย่างน้อยเด็กก็เป็นกระดาษขาวๆที่ทำให้ผมชุ่มชื้นใจบ้าง
      หนูรู้นะค่ะว่าพี่กลุ้มใจเรื่องความรัก หนูดูทีวีที่บ้านบ่อยๆเวลาพระเอกอกหักก็จะมานั่งเศร้าคนเดียวอย่างเงี้ย
      ความรักก็เหมือน...........การสอนแหละค่ะพี่ สอบตก ก็สอบใหม่ ทำไม่ได้ก็พยายามใหม่สิค่ะ
      แม่ยังบอกเลย ทำได้ไม่ได้ไม่เกี่ยว อยู่ที่เราได้ทำหรือยัง
      ถ้าพยายามที่สุดแล้วยังทำไม่ได้ ก็จงยืดอกแล้วภูมิใจเถอะค่ะว่า อย่างน้อยเราก็ได้พยายามเต็มที่แล้ว
      พี่หนูยังพูดบ่อยๆเลยค่ะพี่ พี่ชอบพูดว่า สอบผ่านเป็นเรื่องตลก สอบตกเป็นเรื่องธรรมชาติ น้องเขาพูดแววตายังใสๆ แล้วแม่ก็จับพี่ไปตีทุกที...........ตลกดีนะค่ะ
      ผมตลกไม่ออกครับ ในใจคิด เด็กอะไรวะเนี่ยเด็กสมัยนี้เป็นอย่างงี้หมดแล้วเหรอ
      เราอาจจะแก่แล้วก็ได้มั้งเนี่ย
      เอ้าลูก มานั่งอะไรตรงนี้ กลับบ้านได้แล้วจ้ะ แม่ของเด็กยืนเรียกน้องคนนั้นอยู่ปลายทางเดิน
      เด็กคนนั้น กระโดดลงจากเก้าอี้ เธอหันมาโบกมือบ้ายบายผม
      หนูไปแล้วน่ะค่ะพี่ อย่าลืมนะค่ะจุดหลักก็คือ.....พี่พยายามหรือยัง เศร้าไปไม่ได้อะไรหรอกค่ะ
      พี่รักแฟนพี่หรือเปล่าละค่ะ สู้ๆค่ะพี่ บาย....... แล้วเด็กคนนั้นก็วิ่งไปหาแม่
      เดี้ยว.............น้อง ผมเรียก
      เด็กคนนั้นหันมา “ขอบใจสำหรับอมยิ้มนะ พี่จะพยายาม” ผมส่งยิ้มให้
      “ไม่เป็นไรค่ะพี่ ไว้เราเจอกันวันหลัง พี่อย่าลืมพาหนูไปกินไอติมน่ะค่ะ เอาไว้ไปเดทกัน”เด็กคนนั้นบอก
      อีก10ปีเราไว้ไปเดทกัน...........ผมย้ำคำพูด..... หวังว่าจะเป็นสาวสวยนะ ผมบอกกันตัวเอง
      น้องคนนั้นเดินจูงมือกันแม่ไปแล้ว ผมยังมองตามอยู่
      นี่แหละที่เขาว่า วัยเด็กย่อมมีพลัง.ความคิดสร้างสรรคจริงๆ
      ผมเดินกลับไปที่รถบิดกุญแจ หันไปมองม้านั่งสีขาวตัวเดิมเป็นครั้งสุดท้าย
      วันนี้ ผมได้ความทรงจำดีๆอีกเรื่องแล้ว
      ผมหัน รถออก บิดขันเร่ง
      ใช่แล้วครับ
      ผมกำลังไปบ้านมิน........

      คุณมินไม่อยู่ค่ะ มีอะไรฟากไว้ไหมค่ะ...........คนใช้บ้านมินเปิดประตูออกมาบอก
      เหรอครับ มินไปไหนบอกผมหน่อยสิครับ คือผมไม่เจอเธอหลายวันแล้ว
      ค่ะ...ถ้าคุณมินกลับจะบอกน่ะค่ะ.......เธอรับคำ
      ขอบคุณครับ ผมตอบ หันหลังกดเบอรมือของมิน
      มีเสียงเรียก........แต่..........
      ไม่มีคนรับ
      “มินรับสิรับ......พูดกับเจมหน่อย” ผมพูดพึมพัมกับตัวเอง
      แต่เปล่าประโยชนครับ มินหายไปเลย
      ผมส่งแมสเซสไปสั้นๆครับ ผมหวังแค่มินจะเข้าใจ
      : เจมจะรอนะ จะรอเสมอ รอวันที่เราจะได้คุยกับมินอีก เรารักมินนะ
      รักมาก เราเชื่อนะ เราเชื่อมินก็ยังรักเราอยู่ ตอนนี้อยู่หน้าบ้านมินนะครับ:เจม
      ผมส่งไปแล้วครับ นั่งผิงเสาไปครับ รอมินอยู่ตรงนั้น
      กว่า 3 ชั่วโมงแล้วที่ผมรอมินหน้าบ้าน ไม่เห็นแม้แต่เงา โทรศัพท แมซเซส ไม่ต้องพูดถึงครับ
      ไม่มีแม้แต่จะตอบกลับมาเลย.......
      :มิน เจมร้อนจังเลย ตอบกลับเราหน่อยได้ไหมครับ ปวดแผลที่ท้องจัง แต่ช่างเหอะจ่ะอยู่รอมินนะครับ:เจม
      ผมส่งไปอีกฉบับแล้วสิ..มันเหมือนกับผู้ชายชอบตื้อหรือเปล่าก็ไม่รู้
      ผมไม่ได้สำออยครับ...........ผมเจ็บแผล.......เจ็บมากจริงๆ
      ผมนั่งอยู่อย่างนั้นผิงเสาไฟฟ้าหน้าบ้านมิน
      ผมไม่กล้ากดกริ่งอีกครับ กลัวรบกวนคนในบ้านมิน
      คนใช้บ้านมินก็เหลือเกิน........ไม่คิดจะชวนผมเข้าบ้านซักคำ
      ตอนนี้เย็นแล้วครับ
      ผมเหนื่อยมากเลยครับ
      จะว่าไหมครับถ้าผมจะขอนอนตรงหน้าบ้านนี้
      :เจมง่วงมากเลยมิน ตอนนี้นอนอยู่หน้าบ้านมินนะ อาจจะทุเรศหน่อย ยังไงมาก็ปลุกนะครับ ไม่กล้ากดกริ่งบ้านมินเลย เราไม่อยากให้พ่อมินด่ามิน รักมินมากเลยนะครับ:เจม
      ผมกดส่งข้อความนี้เสร็จ
      ผมก็ทรุดแล้วครับ มึนไปหมดแล้ว
      แปะ............แปะ....
      น้ำอะไรบางอย่างหยดลงตรงหน้าผม
      ผมลืมตาขึ้น เอามือป้าย ในใจก็ด่า น้ำไรวะ
      แหงนหน้ามองฟ้า
      เม็ดฝนค่อยๆโปรยปรายลงมา........ผมยกมือมาดู.เม็ดฝนเม็ดนึงตกลงมากลิ้งอยู่ในมือของผม
      ใช่ครับ ฝนตกซะแล้ว
      ยกนาฟิกาข้อมือมาดู 2 ทุ่มแล้วเหรอนี่
      ผมหลับไปกว่า 4ชั่วโมงเชียวหรือ
      คว้ามือถือขึ้นมาดู 1 missed call ดีใจครับรีบกดดูหวังให้เป็นเบอรมิน
      โถ่เวงกรรม......นายบอยโทรมา................
      ฝนตกหนักขึ้นทุกทีแล้วครับ ผมเปียกไปหมด เดินหาที่หลบฝนไม่ทันแล้ว
      เอาก็เอาวะ นั่งตากฝนแมร่งเลย ผมคิด
      หิวน้ำ เหลือบไปเห็นเซเว่น สุดทางเดิน คลำๆดูในกระเป๋า เหลือแค่500
      เอาก็เอาวะ ดีกว่าไม่มีไร เดินไปซื้อเบียร มานั่งดื่ม รอมินต่อ
      ซื้อมา6กระป๋อง กะอยู่ยาว ตาจะได้แข็งๆ
      ดื่มไป2กะป๋องมึนหนักมาก อะไรวะแค่นี้เมา
      ปวดหัว ยังนั่งรอมินอยู่ที่เดิมกลางสายฝน
      คิดเรื่องมินในหัวเรื่อยๆ นี่ละที่เขาว่า เวลาคนเราไม่เหลืออะไร สิ่งที่มีค่าที่สุดก็คือความทรงจำที่ไม่มีใครเอาไปได้
      และไม่ว่าเราจะนึกถึงมันกี่ครั้ง มันก็ยังอยู่ตรงนั้น เหมือนหนัง ที่ย้อนไปย้อนมาไม่มีวันจบ
      อึกอัด ร้อน ทั้งที่ตากฝนอยู่........
      ไม่ไหวแล้วครับ.......น้ำไหลไปตามผมแล้วก็หน้า ไหลไปพร้อมกับน้ำตา ของผม
      อกมันทรมานบอกไม่ถูก เหมือนมันจะแตกเสียให้ได้
      ผมคงไม่ได้เจอมินแล้ว มรึงโดนทิ้งแล้ว ยังไม่รู้ตัวอีกเหรอวะ ผมบอกกับตัวเอง
      ส่วนนึงของจิตใจก็บอกว่าไม่ใช่เป็นไปไม่ได้ มินไม่ทำอย่างนั้นหรอก
      แต่ในที่สุดแล้วครับ
      สมองอีกข้างก็ชนะ ทุกสิ่งทุกอย่างที่มินแสดงมันเป็นเหตุผลในตัวมันเองอยู่แล้ว
      ผมเงยหน้ารับสายฝนครับ ให้มันกระทบหน้า
      ฝนยังตกลงมาเรื่อยๆไม่มีที่ถ้าว่าจะหยุด
      เหมือนคนบ้าครับ นั่งกลางสายฝนคนเดียว ข้างเสาไฟฟ้า ถือกระป๋องเบียร ร้องไห้ หัวเราะคนเดียว
      คงมีคนคิดบ้างละครับว่า นายนี่ไม่บ้าก็ต้องเมา
      แล้วฝนก็หยุดครับ ผมงง หยุดเอาดื้อๆอย่างงี้เลยเหรอ
      ผมลืมตามองไปรอบๆ
      ฝนไม่ได้หยุดหรอกครับ
      แค่มีร่มคันนึงกางอยู่บนหัวผม
      ข้อเท้าเล็กๆของคนที่ถือร่มอยู่ช่างคุ้นตาเหลือเกิน
      ผมค่อยๆไล่สายตาขึ้นไป อยากจะมองหน้าเจ้าของร่มผู้มีน้ำใจ
      “มิน”

      “อะไรเจมทำไมมานั่งอยุ่ตรงนี้ล่ะวาวาพูดเธอขุกเข่าลงข้างๆควานหยิบผ้าเช็ดหน้า
      มาเช็ดหน้า ให้ผม “ทำไมมานั่งตากฝนทำไมไม่เข้าไปหามินละ”
      ความดีใจเพียงวูบสั้นๆหายไปทันที
      มันสั้นพอๆกับสมองรับรู้แล้วว่าคนที่อยุ่ตรงนี้ไม่ใช่มิน
      แต่เป็นวาวา.............
      “มินเขาไม่อยุ่บ้านน่ะ เราเลยมานั่งรอ เราอยากคุยกับมินมากเลยวาวา เราเลยนั่งรอ รอจนกว่าเขาจะกลับมา”
      ผมบอกวาวาไปตรงๆ.............อย่างน้อยผมก็รู้ว่าวาวาห่วงผมจริงๆ
      วาวาเงียบ.....เธอได้แต่ก้มหน้าก้มตาเช็ดหน้าให้ผม
      เธอไม่พูดอะไรแต่สายตาเธอ กลับไม่สดใสเหมือนที่มองผมครั้งแรกเสียแล้ว
      วาวาหลบตาผม เธอเช็ดไปตามหน้าไล่ลงมาที่ซอกคอ
      “เจม”วาวาเรียกผมสั้นๆ
      ผมมองที่วาวา ผมเปียกยาวสลวยประบ่า เธอลงมาจากรถที่จอดอยู่
      เดินฝ่าสายฝนลงมา เนื้อตัวเปียกปอน
      เพื่อมานั่งข้างๆผู้ชายที่ไม่เคยรักเธอเกินเพื่อนเลย........
      “วาวารู้...........ว่ามันอาจไม่ดีที่จ่ะบอกอะไรบางอย่างให้เจมฟัง
      เจมอาจจะไม่เชื่อก็ได้แต่วาวาก็ยืนยันนะว่ามันเป็นความจริง”
      บรรยากาศรอบข้างเงียบสนิท มีแต่เสียงฝนตก
      กับแสงนีออนริมถนน............ผมกับวาวามองหน้ากัน
      อยู่ภายใต้ร่มคันเดียว.........
      วาวาจะบอกรักผมเหรอ
      “ มินไม่ได้ไปไหนหรอกเจม อยู่บ้านตลอด เนี่ยวาวาเพิ่งคุยตะกี้บอกจะแวะไปหา”
      วาวาบอกความจริงกับผม มันช่างห่างจากจินตนาการเหลือเกิน
      ผมไม่อยากเชื่อกับคำพูดของวาวาเลย
      ในใจก็ยังเชื่อ เชื่อในตัวมิน
      และไม่คิดว่ามินจะทำกับผมอย่างนี้..............
      ผมหยิบมือถือขึ้นมา กดเบอรมิน รอฟังเสียงรับโทรศัพท์
      ยังไม่มีคนรับเหมือนเดิมผมรอให้มีคนรับไปเรื่อยๆ
      บริการรับฟากข้อความ...............ยังคงดังที่เดิมที่ปลายสาย
      “มันไม่จริงใช่ไหม วาวา มินไม่มีทางหลบหน้าเราหลอกใช่ไหม”ผมถอนสายโทรศัพทออกจากหู
      หันไปหาวาวาที่เฝ้ามองอยู่.......เธอยิ้มให้
      เธอหยิบโทรศัพทของเธอขึ้นมา เร่งเสียงให้ดังขึ้น จนได้ยินออกมาข้างนอก
      เธอกดเบอรมินช้าๆให้ผมสังเกตเห็นชัดเจน................
      โทรศัพท์ขึ้นข้อความ :กำลังโทรถึง:.......
      และแล้ว เสียงที่คุ้นหูของผมมากที่สุด เสียงที่ผมไม่มีวันลืมเลยก็ดังขึ้นที่ปลายสาย
      “ฮัลโหลวาวา........ถึงแล้วเหรอ......เนี่ยรออยูเลยนะทำไมช้าจังเลยทำไรอยู่\"
      วาวาหยิบโทรศัพทกลับไป
      อืมมินอยู่หน้าบ้านแล้วละ............เปิดประตูรับหน่อยดิ เดี้ยวไปหานะ...... วาวาตอบมิน
      ผมยอมรับครับว่าเธอเก่งจริงๆมินคงไม่รู้ตัวแน่ๆ
      วาวาไปก่อนนะเจม เอาร่มไว้ซิ วาวาเอาร่มให้ผม
      ผมยังนั่งอยู่อย่างนั้น ไม่สนใจ ไม่ฟังอะไรทั้งสิ้น
      เธอเอามือของผมไปกำร่ม แล้วก็เดินตรงไปที่รถของเธอ เธอหันมามองแล้วมองอีกวาวาคงเป็นห่วงผม..
      “เจม............เข้มแข็งนะค่ะ เดี้ยววาวาจะพูดกับมินให้น่ะ” วาวายิ้มโบกมือให้เธอพูดก่อนจะขับรถออกไป
      สายตาผมมองเหม่อไปข้างหน้า ..................เหตุผล
      เพียงพอแล้ว.......
      ที่จะบ่งบอกว่าผมโดนทิ้ง.............
      มินไม่รับโทรศัพทผม ไม่เคยมีข่าวตอบกลับ
      เธออาจจะไม่เคยรักผมเลยก็ได้ มินอาจจะเห็นว่าผมเป็นคนดี
      เธออาจจะแค่เหงา แล้วผมคนเดียวนี่แหละที่คิดไปไกล
      ร่มหลุดจากมือ กลิ้งไปตามพื้น
      ฝนตกหนักกว่าเดิม เริ่มหนาวขึ้นทุกที...
      มือล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ คลำหาบุหรี่มาทำลายปอด.........
      หยิบออกมาจากซองดึงออกมาหนึ่งตัวจะจุดสูบ
      บุหรี่เปียก ไฟแช็คก็ชื้นจุดไม่ติดได้แต่คาบเอาไว้อย่างนั้น
      เอาวะแค่นี้ก็ยังดี........................................ผมไม่ร้องให้แล้วล่ะ
      ผมว่าผมร้องมาพอแล้วสำหรับมิน...........ผมผิดไหมครับที่ผมจะขอหยุดความคิดตัวเองไว้แค่นี้
      ผมไม่อยากคิดอะไร ไม่อยากพูดอะไรอีกแล้ว......
      ผมดันตัวเองกับเสาไฟฟ้าแล้วลุกขึ้น...........
      ผมอยากกลับบ้านซะแล้วตอนนี้ ผมรู้ตัวเองดีว่าไม่มีประโยชน์อะไรเลยที่จะรอ
      เจมขับรถออกไปจากตรงนั้น.............
      พร้อมกับคนคนนึงที่วิ่งออกมาจากบ้าน..............
      วิ่งออกมาท่ามกลางสายฝน เธอได้แต่มองตามรถมอเตอรไซดที่ขับออกไป
      “เจม...........................กลับมาเดี้ยวนี้นะ” มินตะโกนลั่น
      แต่ดูเหมือนจะเปล่าประโยชน์ สายฝนกลบเสียงเธอจนไม่อาจจะได้ยินแล้ว

      ..............................................................................................
      ..........................................................................
      ........................................................
      .............................................
      ผมไม่เจอมินมากว่า2อาทิตย์แล้วครับ
      ผมยังจำได้อยู่เลยครับ พรุ่งนี้แล้ว...............มินจะไปอเมริกา
      ..........................................................................................
      ผมไม่เจอมินมากว่า2อาทิตย์แล้วครับ
      ผมยังจำได้อยู่เลยครับ พรุ่งนี้แล้ว...............มินจะไปอเมริกา
      ผมปิดตัวเองอยู่ในห้องคนเดียว ไม่เปิดไฟด้วยซ้ำ ดึงสายโทรศัพทออก
      ปิดมือถือ..............อาจจะมีคนว่าผมบ้าก็ได้ แต่ผมไม่อยากยุ่งกับใครไม่อยากคุยกับใคร
      อยากอยู่คนเดียว เงียบๆอย่างนี้
      ผมไม่หิวเลยครับ อาจจะประหลาดก็ได้...........เท่าที่ดู2อาทิตยมานี้ผมกินข้าวไม่ถึง6มื้อ
      น้ำดื่มทุกวันครับ แต่หนักไปทางเบียรเสียมากกว่า
      พ่อผมแม่ผมเป็นห่วงมาก
      แต่ท่านคงรู้นิสัยผมดีว่าผมคงไม่ยอมออกไปแน่ๆ เวลากลุ้มใจผมชอบอยู่อย่างเนี้ย
      เฝ้าถามตัวเองว่าทำไมและเพราะอะไร แล้วพอสบายใจก็จะออกมาเอง
      แม่ผมได้แต่คอยเอาน้ำเอาอาหารมาตั้งอยู่หน้าห้องอย่างนั้น
      ถ้าไม่มีคนกิน แม่ผมก็จะยกมันกลับไป
      ท่านทำหยั่งงี้อยุ่ทุกวัน และทุกมื้อ...........โดยที่ท่านไม่เคยบ่นหรือว่าเลย
      เทปเพลงมากมายกองอยู่ที่พื้นครับ
      ผมงัดออกมาฟังหมด
      เพลงอกหักทุกเพลงทุกเรื่องโดนใจผมแทบทั้งนั้น
      ผมรุงรังไม่ได้รักษา หนวดก็เริ่มยาวแล้วครับ
      ไม่รู้จะดูดีไปทำไมและเพื่อใคร.........
      หมอนเต็มไปด้วยคราบน้ำตาครับ ผมไม่ได้ร้องให้..แต่น้ำแค่ไหลออกมาจากตาทุกครั้งที่คิดถึงมิน
      ตอนนี้ถ้าเป็นเมื่อก่อน คงเป็นช่วงเวลาที่เราจะเดินจูงมือกัน
      หรืออาจนั่งซบกัน เพื่อจดจำเวลาที่อยุ่ด้วยกันก็ได้..........
      มันอาจจะดีกว่านี้ถ้าคืนนั้นผมไม่ไปหามิน
      อย่างน้อย.........
      ตอนนี้....ผมอาจจะยังร่าเริง ผมอาจให้ข้ออ้างกับตัวเองก็ได้ว่า มินยังไม่ได้ทิ้งผม
      เสียงเคาะประตูดังขึ้น......
      “เจมเป็นยังไงบ้างลูก..........แม่เป็นห่วงนะ ตอบแม่หน่อย”แม่ผมเองละครับจะเป็นใครไปได้อีกล่ะ
      ผู้หญิงเพียงคนเดียวในโลกแหละครับ ที่ยังรัก ยังห่วงผมไม่ว่าผมจะเป็นยังไง
      “ขอโทษครับแม่ผมยังไม่อยากคุยกับใคร”ผมตอบกลับไป
      ผมเศร้า แต่มันคงไม่ดีที่จะทำให้แม่ตัวเองเป็นห่วง................
