คุณยายที่รัก
    ตั้งแต่เด็กที่ฉันจำความได้  ฉันก็มียายและน้าเลี้ยงดูมาตลอด  ตอนเด็กฉันได้รับความยุติธรรมมาเสมอก็ใช่ฉันเป็นน้องต้องได้รับการเอาใจใสมากกว่าพี่ชายของฉัน    แต่เมื่อโตขึ้นแล้วฉันกลับคิดว่ายายรักพี่มากกว่าโดยที่ไม่รักฉันเลยแม้แต่น้อย  น้าของฉันหรอ  ไม่ต้องพูดถึงก็ได้เพราะน้าฉันเลี้ยงดูฉันตั้งแต่เค้าอายุ 13  พอโตขึ้นฉันขาดเค้าไม่ได้เลยทีเดียว   
    เมื่อก่อนตอนฉันประมาณ  5  ขวบได้บ้านฉันทำสวนผักกระเฉดในพื้นที่  1ไร่กว่าๆ  บ้านฉันอยู่ในสวนมักจะอุดมสมบรูณ์อยู่แล้ว  เวลาเค้า  (หมายถึง  แม่  ป้า  และยาย) เก็บผักกระเฉดกัน  ฉันก็จะเป็นคนลงช่วยล้างแหนออกจากผักกระเฉด  ความจริงไม่ได้ช่วยหรอกลงไปเล่นน้ำเท่านั้นแหละ  และเวลาล้างเสร็จแล้วตัวฉันก็กลายเป็นมนุษย์ตัวบวมเพราะฉันแพ้แหนและละอองแดดเล็กน้อย  รวมถึงบุ้งหรือหนอนก็เยอะด้วย    แต่ไม่เป็นปัญหาแพ้อย่างนี้ทุกครั้งมีทางแก้    พอเสร็จจากงานพวกนี้ก็ไปอาบน้ำปะแป้งให้ขาวและพร้อมที่จะทายา    คนที่ทาก็ไม่ใช่ใครที่ไหนก็เป็นยายกับน้าเนี่ยแหละ      ยายของฉันทำอาหารอร่อยมากเฉพาะพะโล้  มันอร่อยมากกลมกล่อมซะ
( น้ำลายไหล )  พวกขนมหวานฝีมือยายก็ไม่แพ้ใครอร่อยทุกอย่าง    ช่วงหน้าฝนลูกชมพู่มะเหมี่ยวก็จะออกลูกกันเต็มเลย  ยายก็จะชวนฉันพายเรือเข้าไปในสวน    ในสวนของยายจะเต็มไปด้วย  กล้วย  ชมพู่มะเหมี่ยว  มะดันและอีกหลายอย่างเต็มไปหมด    วันนี้ยายชวนไปเก็บชมพู่มะเหมี่ยว  อุปกรณ์ของเราสองคนก็จะมี  สวิงไว้สอยลูกที่อยู่สูงๆ  ถุงพลาสติก  และเรือกับไม้พาย    ยายจะเป็นคนพายเรือฉันจะเป็นคนนั่ง  และยายจะบ่นเสมอว่า  ตัวหนักมากเลยไม่น่าเอามาเลย  จากการที่เราสองคนเก็บชมพู่มะเหมี่ยวเสร็จแล้ว  เราจะมานับลูกชมพู่มะเหมี่ยวว่ามีกี่ลูกกัน  จากนั้นก็จะเป็นหน้าที่ฉันที่จะเอาเจ้าชมพู่มะเหมี่ยวพวกนี้  ไปแจกตามบ้านต่างๆ  เนี่ยอาจจะเป็นสิ่งหนึ่งของยายฉัน  ที่เป็นคนที่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ทำให้คนอื่นเคารพและนับถือ 