      “จ้ะแม่ไม่ว่าอะไรหรอก เอ้อเจม ตะกี้มีน้องหนูน่าตาน่ารักคนนึงเธอมารออยู่หน้าบ้านตั้งนานแล้ว
      เธอฟากจดหมายใว้ให้ลูกด้วย” แม่ผมพูด “แม่ก็ชวนเธอเข้ามาในบ้านแล้วนะ แต่เธอไม่ยอมเข้ามาเลย
      เธอบอกเธอไม่มีหน้าจะสู้ลูกได้ แม่ไม่เข้าใจเลยว่าลูกไปทำอะไรไว้เหรอ”
      อะไรนะแม่....................ผมวิ่งมาเปิดประตู
      ไหนครับไหน ขอผมดูจดหมายหน่อย.. “แม่ผมยิ้มทียังงี้ออกมาเร็วเลยนะ”ท่านยังอดแซวไม่ได้
      จดหมายที่อยู่ในมือแม่ใส่ซองสีชมพูสวย มันถูกส่งมาพร้อมกับกล่องของขวัญเล็กๆกล่องหนึ่ง
      บนหัวซองเขียนข้อความเล็กๆ
      “แด่เจม คนที่เรารักที่สุด และยังคงรักเสมอมา มิน”
      มิน..............ผมตกใจมาก วิ่งลงบันใดบ้าน...............เร็วที่สุดเร็วเท่าที่จะทำได้
      ผมเปิดประตูบ้านออก วิ่งออกมาทั้งๆเท้าเปล่า ยังไม่ใส่รองเท้าด้วยซ้ำ
      ผมหันไปมองรอบ...........หันหน้ามองไปทั่ว
      มองหามินของผม............... มิน มินรอเจมด้วย
      ผมวิ่งไปหาผู้หญิงคนหนึ่งที่เดินอยู่บนถนน เธอใส่ชุดนักศึกษาที่คุ้นตา เธอกำลังเดินไปเรื่อยๆช้าๆ
      เธอยังคงหันหลังให้ผม
      ไม่นานผมก็ไล่เธอทัน เอามือจับใหล่เธอเพื่อให้เธอหันมา
      มินเราเองไง...................ผมพูด ในใจตอนนี้พองโตไปด้วยความดีใจ
      เธอคนนั้นตกใจไม่ใช่น้อย................ เธอคนนั้นหันมา........
      ขอโทษค่ะ ทักคนผิดหรือเปล่าค่ะ เธอพูดแสดงสีหน้าตกใจ
      คนคนนี้ไม่ใช่มิน.............ผมทักคนผิดเสียแล้ว
      ผมปล่อยมือออกจากไหล่ของเธอ............พร้อมกับเอ่ยคำขอโทษ
      จ๋อยสิครับได้แต่เดินกลับห้อง......ในมือก็มีแค่จดหมายกับกล่องๆหนึ่ง
      ซึ่งผมไม่แน่ใจเลยว่า เนื้อความด้านในจะดีหรือร้าย
      กลับมาบ้าน.........ด้วยความตื่นเต้นครับ แต่ในใจก็กลัวจริงๆ ว่าเนื้อความในนั้นจะเป็นยังไง
      นั่งลงที่เตียงหยิบจดหมายขึ้นมา............เอาจดหมายมาดูครับ ซองสีชมพู...............เรียบๆ
      สมกับมินจริงๆ ผมยังจำได้เลยครับว่ามินชอบอะไรที่มันสีหวานๆแต่ไม่ให้มันดูหรูเกินไป
      อย่างมีลายประดับนี้มินส่ายหน้าอย่างเดียวเลยครับ..................
      ผมสูดหายใจเข้าปอดตัวเองลึกๆก่อนจะเปิดจดหมายออก
      ด้านในมีกระดาษแผ่นเล็กๆพับอยู่ใบหนึ่ง.......
      กลิ่นหอมๆลอยออกมาจากซองครับ.....เป็นกลิ่นของน้ำหอมที่มินใช้ประจำผมยังจำได้เสมอเลยครับ
      ........................................................................................
      เจม..............
      นานแล้วนะค่ะที่เราไม่ได้คุยกันเลย
      มินขอโทษ เจมโกรธมินหรือเปล่า
      อาจจะเป็นการเอาแต่ใจเกินไปก็ได้ที่อยู่ๆมินหายไปเลยแบบนี้
      มินรู้น่ะว่าเจมเป็นห่วง แล้วก็รักมินมาก
      แต่มินพยายามน่ะเจม...............พยายามเพื่อเรา2คน
      มินต้องไปเรียนต่อที่อเมริกา เจมก็รู้ใช่ไหม
      3ปีน่ะเจม3ปี ที่เราจะไม่ได้เจอกันเลย
      มินกลับมาไทยปีละครั้งเอง..................เจมคิดดูสิ
      แค่เราไม่ได้คุยกันแค่2อาทิตย์
      มินยังรู้สึกเลยว่ามินเหงามาก แล้วก็คิดถึงเจมมากด้วย
      มินร้องให้หลายครั้งเลยน่ะเจม
      มินเจ็บและก็ปวดใจมากไม่แพ้เจมหรอก
      ทุกครั้งที่เจมโทรมา........เสียงโทรศัพทมันบาดเข้าไปในใจมินทุกครั้ง
      มินอยากรับ..
      อยากได้ยินเสียงเจม...
      แต่มินก็บอกกับตัวเองว่าต้องทนได้สิ
      หากมินไปมันคงทรมานกว่านี้................
      มินรักเจมน่ะเลยอยากจะให้เจมตัดใจ อยากให้เจมได้เจอใครต่อใครอีก
      มินไม่อยากให้เจมรอ
      มินเชื่อใจวาวาน่ะ เชื่อว่าเขาจะดูแลเจมได้
      วันนั้นที่เจมมารอหน้าบ้าน...........
      มินก็แอบยืนมองอยู่ที่หน้าต่างห้องนั่นแหละ
      มินดีใจน่ะ ที่เจมรักแล้วก็แครมิน
      มินไม่เคยเกลียดหรือรักเจมน้อยลงเลยน่ะ
      เจมจำได้ไหม
      มิน...........เคยบอกว่ารักเจม รักมากจนอยากให้เจมมีความสุข
      รักมากขนาดที่................มินยอมจากไปเงียบๆดีกว่า
      มินจะเก็บเจมไว้ในความทรงจำนะ
      เผื่อว่าสักวันเราเจอกันอีก............ไม่ว่าที่ไหน
      เจมก็จะยังยิ้มให้มินอย่างนี้ ยังเป็นเจมคนเดิม
      ที่มินจะยังรักเสมอ
      ลาก่อนค่ะ
      p.s มินให้ของสิ่งนึงกะเจมเป็นที่ระลึกน่ะ เจมจะใส่หรือไม่ใส่ก็ได้ แต่ถ้าเจมเหงาหรือเจมคิดถึงมิน
      ก็หยิบมันขึ้นมาดูล่ะ .....................เข้มแข็งมากมากนะค่ะ ดูแลตัวเอง มีความสุขแล้วก็ ขอให้เจอคนที่รักเจม รักเจมมากกว่าที่มินรักนะค่ะ
      “ มิน”
      ผมวางจดหมายลงช้าๆแกะกล่องเล็กๆที่แนบมากับจดหมาย...............
      ด้านใน
      เป็นแหวนเงินวงเล็กๆวงหนึ่ง................มีกระดาษเล็กๆแนบอยู่
      เจม^^
      นี่เป็นแหวนคู่ล่ะ มินไปเลือกซื้อมาให้
      ขอบคุณสำหรับทุกอย่างที่ผ่านมาค่ะ
      มินไม่เคยเสียใจเลยน่ะที่รู้จักเจม
      ใส่ซะน่ะ มินก็จะใส่ไว้ตลอดเหมือนกันค่ะ
      บาย............
      ผมหยิบแหวนวงนั้นมาใส่ทันทีเลยครับ
      เดินไปหยิบโทรศัพทมือถือที่ไม่ได้เปิดมาหลายวัน
      อยากจะคุยกับมิน มาก มาก แล้วก็มากที่สุดเลย
      พอเปิดเครื่อง ไม่ถึง20วิ เมสเสดก็เข้ามาทันที
      ผมค่อยๆเปิดอ่านทีล่ะฉบับ
      ส่วนใหญ่เป็นข้อความจากเพื่อนๆธรรมดา
      ไม่มีอะไรน่าสนใจ แต่มีข้อความนึงส่งมาจากวาวาครับ
      ส่งมาเมื่อ20นาทีที่ผ่านมานี่เอง.........
      ผมรีบเปิดอ่านครับ อยากรู้ข้อความด้านในจะเป็นยังไง
      :เจม โทรหาไม่ติดเลย...................รีบมาสนามบินด่วนเลยน่ะ กำหนดการของมินเลื่อน เขาจะบินคืนนี้แล้ว ตอน2ทุ่ม..............:วาวา
      ตกใจครับ หันไปมองนาฟิกา 6โมง30
      อีกแค่ชั่วโมงครึ่ง มินก็จะจากผมไปแล้วหรือนี่
      ผมโดดลงจากเตียงทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างไว้ข้างหลัง
      แม่................................ผมไปข้างนอกนะไปละครับ
      ผมตะโกนบอกแม่ตอนวิ่งผ่าน
      กระโดดขึ้นมอไซดทันทีครับ บิดกุญแจแล้วเร่งเครื่องออกไปสู่ถนนใหญ่
      อาจจะเหมือคนบ้า แต่ผมขี่เร็วมากเลยครับ...........
      ผมกลัว ผมกลัวว่าจะไม่ได้เจอมินอีก
      ผมมีบางสิ่งอยากจะบอกมิน
      สิ่งที่มินเข้าใจผิดมาตลอด...............
      รถเริ่มช้าครับเร่งไม่ขึ้น หันไปดูเข็มน้ำมัน
      หมดสนิทครับ ไม่ได้เติมลืมดู...............ช่างมันครับเลี้ยวเข้าซอยข้างทาง
      จอดทิ้งไว้ยังงั้นเลยครับ
      วิ่งออกมา แท็กซี่เว้ย.......ไม่มีใครจอดกรรม.......
      ไม่มีรถว่างครับ ตอนเย็นเลิกงานกัน
      ดูนาฟิกา ทุ่มนึงแล้วครับ............ไม่ทันแน่ถ้ารอเฉยๆแบบนี้
      อีกเกือบ10กิโลเองครับT_Tจะถึงสนามบิน
      เอาก็เอาว่ะ................ใช่ครับ ผมวิ่ง วิ่งด้วย2เท้าของผมนี่ละครับ
      วิ่งไปมองหารถไป แทบจะไหว้เขา...ขอแค่สนามบินไปส่งได้ไหม
      ไม่มีนายบ้าที่ไหนไปส่งสักคัน.....
      ขาก็พาตัวเอง วิ่งๆ เหนื่อยมากครับ หนักไปหมดทั้งตัว
      ควันบุหรี่มันส่งพิษก็ตอนนี้ล่ะครับ เหนื่อยครับ เหนื่อยจริงๆ
      แต่แรงใจที่อยากจะเจอมินมันมากกว่า
      ปวดขามาก เหงื่อออกท่วมเสื้อ......................
      แต่ก็ยังวิ่งๆ อย่างมากก็แค่ตายวะผมคิด..........
      4กิโลได้ที่ผมวิ่งเต็มที่แต่..........
      มันคงไม่ทันแล้ว......ผมเดินแล้วครับ หายใจไม่ทัน
      ขอโทษนะมิน............เราคงไปไม่ทันแล้ว
      “เห้ย.............นายเจมจะขึ้นรถไหมวะ”ผมหันไป แกงค์ผมมาทั้งแกงค์เลยครับ
      ยิ้มแฉ่ง แบบกวนส้นตีนฉบับเดิม
      หรือมรึงเดินถุดงวะ เร็วสิวะมินจะไปแล้วนะเว้ย
      ผมยิ้มครับ
      ขอบคุณพระเจ้าแล้ววิ่งขึ้นรถ..............
      เห้ยเร่งเต้มที่เว้ย...............นายบอยพูดเท้าเหยียบคันเร่ง...........
      ถึงแล้วครับ ผมกระโดดลงรถตามองไฟด์บิน
      ผมคงโง่มาก ไม่รู้แม้แต่ว่ามินจะขึ้นเครื่องอะไรแล้วตอนไหน
      นายเจม.............ช่อง22ระหว่างประเทศไปเลยเว้ยนายบอยตะโกนบอก
      มันคงรู้จากวาวาแล้วว่ามินขึ้นช่องไหน
      ผมวิ่งไปซื้อตั๋วผ่านทางครับ.................
      ตามองเวลา 7.50 นาที
      เสียงโทรศัพทดัง...............มินโทรมาครับ
      ผมวิ่งมือหนึ่งหยิบมือถือ
      “ฮัลโหลมิน.............มินเหรอ”ผมพูด วิ่งผ่านช่องทางเข้าต่างๆ
      ช่อง1 ช่อง2.........
      “เจม...........มินจะไปแล้วนะมินโทรมาลา”มินพูดมาเสียงเธอเศร้าๆ
      ผมวิ่ง วิ่งให้เร็วที่สุดเท่าที่เท้าจะส่งตัวไปได้
      ช่อง10 11 12............13
      “มินขอโทษนะเจม...........หวังว่าเจมจะจำเราไว้น่ะ มันอาจจะช้าเกินไปก็ได้
      ที่เราจะบอกคำนี้กะเจม”มินนิ่งไปครู่นึง
      “เรารักเจมนะ รักมาเสมอ แล้วก็จะรักตลอดไป ลาก่อนนะเจม”
      ......................................................
      .....................................
      .......................
      มินเดินถือกระเป๋า หันหลังกำลังจะขึ้นเครื่อง เธอยื่นตั๋วให้พนักงาน
      “เจม............อย่าเงียบสิ..........พูดอะไรกับมินสักคำได้ไหม อย่างน้อยก็คำลาดีๆกับมินสักคำ”
      มินถามผม ดูเหมือนเธอกำลังรอคำตอบ คำหนึ่งจากผมอยู่
      แล้วสายโทรศัพท์ก็ตัดไป
      ........................................
      นานพอที่จะทำให้มินร้องให้
      ........................................
      “เราก็รักมิน รักมากด้วยมินอย่าจากเราไปนะ”
      เสียงตะโกนดังลั่นห้อง...............ผู้โดยสาร
      มีชายคนนึง ผมกระเซิง หนวดรุงรัก เสื้อผ้าก็แสนโทรม ยืนอยู่บนยอดบันได
      สายตาของเขา มองไปที่มิน
      เขายิ้ม................อย่างเคย ยิ้มแบบที่มินชอบ ไม่ใช่ยิ้มแบบแค่เพื่อน
      แต่ความหมายมันมากมายมากกว่านั้นมากนัก
      เขาวิ่งลงมา...........ตรงไปหามินท่ามกลางสายตาผู้คนที่จับจ้อง
      เขาชูมือข้างที่สวมแหวน..............ให้มินเห็นชัดเจน
      แหวนอยู่ที่นิ้วชี้ข้างซ้าย นิ้วที่มีความหมายถึงการหมั้น และคำสัญญาว่าจะมั่นคงเสมอ
      ...........................................................................
      มินก็ชูมือขึ้นมา แหวนแบบเดียวกันอยุ่ในมือข้างซ้ายของเธอ
      เธอซึ่งกำลังร้องให้ และทิ้งทุกสิ่งทุกอย่าง มาสวมกอดกับคนที่เธอรักที่สุด
      ผมกับมินกอดกัน............
      ไม่มีคำพูดใดๆ ได้แต่ปล่อยความอบอุ่นให้ถ่ายทอดถึงกัน
      มันเป็นสิ่งที่มากกว่าคำอธิบาย................
      มินร้องให้ในอ้อมอกผม เธอกอดแน่น แน่นราวกับกลัวจะสูญเสียช่วงเวลานี้ไป
      ผมได้แต่กอดมินให้แนบตัวที่สุด
      อาจจะมีคนดู........... แต่ตอนนี้ราวกับว่า
      โลกนี้มีเพียงผมกับมินเท่านั้นเอง.................
      ผมถอนตัวออกช้าๆ มองหน้ามิน
      “มิน มินไม่ต้องห่วงเจมนะว่าจะไม่มีความสุข เจมไม่เคยเสียใจเลยที่รักมิน
      ไม่ว่ามินจะอยู่ที่ไหน..............ไม่ว่ามินจะเป็นยังไงก็ตาม
      เจมก็จะยังเป็นเจมคนเดิมรอมินนะ เราอาจจะเจอกันแค่ปีละครั้ง แต่เราจะคิดถึงมินทุกวัน
      เจมสัญญาว่าจะไม่มีใคร แล้วก็จะรอ จะรอที่เดิมเสมอ....ไม่ว่านานเท่าใดก็ตาม”
      มินน้ำตานองหน้า เธอไม่พูดอะไรเอาแต่ร้องไห้ได้แต่ยื่นนิ้วก้อยมาให้ผม
      “สัญญาน่ะ”
      ผมเกี่ยวก้อยมินตอบ
      “อืม เราสัญญา”
      มินออกจากอ้อมแขนผมแล้ว เดินไปหยิบของแล้วจู่ๆ เธอก็เดินกลับมา
      แล้วกระโดดจูบผมนาน.......................ทีเดียวกว่ามินจะยอมถอนปากออก
      “ มินรักเจมน่ะ”
      “ อืมเราก็รักมิน”
      “ตลอดไปน่ะ”
      “อืม....ตลอดไป”
      เสียงตบมือเริ่มดังตอนไหนไม่รู้ แต่ตอนนี้ทั่วทั้งห้องโดยสาร มีแต่เสียงตบมือเต็มไปหมด
      ฝรั่งส่งเสียงแซว แม่ลูกคู่นึงแม่เอามือปิดตาลูกตาก็ยังส่งยิ้มมาให้
      คู่ฮันนีมูน นั่งซบกัน............คู่รักบางคู่เดินจับมือกันแล้วเดินต่อไป..........
      แอร์โฮสเตสยิ้มให้ คุณยายคนหยิบรูปสามีในกะเป๋าขึ้นมาดู
      .......................................
      --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
      ภาค4
      อาจจะเป็นช่วงสั้นๆแต่มันก็มีความหมายที่สุด
      ผมนั่งอยู่ตรงนั้น กุมมือมิน ยืนส่งเธอขึ้นเครื่องเป็นคนสุดท้าย
      พี่แอร์ใจดีให้ผมเดินไปส่งถึงประตูเครื่องบิน
      ผมกับมินยืนอยู่คนละด้าน
      ประตูค่อยๆปิดช้าๆน้ำตาผมเพิ่งเริ่มไหล
      ผมกับมินยืนมองตากัน
      ราวกลับกลัวว่าจะไม่ได้เจอกันอีก..............
      “เราจะคอยมินนะจะคอยเสมอ”
      ผมพูดเบาๆราวกับจะบอกกับตัวเอง
      ยืนมองตรงกระจกห้องโดยสาร..............มองเครื่องบินค่อยๆขึ้น ไกล ไกลออกไปเรื่อยๆ
      จนบินหายไปกับฟ้าและแสงของดาว
      ลาก่อน..................นะมิน
      นายบอยเดินมาโอบไหล่เงียบๆ
      หันไป วาวา นายแนท นายโอ้ต นายบอส และอีกหลายๆคนยืนคอยอยู่
      .......................................................................................
      อย่างน้อย ผมคงไม่ต้องอยู่คนเดียว
      ผมได้แต่เดินกลับพร้อมเพื่อนๆ
      มือยังคลึงแหวนทีมือซ้าย
      พร้อมกับภาพของมินที่จะยังอยู่ในใจของผมเสมอ
      ตลอดไป...................
      นี่ค่ะตั๋วเครื่องบินที่คุณจองไว้
      พนักงานส่งตั๋วของการบินไทยยื่นตั๋วมาให้
      ผมรับและจ่ายตังไป หยิบตั๋วขึ้นมาดู
      M.r kitipong sarouyjirawat
      t.g104 seat 15 non smoking
      from bangkok allive to tennesse
      date 10/9/02 time 12.00
      ผมเก็บตั๋วเข้ากระเป๋า..............
      ยิ้มกับตัวเอง มินรอก่อนนะเราจะไปหาแล้ว
      คืนนั้นที่บ้าน....................นั่งล้อมวงกินข้าวทั้งครอบครัว
      ผม แม่ พ่อ และน้องสาว..............
      บรรยากาศแบบเงียบๆต่างคนต่างกิน..........
      ผ่านมาเกือบอาทิตยแล้วที่มินไปเมกา.............
      ทิ้งผมไว้ที่นี่.............
      ผมพยายามติดต่อมิน แต่ให้ตายเถอะ ผมไม่เคยแม้แต่จะถามว่ามินไปอยู่ที่ไหนเมืองไหน
      ก็ยังดีที่วาวาผู้รอบคอบ ..................ได้ขอเบอรโฮมเสตยที่มินจะไปอยู่เอาไว้
      เธอจดที่อยู่ใว้ให้ในกระดาษแผ่นเล็กๆแผ่นหนึ่งให้ผม
      เชื่อไหมผมจองตั๋วไว้พรุ่งนี้
      แต่ผมยังไม่ได้บอกพ่อแม่เลย
      ............................................................
      ทุกคนสนใจกับรายการทีวีที่อยู่ตรงหน้า
      เป็นละครที่พลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมา
      ตามสมัย..............
      “พ่อครับ”ผมเอ่ยเบาๆ
      ทุกคนหันมาเลยครับ ผมคงเงียบนานไปหน่อยมั้ง
      พอพูดก็เลยเป็นสิ่งแปลกประหลาดไป
      แม่หยิบรีโมทขึ้นมาปิดทีวีเลยครับ
      คิดเอาเอง...............เวอรขนาดไหน
      ทั้งห้องเงียบกริบ..............
      เงียบเหมือนรอผมจะพูดอะไรบางอย่าง
      .......................คือ ผมจะไปอเมริกาครับ...........
      น้องผมทำช้อนหล่นตะลึง............
      แม่กุมหัวเลยครับมันหมายความว่าไงหว่า.........
      พ่อยิ่งหนักครับ พูดอะไรไม่ออก
      จะไปทำไมล่ะลูก มันไกลรู้ไหมแม่เป็นห่วงน่ะ แม่ผมพูดออกมาทันที-_-สงสัยไม่อยากให้ผมไปแน่ๆ
      “แม่ช่วงนี้ก็ปิดเทอมนะครับ....................แล้วผมก็อยากจะเจอใครบางคน
      ใครคนนึงที่สำคัญ มากๆๆสำหรับผม
      ผมก็แค่อยากให้พ่อแม่เข้าใจผมมากขึ้นนะครับ ว่าผู้ชายมันก็มีบางสิ่งที่ต้องไขว่คว้า
      บางสิ่งที่ไม่อยากให้หลุดมือไป”ผมเริ่มบ่นแล้วครับ
      พ่อผมลุกจากเก้าอี้ครับ..............เดินไปข้างบนเงียบๆ
      ผมได้แต่มองตามพ่อผมไป
      เวงกรรมพ่อไม่ให้ผมไปแน่ๆ แต่ผมตัดสินใจแล้วครับ............ผมไปเองก็ได้
      เงินเก็บก็พอมี ไม่ว่าใครจะว่ายังไงก็ตาม
      ผมก็จะไปครับ ไปตามหามิน
      แม่ผมเดินมาหาผมนั่งลงข้างๆ
      “ทำไมถึงอยากไปอเมริกาล่ะลูกบอกแม่ได้หรือเปล่า” แม่ผมยังยิ้มครับ
      ความจริงผมอยากให้แม่ผมโกรธเสียมากกว่า เพราะไม่ว่าดูยังไงผมคงเอาแต่ใจเกินไปใช่ไหมล่ะครับ
      แต่แม่ก็จะฟังผมเสมอ ฟังผมเล่าเรื่องมินเงียบๆ
      ครั้งแรกที่ผมเจอมิน ครั้งแรกที่รักกัน ความรู้สึกตอนมินหายไป
      ผมเล่าอยู่นานครับ ราวกับมันเป็นทุกๆอย่าง
      ท่านนิ่งเหมือนจะเข้าใจ
      ท่านเดินไปที่ชั้นวางหนังสือห้องรับแขก หยิบอัลบั้มเก่าๆมาเล่มนึง
      อัลบั้มสีขาวซีดๆแต่ถูกห่อไว้ด้วยปกพลาสติกอย่างดี
      แม่..................ผมพยายามพูดต่อ
      แม่ได้แต่จ้องมองไปที่ภาพในนั้น
      เป็นภาพของเด็กชายคนนึง กำลังอยุ่ในอ้อมอกพ่อและแม่ห่อไว้ด้วยผ้าสีขาวแม่ยังอยู่ในชุดคนไข้
      พ่อกับแม่ยิ้มกว้าง เด็กทารกปิดตาไม่รู้เรื่องอยู่อย่างนั้น.......แต่ก็ดูอบอุ่น
      รูปนี้เป็นตอนที่ลูกเกิด.........พ่อลูกดีใจมากทิ้งการประชุมมาอุ้มเราเลยน่ะ แม่ผมบอก
      ภาพต่อมาเป็นภาพเด็กชายตัวน้อย.....กางเกงสีแดงจูงมือกับแม่น้ำตาอาบแก้ม
      “รูปนี่ตอนลูกเข้าโรงเรียนอนุบาลครั้งแรก วันนั้นวุ่นวายที่สุดในชิวิตแม่เลย ลูกเอาแต่ร้องไห้ไม่ยอมอยู่อย่างเดียว
      แม่ต้องปลอบแล้วปลอบอีกกว่าเราจะยอมไปโรงเรียนได้ก็หมดวันพอดี”แม่ยิ้มอย่างนั้นคนเดียว
      คงกำลังนึกภาพวันเก่าๆละมั้ง
      แม่ยังเปิดหน้าอัลบั้มไปเรื่อยๆ
      ภาพตอนผมอุ้มน้องสาวคนแรก....
      ภาพตอนงานกีฬาสี.....
      ภาพตอนงานวันเกิด.....
      ภาพจบการศึกษาม.ปลาย
      แม่ยังคงมองภาพเงียบๆคนเดียวราวกับคิดอะไรอยู่
      “เจม”
      แม่ผมเรียกชื่อผมเบาๆ
      “แม่ดีใจนะที่เจมเกิดเป็นลูกแม่ ให้ความทรงจำที่ดีกับแม่
      ลูกไม่เคยทำให้แม่เสียใจเลย ภาพที่ลูกค่อยๆเติบโตมันกินใจแม่เสมอ
      ดูสิจากเด็กชายตัวน้อยๆ”
      แม่ผมเงียบไปพักนึงเอาตัวผมไปกอดแน่นๆราวกับกลัวผมจะหายไปหยั่งงั้น
      “เติบโตมาขนาดนี้ โตพอที่จะรู้จักความรัก และจะรักใครสักคน
      สัญญากับแม่น่ะเจม ว่าจะไม่เป็นผู้ชายเลาะแหละ
      ถ้าจะทำแล้ว ต้องทำให้ดีที่สุด..................ทำให้คนที่ลูกรักมีความสุข
      ทำให้เธออบอุ่น อย่าทำให้เธอเสียใจที่มารักเรา”
      ผมนิ่งในอ้อมกอด.............
      ราวกับจะย้อนเวลาไปเป็นเด็ก..........
      “ครับแม่........ผมสัญญา”
      ผมตอบช้าๆ
      กอดแม่แน่นขึ้น..............แน่นให้มากที่สุด
      “แม่จะไปคุยกับพ่อให้”
      แม่ผมบอกแล้วลุกขึ้น
      พ่อผมเดินมาในมือถือซองซองหนึ่ง ท่านยืนเงียบอยู่ตรงนั้น
      “ไม่ต้อง.........”
      ผมใจหายวาบ...................พ่อเดินเข้ามาหา..........
      พ่อได้ยินที่แกพูดมาหมดแล้ว
      “เพ้อเจ้อ...............”
      พ่อยื่นซองเล็กๆให้ผม ข้างในเป็นเครดิตการดสีทองใบนึง
      พร้อมรหัส กดเงิน ชื่อที่อยู่ของใครไม่รู้.......อยู่
      “ไปค้นหาเองเอง.............พ่อช่วยแกได้แค่นี้ล่ะที่อยู่นั่นเป็นเพื่อนพ่อหวังว่าเขาจะช่วยแกได้”
      พ่อพูดแล้วเดินขึ้นบันไดไปกับแม่
      พ่อ.......................ผมเรียก
      พ่อหยุดเดิน..........รอฟังผม
      “ขอบคุณนะครับ ไม่ต้องห่วงผมจะทำให้ดีที่สุด ผมรักพ่อครับ”
      พ่อผมตอบเบาๆแค่ “อืม”
      ผมเดินเข้าห้องไปจัดของ.......
      ทิ้งพ่อกับแม่ไว้เพียงลำพัง
      “แม่...............ลูกเราโตแล้วใช่ไหม”
      พ่อผมถาม....เรียบๆ
      “ค่ะโตขึ้นมากแล้วเขาดูมีพลังไม่น้อยกว่าคุณตอนหนุ่มๆเลย”
      คืนนั้นผมโทรบอกเพื่อนๆทีล่ะคน แต่ละคนก็ขอให้โชคดี
      บรรยากาศสดใส................ผมบอกไม่ต้องมาส่งไม่ได้ไปนาน แซวกันบ้าง
      :เห้ยไปหามินนะเว้ยอย่าไปจีบฝรั่งล่ะ
      :ของฝากลืม มรึงตาย.............-_-+
      :ไปด้วยสิวะออกตั๋วให้ด้วย
      นี่แค่บางส่วนนะครับ-_-ของคำกวนพวกมัน
      มีเพียงสายหนึ่งซึ่งเงียบผิดปรกติ..............ใช่แล้วครับวาวานั่นเอง
      เธอเงียบ.................เงียบไปนานมาก
      เธอบอกเพียงสั้นๆว่า.........
      พรุ่งนี้ขอไปส่งเจมขึ้นเครื่องให้รอเธอด้วยเธอมีบางสิ่งที่จะให้..........
      ผมได้แต่รับคำวางโทรศัพท
      พรุ่งนี้แล้วครับจะไปหามิน
      ราตรีสวัสด์ครับ......
      ขอไปนอนเอาแรงก่อน
      ตี5.......ตื่นแล้วเย้^^เมื่อคืนนอนตี2กลิ้งไปกลิ้งมาคิดถึงมินอยุ่อย่างนั้น
      อาจดูเหมือนสบายใจ แต่ปล่าวเลยครับ
      ในหัวสับสนมากๆ กลัวหามินไม่เจอ กลัวมินลำบากใจ กลัวมินไปมีคนอื่น..........
      .......................และที่สำคัญ กลัวหลงทางT_T
      ไปต่างประเทศมาหลายครั้งครับ แต่นายแบบ..........ไปคนเดียวแบบไม่มีโฮมเสต ไม่ได้ไปกะเพื่อนเนี่ย
      ครั้งแรกเลย คืนนั้นนอนกลิ้ง นอนไม่หลับ นั่งนับมินก่อนนอน
      มิน1ตัว มิน2ตัวไปเรื่อยๆ ได้ผลครับนอนฝันดีทั้งคืนเลย
      เครื่องออกเที่ยงครับ ตื่นตี5
      อาบน้ำทำไรเสร็จตั้งแต่7โมงเช้า..........ไปที่สวนหน้าบ้าน
      นั่งฟังเสียงนกร้อง อากาศก็บริสุทธิ
      บอกตรงๆตอนนั้นแบบมีความสุขมาก..........
      น้องสาวเดินลงมา ตะลึง
      โหเฮีย.................ทุกทีหนูปลุกแทบตายไม่ยอมตื่น ผีเข้าเหรอโหตื่นแต่เช้าเชียว
      ผมเอามือขยี้หัวน้องไปหนึ่งทีข้อหาหมั่นใส้.............ยิ้มเล็กๆน้องคนนี้ถึงกวนก็น่ารักมากเลย
      ......................ผมวางโน้ตบอกพ่อกะแม่ หอมแก้มน้องสาวฟากดูแลพ่อแม่ด้วย
      มันแบมือขอตัง ขอค่าคุ้มครองครับเวง.......-_-
      จ้างแท็กซี่ไปส่งสนามบิน............
      เปลี่ยวใจง่ะ.........ดูนาฟิกา9โมงเหมือนลืมอะไรสักอย่าง
      เช็คเป๋าตัง วีซ่า.........ที่อยู่ กระเป๋าเดินทาง มือถือ ครบ
      ช่างเถอะคงไม่สำคัญ
      เดินไปร้านโดนัทสั่งของมากินอ่าสบายใจครับมากๆ....
      โทรศัพทดัง
      ใครว่ะ ผมคิด หยิบโทรศัพทมาดู คนกำลังอารมดี
      กรรมครับ >_< วาวา ผมรู้แล้วว่าผมลืมอะไร...........
      กดรับได้ยินเสียงหวานๆมาตามสาย
      “เจมอยู่ไหนแล้วค่ะวาวาแต่งตัวเสร็จแล้วนะเนี่ย รอนานแล้ว”วาวาเสียงอ้อนแปลกๆครับวันนี้
      “เอ่อ..................เราอยุ่สนามบินแล้วอะวาวา.......-_-“ผมตอบไปครับ.ขอบอกว่าตอนนั้นสำนึกผิดแบบมากๆ
      ฮุนสิครับเท่าที่ดูเตรียมโดนด่าT_Tแต่ปล่าวครับวาวาไม่โกรธเลย
      วาวาอึ้งไปพักใหญ่ครับ...............ไม่พูดไรมาก.........บอกเดี้ยวจะมาหาห้ามขึ้นเครื่องก่อนเด็ดขาด
      ครับๆคงเบี้ยวไม่ได้แล้ว.....................
      11.30แล้วครับ วาวายังไม่มาเลย-_-
      ผมไปโหลดกระเป๋าขึ้นเครื่องเรียบร้อย.........ในใจก็แบบหวิวมากๆกลัวตกเครื่อง
      ไม่รู้จะกลับบ้านไปบอกพ่อยังไง วาวาก็ยังไม่ยอมมา
      ผมนึกในใจหรือจะเป็นการแก้แค้น(วะ)
      ท่านผู้โดยสาร tg104 สู่เมือง tennesse กรุณาขึ้นเครื่องที่ช่อง18ได้แล้วค่ะ
      เสียงประกาศดังขึ้นครั้งที่3
      ดูนาฟิกา อีก5นาทีเครื่องจะออก........ผมหยิบกระเป๋าครับ ยืนหันซ้ายหันขวาอยู่หน้าทางเข้าผู้โดยสาร
      วาวา วาวาไม่มาเจมจะไปแล้วนะ...........ลนครับลนมาก มือถือวาวาก็โทรไม่ติด
      ผมเห็นแล้วครับ วาวาวิ่งมาจากทางเข้า
      เธอมองหาผมใหญ่เลย..............
      “วาวา”ผมเรียก.............วาวาหันมายิ้มให้ครับเธอเดินมายืนหน้าผม
      “ดีจังที่ทันเวลา” เธอยื่นถุงๆหนึ่งให้.............ไปที่นู่นดูแลตัวเองน่ะ
      “อืม ขอโทษนะที่ลืมไปรับ” ผมบอกวาวา
      “อืมไม่เป้นหรอก เจม อะไรติดหัวน่ะก้มลงมาหน่อยสิค่ะ”
      “ไหนๆเอาออกทีสิ”ผมก้มตัวลง
      วาวายื่นหน้าเข้ามาใกล้มาก แล้วเธอก็จูบผม
      จูบตรงนั้นต่อหน้าต่อตาผุ้คนเลย............
      ผมตกใจครับ ผงะตัวออกทันที
      “วาวาเห็นมินจูบหลายทีแล้วก็เลยขอมั่ง เจมสุ้ๆนะวาวาไม่ยอมแพ้มินหรอก หามินให้เจอนะ
      ถ้ามินไม่รักยังไงก็ยังมีวาวารออยู่น่ะ บอกมินด้วยถ้ามาช้าวาวาจะแย่งเจมจริงๆล่ะ”
      วาวาเดินไปแล้วหันมา......บ้าย.......บาย
      ตอนนั้นยอมรับครับบอกตรงๆ............หลงวาวาไป2นาที^^”
      เกือบแหละ เกือบไม่ไปเมกา
      และอีกเกือบนึงครับ เกือบตกเครื่อง..............
      รอก่อนนะมินเจมไปหาแล้ว....
      ขึ้นเครื่องท่ามกลางสายตาของผู้โดยสารท่านอื่น-_-||||
      ทุกคนยิ้มมาให้แบบ............น่ารักมาก แหะ แหะ
      เครื่องขึ้นช้าไป2นาทีครับ........
      เครื่องขึ้นแล้วดวงดีหรือเปล่าไม่รู้ครับได้นั่งติดหน้าต่าง............
      ไปไหนไม่ได้อ่าT_T............
      ข้างๆเป็นฝรั่งครับ ผมก็ยิ้มให้........แบบสยามเมืองยิ้มไงครับ
      แต่มันไม่ยิ้มผมตอบอะ หงุดหงิดซิบเลย.............
      เครื่องขึ้นได้เกือบชั่วโมงแล้วครับ.........
      หยิบถุงที่วาวาให้มาเปิดดู
      เป็นตุ้กตาผ้าทำเอง................เป็นรูปเด็กผู้ชายมีตัวjที่หน้าอกน่ารักเชียวครับ
      มีโน้ตอยู่ใบนึง.................สั้นๆครับ
      “วาวาทำเอง.............ทั้งคืนเลยเจม
      อาจจะไม่สวยทำไหร่น่ะวาวาปักเก่งหรอก
      แต่ทำให้ด้วยใจนะ..........เจมตามหามินให้เจอล่ะ
      วาวาให้ตุ้กตานี้แทนตัววาวา ที่จะอยู่คอยให้กำลังใจเจมเสมอ
      เหงา ท้อ หรือเหนื่อยก็ดูตุ้กตานะ
      มันจะคอยยิ้มให้กำลังใจเจมเสมอล่ะค่ะ
      เหมือนที่วาวาคอยยิ้มให้เจมไง
      ฟากคิดถึงมินด้วย.............สู้ๆน่ะค่ะ^^วาวา”
      ผมหยิบตุ้กตามาดูอีกครั้ง มันยิ้มให้ผมอยู่เลยครับ
      ผมก็เลยยิ้มตอบมัน............
      พึ่งสังเกตครับฝรั่งมันมองใหญ่เลย
      มองแบบ คนบ้าอะไรว่ะยิ้มกับตุ้กตา.........^^”
      มันขยับตัวหนีใหญ่เลย เวงกรรมครับ ประสบการณ์ก่อนไปเมกาครั้งแรก
      หน้าแตกซ่ะแล้ว..........
      เท้าขวาลงเครื่อง...............โอ้เก้าแรกแห่งอเมริกา
      มองซ้ายมองขวาไม่รู้จักใครเลย(อยู่แล้ว)
      เดินไปตรวจพาสปอรท
      ผ่านฉลุยครับหน้ามีเครดิต....กลัวเหมือนกันกลัวเขาไม่ให้เข้าประเทศ
      แบบพวกหน้าบ่งบอกว่ากองโจร
      เดินออกมาหาแท็กซี่................
      หนาวจัง(ว่ะ)นี่มันหน้าอะไรเนี่ย
      หยิบเสื้อในกระเป๋าออกมาสวม......
      จะขึ้นแท็กซี่คุยกับมันไม่ค่อยเข้าใจขนาดภาษาผมเก่งแล้วน่ะนี่
      ไปๆมาๆเลยยื่นโน้ตให้.......มันค่อยพยักหน้า...เฮ้อโล่ง
      ไปบ้านเพื่อนพ่อก่อนครับ ทุ่นค่าที่พัก
      นั่งไปก็ชมวิว2ข้างทาง สวยครับสวยมาก
      ใครว่าอเมริกาเป็นประเทศแดนเถื่อนไม่หรอกครับมันก็แค่ในหนัง
      ก็เหมือนกับเมืองไทยที่ไม่มีคนขี่ควายแล้ว
      ดูสาวๆเมกาสองข้างทาง
      โหไม่หนาวเหรอไงน้องอากาศขนาดนี้ยังเดินเปิดอกกัน
      เพลินครับเพลินแบบอะไรแปลกใหม่เต้มไปหมด
      รถเริ่มออกมาชานเมืองครับ............
      แล้วมันก็จอดหน้าบ้านหลังหนึ่ง
      บ้านเก่าๆครับ ติดป้าย SALE ไว้ตัวเบอเร่อ
      ลงรถจ่ายตังค่าแท็กซี่โคตรแพงT_T
      ยืนมองบ้านครับ...................บ้านเพื่อนพ่อที่ไม่มีคนอยู่แล้ว
      ทำไงดีว้า..............................ถ้าจะซวยซะแล้ว
      เดินสำรวจรอบบ้านครับ.........
      คิดว่าน่าจะมีที่อยุ่ติดไว้มั่งถ้าจะขาย
      มีติดจริงๆครับแต่ตัวอักษรมันหายไป4ตัว-_-||||||
      นายบ้าที่ไหนมันฉีกไป...............ไปเคาะบ้านข้างๆครับเผื่อเขาจะรู้เรื่องบ้าง
      ฝรั่งออกมา ผมก็ hallo yes no okไปเรื่อยๆ
      จับความได้ว่า นายคนไทยบ้านข้างๆเนี่ยมันกลับไทยไปนานแล้ว
      Youมาทามมายyouเมาเหรอ5555555555(มันคงหัวเราะในใจT_T)
      เอาแล้วครับพ่อสุดที่รักทำตูแล้ว
      จะกลับเข้าเมืองไปหาโรงแรมพัก กรรมอยุ่ชานเมืองรถแท็กซี่ก็มี
      ยังดีที่ขอมันโทรเรียกได้ เสียตังอีกรอบสบายใจครับสบายใจจริงๆT_T
      ถึงโรงแรมปาไปเกือบ2ทุ่ม...............แต่เหนื่อนโคตรๆครับเพราะเมืองไทยคงประมาณตี2
      เช็คอินแล้วไปนอนตายบนห้อง
      หลับไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ครับ รู้แค่ว่าตื่นมาแล้วหิวโคตรๆอ่ะ
      เปิดตู้เย็นมาดูน่ารักมากครับ มีเหล้าๆเบียรแล้วก็น้ำเปล่า-_-+
      มันจะอิ่มไหมว้าผมคิด.................ตัดสินใจไปล้างหน้า
      ไปกินข้าวที่ห้องอาหารของโรงแรมก็ได้
      ถึงห้องอาหารครับ มีดนตรีฟังเบาๆถึงจะเปิดจากเทปก็okครับเพราะดึกแล้ว
      อาหารมาแล้วครับ ไก่อบซอสเป็นตัวๆส่งกลิ่นหอมไปหมด
      กำลังจะกินครับ.......................เหลือบไปเห็นผู้หญิงคนนึงนั่งอยู่ที่โต้ะตรงข้าม
      ........................................เพลินครับเพลินอาหารตาอาหารใจ
      แต่ไม่รู้ทำไมน่ะครับดูเธอไม่ร่าเริงเลย.................
      สักพัก ก็มีผู้ชายคนนึงครับมานั่งกะเธอ.........ดูนักเลงยังไงชอบกล
      ช่างเหอะ มันไม่ใช่เรื่องของผม...........
      แต่นายเวรนั่นสิครับ มันเล่นทั้งควักทั้งล้วงต่อหน้าต่อตาผมเลย
      ผู้หญิงก็พยายามบอก no……….. no…………please
      นายเวรนั่นก็ไม่ยอมหยุดเหมือนยิ่งห้ามยิ่งคึก
      มันตกมันเลยครับ..............ผู้หญิงก็ได้แต่บอก อย่า อย่าค่ะ (แปลเป็นไทยให้)
      มันก็ไม่ยอมหยุด ผู้หญิงคนนั้นได้แต่ปัดป้อง นายนั่นก็หอมเอาหอมเอา
      น้ำตาไหลทั้งสองแก้ม......................เธอขัดขืนสุดชิวิตแล้วครับ
      เหตุการณ์มันเกินไปแล้ว
      นายฝรั่งคนนั้นกลิ้งอยู่ที่พื้นครับ...........
      สาเหตุเหรอครับ เท้าผมไงที่ยันมัน
      นายเวรนั่นหันมาด่า Fuc…… uลั่นร้าน
      ผมตั้งถ้าเอาก็เอาสิวะกรูไม่กลัวมรึงหรอก..........
      แต่ให้ตายเถอะครับ นายเวรนั่นควักปืนออกมาต่อหน้าต่อตาผม
      (เอาแล้วมาแป้บๆได้สัมผัส นี่หรืออเมริกา ตื่นตาจริงๆT_T)
      ความกลัวครอบงำครับ อยู่เมืองไทยมาเป็นปีๆไม่เคยเจอพวกเล่นของอย่างนี้สักที
      เจอของจริงก็คราวนี้....ตายแน่กรูT_Tแต่ดวงดีโคตรๆครับ
      ตำรวจผลักประตูเข้ามาพอดีตำรวจที่นั่นทำงานมีระบบมากครับ คนนึงยกปืนขู่อีกคนบุกเข้าจับ
      แล้วมันก็โดนตัว..................ออกไป
      ไม่รู้ใครโทรไปแจ้งอะครับ แต่ขอบคุณ มากๆขอบคุณจริง
      เดินกลับไปนั่งที่โต้ะครับ หมดอารมกิน.........คว้าเสื้อโยนเงินทิ้งไว้
      กลับห้องดีกว่า......................
      ผมเดินจากเธอมาแล้วครับทิ้งเธอคนที่ผมช่วยไว้อย่างนั้น ตำรวจคงดูแลเธอได้
      ขี้เกียจถามครับ ผมไม่อยากเป็นพระเอก แต่ทนไม่ได้หรอกครับที่เห็นผู้หญิงโดนรังแก
      ผู้ชายไทยก็เป็นซะอย่างงี้.........................