    จากนั้นยายของฉันก็จะหั่นชมพู่มะเหมี่ยวเป็นชิ้นๆ  รอฉันไว้แล้ว  จากนั้นยายก็จะเอาน้ำตาลใส่ถ้วยใบเล็กๆไว้ให้  ยายรู้เสมอว่าฉันชอบกินน้ำตาลมากเวลากิน  ผลไม้ที่ไรก็จะจิ้มน้ำตาลถึงผลไม้นั่นจะหวานขนาดไหนก็ตาม
    ยายชอบเล่าเรื่องเก่าๆ  เสมอเวลาตอนกลางคืนประมาณ  หัวค่ำเนี่ยเองยายก็เข้าไปในห้อง  ยายบอกว่าไม่ได้หลับ  แค่เอนหลังเท่านั้น  เมื่อเข้าไปในห้องของยาย  ฉันก็ถามเรื่องต่างๆที่อยากรู้ตามประสาเด็กๆ  ยายก็จะเล่าให้ฟังซะยืดยาวจนบ้างทีฉันก็หลับในห้องยายไปเลย
    จากอดีตจนมาถึงเกือบปัจจุบัน  อดีตที่คิดว่าหวานจนปัจจุบันมันขม  ฉันเริ่มโตขึ้น  พี่ชายฉันก็อยู่ประมาณ  ป.5 - ป.6  ช่วงนั้นที่จำได้  เราสองพี่น้องทะเลาะแทบจะฆ่ากันได้ทุกวัน  ยายเข้าข้างพี่ชายมากกว่าส่วนน้าก็เข้าข้างฉันแต่ไม่ถึงกลับลำเอียง    เวลาทำงานบ้านยายไม่เคยใช้พี่ชายเลย    เป็นเพราะแบบนี้มั้งฉันเลยชอบทะเลาะกับยายทุกวัน  ยายก็จะพูดว่าเราไม่ถูกกันหรือไม่ก็ฉันไม่ถูกกับคนแก่  เมื่อเริ่มโตขึ้น  โตขึ้น  และโตขึ้นมันดูเหมือนว่าฉันจะทำอะไรขวางหูขวางตายายตลอด  และเหตุการณ์เหล่ามักจะทำให้ฉันอารมณ์เสีย    และทะเลาะกับยาย  ฉันเป็นคนใจร้อน  อารมณ์ร้าย  โมโหร้าย    ขี้งอนฉันก็คิดว่า  ยายไม่เคยรักฉันเลย  แต่ขณะเดียวกันฉันไม่เคยนึกถึงความรู้สึกของยายเลยในเวลานั้น
    จนมาถึงปี  2546  เป็นวันที่ฉันรู้ได้ถึงความรู้สึกของยาย ที่สายเกินไป    ยายแก่มากแล้วแต่ยายก็มีความรับผิดชอบและมีความสุขกับต้นไม้ต้นหญ้าที่เค้าปลูกไว้ที่น้าบ้าน  เค้าจะไปรดน้ำเสมอ  และวันหนึ่งยายล้มลงกระดูกช่วงตะโพกหักต้องได้รับการผ่าตัด  และเป็นช่วงที่ฉันกำลังทำพื้นบ้านใหม่  พ่อกับแม่ก็ทุ่มเงินไปกับการทำบ้าน  เงินเลยไม่พอแต่นั่นไม่ใช่ปัญหา  ญาติพี่น้องเรายื่นมือเข้ามาช่วยกันอย่างเต็มที่    ใกล้วันผ่าตัดหมอก็จะมาดูอาการจิตใจของคนไข้ก่อนผ่าตัดในวันรุ่งขึ้น    ตอนนั้นฉันไม่ได้อยู่หรอกเพราะมันใกล้จะสอบหรืออะไรซะอย่างเนี่ยแหละเลยไม่ได้ไป  วันนั้นหมอถามยายว่า  ตอนนี้คิดถึงไรอยู่บ้าง  ยายบอกว่า  ไม่ได้คิดถึงอะไรเลย  คิดถึงแต่  ต้นพริกที่บ้าน (ต้นที่หวงนักหวงหนา)  หมอถามว่าและลูกหลานหละ  ยายก็บอกว่า  ไม่ห่วงหรอก มันดูแลตัวเองกันได้