      มาอเมริกาวันเดียว ประสบการณ์เยอะจนล้นเลยครับ
      นอนไม่หลับครับ นั่งที่ระเบียงมองเมืองกลางคืนดีกว่าดื่มเบียรไปด้วย ได้รสชาติมากๆ
      มองบ้านเรือนที่กว้างใหญ่ ผมต้องหามินจากบ้านพวกนี้หรือเนี่ยช่างยากเหลือเกิน
      หยิบกระเป๋าตังขึ้นมาดูครับมีถาพมินตอนที่อยู่เมืองไทยด้วยกัน รูปมินในภาพยังยิ้มสดใสอยู่เลย
      ก็เพื่อรอยยิ้มนี่ล่ะครับที่ผมเดินทางมาถึงที่นี่......................
      อาจจะดูบ้าก็ได้โทรศัพทก็มีทำไมไม่โทร...........
      ขอบอกตามตรงครับ อาทิตยนึงแล้วที่ผมไม่ได้รับการติดต่อจากมินเลย
      ผมว่ามันแปลกแปลกจริงๆแล้วอย่างน้อยผมก็อยากจะเจอมินอีก
      อยากคุยกับมินมากกว่านี้ อาจเป็นการเอาแต่ใจก็ได้มั้งครับ ไม่รู้สิ
      เสียงเคาะประตูห้อง...........
      ผ้าเช็ดตัวที่โทรไปขอคงได้แล้ว(ตะกี้จะอาบน้ำแล้วไม่มีครับเสียอารมมากๆ)
      ผมเดินบ่นออดๆแอดๆไปเปิดประตูครับ..............
      เหมือนพระเจ้าจะเล่นตลกกับชิวิตผม
      ผู้หญิงคนที่ผมช่วย ยืนอยู่หน้าประตูแล้วครับตอนนี้
      เธอผมปกหน้า ผิวขาว............ตัวเล็กครับแต่ไม่เตี้ย
      เธอดูเหมือนคนเกาหลีไม่ก็คนญี่ปุ่น..........
      เธอยืนกอดตัวเองอยู่อย่างนั้น เธอพยายามยิ้มให้ผม
      ยิ้มให้ทั้งๆที่ตาแดงเหมือนจะผ่านการร้องให้...........
      เธอโค้งตัว ขอบคุณเป็นภาษาอังกฤษ
      เร็วและรัว สำเนียงเธอฟังยากครับ
      แต่เราก็เข้าใจกัน เข้าใจโดยไม่ต้องเอ่ยคำอะไรมากมายเลย........แค่ยิ้มเท่านั้น
      ผมเชิญเธอเข้าห้อง ผมก็เริ่มอยากรู้แล้วละว่ามันเกิดอะไรขึ้น.........
      ยังไงก็ไม่ง่วงอยู่แล้ว...............
      เธอชื่อยูมิเป็นคนญี่ปุ่นครับ
      มาทำงานที่อเมริกาตามที่เพื่อนชวน................
      แต่เธอกลับถูกโกงเอาเงินไปจนหมด
      เธอไม่มีที่ไป ไม่มีใครรู้จัก เธออยากกลับบ้านมาก.............
      แต่ค่าข้าวแต่ละมื้อเธอก็ยังไม่มี เธอก็ได้แต่พยายามมีชิวิตรอดไปวันๆก็เท่านั้นเอง
      เธอติดต่อใครไม่ได้เลย........................พ่อแม่เธอก็เสียไปแล้ว
      ชิวิตเธอเหมือนละครครับ สุดท้ายโดนนายคนตะกี้หลอกว่าจะให้งาน
      แล้วก็ทำอย่างที่เห็น................
      ผมนั่งฟังเงียบๆครับ...........พยายามใคร่ครวญว่าเธอพูดจริงหรือเปล่า
      มาประเทศนี้ต้องทันคนมากๆเลยครับ
      ผมเชื่อ..................เธอครับ
      และจะไม่เสียใจในสิ่งที่ทำลงไปเลย อย่างน้อยผมก็ทำใจไว้ก่อนแล้ว
      เป็นพวกคุณจะใจร้ายขนาดไล่เธอออกจากห้องไหมล่ะครับ
      ผมเล่าเรื่องมินให้เธอฟังเป็นการตอบแทนครับ...........เธอนั่งฟังนั่งฟังอยู่นานมาก
      เชื่อไหมครับเธอชอบเรื่องของผม.........................
      เธอบอกเธออยู่ที่นี่มาครึ่งปีแล้วจะรังเกียจไหมถ้าเธอจะช่วยตามหาถือเป็นค่าอาหารและที่พักสำหรับเธอ
      เธอบอกถนนแทบทุกที่เธอตะลุยมาหมดแล้ว.....................เธอบอกแบบภูมิใจมากเลยละครับ
      ผมยิ้ม........ได้แต่ตอบตกลงกับเธออย่างน้อยผมจะได้ไม่หลงทางอีก
      ผมบอกให้เธอไปอาบน้ำเดี้ยวผมจะนอนที่พื้นเอง จะโทรไปขอที่นอนอีกชุด
      เธอบอกไม่ต้องครับ ผมเป็นเจ้าของห้องนอนที่พื้นได้ไง
      นอนด้วยกันก็ได้......................เล่นเอาผมใจเต้นไม่เป็นจังหวะ
      ผมเดินไปที่เตียง
      .....................
      .....................
      .....................
      ผมกับเธอมองตากัน
      ผม หยิบโทรศัพท แล้วโทรขอที่นอนอีกชุด ผมหันพูดกับเธอ
      “เราไม่รู้นะว่าเธอผ่านอะไรมาบ้าง แต่เราไม่เหมือนกับคนที่เธอเจอมาหรอกเชื่อเราสิ
      ผู้หญิงท่าไม่รักตัวเอง มันก็จะหมดค่าน่ะ”
      ผมเดินเข้าห้องน้ำ ทิ้งเธอไว้อย่างนั้น
      ไม่อยากจะพูดอะไรหรือคิดอะไร ผมบอกกับตัวเองไม่ให้คิดลามกตอนนี้ในใจก็ท่องแต่ชื่อ มินๆๆๆๆ
      เสียดายโอกาศเหมือนกัน แต่ผมไม่อยากเจอหน้ามินแล้วมองหน้าเธอไม่ติด
      อย่างน้อยผมก็ภูมิใจที่อดกลั้นตัวเองได้..........................
      คืนนั้นผ่านไปด้วยดี
      โดยมีผมนอนที่พื้นแล้วเธอก็นอนเตียง................ตลอดคืน
      วันต่อมาก็พาเธอไปกินข้าว......................
      เธอเป็นผู้หญิงแบบไงดีครับ เรียบร้อยมาก...............มากเกินไปหรือเปล่าไม่รู้-_-||||
      แบบไม่พูดเลยอะครับ ถามคำตอบคำยิ้มแค่นั้น
      แต่เธอก็น่ารักอะครับ....................กินๆแล้วก็นั่งรอผมกินเสร็จ
      ผมออกจากโรงแรมแล้วครับ ไปหามินตามที่อยู่ที่วาวาทิ้งไว้ให้
      แต่จะบอกมินไงหว่ามีสาวเดินตามเนี่ย-_-
      ช่างเตอะ มินไม่ใช่ผู้หญิงงี่เง่าที่จะไม่ฟังเหตุผล
      เธอเก่งมากเลยครับ ยอมรับว่าคุ้มจริงๆ
      เธอจัดการซื้อตั๋วรถไฟให้..................รู้บริเวณหมดแค่ดูที่อยู่แป๋บเดียว
      โอพระเจ้า ไม่ต้องจ่ายค่าแท็กซี่มหาโหดอีกแล้ว^^
      เดินถือโดนัทคนละชิ้นกินรอรถไฟครับ โอ้สุขจริงๆ
      แล้วผมก็ไปถึงซอยบ้านที่มินอยู่
      ใจเต้นไม่เป็นจังหวะครับ ดีใจ ตื่นเต้น ปนกันไปหมด
      ผมเดินไปหน้าบ้านช้าๆแบบนับก้าว ทุกก้าวที่ผมเดินผมก็ใกล้มินมากขึ้นทุกที
      1ก้าว 2ก้าว จนถึง...............
      อยู่หน้าบ้านหลังสีขาว มีสวนดอกเล็กๆอยู่หน้าบ้าน
      มีรถจักรยานพาดเสาอยู่ กล่องรับจดหมายตั้งอยู่หน้าบ้าน
      กริ่งเล็กๆตั้งอยู่ที่ปลายมือนี่เอง
      ผมสูดหายใจเข้าลึกๆยกมือขึ้น
      แล้วกดกริ่ง..............กริ้ง..เล็กๆดังชัดเจน
      มินอีกไม่กี่นาทีเราก็จะเจอกันแล้ว เธอจะทำหน้ายังไงน่ะผมคิด
      ต้องว่าเสียให้เข็ด....ไม่ยอมติดต่อเจมแบบเนี้ย(เอาจริงๆกอดดีฟ่า)
      เสียงถอดกลอน เสียงเปิดประตู ดังขึ้น ผมยังยืนอยู่ตรงนี้ตรงขอบรั้วรอมินอยู่
      คุณป้าชาวอเมริกันคนนึงเดินออกมา เธอแก่มาก ผมขาว อุ้มหมาตัวเล็กๆไว้
      หน้าตาดูใจดี มีแว่นอันเล็กใส่อยู่
      (ส่วนของคำพูดต่อไปขอแปลเป็นไทยเลยนะครับจะได้ไม่เสียอรรถรส)
      เธอยิ้มครับ..........ผมยิ้มตอบ
      ถ้ามินอย่กับป้าคนนี้ผมคงไม่ห่วงแน่ๆ
      ยูมิหยั่งอยู่ข้างหลัง เธอยังเงียบครับ แต่เท่าที่ดูอาการเธอก็ตื่นเต้นไม่น้อยกว่าผม
      “ขอโทษครับ มีคนชื่อ..........(ชื่อจริง).........อยู่หรือเปล่า” ผมถาม
      เธอทำหน้างงแล้วส่ายหน้า
      “ไม่มีเหรอครับ เอ่อไม่ทราบว่าที่อยู่อันนี้ถูกต้องหรือเปล่าครับ”
      ใช่ค่ะ......แต่ไม่มีคนชื่อที่คุณบอก เคยมีเด็กไทยมาอยู่ที่บ้านฉันเมื่อไม่กี่วันมานี่เอง แต่เธอย้ายไปแล้วล่ะ
      รู้สึกว่ามหาลัยที่เธออยู่จะไม่ดี เธอเลยย้ายมหาลัยไปแล้ว”
      “ย้ายไปแล้วหรือครับ”
      ใช่ค่ะ ย้ายไปแล้ว.........
      “แล้วพอจะรู้ไหมครับว่าเธอย้ายไปไหน มีเบอรติดต่ออะไรหรือเปล่า”ผมผิดหวังมากเลยครับ
      นึกว่าจะได้เจอมิน นี่อะไรผมกับมินต้องไกลกันมากขึ้นอีกเหรอ
      “ดิฉันก็ไม่สนิทอะไรกับเธอมากเพราะเธอมาอยู่แค่อาทิตย์เดียว ก็แค่จัดปารตี้เล็กๆให้กับเธอ
      ไม่ได้ถามที่อยู่ไว้หรอกค่ะ............รู้ว่าแกย้ายไปเรียนมหาลัยในเมืองเดิมนี่แหละค่ะแกเลยย้ายไปอยู่ใกล้ๆ”
      ผมโอบตัวเองไว้ครับ ทั้งหนาวและผิดหวัง
      “ขอบคุณครับ..............และก็ขอบคุณด้วยนะครับที่เคยดูแลมินให้ผม”
      ค่ะ..............จะเข้ามาดื่มกาแฟสักถ้วยก่อนไหมค่ะ
      เธอถามผม ผมว่าน่ะ ถ้าจะมาอยู่โฮมเสตยก็ขอเจอดีๆแบบนี้เถอะสาธุ
      “ไม่ล่ะครับ ขอบคุณ”
      ผมเดินออกมาที่ถนนโดยมียูมิตามมาติดๆ
      ผมซึมสิครับ ผมออกจากโรงแรมมาแต่เช้าทำไมล่ะงั้น
      หงุดหงิดมากครับ แบบไม่อยากพูดกับใครเลยตอนนี้
      ยูมิเดินมาข้างๆเธอ..............มองหน้า
      แล้วเธอก็เอามือมาคล้องแขนผมตกใจครับแต่ติดตรงที่เธอเงียบแล้วเดินคล้องไปเรื่อยๆ
      ผมเลยไม่รู้ว่าเธอคิดอะไร หรือที่เมกาถือเป็นเรื่องปรกติ
      แต่ที่แน่ๆครับ คล้องหยั่งงี้มันอุ่นสบายกว่าเยอะทีเดียว
      เลยปล่อยครับ..................ผมผิดไหมเนี่ย
      ยูมิบอกกับผมว่าเมืองนี้มีหมาลัยถึง6แห่ง-_-โคตรเยอะ
      ถ้าตัดที่เก่าที่มินเรียนออกล่ะก็................ก็เหลือแค่5มหาลัยเอง(ไม่เองแล้วT_T)
      เธออุตสาหไปขอที่อยู่มหาลัยแต่ละที่มาให้...........
      มานั่งคัดๆกันพยายามเอามหาลัยที่เป็นไปได้ก่อน
      ดึกแล้วครับวันนี้...............ผมเปิดห้องให้ยูมิอีกห้องนึง
      โทรบอกหาพ่อกับแม่ครับ แต่ยังไม่บอกเรื่องยูมิเลย^^”
      พ่อบอกให้ดูแลตัวเอง..................แค่นั้นล่ะครับสั้นจริงๆT_T
      วันต่อมาผมกับยูมิก็ช่วยกันตามหามิน...........
      ผมไปมหาลัยหลายๆที่เดินเข้าไปถามแผนกทะเบียนนักศึกษา
      ฝรั่งมันก็ถามนู่นถามนี่ไม่ยอมให้ตรวจสักที
      มันบอกนักศึกษามีเป็นพัน หาไม่เจอหรอก
      ถ้าอยากหาไปดูในห้องทะเบียนเอง..............
      มันไม่รู้จักคนไทยเสียแล้วครับว่าบ้าจริง ผมเดินเข้าห้องเปิดแฟ้มหาเลย
      ผมเปิดประวัตินักเรียนใหม่....................ตั่งแต่เช้าจนเย็น
      เพิ่งตรวจได้3มหาลัยครับ ได้ความร่วมมือมั่งไม่ร่วมบ้าง วันแรกเหนื่อยครับ เหนื่อยจริงๆ
      นั่งกันตรงม้านั่งหน้ามหาลัย มีสวนดอกไม้สวยงามครับ เด็กๆก็วิ่งเล่นกันดูเขามีความสุข
      ผมบอกยูมิให้รอที่ม้านั่งครับ..................แล้วผมก็เดินไปซื้อไอศครีมมาฟาก
      “ขอบคุณค่ะ”เธอพูดออกมาเป็นภาษาไทย ทำผมแปลกใจมากเลย
      “ยูมิ พูดไทยได้ด้วยเหรอ..........”ผมถามเธอได้แต่ส่ายหน้า
      “ได้แค่นั้นล่ะค่ะ เคยเจอคนไทยมาเยอะเหมือนกัน”เธอขำท่าผมตอนเหวอมากเลย
      ผมขำกับเธอเหมือนกันครับ.............แต่ไม่ไหวผมคิดถึงมินมากว่าอะไรตอนนี้
      “ยูมิ เราจะเจอมินไหม เมกากว้างขนาดนี้เนี่ย เราไม่รู้ว่ามินเป็นยังไง สบายดีไหม ยังคิดถึงเราหรือเปล่า
      เธออาจจะมีแฟนใหม่ มีความสุขไปแล้วก็ได้”ผมถอนหายใจ........
      ยูมิจ้องหน้าผม..............แล้วเธอก็เอื้อมมือไปในกระเป๋าถือของเธอ.....
      เธอหยิบด้ายสีแดงๆขึ้นมาครับเส็นเล็กๆบางๆ
      เธอเอามันผูกที่นิ้วก้อยของผมข้างนึง
      ส่วนอีกด้านนึงก็ผูกไว้ที่นิ้วก้อยของเธอ
      .......................................................
      “ที่ประเทศยูมินะ มีความเชื่อว่าน่ะค่ะว่า คนเราจะพบกันจะเป็นเพื่อนกันคนรักกัน
      ต้องมีดวงชะตาต้องกันค่ะ ....................เหมือนมีได้แดงผูกติดด้วยกันอยู่
      เหมือนยูมิกะเจมที่มาเจอกันตอนนี้............
      ยูมิเชื่อนะ ว่าเจมกับคนที่เจมรักก็ต้องมีด้ายคล้องติดอยู่เหมือนกัน
      ไม่มีใครดึงได้นี่ออกได้หรอกค่ะถ้ามันเป็นชะตา”
      ผมมองยูมิ..................ขอบคุณกับคำพูดให้กำลังใจของเธอจริงๆ
      “อืมขอบคุณนะ...........”
      ผมยื่นนิ้วก้อยออกให้เธอข้างหนึ่งข้างที่มีด้ายติดอยู่นั่นแหละ
      “ประเทศเราก็มีความเชื่อเหมือนกัน
      เขาว่าการเกียวก้อยสัญญา อะไรสักสิ่งมันก็หมายถึงคำมั่นที่ไม่อาจลบลืม”
      ยูมิชูนิ้วก้อยขึ้นมาแบบ ดูเธอจะตั้งใจฟังมาก
      “ยูมิ เป็นเพื่อนกับเราตลอดไปได้ไหม............เพื่อนที่ดีเราจะไม่ทิ้งกัน”
      ผมชูนิ้วต่อหน้าเธอรอคำตอบอยู่..........
      เธอเงียบไปเลยครับ...............ได้แต่เกี่ยวนิ้วก้อยผมตอบ
      เธอทำตาแดงเหมือนจะร้องไห้
      “ค่ะ........... เจมรู้ไหมไม่เคยมีใครดีกับเราอย่างนี้มาก่อน...........พอเราเริ่มคบใครแล้วเขารู้ว่าเราไม่มีเงิน
      เขาก็จะตีตัวออกห่างกัน เราเหงานะเจม”
      ผมอึ้งครับและนับถือกับความแข็งแกร่งของเธอจริงๆ เธอยู่อเมริกาคนเดียวผู้หญิงตัวเล็กๆ
      ไม่มีทั้งเงิน ทั้งเพื่อนทั้งทางไป
      เรายังเกี่ยวก้อยกันอย่างนั้น ปล่อยให้ความอบอุ่นที่มือส่งถึงกัน
      “เจมดูสิ” ยูมิปล่อยมือออกจากผมลุกขึ้น
      เธอชี้ให้ผมมองไปดูท้องฟ้ายามเย็น
      มีเกล็ดสีขาวๆค่อยๆตกลงมาดู
      ก้อนสีขาวๆสะท้อนแสงนีออนดูสวยมาก ยูมิไปยืนอยู่กลางสวน ปล่อยให้หิมะตกกระทบหน้า
      เธอสวยมากเลยครับตอนนี้
      เธอยังกระโดดโลดเต้นอยู่กลางสวน ผมไม่รู้ทำไมแต่ดูเธอจะชอบหิมะมากเลย
      อากาศเริ่มหนาวขึ้นครับ พระอาทิตยกำลังจะลับฟ้าแล้ว
      ผมถอดเสื้อนอกออกเอาไปคลุมให้เธอ
      เธอหันมามองผมแต่ผมไม่มองตอบหรอก ได้แต่มองฟ้าแก้เขิน
      ยูมิยิ้มกระชับเสื้อให้แน่นขึ้น.............
      “ขอบคุณค่ะ..........”
      สั้นๆแค่นั้นละครับที่ผมได้ยินจากเธอ
      พื้นหญ้าสีเขียวเริ่มเปลี่ยนเป็นสีขาว มีผมเดินเคียงกับยูมิเงียบๆไปตามถนน................เงียบๆเพียงลำพัง
      ยูมิทำไมถึงชอบหิมะจังเลยนะเห็นเล่นยังกับเด็กเลย........
      เธอยิ้ม......แล้วเบียดผมอากาศเริ่มหนาวขึ้นทุกที
      “หิมะ..........ทำให้เราคิดถึงบ้านเกิด คิดถึงครอบครับ.........หิมะสำหรับเจมอาจจะเย็น
      แต่สำหรับเรามันอบอุ่นนะ มันทำให้เราคิดถึงพ่อ คิดถึงน้องสาว คิดถึงประเทศบ้านเกิดของเรา”
      ถึงโรงแรมแล้วครับ แทบจะล้มทั้งยืน วันนี้เป็นวันที่หนักจริงๆ
      เข้าห้องอาบน้ำ หยิบจดหมายของมินออกมาดูเงียบๆ
      มีแค่2ฉบับเท่านั้นเองครับ..........กับเวลาหนึ่งปีที่เราคบกัน
      ผมเปิดออกอ่านทีละหน้าทีละหน้า มันทำให้ผมรู้สึกว่ามินยังอยู่ตรงนี้ ยังนั่งอยู่ข้างๆผม
      ข้อความที่มินเขียนคำว่ารักมันกินใจผมเสมอเลย
      ความจริงผมไม่ต้องเปิดจดหมายอ่านก็ได้ เพราะข้อความทุกตอนคำทุกคำมันอยู่ในความทรงจำของผมหมดแล้ว
      แต่ผมก็ยังเปิดมันดูทุกๆครั้งที่คิดถึงมิน.............
      แหวน..........ยังสวมที่นิ้วตั่งแต่วันแรกที่ได้มา
      จดหมาย......ก็ยังหยิบขึ้นมาอ่านเสมอ
      รูปถ่าย......ในกระเป๋าก็ยังคงเป็นภาพเธอ
      ใจ............ก็ยังมีมินเสมอไม่เคยลืมเลย
      คืนนั้นนอนก็ยังฝันเลยครับฝันถึงมิน...............^^
      ........................................
      .......................................
      วันต่อมาผมเดินไปปลุกยูมิที่หน้าห้องครับ..........
      วันแรกที่ยูมิตื่นสาย ทุกทีเธอนั่นแหละที่จะเป็นคนคอยปลุกผม
      ผมสงสัยเหมือนกัน แต่ช่างเหอะอากาศเย็นอย่างนี้
      ไม่แปลกเลยครับที่จะหลับเพลิน................
      ยูมิขานรับผม เธฮบอกขออาบน้ำก่อนให้ผมไปรอที่ห้องอาหารก่อน
      ผมว่าง่ายครับ................เดินไปสั่งกาแฟ ขนมปัง ชุดอาหารเช้าอีกที่ให้เธอ
      หยิบหนังสือที่พกจากไทยขึ้นมาอ่าน
      สายตามองไปที่กระจกด้านนอก
      ถนน...............ทางเท้า ต้นไม้.........กำแพง
      เป็นสีขาวไปเกือบหมดแล้ว..........ขนาดกระจกก็ยังเป็นฟ้าสีขาวอ่อนๆเลย
      ขอโทษน่ะค่ะที่ตื่นสาย...............ยูมิพูดแล้วนั่งที่โต้ะ
      หน้าของเธอแดงเรือๆดูน่ารักเชียวครับวันนี้
      ต่างคนต่างกินข้าวครับคุยกันบ้างดูท่าทางเธอแปลกๆหน่อยๆ
      สงสัยเธอคงคิดถึงบ้านมั้งครับเนี่ย.............
      มหาลัยที่4ที่ไปถึงใหญ่กว่ามหาลัยที่ผ่านๆมามากเลยครับ...........
      ผมกับยูมิเดินไปขอตรวจดูรายชื่อกันเหมือนเดิม
      ก็ยังไม่เจออีกครับ มหาลัยแห่งที่4แล้ว.......
      ผมชวนยูมิกลับ...........กว่าจะตรวจมหาลัยนี้เสร็จก็เกือบ4โมงเย็น
      คงไปมหาลัยอื่นไม่ทันแล้ว.............เซ็งเลยครับอีกแค่2ที่เท่านั้นเอง
      ยูมิเงียบผมก็ยังเดินข้างๆเธอเหมือเดิม
      อุ้ย..............ยูมิเซจวนจะล้มครับผมเอามือคล้องแขนเธอทันพอดี
      “เป็นอะไรไหม” ผมถาม
      เธอก็ได้แต่ยิ้มตอบกลับมาดูเธอหน้าแดงมากทีเดียว
      ผมเอามือแตะหน้าผาก ตัวเธอร้อนมากทีเดียว.........
      “ยูมิ...........ไม่สบายนี่ ตายแล้ว ทำไมไม่บอกเราล่ะ”
      ผมพยายามลากเธอไปหาที่นั่ง...........
      ไม่เป็นไรเจมไม่เป็นไร...........เธอบอกผม
      ไม่เป็นไรได้ไงตัวร้อนขนาดนี้ โถ่เอ้ย เย็นแล้วครับหารถไม่ได้
      จะนั่งพักข้างนอกก็คงหนาวเกินไปสำหรับยูมิ
      ผมได้ทำไงได้ล่ะครับ
      แบกสิครับ แบกเธอ
      “ว้ายเจมอย่า...........อายเขา”เธอทุบๆหลังผม
      “วางเราลงสิเจม.................’
      ผมฟังเมื่อไหร่ล่ะครับ ผมเดินกลับโรงแรมโดยมียูมินอนอยู่ที่หลัง..........
      ยูมิดูท่าคงจะบังคับผมไม่ได้แล้ว เธอก็เลยได้แต่ซบหลังผมอยู่อย่างนั้น
      ความอบอุ่นของเราส่งถึงกันครับ
      เธอเกาะไหล่ผมแล้วซบหน้านอน เธอคงเหนื่อยมาก
      จะว่าไปแล้วสองวันนี้ผมก็ลุยเกินไป เก้าหนึ่งของผมกับยูมิก็ต่างกันมากแล้วครับ
      เธอตัวร้อนมากจริงๆ ผมแบกเธอจนไปถึงถนนใหญ่
      ไม่ไกลมากหรอกครับ แต่เหงื่อแตกท่วมตัวไปหมด
      มือก็กวักหาแท็กซี่ ผมเอาเธอนั่งที่เบาะครับแล้วผมก็นั่งตาม
      บอกแท็กซี่ไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด ยูมิยังนอนหลับตาไม่รู้เรื่องครับ
      รถก็ออกตัวไปเรื่อยๆ โชคไม่ค่อยดีเลยครับตอนนี้เป็นชั่วโมงเร่งรีบ คนจะกลับบ้านกัน รถเลยค่อนข้างจะติดมาก
      “เจม........เจม.......”ยูมิเรียกชื่อผมเบาๆ
      “หืมเป็นยังไง อดทนหน่อยนะเดี้ยวจะถึงโรงพยาบาลแล้ว” ผมกุมมือเธอให้กำลังใจครับ
      มือของเธอเย็นเฉียบ
      “หนาว..............หนาวน่ะเจมกอดเราหน่อยได้ไหม”
      “กอด”
      ยูมิโน้มตัวลงมานอนที่ตักผม ผมได้แต่เอามือไว้ที่เอวของเธอกระซับตัวเธอกับผมให้แน่นขึ้น
      มิน.............เจมขอโทษนะมันจำเป็นจริงๆผมบอกกับตัวเองครับ
      ผมพายูมิไปถึงโรงพยาบาลครับ
      ดูบรุษพยาบาลอุ้มเธอขึ้นรถเข็น
      ได้แต่มองตามด้วยความเป็นห่วง
      หวังครับ ได้แต่หวังว่ายูมิจะไม่เป็นอะไร
      สักพักหมอก็เดินออกมา บอกแค่ว่าเหนื่อย ตากลมมากไป เลยเป็นไข้หวัดแค่นั้น ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง
      ขอบคุณหมอ ขอบคุณจริงๆ หมอตบบ่าครับ บอกไม่เป็นไรแต่เดี้ยวจ่ายตังด้วย
      หมดเลยครับ ความศรัททาตะกี้-_-
      ยูมิเดินออกมาเธอยิ้มให้ดูเธอเพลียๆๆผมเดินไปพยุง ใจอยากให้เธอนอนที่โรงพยาบาลสักคืน
      แต่เธอก็ยังยืนยันครับว่าอยากนอนที่โรงแรมมากกว่า
      ลงจากแท็กซี่....................ถึงโรงแรมแล้ว ผมพยุงยูมิเข้าห้องเงียบๆ
      เงียบจริงๆครับ แต่ก็มีคนเห็นเยอะแยะเลย
      ไม่แน่นะครับ อาจจะมีใครคิดว่าผมมอมเหล้าเธอก็ได้
      ผมได้แต่พายูมิไปนอนที่เตียง......................ห่มผ้าให้.......ผมโทรไปสั่งข้าวต้มให้เธอ
      แล้วมานั่งข้างๆ ยูมิยังหลับไม่รู้เรื่องเลย ห้องเงียบ เงียบขนาดผมได้ยินเสียงลมหายใจของเธอ
      เจมหิวน้ำ................. เธอพูดออกมาเบาๆ ผมลุกไปตู้เย็นหยิบน้ำออกมารินใส่แก้วให้เธอ
      ขอบคุณค่ะ..........เธอรับแก้วแล้วนั่งจิบเงียบๆคนเดียวบนเตียง
      ยูมิเราขอโทษน่ะ................ขอโทษที่ทำเธอลำบากขนาดนี้ เราเอาแต่ใจมากไป
      ไม่เคยนึกถึงเธอเลย....................ขอโทษจริงๆ ผมสำนึกผิดโดยมีเธอนั่งมองผมอยู่
      เธอยังยิ้มอยู่อย่างนั้น หน้าเธอยังแดงอยู่เลย แต่เธอก็ยังยิ้มให้ผมหรือเธอกลัวผมจะจากไป
      ไม่เป็นไรเจม.................ยูมิบอก
      “ยูมิแค่อยากจะช่วยเจม ให้เต็มกำลังที่ยูมิทำได้ เวลาที่เจมพยายามเพื่อมินน่ะ
      ยูมิว่ามันดูดีออก...................การที่เราพยายามทำอะไร ผลงานมันก็จะฟ้องคุณค่าของมันอยู่แล้ว”
      ยูมิล้มตัวลงนอน เธอมองเพดานห้องเหมือนคิดอะไรอยู่
      “เจม................ด้ายแดงของเราจะเหนียวไหม.....จะขาดหรือเปล่า......ความเป็นเพื่อนของเรา”
      “ผมกุมมือยูมิ..................ไม่ขาดหรอกดูสิยังคล้องแน่นอยู่เลย ไม่ว่าจะที่นี่ ที่ไหน หรือเวลาไหนก็ตาม
      เราจะมียูมิตรงนี้เสมอ.........และยูมิก็จะมีเราเสมอเหมือนกัน”
      เธอนอนต่อในห้องเงียบๆโดยมีผมนอนอยู่ข้างๆอย่างนั้น
      มือของเรายังกุมกันแน่น.............
      “เช็ดตัวให้เราหน่อยได้ไหมเจม.....” ยูมิพูด
      ผมตกใจมองหน้ายูมิ นี่เธอเป็นไข้จนเพ้อหรือเปล่า
      เหนียวตัวน่ะ ลุกไปอาบน้ำไม่ไหว แล้วเธอก็หันหลังให้ผม
      เธอปลดกระดุมเสื้อ..........ทีละเม็ดทีละเม็ดเผยให้เห็นหลังสีขาว............มีเพียงสายบราเล็กๆเท่านั้น
      ใจผมเต้น...................เร็วและรัวเลยไม่เป็นจังหวะ
      ยูมิหน้ายังแดง ไม่รู้เพราะพิษไข้หรือเธออายกันแน่
      ผมเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวจากห้องน้ำ
      เปิดน้ำที่อ่างล้างมือ ออกจากห้องน้ำยูมิก็ยังหันหลังอยู่ เธอไม่หันมามองหน้าผม
      ตอนนี้คำว่า สติ กับ อสูรในตัวตีกันอยู่เงียบๆ
      ผมเดินไปที่เตียง แตะผ้าอุ่นๆลงบนหลังเธอ ยูมิหลับตา
      ปล่อยให้ผมเช็ดไปเรื่อยๆ แผ่นหลังกับมือสัมผัสกันหลายครั้ง
      ผมเช็ดคออันยาวเรียว หัวไหล่ จนทั่วหลัง
      “เสร็จแล้วล่ะใส่เสื้อได้แล้ว”ผมบอกกับเธอ
      “ยังหรอกเจม ข้างหน้ายังไม่เช็ดเลย”ยูมิพูดพร้อมกับหันหน้ามาให้ผม
      เธอยังเอามือโอบตัวเองแน่นแต่ก็มากพอแล้วครับกับส่วนที่เห็น
      ผมกับเธอยืนหันหน้าให้กัน............
      เหมือนทุกครั้ง.........แต่ครั้งนี้ความรู้สึกมันแปลกไปมากทีเดียว
      ในใจผมตอนนี้มีภาพมิน วาวา แต่ที่ชัดเจนที่สุดคงเป็นยูมิที่ยืนอยู่ตรงหน้านี้
      สติผมกำลังจะหลุดลอย อยากกอดเธอไว้ในอ้อมแขนจริงๆ
      ผมเอื้อมมือช้าๆพร้อมผ้าในมือกำลังจะเช็ดตัวเธอ
      เวลาตอนนี้เนิ่นนานราวกับชั่วโมง
      ก็อกๆ................เสียงเคาะประตูดังขึ้น
      ผมตกใจ..............ถอยหลังมาจากยูมิทันที
      อาหารที่สั่งได้แล้วครับ................บริกรเรียกอยู่หน้าประตู
      ไม่รู้ดวงหรืออะไร ผมเกือบทำสิ่งที่อับอายไปเสียแล้ว
      สิ่งที่ทำลายตัวผมเอง
      ทำลายทั้งมิน คำสัญญา คำมั่นของเพื่อน และความรู้สึกของผมกับมิน
      ขอโทษน่ะ ผมลุกออกจากเตียง
      เดินไปรับข้าวต้มหน้าห้องกลับมานั่งข้างเตียง
      ยูมิใส่เสื้อแล้ว................เธอยิ้มแล้วขอบคุณผม เธอทำราวกับเรื่องเมื่อนาทีที่แล้วมันไม่เคยเกิดขึ้น
      ผมกลัวจริงๆครับ ผู้หญิง ไม่เข้าใจเลย
      ผมเดินไปตากผ้าที่เปียก แล้วกลับมาป้อนข้าวต้มให้เธอเงียบๆ
      พาเธอกินยา...................เรายังคุยกันอีกสักพัก
      ยูมิหลับไปแล้วครับ คงเพราะฤทธิยา
      ผมยังนั่งเฝ้าเธออยู่ หยิบหนังสือมาอ่านเงียบๆ
      บอกตรงๆครับ
      อ่านหนังสือไม่รู้เรื่องเลย
      กลับห้องนอนดีกว่า..................ฝันดีครับ
      วันต่อมาเป็นวันที่อึดอัดที่สุด
      ผมกับยูมิคุยกันน้อยมาก.........
      แต่ก็ยังนั่งข้างๆกันอยู่
      เธอพึ่งหายไข้แต่ผมก็ยังทำใจไม่ได้เลย..........เรื่องเมื่อวานยังอยู่ในหัวของผม
      ผมใจร้ายไหมครับถ้าผมไม่จับมือเธออีกเลย
      มหาลัยที่5แล้วที่ผมไปค้นกัน...............ใช่ครับเหลวอีกตามเคย
      เดินคอตกเซ็ง ชิวิต บ่น บ่น บ่น ทำไมมันซวยงี้(ว่ะ)ผมคิด
      เธอเดินมาเกาะไหล่ผม เธอให้กำลังใจว่าพรุ่งนี้ก็จะเจอมินแล้ว.........
      ผมสะบัดยูมิทิ้ง เดินห่าง ผมไม่อยากจะให้เรื่องของผมมันเกินเลยไปกว่านี้
      ยูมิกับผมได้แต่เดินเงียบๆไปตามถนน วันนี้ไม่มีคำพูดเหมือนเคย
      ผมเดินไปเรื่อยๆ กว่าจะรู้ตัวก็ตอนที่สังเกตว่า
      ยูมิไม่ได้เดินตามผมมา...............
      ผมวิ่งกับไปตามเก่าที่เดินมา.............
      “ยูมิ.........ยูมิ อยู่ไหน”ผมตะโกนหา
      นึกเพียงแค่ว่าเธอคงจะอยู่ไม่ไกล..........
      ตามถนนมืดเสียแล้ว เธอยังไม่หายดีเลยด้วยซ้ำ
      ผมเป็นห่วงเธอมากเลยตอนนี้ ผมมันโง่ผมมันไม่ดี
      ผมมันแต่กลัว กลัวจนลืมคำสัญญาที่ให้กัน
      หน้าตอนที่ยูมิมองผม เธอมองผมด้วยความรักเสมอ
      ไม่รู้ว่าเป็นแบบเพื่อนหรืออะไร แต่มันก็มีความหมายสำหรับผม
      หิมะยังตกลงมาหนักขึ้นหนักขึ้น.........
      ทุกมิลที่หิมะหนาขึ้น.........ก็คือทุกวินาทีที่ผมห่วงเธอ
      และความรู้สึกผิดที่เกาะกินทั้งใจ
      ผมเดินตามทางไปเรื่อยๆ คอยสอดส่ายสองข้างทางหวังว่าจะเจอเธอ
      ผมเดินมาถึงสะพานแขวนแห่งหนึ่ง ซึ่งมีแสงสว่างจากนีออนสีส้ม ทำให้ดูสว่างและสวยงาม
      มีหิมะตกประปราย และรอยหิมะตามทาง
      ตรงที่นั้น มุมสะพานมุมหนึ่ง
      ยูมิ ยืนอยู่สายตาเธอเหม่อมองไปบนฟ้า
      เธอคงกำลังมองภาพของหิมะที่โปรยปรายลงมาเหมือนผม
      หรือ.........................
      เธอกำลังคิดอะไร คิดถึงใครกันแน่
      ผมเดินเงียบๆไปที่สะพาน แต่เสียงเท้าเหยียบหิมะก็ดังพอที่จะทำให้เธอหันมา
      ผมสบตาเธอ................
      เธอสบตาผม...............
      มากกว่านาทีที่เราไม่พูดอะไรกัน ผมทำได้เพียงแต่ส่งรอยยิ้ม
      รอยยิ้มขอโทษที่แทนความรู้สึกว่าผมเสียใจแค่ไหน
      แต่ก่อนที่ผมจะทำอะไรไปมากกว่านั้น
      เธอได้แต่หันหลังแล้วเดินจากไป
      ผมเดินตามไปหาเธอ..........แต่ยิ่งผมพยายามเดินให้ใกล้เธอเท่าไรห่
      ก็ดูเหมือนเธอพยายามเดินหนีผม เร็วขึ้น เร็วขึ้นทุกที
      ยูมิเราขอโทษ…………. ผมพูด แต่เธอก็ยังไม่ลดความเร็วลงเลย
      เหมือนไม่อยากเจอผม หรือเธอจะเกลียดผมเสียแล้ว
      ฟังเราก่อนได้ไหมยูมิ เราเสียใจนะเสียใจมาก
      แต่ดูเหมือนเสียงของผมจะส่งไปไม่ถึง..............
      ผมไม่เคยเจออะไรแบบนี้ ผมกำลังทำเพื่อนคนสำคัญเสียใจ
      ทำลายคนที่รักผม ให้กำลังใจผมอยู่เสมอ
      ผมวิ่ง..................วิ่งไปให้ทันเธอ
      ผมกอดเธอจากข้างหลังไว้แน่น...........ผมเกาะแน่นราวกับจะไม่ปล่อยเธอจากอ้อมแขนนี้อีกแล้ว
      เธอได้แต่จับแขนผมเบาๆ
      “ขอโทษน่ะ ขอโทษจริงๆ เราอาจเป็นผู้ชายที่เอาแต่ใจ สร้างแต่ความลำบากให้
      เราเสียใจและไม่เคยเห็นคุณค่ามาก่อน แต่ยูมิยังจำได้ไหม ด้ายแดง.......กะเกี่ยวก้อยของเรา
      เรามีเธอ แล้วเธอก็มีเราไงล่ะลืมแล้วเหรอ” ผมคลายมือออกกลัวเธอจะอึดอัด
      เธอหันมามองผม น้ำตาไหลออกมาเต็มแก้ม เธอยังอยู่ในอ้อมแขนผมเมื่อวินาทีที่แล้วอยู่เลย
      เผี้ยะ...........ยูมิตบหน้าผม
      ผมได้แต่ยืนนิ่ง...................ถ้านี่เป็นโทษที่ผมทำผิดมันยังเบาไปด้วยซ้ำ
      เผี้ยะ....................เธอตบหน้าผมอีกครั้งที่แก้มอีกข้างนึง
      ความเจ็บตอนที่ถูกตบหน้าตอนอากาศหนาวๆมันซึมลึกถึงหัวใจ
      ผมอาจเป็นคนโง่คนนึงที่ปล่อยให้เธอตบหน้าอยู่หลายครั้ง
      เธอตบผมครั้งแล้ว ครั้งเล่า
      และครั้งสุดท้ายที่เธอเงื้อมือขึ้น
      แต่คราวนี้............เป็นเพียงนิ้วก้อยที่ยื่นออกมาให้ผม
      “อย่าทำอีกล่ะ” ยูมิพูด
      ผมได้แต่ยิ้มกับเธอ เกี่ยวก้อยตอบ...................
      “อืม ครับ”
      คืนนั้น มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินจูงนิ้วก้อย............เดินไปตามถนนทีมีเพียงแสงอ่อนๆ
      สายลมพัดหนาว..........
      แต่ในใจของทั้งคู่นั้นกับอบอุ่น...........
      มหาลัยแห่งสุดท้ายแล้วที่ผมจะไปตรวจแต่วันนี้คงจะงดไว้ก่อน
      เพราะผมคงต้องเอาใจยูมิอีกซักพัก แล้วที่สำคัญครับพรุ่งนี้ก็จะคริตสมาสแล้ว
      ผมไม่สนใจรอบตัวเลย หลายวันนี้เอาแต่ตามหามินจนลืมสิ่งสำคัญไปเกือบหมด
      ไม่สังเกตกระทั่ง...................วันเวลาที่ผ่านไปเลย
      คนเริ่มเอาผ้าเอาป้ายมาติดตามที่ต่างๆ เด็กๆส่งเสียงเจี้ยวจ้าว
      เค้กขนม อาหารสำหรับคืนวันคริสมาสเริ่มวางจำหน่าย
      เสียงร้องขับขานบทเพลงคริตสมาสออกมาจากโบสถ
      คู่รักเดินเป็นคู่มากมาย
      และข้างๆผมตอนนี้ก็มียูมิอยู่..................
      จะแก้ตัวหรือด่ายังไงก็คงไม่ขึ้นแล้วล่ะครับก็เธอเล่นเกาะแน่นขนาดนี้......
      ก็ใช่สิผมมันเลว
      ไม่ได้ไปตามหามินเพราะความจำเป็นหรอกครับ คริตสมาสมหาลัยปิดนะสิครับ
      เลยต้องพักการหามินไว้ก่อนหาไปก็เท่านั้น..........หรือมันเป็นเพียงข้ออ้างที่ผมบอกกับตัวเอง
      ผมกับยูมิเดินออกมาข้างนอกเดินดูของ
      เมื่อคืนโทรไปหาพ่อแม่ สุขสันตกันก่อนล่วงหน้า
      แม่เสียงเหงาๆบอกปีนี้คงจัดงานโดยไม่มีผม............
      ผมก็เหงาครับที่ปีนี้ ผมจะไม่ได้กอดขอบคุณแม่อีกครั้ง
      เสียงน้องสาวตะโกนมาตามสาย “พี่ไม่รีบกลับมาหนูยึดห้องพี่จริงๆด้วย-_-||||”เวงกรรม
      ผมยังไม่ได้รักยูมิน่ะครับ ถึงผู้อ่านหลายคนจะคิดหยั่งงั้น
      เพื่อนครับ จริงๆแค่เพื่อน..............ใจผมก็ยังมีมินเสมอ
      ผมก็พยายามตีตัวออกห่างแล้ว แต่จะให้ทำยังไงครับ...........
      ยากนะครับกับการจะทำร้ายจิตใจใครสักคน
      จะให้ผม...................ไล่เธอไปเหรอครับ ถ้าคุณเป็นผมจะทำได้หรือเปล่า
      แต่ตอนนี้ผมเองก็คงได้แต่รับผิดล่ะครับ ไม่รู้จะแก้ตัวยังไงเพราะเธอยังเกาะแขนผมข้างนี้อยู่เลย
      แต่ผมก็ยังพยายามเพื่อมินนะครับ.............ที่ผมออกมาเดินข้างนอก
      ก็เพื่อตามหามินนี่ล่ะ เผื่อเธอจะเดินออกมาดูของบ้าง
      “เจมดูตุ้กตาตัวนั้นสิน่ารักจัง”ยูมิชื้อไปยังตู้กระจกที่โชว์ กระจกใสๆทำให้มองเห็นไปได้ทั่วร้าน
      มีตุ้กตากองอยู่มากมาย..................เธอชี้ไปที่ตุ้กตาแซนต้าคริสตัวหนึ่งมีถุงใบใหญ่แบกอยู่
      เธอกระโดดโลดเต้น ผมก็ได้แต่ยิ้มๆครับ ถึงในใจจะกลุ้มใจกับความสัมพันธของผมกับเธอก็ตาม
      “อืมเข้าไปดูสิ....................”ผมบอก
      แล้วเราก็เดินเข้าไปดูตุ้กตากัน มันทำจากผ้าอย่างดีครับ นุ่มแต่ไม่มีฝุ่นจับเลย ถูกเย็บมาอย่างปรานีต
      มีกะทั่งรอยขาดของถุงของขวัญ พลิกดูราคาเกือบ 50 เหรียญ
      ยูมิหน้าม่อยๆ เธอยิ้มให้กับเจ้าของร้านเอ่ยขอบคุณ
      แล้วเธอก็จะเดินออกไป..............ผมบอกให้เธอไปรอด้านนอกก่อนผมจะเข้าห้องน้ำที่ร้าน
      ยูมิพยักหน้าไปรอด้านนอกคนเดียว...............
      สักพักผมก็เดินออกมา ยูมิยืนมองเข้ามาคล้องแขนผมเหมือนเดิม
      แต่คราวนี้เธอชะงัก..............เพราะมีอะไรบางอย่างซุกอยู่ในเสื้อโค้ตของผม
      ผมรูปซิบออก โชวให้เห็นตุ้กตาแซนต้าตัวตะกี้อยู่ด้านใน
      ผมดึงออกมายื่นให้เธอรับไปกอดแน่น
      “ตั้งแต่เรารู้จักกัน ยังไม่เคยซื้ออะไรให้ยูมิเลย เมอรี่คริสมาสนะครับ”
      ยูมิไม่พูดอะไรได้แต่กอดผมเงียบๆแทนคำขอบคุณละมั้ง
      ดูมันจะเวอรไปหน่อยมั้ง..............
      กะแค่ตุ้กตาตัวเดียว..................
      ก่อนที่จะมีฉากซึ้งอะไรมากไปกว่านี้ผมดึงตัวยูมิออก
      ภาพที่อยู่ตรงหน้าตอนนี้ก็คือ
      มิน...............มินที่ยืนยิ้มให้ผมอยู่
      เรื่องบ้าอะไรกันนี่ผมตามหาเธอมา6วันไม่เคยจะเจอเลยทำไมต้องมาเจอฉากนี้ด้วย
      ภาพมันคงฟ้องหมดแล้ว แต่ดูเธอจะไม่โกรธเลย
      เธอได้แต่ยืนยิ้มอยู่ตรงนั้น
      เธอพูดคำบางคำออกมาแต่ไม่มีเสียง
      แล้วเธอก็เดินเหมือนจะจากไป
      คำพูดตะกี้มันก้องอยู่ในหัว
      “คนโกหก.....................”
      มินมองมาที่ผม
      แต่ปากของผมไม่กล้าจะพูดว่ามันไม่ใช่.............เถียงไม่ออกซะแล้ว
      มินยังยืนอยู่ตรงนั้น...............เธอถอดถุงมือออกเผยให้เห็นแหวนเงินที่นิ้วนาง
      แหวนของเรา..............
      เธอถอดมันออกชูแหวนให้ผมเห็นชัดๆ
      “มินเชื่อนะเจม เชื่อมาตลอด”เธอร้องให้ซึ่งผมก็ไม่แปลกใจเลย
      คนมองทั้งสองข้างทาง..........
      และมินก็ทำสิ่งที่ไม่น่าเชื่อว่าเธอจะทำเลย
      แหวน ถูกขว้างต่อหน้าต่อตาผม มินขว้างไปไกลราวกับไม่ต้องการมันอีก
      มันคงเจ็บน้อยกว่านี้ท่ามินจะด่า หรือตบผมสักทีสองที
      แล้วมินก็วิ่งๆหนีผมไป........................
      ผมพยายามวิ่งตามทิ้งยูมิไว้ข้างหลัง ผมรู้แค่ว่าตอนนี้ผมต้องตามมินให้มัน...........
      ไม่สนไม่แครอะไรอีกต่อไปแล้ว
      แน่นอนผมย่อมวิ่งได้เร็วกว่าเธอ ผมคงไล่เธอได้ทันแน่ๆท่าไม่มีนายบ้าบางคนมาขวางไว้ก่อน
      ฝรั่งคนนึง ตัวใหญ่สูงสูงกว่าผมเกือบ6เซนได้มาจับตัวผมไว้
      สงสัยมันคงไม่เข้าใจเรื่องที่ผมคุยกับมินเลยพยายามจะห้ามผม
      สุภาพบรุษซิบหายเลย.........
      มิน...............มิน........ผมตะโกนไล่หลังมินที่กำลังวิ่งหนีๆไป
      แต่เธอก็ไม่หันมาเลย
      ยิ่งมินวิ่งไกลออกไปเท่าไหร่.............ผมก็ยังยิ่งดิ้นดิ้นเพื่อหลุดออกจากอ้อมแขนมันไปหามิน
      มิน......................มิน.........ผมตะโกนสุดเสียงผมตะโกนจนเธอวิ่งหายไปกลางฝูงชน
      ผมหยุดดิ้นแล้วครับท้อซะแล้ว..........
      พอมันเห็นผมตามไม่ทันแน่ๆมันก็ปล่อยผมลง
      ยิ้มให้ผมแล้วก็พูด “ผู้หญิงต้องดูแลเขาดีๆสุภาพกับเขาหน่อยสิ ..........”
      ผั้วะ.............มันยังพูดไม่จบประโยคปากมันก็แตกเสียแล้ว
      เชี้ยเอ้ย.......... ผมด่ามันเป็นภาษาไทย มรึงจะเสือกไรวะเนี่ย...........มินวิ่งหายไปแล้ว
      ผมต่อยปากมันซ้ำอีกที..........ผมโคตรเสียใจเลยเสียใจมากทำไมมันยุ่งอย่างงี้
      เอามินคืนมานะเว้ย..........ผมกระชากคอเสื้อฝรั่งเวร
      ผั้วะ................ผมถูกมันชกกลับ หมัดฝรั่งหนักซิบหาย
      ผมกลิ้งไปตามทางเท้าทันที
      มันจากไปแล้ว.........ฝรั่งคนหนึ่งที่ยุ่งกับชิวิตผมจนต้องเสียมินไป
      ผมนอนอยู่ที่ถนน เลือดไหลออกจากจมูก
      หมัดของมันไม่ได้หนักเท่าไหร่ แต่ภาพที่มินจากผมไปแล้วมันเจ็บยิ่งกว่าซะอีก
      มาเมกาทำไมวะ.....รู้งี้ไม่มาดีกว่า
      คนเดินผ่านสองข้างทางไม่มีใครเลยที่คิดจะยื่นมือช่วยผม
      ทีงี้ไม่มีพลเมืองดีผมคิด.....น้ำตากับเลือดแข่งกันไหล
      เสียใจ เสียน้ำตา เสียเวลา..........ผมเสียทุกอย่างไปแล้ว
      ความผิดผมเอง ความผิดของผมทั้งหมด.................เออผมมันไม่ดีมีมินยังจะไปยุ่งกับยูมิอีก
      ทำไม..................
      ..........................
      ..........................
      มินไม่ฟังแม้แต่คำอธิบายของผม...........
      มีมือยื่นมาช่วยฉุดผมขึ้น มิน.................
      ผมยื่นมือให้
      แต่ผมคิดไปเองครับ.................ตรงนี้มีเพียงยูมิที่คอยประคองผมขึ้น
      เธอหยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับเลือดที่จมูกให้ผม
      ทำไมเธอยังแสนดีทั้งๆที่ผมทำชั่วๆกะเธอไว้ เธอไม่พูดอะไรแต่แค่สายตาที่มองผมก็รู้ว่าเธอห่วงขนาดไหนแล้ว
      ผมสะบัดตัวออก พยุงตัวเดินกลับไปที่ถนนเส้นเดิม เส้นที่ผมเจอมิน
      ผมเริ่มหาหาแหวนที่มินขว้างทิ้งไป
      ยูมิยืนมองผม เธอทำราวกับสงสัยว่าผมยังพยายามไปทำไมและเพื่ออะไรอีก
      ผมนั่งหาเดินหา........ทั่งมองทุกจุดที่คิดว่าแหวนมันจะตกไปได้
      1ชั่วโมง
      2ชั่วโมง
      ชั่วโมงแล้วชั่วโมงเล่าที่ผมยังคุ้ยหิมะหาแหวนมินอยู่
      เจ็บทั้งเล็บปวดทั้งมือความเย็นทั้งกัดและบีบมือของผม
      ร่างกายบอกให้หยุดหา มือชาและสั่น............
      แต่สมองก็ยังบอกให้ขุด ขุดต่อไป
      เลือดค่อยๆซึมออกจากเล็บมากขึ้นมากขึ้นทุกที ไม่นานหิมะก็เต็มไปด้วยสีแดง
      ดี.............. ผมจะได้รู้ว่าตรงไหนที่ผมหาไปแล้ว มืดแล้วผมหามากี่ชั่วโมงแล้วนี่
      ผมไม่สนแล้วก็ไม่คิดจะนับมันหรอก..............
      มีคนมานั่งดูผมขุดด้วย เขาคงคิดว่านายนี่มันบ้าไปแล้ว ดูไม่นานก็ไปแต่ที่แน่ๆผมยังหาอยู่
      “พอได้แล้วเจม............”
      ยูมิบอก เธอมองผมอยู่นานแล้ว
      เธอร้องให้ในมือกำของสิ่งนึงแน่น
      นี่ใช่ไหมสิ่งที่เจมกำลังหา
      เธอแบมือออกเผยให้เห็นสิ่งที่อยู่ในมือ
      แหวนครับแหวนที่ผมหา
      อยู่ในมือของเธอ สะท้อนกับแสงยิ่งสวยกว่าเดิม
      ผมงงครับเอื้อมมือที่ชุ่มเลือดไปหยิบแหวน
      “ยูมิเก็บมันไว้เหรอ”ผมถาม
      เธอไม่พูดได้แต่นั่งร้องไห้............
      “เจมเราขอโทษ..........เธอพูดช้าๆ เราไม่คิดว่าเจมจะรักผู้หญิงคนนี้มากขนาดนี้
      เราเป็นต้นเหตุเองเจม”เธอลุกขึ้น
      “เรา..............ไม่น่าเจอกันเลยนะ”
      ยูมิกำลังจะเดินจากไป
      “จะทิ้งเราไปอีกคนเหรอ...............”
      ผมยังนั่งอยู่ที่พื้นอยู่เลย ผมยื่นมือให้
      “ฉุดหน่อยสิลุกไม่ไหว”
      เธอดึงผมขึ้นอีกครั้งแล้วที่เราได้อยู่ใกล้ๆกัน
      “ทำไมถึงไม่บอกเราว่าเก็บแหวนไว้ละ...............”
      เธอเงียบ...........................เราสองคนเดินไปช้าๆตามถนน
      ผมเงียบรอคำตอบที่จะออกมาจากปากเธอ
      “เราไม่อยากเสียเจมไป.................ทำไมล่ะเจม.............ทำไมต้องบ้าทำอะไรเพื่อผู้หญิงคนเดียวด้วย
      เจมดูสิเธอไม่ได้แครเจม เหมือนที่เจมแครเลยนะ งี่เง่าเอาแต่ใจด้วยซ้ำ”
      ผมตกใจกับอาการของยูมิตอนนี้เธอดูไม่เหมือนเคยเลย
      “เจม.....................
      เรา..............เรา............”
      ผมจับใหล่ให้เธอหยุดพูด
      ..................................................................................
      ที่เรายอมให้มิน ก็เพราะว่าเราให้ได้เราก็อยากจะให้
      ที่เราไม่โกรธที่มินทำกับเราอย่างนี้ เพราะเราก็คงโกรธถ้าเห็นมินทำแบบเรา
      ที่เราดีใจตอนที่มินหึง ก็เพราะมันทำให้เรารู้ว่ามินแครเราขนาดไหน
      ที่มินงี่เง่า เราก็ว่านั่นแหละเป็นความน่ารักของเขา
      ที่เรามาที่นี่ ก็เพื่อมาหามิน..................
      และที่ตรงนี้ ตรงใจดวงนี้..........
      ก็จะมีแต่มินเท่านั้น...........ขอโทษนะยูมิ
      หากเราทำเธอเสียใจ เราเชื่อนะว่าต้องมีคนที่ดีกว่าเรา คนที่ดูแลยูมิได้
      .....................................................................................
      ยูมิก้มหน้า ไม่รู้สิ่งที่ผมอธิบายเธอจะเข้าใจหรือเปล่า
      เธอเงยหน้าขึ้น แล้วยิ้มให้ผม
      ทุบอกผมเบาๆ
      เธอกอดผมอีกครั้งแน่นๆเต็มอ้อมแขน
      เธอร้องให้น้ำตาไหลเต็มเสื้อผม ผมลูบหัวหลังเบาๆได้แต่รอให้เธอหยุดร้องไห้
      “เข้าใจแล้วค่ะ นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เราจะกอดเจม…………...”
      ผมกอดยูมิแหงนหน้ามองดาว..................
      ยังกอดกันแน่นอยู่อย่างนั้น
      คริสมาตปีนี้ผมจะได้ฉลองพร้อมมินหรือเปล่าน่ะ......................
      คืนนั้นนอนไม่หลับ..............
      ภาพตอนที่มินยิ้มถอดแหวนแล้วขว้าง
      ย้อนไปย้อนมาอยู่ในหัวเหมือนหนัง
      มันโหดร้ายเกินไปไหม ใช่ผมเป็นคนทำร้ายเธอแต่เธอก็ไม่น่าจะทำอย่างงี้
      ผมมีหลายสิ่งต้องตัดสินใจ................ทำไมความรักของผมมันไม่มีความสุขสักที
      มินไม่สงสัยเหรอว่าผมมาที่นี่ทำไมถ้าไม่ตามหาเธอ
      ทำไมมินไม่ถาม ทำไมมินเอาแต่ใจขนาดนี้
      มินเปลี่ยนไป.....................
      หรือผมเปลี่ยนไปกันแน่ นอนไม่หลับอีกแล้วคืนนี้ พรุ่งนี้จะทำไงดีน่ะ
      หลังจากนอนคิดทั้งคืนในเช้าของวันใหม่
      ผมตัดสินใจแล้วล่ะครับ ว่าจะกลับไทย
      ผมคงไม่ได้เจอมินอีกถึงเจอผมก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร
      แต่ช่วงคริสมาตไม่มีตั๋วคงต้องรอไปก่อน ช่วงนี้ผมจึงมีโอกาศท่องเที่ยวในหลายๆที่
      ที่ผมไม่สนใจตอนแรก.............มุมมองใหม่ชิวิตก็ใหม่ๆ
      ผมไม่เหงาหรอกครับผมบอกตัวเอง อย่างน้อยตอนนี้ผมก็มีบางคนอยู่ข้างๆ
      สาวญี่ปุ่นเอาใจเก่ง ไม่งอแง พูดน้อยแบบที่คนไทยชอบเสียด้วย
      ผมเที่ยวสนุกหลายที่ช้อปปิ้งดูหนัง
      และตอนนี้ผมก็มาอยู่ที่สวนสนุก
      บรรยากาศคริสมาต เหมาะมากกับคู่รัก.............
      อากาศหนาวๆช่วยให้คนอยากใกล้อยากเดินเบียดกัน
      ผมกับยูมิเป็นแค่เพื่อนเราเคลียรกันแล้ว
      เธอก็ยังบอกเลยว่าเข้าใจ แต่ดูท่าทางแล้วผมสงสัยว่าเธอจะเข้าใจที่ผมพูดจริงๆหรือเปล่า
      ที่นิ้วนางของผมมีแหวนสองวงอยู่ด้วยกันตอนนี้
      ยังใส่อยู่เสมอ อย่างน้อยมันก็คอยเตือนตัวเอง
      บรรยากาศดูจะไปได้ดีครับ
      ดีมาก......................ถ้าผมไม่เห็นมินเดินกับผู้ชายคนหนึ่งซะก่อน
      หนุ่มตี๋ดูญี่ปุ่นคนนึงกำลังเดินออกมาจากบ้านผีสิง
      ข้างๆมีมิน มินของผมยืนด้วยอยู่
      ผมดูไม่ผิดหรอกครับ.....................
      มินแน่ๆให้สาบานก็ได้..............
      ผมอยากไปหามินตอนนี้เลย แต่เครื่องเล่นที่ผมเล่นอยู่มันก็หยุดไม่ได้ซะด้วย
      มันทีที่เครื่องเล่นหยุด ผมจูงมือยูมิพาเธอไปหามินทันที
      ผมเดินหาหน้าบ้านผีสิง ไม่มีครับ ไม่มีมินเลยแม้แต่เงา.................
      มินอยู่ไหนแล้วนายบ้านั่นเป็นใคร ช่างเถอะผมคงไม่เจอกันมินแล้วล่ะ
      ผมยิ้มให้ยูมิซึ่งทำหน้างงเธอคงสงสัยว่าผมลากเธอมาทำกัน
      “กินอะไรไหมหิวหรือเปล่า ตรงนู้นมีฮอทดอค เดี้ยวเราไปซื้อให้น่ะ”
      “กินสิเจมเอาน้ำผลไม่ด้วยนะ^^|||||”ยูมิบอก
      อืมรอนี้แป้บนะ....................ผมรับคำ
      เดินไปที่ซุ้มขายอาหาร ปลงตกแล้วครับเรื่องมินคงไม่เจอแล้ว
      ผมเดินไปที่ซุ้มสั่งใส้กรอกมีคนยืนรอคิวก่อนผมสองคน
      ผมไม่เชื่อสายตาเลย มินกับนายหนุ่มคนนั้น.......................
      ผมมองมินมินมองผม
      คราวนี้เธอไม่โวยวายอีกเธอก้มหน้าแล้วชวนคนข้างๆเธอออกไป
      เธอเดินผ่านผม......................ราวกับผมไม่อยู่ตรงนั้น
      “มิน........................
      จำได้ไหม.................
      สัญญา...................ของเรากับเธอ”
      ผมพูดมินเงียบ เธอหยุดเดินแล้วคอยฟังอยู่
      “แล้วเจมจำได้ไหมล่ะสัญญาของเราน่ะ”มินพูด
      “จำได้สิ จำได้แม่นมากด้วย ไม่สงสัยเหรอไงว่าเรามาเมกาทำไมถ้าไม่มาหาเธอ”
      มินหันมาหาผมแล้วเราสองคนสบตากัน
      “จะสนใจอะไรมินล่ะ.....................เจมมีคนใหม่แล้วนี่น่ารักนี่สาวญี่ปุ่นเสียด้วย”
      “แล้วทีมินล่ะหนุ่มญี่ปึ่นเหมือนกันแหละ ที่ยืนข้างๆนะใช่หรือเปล่า”
      ผมโวยมั่ง นายหนุ่มที่มากับมินทำหน้า งง คนไทยทักทายกันดุเดือดขนาดนี้เชียว
      “อืม มีไรไหม เขาหล่อกว่าเจมเยอะอะ ที่สำคัญไม่เจ้าชู้ด้วย”
      มินเอามือเท้าเอวรู้สึกเธอจะฉุนจัดพอๆกับผม
      “สรุปมินไม่รักเราแล้วใช่ไหม เรามาเมกามาหามินนะ
      มินยังรักเราหรือเปล่า”ผมถาม
      สถานการณ์เลวร้ายกว่าเดิมเมื่อยูมิเดินเข้ามา
      “ตอบมาสิยังรักเราอยู่หรือเปล่า...................”
      ………………………………………..
      ………………………………………..
      ………………………………………..
      “เคยรักแต่ไม่รักแล้ว.................ไปอยู่กะเขาไปเขาคนโน้นไป”มินโวยลั่นมือกุมหัวเธอชี้ไปที่ยูมิ
      “ได้............”
      ผมยกมือขึ้น มือข้างที่ยังม่วงซ้ำ ค่อยๆถอดแหวนออกจากนิ้ว
      แบมือให้เห็นแหวนทั้งสองวงในมือ
      “ต่อไปนี้เราจะไม่ใส่มันอีก .................ในเมื่อมินไม่เชื่อเราไม่รักเราแล้วเราก็ไม่มีอะไรจะพูดอีก
      แต่อยากบอกนะ เราๆไม่เคยลืมมินสักนาที เรายังรักมิน รักมากที่สุด
      เราไม่เคยเสียใจมากขนาดนี้มาก่อน ทำไม ทำไม ไม่เข้าใจเรา”
      “ต่อไปนี้เราสองคน...............................จบกัน”ผมย้ำคำพูดตัวเอง
      ผมคว่ำมือช้าๆปล่อยให้แหวนทั้งสองวงตกลงพื้น
      ผมกำมือแน่น..................เสียใจ โกรธ ปวดที่อกเหมือนใครมาบีบหัวใจ
      ผมมองมินมินมองผม....................นี่อาจเป็นการมองครั้งสุดท้ายของเรา
      ผมมาที่นี่ทำไมเนี่ยเหมือนคนโง่ที่โง่มาตามคนที่เขาไม่รักเราแล้ว
      ผมเกลียดตัวเองจริงๆที่มีน้ำใจให้มิน ให้มินได้ทุกเวลา
      แต่ผมกับต้องมีน้ำตาแบบนี้......................
      ผมหันไปหานายหนุ่มข้างๆมิน
      “ดูแลมินด้วยล่ะ”พูดได้แค่นี้ละครับ เสียใจมาก เสียใจโคตรๆ
      ใช่ครับคิดกันถูกแล้วล่ะผมกับมิน
      จบแล้ว...........................
      ผมเดินสวนออกมา.................มินยืนเงียบไม่พูดอะไรก้มหน้าอยู่
      ผมมองเธอเป็นครั้งสุดท้าย ผมก็เคยคิดว่าผมกับมินต้องเลิกกันซักวันนึงแต่ไม่เคยคิดเลยว่า
      เราต้องมาจบกันแบบนี้ ผมถือน้ำออกมาขวดหนึ่ง ขวดที่ซื้อตอนจะซื้อฮอทดอคนั่นแหละครับ
      ผมบิดจุกขวด แล้วราดมันไปที่หัวของผม
      ให้มันช่วยล้างภาพของมินออกไปให้หมด
      ผมเงยหน้าขึ้น...................น้ำไหลไปตามเส้นผมที่เปียกชุ่ม
      มินยืนอยู่ตรงนั้น
      ได้แต่วิ่งมากอดผม.........................
      “ไม่เอา ไม่เลิก ไม่เลิก ไม่เลิก ไม่ฟัง ไม่ยอมนะเจม”
      ……………………………………
      “เจมจะเลิกกับมินจริงๆเหรอ”มินถามผม
      “ก็มินไม่รักเราแล้วไม่ใช่เหรอ”ผมตอบยังยืนนิ่งไม่กอดมินตอบ...................
      “ใครว่าไม่รักมินแค่โกรธงี่เง่า.............มินไม่ดีเองเจมยกโทษให้มินได้หรือเปล่า”
      .........................................................
      “ไม่ได้....................” ผมตอบมองหน้ามิน มินทำหน้าแบบซ็อคมาก
      “ไม่ได้ได้ยังไงละก็เรารักมินขนาดนี้”ผมกอดมินตอบ
      นานมากครับนานที่เดียว.........................
      ผมรักอเมริกาครับ^^
      “มือๆโดนอะไรมาน่ะเจม.................”
      มินถามผมที่ม้านั่ง ข้างๆมียูมิกับหนุ่มญี่ปุ่นคนนั้นนั่งคุยกันอยู่......
      “ปล้าว ไม่มีอะไรหร้อก ก็แค่ทำอะไรโง่ๆเพื่อผู้หญิงเอาแต่ใจบางคนเท่านั้นแหละ”
      ผมแซวมินกลับ
      “ใครเป็นผู้หญิงเอาแต่ใจกัน”มินฉุนครับ
      “ดูยูมิกันแฟนมินสิเข้ากันได้ดีจังนะ...........คุยกันสนุกเชียว” ผมบอกให้มินดู
      “บ้า ใครแฟนฉัน เพื่อนบ้านนะอยู่บ้านข้างๆแค่เพื่อนกันเมื่อวานมินร้องให้เขาเลยพามาปลอบเฉยๆ”
      มินทำหน้างอนๆ
      “อย่างน้อยมินก็ไม่กอดผู้หญิงแบบใครบางคนหร้อก” เอาแล้วครับเริ่มเปิดหัวข้อสงครามครั้งที่สอง-_-||||
      “โถ่มินก็อธิบายเป็นร้อยรอบแล้วอะว่าแค่เพื่อนเหตุการณ์มันพาไป”
      “เชอะไม่เชื่อหร้อก.....................กอดกันกลมขนาดนั้น”มินสะบัดหน้าหนี
      “แฟนเจมก็มีแค่คนเดียวนี้แหละจริงๆ”ผมกุมมือมิน
      “จริงๆนะ” มินถาม
      “อืม จริงสิ”
      “ก็ว่างั้นแหละ อย่างเจมคงไม่มีใครหน้ามืดแบบมินเอาอีกหร้อก อิอิ”อ่าวดูถูกนี่หว่า-_-||||
      “อยู่เมกาไม่กี่วันรู้สึกปากคอร้ายขึ้นเยอะนะ”อยากบอกว่ากวน.....มากกว่าแต่เกรงใจ
      “อ่าว...............ไม่ดีเหรอจะได้ไม่มีหนุ่มมาจีบไง” มินมาซบผม
      “สรุปสาวญี่ปุ่นคนนั้นเป็นใคร” มินหยิกขาผม
      อ่าวสรุปยังไม่เชื่อเต็ม100นี่หว่า T_T
      “เพื่อนนะ เจอเขาเดือดร้อน...........”แล้วผมก็เล่าเรื่องยูมิให้ฟังแบบไม่ปิดบังครับ
      แค่ตัดตอนกอด ไล่ตามที่สะพาน แล้วก็ตอนเช็ดตัวออกเท่านั้นเอง^^(ไม่ปิดบังเล้ย)
      ตอนแรกผมนึกว่ายูมิจะเสียใจมากกว่านี้แต่ดูเธอจะไม่เสียใจเท่าไรห่
      นายหนุ่มข้างบ้านมินขอตัวกลับบ้านไปแล้ว ดูเขาก็เป็นคนดีเหมือนกัน
      แต่กลับไปก็ดีแล้วครับ^^เกะกะลูกตา เอ้ยม่ายช่าย ม่ายช่าย
      พอไปหนุ่มนั่นไปยูมิก็เลยมานั่งที่ข้างๆผมคนละฝั่งกับมิน..........
      ยูมิยิ้มให้มิน มินก็ยิ้มตอบ แต่ผมอยู่ตรงกลางบรรยากาศมันอึมครึมไงไม่รู้
      ช่างเถอะครับผมก็เครียลกับยูมิแล้วเธอน่าจะเข้าใจ
      วันนั้นผมอยู่กับมินทั้งวัน สนุกครับสนุกจริงๆ
      มีความสุขแบบที่สุดในโลกเลยครับ ผมกับมินเดินคล้องแขนกันแบบไม่อายใคร
      ก็นี่อเมริกาไงครับประเทศเสรี...................คืนนั้นผมพามินไปส่งบ้าน
      “แล้วเจอกันวันคริสมาตนะมิน............ผมบอก”
      “อืมพรุ่งนี้แล้วสิเนอะ หลับฝันดีนะค่ะเจม”
      แล้วมินก็หอมแก้มผมเบาๆดีใจครับคุ้มค่าจริงๆที่มา
      ผมมองตามมินจนเธอกลับเข้าบ้านไป
      ผมเดินกลับโรงแรมพร้อมยูมิ เราเดินไปสองคนเงียบๆ
      เหมือนทุกที ผมพูดๆเรื่องมินให้เธอฟังตลอด
      ยูมิก็ได้แต่ยิ้มแล้วฟังทุกๆเรื่องที่ผมเล่า
      แต่ไม่รู้ผมคิดไปเองหรือเปล่า
      ผมรู้สึกว่าคราวนี้ยูมิดูเงียบกว่า.............ทุกๆวัน
      วันต่อมาผมนัดมินไว้แต่เช้าเดินผ่านห้องยูมิ........
      ตะโกนบอกเธอว่าวันนี้ผมคงไปกับเธอไม่ได้ ผมทิ้งเงินไว้ให้จะไปช็อปปิ้งที่ไหนก็ได้นะ
      ผมทิ้งเงินไว้ให้ไปเอาที่ห้องเอง......................เงียบครับไม่มีเสียงตอบ
      เธอคงยังนอนหลับอยู่ผมก็ไม่ค่อยอยากกวนเธอหรอกครับ
      ไปดีกว่าครับวันนี้ร่าเริงไปหามิน
      นัดที่สวนสาธาราณะกลางเมือง
      อะโหนัด9.30
      มินเล่นมาซะ11.30 -_-+
      “ยายมินๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆสายซะ2ชั่วโมงเชียวไม่มาตอนหมดหน้าหนาวเลยล่ะ”
      มินยิ้มแหะๆ “โทษค่ะ โถ่ก็แต่งสวยมาเนี่ยเพื่อเจมเลยนาเลือกชุดนานไปหน่อยเหะ เหะ”
      “เหรอ” ผมยิ้มให้
      เลือกชุดนานหรือตื่นสายกันแน่ ผมคิด
      ช่างเถอะครับผู้ชายไม่คิดเล็กคิดน้อย คิดลึกๆอย่างเดียวก็พอแล้วครับ
      หุ....หุน้ำลายไหล ^^
      แวะร้านซีดีที่ ฮอลลี่วูด(ชื่อร้าน)โถ่เพ่มินทำยังกะไม่เคยเข้าร้านเทปกระดี้กระด้าเหลือเกิน
      “เจมๆ มาดูนี่ดิมีเพลงไทยด้วย”มินชี้ให้ดูที่เขาวางโชว
      “ไม่แพงกว่าไทยเท่าไหร่ซื้อกันเหอะ” มินดันทุรังจะเอา ผมดูราคา อะเหอ20เหรียญ –“-
      400กว่าบาท ทามมายไม่ไปซื้อที่ไทย(วะ)ผมคิด
      ช่างเถอะครับเพื่อมินได้เสมอ
      ยืนจ่ายตังครับ ภายนอกยิ้มครับ แต่ภายในทุกขระทมT_T
      400บาทหนูกินข้าวได้หลายจานเน้อT0T/
      ต่อจากร้านซีดี..............มินชี้ไปต่อที่ร้านกระเป๋า
      T_Tยายมินเอาแล้ว..........
      “เจมไปดูกันกระเป๋าน่ารักเต็มเลย”มินคล้องแขนพาเข้าร้านกระเป๋าต่อ
      “จ๋ะ จ๋ะไปไหนก็ไป” วันนี้มินกะถล่มผมเต็มที่แหงๆ
      ผมได้เดินตามมินเข้าร้านนู้นร้านนี้
      ไม่เป็นไรครับมีบัตรพ่ออยู่รูดสบายครับ เหอ เหอ
      กลับบ้านตูโดนพ่อฆ่าแน่ๆผมคิดT_T
      “จะเที่ยงแล้ว เจมอยากกินอะไรค่ะ”มินถาม ผมถือของเต็มสองมือ
      เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า ผ้าพันคอ cd แล้วก็ของจุกจิกอีกหลายอย่าง
      ทามมายอยู่เมืองไทยไม่ซื้อ(วะ)T_T
      ขอร้องไห้หน่อยเถอะครับ
      เงินจ๋าอยากจากหนูปายยยยยยยยยย
      “กินไรก็กินตามใจมินเถอะครับ”ผมตอบ(อย่าแพงน้ามินเจมหมดตัวแล้ว)
      “กินไอติมละกัน........น่ะ”มินบอก
      “โหมิน................หนาวขนาดนี้จะกินไอติม”ผมโวย
      “อ้อ............งั้นกินอาหารญี่ปุ่นก็ได้นะ อิอิ มินกินเยอะด้วยแหละ”
      “เอ่อ..................ไอติมก็ได้มิน............เราเพิ่งนึกได้ว่าอยากกินไอติมม้ากมาก”เปลี่ยนทันทีเลยผม
      --_--||||คิดเอาเองครับขนาดที่ไทยยังแพงขนาดนี้ที่เมกาจะขนาดไหน
      กระเป๋าแฟบเลยครับ ผมจำได้นะว่าตอนมามันหนักนี่หว่า
      กำลังจะหยิบตังให้มิน มินเดินไปซื้อแล้ว
      “เจมไม่ต้องเลี้ยงหรอก เดี้ยวมินจ่ายเอง”มินหันมายิ้ม
      ผมยิ้มตอบ^^
      “โห..........รู้จักคำว่าเกรงใจด้วย”ผมกระซิบกับตัวเองเบาๆ
      มินหันมาทันทีเลยครับ
      “อะไรน่ะ ตะกี้พูดว่าอะไร” อุแม่เจ้าทำไมหูดีปานนั้น
      “ปล่าวๆ เจมบอกว่าเอารสวานิลาจ้า มินได้ยินเป็นอะไรเหรอ”แก้ตัวครับ จะเชื่อป่าวเนี่ย
      “แล้วไป มินเดิน”ไปซื้อไอติมต่อ
      หูดีกว่าหมาอีก ชมนะเนี่ยไม่ได้ประชด^^ผมคิดในใจได้ยินอีกให้รู้ไป
      ตั่งแต่มินมาเมกาเปลี่ยนไปเยอะเลย
      เอ้ะหรือนี่เป็นนิสัยที่แท้จริง พระเจ้าเอามินที่น่ารักของผมคืนมา
      มินเดินกลับมาพร้อมไอติมในมือแต่ให้ตายเหอะ
      ในมือมีไอติมโคนเดียว
      แล้วหนูจะกินอะไรอ่า-_-|||||
      “กินด้วยกันได้ไหมละเจม มินกินไม่หมดหรอก”
      ผมยิ้ม “ อืมๆได้สิไม่รังเกียจมินอยู่แล้ว”เหะ เหะ จูบทางอ้อม
      “ดีมาก อิอิ”แล้วมินก็กินไปคำนึง เธอเอามือกุมหัว
      “โอ้ย เย็น...............ไม่เอาแล้ว เจมกินคนเดียวให้หมดเลยน่ะ”มินพูดยื่นไอติมให้
      “อะโห..........มินทำยังกับผมเป็นมนุษย์เหล็กไม่มีความรู้สึกหยั่งงั้นหละ”
      ผมก็เย็นเป็นนะ(โว้ย)
      ไม่เป็นไรครับเพื่อมินยอมได้ทุกอย่างเคยบอกแล้ว
      ผมเอื้อมมือไปรับไอติมครับเอามากินปวดหัวจี้ดเลย
      ไอติมวันนี้เค็มมากเลยครับ
      เค็มน้ำตาT_T.....................
      โอ้เจ้มินไม่ได้หยุดอยุ่แค่นั้นครับ
      ผมยังนึกเลยวันนี้คึกอาราย-_-|||||
      เดินไปซื้อน้ำตู้ กดผิดได้กาแฟเย็น “ยื่นให้ผม เอ้าเจมกินสิ เย็นอะมินไม่ชอบ”
      โหมิน น่าร้ากกกกกกกกกกกกก น่ารักมาก(น่าลักไปฆ่า-_-+)
      ไม่ใช่ถังขยะนะเว้ย...............ผมตะโกน(ในใจ)
      เอาจริงๆก็ยังยิ้ม ให้มินเสมอ ถ่าไม่ใช่ที่รักตายไปแล้วเหอ เหอ
      มินเดินมาควงแขนผม
      เอ้ออย่างนี้ค่อยน่าให้อภัยหน่อย..................^^สู้ตายฮับวันนี้
      บ่ายสองแล้วหมดแรง มินไม่ซื้อของแล้วละครับ
      แต่ชวนผมออกมาเดินเล่นรอบสวนสาธารณะ..............
      รอบที่หนึ่ง ยิ้มคร้าบยิ้มมีความสุข...........ฝรั่งมองอิจฉาละซี่.......อิอิ
      รอบที่สอง คุยครับคุยหนุกหนานตัวมินก็อุ่น
      รอบที่สาม อะเหอเริ่มธรรมดาแต่ก็ยังเดินๆแล้วก็เดินครับ
      รอบที่สี่ ทำไมหนทางมันรู้สึกยาวๆกว่าสามรอบแรกหว่า
      รอบที่ห้า ไม่ไหวแล้วมินอยากเดิน เดินไปคนเดียวเหอะ>_<เชิญเลย
      ผมขอมินนั่งที่ม้านั่งไม่ไหวแล้วครับ หอบแฮกๆ
      มินเท้าซะเอว
      ผู้ชายอะไรทำไมไม่แข็งแรงเลย มินบ่นๆแล้วก็บ่น
      ลองมาถือของแบบผมบ้างดูไหม-_-+หนักนะเว้ย
      นึกน่ะครับนึกในใจ ความสัมพันธยังสั่นคลอนอยู่ไม่กล้าเสี่ยง
      “ขอโทษเหนื่อยนะพักแป้บได้ป่าวล่ะ” ผมบอก
      “อืมก็ได้.............”มินพูดแล้วนั่งข้างๆผม เราจับมือกัน
      T_Tทำไมสวรรคกับนรกมันใกล้กันงี้ว้า...........
      เจม.......................เรามีบางอย่างอยากจะถามนะได้ไหม?
      “อะไรเหรอมิน ตอบได้ก็จะตอบอะน่ะ”ผมแซว
      “วันนี้เราเอาแต่ใจตัวเองเกินไปหรือเปล่า”โหเจ้รู้ตัวด้วย
      “ไม่เลยมิน..................เราก็ยอมให้มินเสมอแหละไม่ว่ามินจะทำอะไร”
      “เหรอคิกๆ รู้เปล่าว่าวันนี้เจมซื่อมากเลยอะ มินแกล้งเจมทั้งวันสนุกจัง
      แกล้งยังไงก็ไม่โกรธ”
      เหอ เหอ โกรธเว้ยแต่ไม่แสดงออก สรุปแกล้งกันช่ายมะ-“-
      “ยังไงก็สารภาพแล้วล่ะ ขอโทษได้หรือเปล่าล่ะ”มินอ้อน
      ผมแกล้งหันไปอีกข้างเชอะเรื่องไรจะยอมให้ง่ายๆเดี้ยวได้ใจ^^
      “น่ะค่ะน่ะค่ะเจมคนดี.........................”มินจับขาผม
      ผมว่าว่างๆจะส่งมินไปประกวดดาราหน้าใหม่เจ้แกแสดงเก่งแบบสุดๆ
      เมินครับเมินไม่หันไปหรอกเห็นหน้ามินแล้วใจอ่อน
      เจมจะโกรธมินจริงอ่ะ มินชะเง้อมาดูหน้าผม
      ตากลมโตๆ หน้าใสๆ ตัดกับหิมะขาวๆ แก้มชมพูอ่อนๆ
      น่าร้ากกกกกกกกสาดอ่า
      “ดีกัน ไม่โกรธ น่ะ น่ะ น่ะ”
      “ไม่โกรธจ้า ต่อให้เอาปืนมายิงหนูก็ไม่โกรธ ทำไมมินน่ารักงี้ว้า”
      “อ่าว..................ก็เงี้ยแหละคนมันเกิดมาสวย เจมไม่จับดีๆมีชู้เจงๆด้วย อิอิ”
      “อุ้ยเจม ทำไมบนหัวมีเขา”มินชี้ไปบนหัว............
      “เห้ยไหน..............”ผมจับหัว
      “อ่าวไม่เห็นเหรอโง้งเลยอ่ะ มินสวมให้เองอะสวยม่ะ คิก คิก”
      เอ้า.............เห้ยมินเล่นงี้เลยน่ะ –“-
      วันนี้ดูมินคึกเป็นพิเศษเป็นไรหรือเปล่าเนี่ย
      กินยาผิดมาแหงๆ............
      เอ้า..................มินยื่นแหวนของเรามาให้ผม
      “ถือว่าหายกันน่ะ อย่าทิ้งอีกล่ะไม่งั้นจะเจมหนักกว่านี้ ใส่ซะหรือว่าจะให้ใส่ให้”
      ผมรู้สาเหตุแล้วครับ-“-
      มิน่าวันนี้แสบจัง..................(แก้แค้นนี่หว่า)
      “ไม่ใส่......................หนาวไม่อยากเอามืออกจากกระเป๋าใส่ให้หน่อยสิ”ผมยื่นมือให้
      เอาคืนครับ แสบนัก-_-+
      มินจับมือผมค่อยๆใส่แหวนให้ผม ปากก็พึมพัมไรไม่รู้
      “-_-+ท่องคาถาเหรอมิน” ผมถาม
      “ปล้าวๆแค่สาบแช่งถ้าคิดนอกใจอีก ขอให้ลงไปนอนชักดิ้นแค่นั้นเอง”เอาแล้วนังมินหันหาคุณไสย-“-
      “เอาเจงดิ..............แช่งเจมลงเหรอ”ผมอ้อนบ้าง
      “เมื่อก่อนก็ไม่ลงหร้อก แต่พอเห็นใครบางคนควงสาวญี่ปุ่นเดินไปมาแล้วหมั่นใส้อ่ะ”
      มินพูดยิ้มๆครับแต่ทำไมน้ำเสียงจริงจังหว่า
      “โอ๋ๆๆๆขอ โทษยกโทษให้ได้ป่าวอะก็บอกแล้วว่ารักมินที่สุด”
      “จริงๆเหรอ จริงๆน่ะ”มินย้ำ
      “อืมจริงสิมินเจมจะโกหกไปทำไมกัน”
      “งั้นซื้อแหวน..................เพชรวงใหม่ให้มินเลย”มินบอก
      -“-อะเหอเกินไปป่าวเจมกรอบแล้ว
      “อิอิ...........ทำหน้ากลุ้มเลย ล้อเล่น มินขอแค่นี้ก็พอ”มินกอดแขนผมยื่นหน้าเข้ามาใกล้แล้วปิดตา
      ^_^/มินจะเอากี่กะรัตจ๋า(อันนี้นึกในใจเดี้ยวซวย)
      แล้วผมกับมินก็จูบกัน..............อีกครั้ง
      มินถอนหน้าออกยืนยิ้มๆ
      เดี้ยวนี้จูบเก่งน่ะไปฝึกที่ไหนมาหรือเปล่า(แหน่ะ-__-แขวะอีก)
      “ปล่าวคิดถึงมินมากน่ะ สงสัยความรู้สึกมันสื่อมั้ง”
      มินยิ้ม................. “มินรักเจมน่ะ”
      “เจมก็รักมินครับ..............”
      ป่ะกลับกันเถอะ จะมืดแล้วเราไปส่ง...........
      “ไปยังไงอะเจม”มินถาม
      “ก็รถไฟสิถามได้”มินถามแปลกๆ
      “เหรอแต่มินอยากนั่งรถสปอรต์อะไปหามาเลย ตรงนู้นมีโชวรูมไปซื้อมาก็ได้”มินกอดอก
      ไม่งั้นไม่ไปจริงๆด้วย...........
      “น้าน ยังแกล้งผมไม่เลิก”-__-
      รถสปรอตไม่ไหว แล้วผมก็เดินไปอุ้มมิน “เอาเราแทนรถไปก่อนแล้วกัน”
      “เจมอย่าอายคน คนมอง”
      “แต่เราไม่อาย^^”
      “แต่หนักอ่ะไม่ไหว กินเก่งขึ้นใช่ไหมเนี่ย” ผมวางมินลง
      “บ้าๆ...........มาว่าเค้า”มินไล่ทุบผม
      “จ้าๆโทษๆโหหมัดหนักวุ้ย”ผมได้แต่ป้องกันตัวเองปล่อยมินทุบ
      พอเหนื่อยเราสองคนก็เดินคล้องแขนกัน
      ตรงไปสถานีรถไฟ ผมว่ามินแบบนี้ก็น่ารักไปอีกแบบผมหันไปลูบผมมิน
      ผมพามินไปส่งที่บ้านแล้วเดินกลับโรงแรม
      วันนี้ผมมีเรื่องเล่าให้ยูมิฟังเยอะเลยครับ^^
      เดินผ่านประตูห้องยูมิ...........ผมเคาะประตู ไม่มีคนตอบ
      สงสัยยูมิไปช็อปปิ้งจนเหนื่อยละมั้ง...............หรือเธอยังไม่กลับ
      ผมกลับห้องอาบน้ำ(อีกแล้ว)วันนี้เจออะไรมาหลายอย่าง
      เฮ้อ................จะเปิดเทอมแล้ว
      ต้องกลับไทยแล้วสิ ยังไม่อยากกลับเลย...............อยากอยู่อ้อนมิน
      เอ้ะ ไม่ได้โทรหาแม่หลายวันแล้วสิเขาจะเป็นห่วงกันหรือเปล่าน่ะ
      เดี้ยวต้องโทรหาหน่อยแหละ ต้องหาข้ออ้างพ่อเรื่องรูดบัตรด้วย-_-
      พรุ่งนี้วันคริสมาตแล้ว............จะพามินไปเที่ยวไหนดี
      ที่ไหนสนุกๆแล้วถูกๆมีไหมน้า..................
      ออกจากห้องน้ำนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวมีคนมาเคาะห้อง
      ใครหว่ายูมิหรือเปล่า ผมโยนรีโมททีวีลงบนเตียง
      เดินเอาผ้าคลุมไหล่เช็ดหัวไป เดินไปเปิดประตูไป
      มีฝรั่งหน้าแปลกๆอยู่หน้าห้อง
      เห้ยใครว่ะ..............ผมคิด ยิ้มสู้ไว้ก่อน
      “มาหาใครครับ” ผมถาม
      “มาหาคน”มันตอบ-_-||||
      “ครับคนพูดครับ”ผมตอบมันไปเสยผมให้มันดูชัดๆว่าผมไม่ใช่ลิงแน่ๆ
      “ผมหมายถึงผมมาหาคนไทย”(แล้วไม่ไม่พูดทีเดียววะ-_-+)
      “ครับมีธุระอะไรหรือเปล่า ผมพอช่วยอะไรได้ไหม”ผมเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบเบียรมาดื่ม
      “ผมเป็นพนักงานประชาสัมพันธ มีคนฟากนี้ใว้ให้คุณ”
      เขาพูดยื่นกระดาษโน้ตสีขาวมาให้
      “ใครฟากใว้ให้ล่ะครับ” ผมไม่ค่อยสนใจยกเบียรขึ้นดื่มต่อ
      “ผู้หญิงญี่ปุ่นผิวขาวๆผมไม่ทราบชื่อเหมือนกันคุณเอาไปเถอะผมจะกลับบ้านแล้ว”
      ยูมิเหรอ? ผมเดินไปหยิบกระดาษโน้ตจากเขาให้โน้ตไป5เหรียญ
      เขาไม่รับบอกเขาไม่ใช่พนักงานยกกระเป๋าแล้วก็เดินจากไป
      เออดีไม่เสียตัง....................ชอบอยู่แล้วของฟรี
      จะเปิดกระดาษ เขียนว่าไรว้า
      โทรศัพทดังขึ้นเฉยเลย
      อะไรอีก..............วุ่นวายจริงๆ
      เดินไปรับโทรศัพท์
      “ฮัลโหลใครครับ”
      “พ่อเอง...........”
      “พ่อไหนครับ เอ้ย เอ้ย หวัดดีครับพ่อโทรมาได้ไงครับเนี่ย”เกือบซวยทุกที-_-||||
      “ก็นายลูกบางตัวมันไม่สนใจจะโทรมา มันติดแต่หญิง”
      “โถ่พ่อก็เดี้ยวจะโทรไปอยู่แล้วล่ะครับ ใจเราตรงกันจังน่ะพ่อน่ะ” (ได้ทีอ้อนซะหน่อย)
      “อืมๆ เมื่อไหร่จะกลับไทยล่ะแม่เอ็งเป็นห่วงนะเพื่อนๆก็บ่นถึง
      ยิ่งเพื่อนลูกคนนึงที่เป็นผู้หญิงน่ะ มาบ้านเราทุกวันจนสนิทกับแม่ลูกจะแย่แล้ว”
      พ่อผมบ่น แปลกพ่อผมไม่ค่อยชอบบ่นนี่นา
      “คนไหนพ่อ ผมไม่แน่ใจมีหลายคน อิอิ”
      “พ่อไม่แน่ใจน่ะ รู้สึกจะชื่อ...............วอแวอะไรนี่แหละวันๆไม่ไปไหนอยู่กับแม่ลูกทั้งวันพ่อกลับจากทำงานก็สวัสดีเช้าพอตอนเย็นกลับมาก็สวัสดีอีก เข้ากับแม่เอ็งเป็นปี่เป็นขลุ่ย”ฟังจากเสียงพ่อผมคงรำคาญแน่เลย-_-
      “วาวาหรือเปล่าพ่อ.............”พ่อผมแปลงเสียเลย วาวาเป็นวอแว
      “เอ้อ เออคนนั้นแหละคุยเก่งจริงๆวันนี้อยู่กินข้าวเย็นบ้านเรา”
      “ไม่เป็นไรหรอกพ่อรายนี้ก็หยั่งงี้แหละเพื่อนผมเอง ไม่ต้องกลัวนะพ่อไว้ใจได้”
      แล้ววาวาจะไปบ้านผมทำไมเนี่ย.............ก่อจราจรเหรอ
      “นายเรื่องนั้นพ่อไม่ห่วงหรอกน่าตาก็บอกแล้วว่าเป็นลูกผู้ดี แต่ที่พ่อกลุ้มนี่สิเฮ้อ”
      “เป็นไรพ่อกลุ้มเรื่องไรเนี่ย ถอนหายใจเชียว”ผมเริ่มใจไม่ดีแล้วสิ
      “วาวานี่แฟนลูกเหรอ?”พ่อผมถาม
      “เว้ย................ไม่ใช่พ่อแค่เพื่อน ทำไมพ่อคิดงั้นล่ะนี่ผมก็มาตามหาแฟนผมถึงนี่พ่อก็รู้”
      “งั้นก็ดีไป แต่พ่อไม่เข้าใจที่เขาทำเลย”
      “ทำไรครับพ่อ วาวาทำอะไรอีกล่ะ........”
      “เห้อช่างเถอะ ไม่พูดแล้วลูกเดี้ยวพ่อจะวางแล้ว”
      “เดี้ยวพ่อ เดี้ยวๆ ทำงี้ผมนอนไม่หลับแน่ บอกมาสิพ่อโถ่...........” ผมโวย
      “จะฟังแน่นะลูก รับได้หรือเปล่า...”
      “อืมรับได้สิพ่อ มีอะไรก็บอกมาเลยจะได้รู้เรื่อง”
      “วาวาอะไรของลูกเนี่ย ชอบเรียกพ่อว่าพ่อตา ส่วนแม่ลูกก็เรียกแม่ยาย
      พ่อฟังแล้วแบบไม่ชอบเลยไม่เป็นกุลสตรี แต่แม่เอ็งนี่สิ ปล่อยให้เรียกเฉยเลย
      นี่ยังไม่รวมน้องสาวแกเลยนะตัวดีเลยล่ะ.................
      เรียกวาวาว่า พี่สะใภ้ พี่สะใภ้ฟังแล้วพ่อขนลุกไปหมด”พ่อผมถอนหายใจเฮือกใหญ่
      แต่คงสู้ผมที่ช็อคอยู่ปลายสายไม่ได้
      เล่นงี้เลยเหรอนังวาวา-_-||||
      “พ่ออย่าใส่ใจเลยครับ............เดี้ยวผมกลับไปเครียลเอง
      ผมจะกลับหลังวันปีใหม่นี้แหละ
      พ่อจองตั๋วให้หน่อยนะครับ ที่นี่จองยาก”โยนภาระค่าตั๋วไปที่พ่อ อิอิ
      “รับกลับมานะลูก พ่อทนเสียงจุกจิกในบ้านไม่ไหว
      คุยกันตลอดแบบไม่เกรงใจพ่อกันเลยยังกับนกแตกรัง มีอะไรจะฟากบอกแม่กับน้องหรือเปล่า”
      “ไม่มีครับพ่อ เอ้อฟากดูแลแม่กับน้องอย่าให้ถูกล้างสมองไปก่อนนะพ่อ”ผมแซวเล่นๆ
      “พ่อว่าช้าไปแล้วล่ะ ฮ่า ฮ่า”
      ผมกับพ่อหัวเราะกันแล้วก็วางโทรศัพทไป
      นอนกลิ้งบนเตียงวรอบ
      ไหนบอกตัดใจแล้วไงวาวา งี้มินรู้เข้าจะทำไงเนี่ย
      ช่างเถอะ เดี้ยวค่อยว่ากันทีเดียว
      ลุกขึ้นแต่งตัว หิวอีกแล้วไปหาอะไรกินดีกว่า(ยังไม่กินข้าวเย็น)
      เดินไปที่โต้ะอาหาร มีพนักงานออกมาต้อนรับ
      ผมเลือกนั่งโต้ะเดิม โต้ะที่ผมยูมิเป้นครั้งแรก
      ยูมิ
      !!!!!!!!!
      เห้ยตายแล้ว
      ลืมยูมิซะสนิทยังไม่ได้ดูโน้ตเลย
      ผมบอกบริกรว่าลืมของผมจ่ายค่าอาหารก่อนเดี้ยวจะกลับมากิน
      เขารับคำ ผมออกจากห้องอาหารแล้วกลับห้อง
      อยู่ไหนวะ ตะกี้วางไว้บนโต้ะนี่หว่า
      หลังจากก้มไปก้มมาก็เจอกระดาษอยู่ใต้โต้ะจนได้
      เล่นเอาเหนื่อยเลย หยิบออกมาเปิดดู
      เจม...........ขอบคุณน่ะ ดีใจที่เจอเจม ได้เจมเป็นเพื่อน
      พอดีมีธุระด่วน.................เลยต้องไปก่อน
      อักษรที่เหลืออ่านไม่ออกครับ เบียรที่วางไว้ใกล้ๆโน้ตหกมาเปื้อนจนอ่านไม่ออก
      แต่แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว..............
      ยูมิ........................หายไปอีกแล้ว
      คืนนี้เหนื่อยอีกแน่เลยครับ คว้าเสื้อโค้ตมาพาดไหล่แล้วเดินออกจากห้องไป
      จะไปไหนเหรอครับ ตามหายูมินะสิ
      เธอไปไหนผมยังไม่รู้เลย.............
      เทศการคริสมาตมีแต่แสงสี
      ของประดับเยอะ รถเยอะ และที่สำคัญ คนเยอะด้วยครับ
      นี่ผมต้องหายูมิจากกลุ่มคนพวกนี้เหรอเนี่ย....................
      ผมเดินไปตามสองข้างทาง
      ตาคอยมองซ้ายมองขวาหายูมิ
      เธอเป็นผู้หญิง แถมตอนนี้เป็นช่วงเทศการ เงินเธอก็มีไม่มากคงไปไม่ได้ไกลเท่าไรห่
      “เคยเห็นคนนี้ไหมครับ”
      ผมโชวรูปยูมิที่ถ่ายคู่กับผมตอนไปสวนสนุกให้ดู
      มีแต่คนส่ายหน้า บางคนไม่สนใจที่จะตอบด้วยซ้ำ
      พรุ่งนี้นัดมินไว้เช้า คืนนี้จะได้นอนกี่ทุ่มกันเนี่ย -_-+
      ดูนาฟิกา สองทุ่มแล้ว...................ไม่ดึกเท่าไหร่
      ไปตามร้านอาหาร แหล่งช็อปปิ้ง
      บางทีก็เจอด่า...........แต่ไม่ท้อหรอกครับ
      ตอนนี้ผมยังเฉยๆ ร้อนใจนะครับร้อนใจแต่ก็ยังเชื่อครับว่ายูมิคงดูแลตัวเองได้
      เชื่อไหมครับผมทักผิดไปหลายรอบแล้ว
      เห็นผู้หญิงญี่ปุ่นตัวเล็กๆไม่ได้เป็นต้องเดินไปทักทุกที
      ผิดหวัง ผิดหวัง แล้วก็ผิดหวัง
      คืนนี้ผมเจอคำนี้มาแล้วไม่รู้กี่รอบ...........
      ไม่เจอเลยเธอหายไปไหนกัน
      เป็นไปได้ไหมว่าเธอจะออกจากเมืองไปแล้ว
      หรือถ้าเลวร้ายที่สุด..........
      ไม่ๆผมบอกตัวเอง ไม่อยากคิด ยูมิคงไม่คิดทำอะไรบ้าๆหรอก
      พยายามหัวเราะกับตัวเอง แต่ความรู้สึกตอนนี้ทำได้เพียงหัวเราะ
      แหะ แหะ เท่านั้น
      ดูนาฟิกา 4 ทุ่มแล้วเหรอนี่ ผมหามากว่า2ชั่วโมงไม่เจอเลย
      ยูมิ.............................................
      ผมตะโกนดังลั่นถนน
      มีคนหันมามองเต็มเลยครับ แต่ก็ยังหาเธอไม่เจอเลย
      ไม่กล้าตะโกนอีกครับ ตำรวจมองแล้ว
      ตอนนี้สมองกำลังทำงานอย่างหนัก ที่ไหนที่เธอน่าจะไป........
      คิดไม่ออกครับมันมากมายเหลือเกิน...............
      ผมลองไปหาที่สวนสาธารณะ สถานีรถไฟใต้ดิน หรือแม้แต่หน้ามหาลัยยามค่ำคืน
      ไม่เจอเลยครับ ราวกับเธอหายไปแล้วหยั่งงั้นแหละ
      หิมะเริ่มตกอีกแล้ว ทำไมผมออกมาด้านนอกมันถึงตกทุกทีหยั่งกะจงใจจะกลั่นแกล้ง
      อยู่เมืองไทยฝนตก อยู่ที่เมกาหิมะตก
      เจริญชิวิตจริงๆ
      เหนื่อยครับเหนื่อยมาก รบกับมินมาทั้งวันตังแต่เช้า ตอนนี้ห้าทุ่มยังไม่ได้นอนเลย
      ปวดขาไปหมด ตามแขนก็เมื่อยล้า
      ร่างกายบอกว่าอยากนอนเต็มที..................
      คนสองข้างทางเริ่มน้อยลงทุกที เหลือแต่คู่รักเป็นคู่ๆ
      ดีครับ ผมจะได้หายูมิง่ายขึ้น สายตายังมีความหวังครับว่าจะเจอเธอ
      ลางสังหรณ์ผมก็เชื่อแบบนั้น
      แต่ความจริง...............
      ก็คือผมที่เดินไปตามถนนเงียบๆคนเดียว...........
      ยูมิไปไหนน่ะ................ผมผิดหรือเปล่าที่มาตามหาเธอ
      แต่ผมก็เชื่อว่ามินไม่ใช่ผู้หญิงใจแคบขนาดนั้น............
      นี่คือชิวิตคนคนนึง นี่คือเพื่อนของผม........
      ตีหนึ่งแล้วอากาศหนาวแบบสุดๆเสื้อโค้ตที่เอามาดูจะทนความหนาวไม่ไหวแล้ว
      จมูกแดงหน้าแดง หน้าตึงและแตกไปหมด
      ไม่ไหวแล้วกลับโรงแรมดีกว่า......
      เดินหนาวตลอดทาง คงไม่มีโอกาศเจอกันแล้วล่ะ
      ถึงโรงแรมมีแค่ประชาสัมพันธ์ที่ยังอยู่ เฮ้อ..........
      เซ็งครับกลับห้องดีกว่า.............
      เดินผ่านห้องยูมิ ยืนอยู่หน้าประตู
      ตรงนี้เคยมียูมิอยู่ ไออุ่นๆเพราะเครื่องทำความร้อนจะกระทบหน้าทุกทีที่เปิดไป
      แต่ตอนนี้ไม่มี ไม่มีอีกแล้ว
      ผมลองเคาะประตูห้อง อาจจะบ้าก็ได้รู้ทั้งรู้แล้วว่าไม่มีคนอยู่ในนั้น
      แล้วประตูก็เปิดออก
      มียูมิที่หัวกระเซิงชะเง้อหน้าออกมา
      “อะไรเจม ไปไหนมาเนี่ย กี่โมงแล้วมาเคาะ”ยูมิถามผมเป็นชุดเลยครับ
      ผมไม่ตอบได้แต่คว้าตัวยูมิมากอด
      ขอโทษเจมผิดไปแล้ว
      ผมว่ายูมิคง งง แน่ๆผมก็มีคำถามไม่น้อยกว่าเธอหรอก
      “ไปไหนมาเรานึกว่ายูมิจะจากเราไปแล้ว”
      ผมนั่งคุยกับเธอที่เก้าอี้ในห้อง
      “อ่าวก็ยูมิฝากโน้ตไว้แล้วน่ะ”
      ก็ยูมิเขียนว่าขอบคุณลาก่อน เราก็นึกว่ายูมิจะจากไปแล้วซะอีก
      “อ่าวๆ โถ่เจมเราก็เขียนไว้ชัดเจนนะว่ามีธุระเจอเพื่อนเก่า
      จะกลับดึกยังเป็นห่วงอีก...............”
      “ก็โน้ตมันเปียกน้ำอ่านไม่จบเราก็นึกว่า แหะ แหะ.........” หัวเราะให้กับความโง่ของตัวเอง
      “เป็นห่วงเราเหรอถึงออกไปหา”
      “อืม เป็นห่วงสิก็เราเป็นเพื่อนกันนี่นา”ผมตอบ
      “แค่นั้นจริงๆเหรอ”ยูมิเขยิบเข้ามาใกล้
      “เราดีใจน่ะ”ยูมิมองหน้าผม
      ตอนนี้เราห่างกันไม่ถึงฟ่ามือ
      ผมลุกออกจากเตียง
      “เอ่อไม่เป็นไรก็ดีแล้วล่ะ เรากลับห้องล่ะน่ะ”
      รีบหนีก่อนสิครับเดี้ยวสติแตกอีก
      “เจมเดี้ยว............”ยูมิเรียก
      ว่าไง...........กำลังจะปิดประตูห้อง
      “ฝันดีนะค่ะ”
      “ครับ ยูมิก็ฝันดีน่ะขอโทษที่มากวนดึกๆ”
      ค่ะ............
      ดูเรียบๆนะครับ แต่รอยยิ้มพร้อมเสียงหวานๆทำผมแทบดิ้นตายทั้งคืน
      แกล้งกันหรือเปล่าเนี่ย
      โว้ยนอนล่ะครับพรุ่งนี้ต้องเจอยายมินอีกตายแน่T_T
      อวยพรให้ผมรอดชิวิตด้วยนะครับ
      นอนหลับสบาย.......แสงบ้าอะไรไม่รู้มาส่องใส่หน้า
      เอาผ้าห้มคลุมตัวแล้วสลบไปอีกที
      ไม่รู้นานเท่าไหร่ แล้วก็รู้ตัวตื่นขึ้นลุกมาบิดขี้เกียจซ้ายทีขวาที
      เหอ เหอ วันปีใหม่ วันเกิดพระเจ้า ช่างสุขขีจริงๆ
      แสงแดดสดใส หิมะตกแดดออกเป็นภาพที่สวยจริงๆ
      แดดออก! นี่กี่โมงแล้วหว่านอนเพลินไปหน่อย
      นัดมินไว้ตอน10โมงยังไงก็คงไปทัน
      ดูนาฟิกา 11.30
      ฮ่าๆแค่11.30เท่านั้นเองยังเหลือเวลาอีกตั้งเยอะ
      เห้ย...............................11.30ผมขยี้ตา
      ตายห่าแล้ว เจอฆ่าแน่ ผมคว้าเสื้อจากราวมา
      น้ำเนิ้มไม่อ่านแล้ววันนี้ซักแห้งมันไปเลย
      คว้าน้ำหอมได้ก็บรรจงฉีดๆๆๆมันเข้าไป
      ระลึกถึงคุณพระคุณเจ้าขอให้อวยพรให้มินอารมดี
      อย่างน้อยก็อย่าหงุดหงิดอยู่เลย ผมยังไม่อยากตายT_T
      ไปถึงโอ้ มินยังรออยู่
      แต่ทำไมเธอไม่ยิ้มหว่า^”^
      หายใจลึกๆครับตั้งสติแล้วรุกเข้าไป
      เอ่อมินเราขอ.....
      ยังพูดไม่จบเลยครับ นั้นมินลุกเดินหนีไปแล้ว
      ทำไมต้องเดินตามง้อแต่เช้าว้า-_-
      ผู้หญิงเข้าใจยากจริงๆ ทีมินมาสายก็แค่ยิ้มๆอ้อนหน่อยก็พอแล้ว
      ทีผมมาสายนะทำยังกับ ทำผิดอะไรร้ายแรงหยั่งงั้นอ่ะ
      เอาแล้วครับหนังภาระตะภาค16พระเอกวิ่งตามนางเอก
      ดีหน่อยที่ไม่มีภูเขา ขึ้นไม่ไหวครับวันนี้ตายแน่>_<
      มินแกล้งผมครับ ตามไม่ทันเพลียยาวตั่งแต่เมื่อคืน
      “มินหยุด..............”
      ผมบอกแล้วคุกเข่า มินหันมา
      “หากไม่ยอมยกโทษให้จะนั่งอยู่นี้แหละจนตายเลย”
      “เชิญเลย..............”
      มินพูดสั้นชัดได้ใจความ
      แต่กินใจมากเลยครับ มินช้าลงแป็บแล้วเดินหนีไป
      “เห้ยมินเอาจริงดิ เจมอายคนนะ”ผมพูดแล้วลุกเดินตามต่อ
      มินหันมาหยุด
      “โถ่.............นึกว่าจะแน่จริงกว่านี้”มินเดินมาปัดหิมะให้ผม
      “ก็เราหน้าไม่ด้านพอล่ะมิน คนมองเต็มเลยเย็นก็เย็นไม่ไหวหรอก”
      ผมทำหน้าน่าสงสารเต็มที่ สงสารหน่อยสิมิน
      “ไหนๆ”มินจับหน้าผม
      “โหเจมนี่เหรอไม่ด้านหนาขนาดนี้”มินพูดยิ้มๆ
      “ยายมิน..............มันจะกวนเกินไปแล้วนะระยะนี้”ผมยกมือขึ้นแง่งใส่
      “มาให้ลงโทษซะดีๆ” ผมวิ่งไล่
      “ว้ายเจมอย่า..........มินวิ่งหนี”โหวันนี้ตามไม่ทันครับ
      หน้ามืดแล้วนอนไม่พอ.............ตากหิมะมาด้วย
      มินเห็นผมไม่กระตือรือร้นมั้งครับ
      เลยกระตุ้นผมด้วยลูกบอลหิมะก้อนใหญ่
      แม่นมากเลยครับเข้าหน้าเต็มๆ
      T_Tโอ้ยเจ็บ ยายมิน.............
      สงครามโลกครั้งที่สามเกิดแล้วครับ
      ผมฉุนก้มลงไปหยิบหิมะมาปั%E

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×