                                          “  แต่หลานสาวของยายไม่รักเคยยายเลย  ”
    วันเวลาผ่านไป    ยายผ่าตัดแล้วยายเกิดอาการช็อก  ต้องอยู่ห้องไอซียู  ในตอนแรกที่เข้าไปในห้องยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น  ฉันยังเป็นปกติอยู่เมื่อเวลาเดินไป  2  - 3  นาที  ฉันเห็นหน้ายายที่นอนไร้สติ  และฉันก็กล่าวว่า  “หนูมาเยี่ยมยายแล้วนะ ”  จากนั้นก็รู้สึกได้เลยว่า  น้ำในตาก่อรวมตัวกันจะไหลลงในไม่ช้า  จากนั้นฉันก็ร้องไห้ออกมาไม่หยุด  แม่เห็นเลยร้องไห้ตาม  จากนั้นฉันก็เลยออกมาก่อนแม่มานั่งสงบสติอารมณ์ข้างนอก  ไม่รู้ว่ากี่วันที่ยายของมาจากห้องไอซียูและย้ายมาอยู่ห้องธรรมดาแทน  และจากนั้นฉันก็ใช้ชีวิตที่ปกติเหมือนเดิม 
ฉันกลับมาบ้านหลังจากที่ไปโรงเรียน  พ่อกลับมาจากทำงานเร็วกว่าปกติในวันนั้น  และพูดกลับฉันขึ้นมาว่า  “ อาบน้ำ  และไปวัดกัน  ยายเสียแล้ว ”  ในคำพูดของพ่อนั้นฉันกับรู้สึกตกใจ  แต่ไม่ร้องไห้  งานศพของยายก็จัดไปด้วยความโศกเศร้าของคนที่สนิทกับยาย  และงานศพก็จบสิ้นลงด้วยความคาดไม่ถึงของฉัน
    วันแรกของการกลับมาจากโรงเรียนโดยไม่มียายอยู่  แต่ในความรู้สึกของฉันกลับรู้สึกว่ายายยังอยู่ในบ้าน  ฉันมานั่งคิดว่ายายจะรู้อะไรบ้างที่เกี่ยวกับตัวฉัน
    -  อย่างแรกที่ยายรู้  ยายรู้ว่าฉันกลัวผีมากแค่ไหน
    -  ยายรู้วิธีแก้คันสำหรับฉัน
    -  ยายรู้ว่าฉันชอบกินน้ำตาลมาก
    -  ยายรู้ว่าฉันตัวหนักขนาดไหน
    -  และอีกมากมายที่ยายรู้
แต่อีกสิ่งที่ยายไม่เคยรู้เลยคือ      หลานสาวของยายคนนี้  รักยายมากแค่ไหน 
   
----------------------------------------
      ต้นไม้ใบหญ้าที่เคยชุ่มชื้นกลับแห้งเหี่ยว  ผลผลิตจากต้นพริกที่ไม่เคยเห็นความสดใสของท้องฟ้า  ดอกไม้ที่บานสะพรั่งจางหาย  เสียงทะเลาะด้วยความเข้าใจไม่มีอีกแล้วสำหรับฉัน
ความรู้สึกของฉันมันสายเกินกว่าที่เอ่ยออกไป  กลับยายเสียแล้ว  เวลาที่ล่วงเลยไปไม่สามารถจะดึงกลับมาได้  มันทำให้ยายไม่รู้ความรู้สึกของฉันในเวลาที่ฉันยังหายใจอยู่  มันทำให้รู้สึกว่าเสียดายที่ไม่ได้เอ่ยคำ    หรือประโยคใดๆ  ที่คนๆนั้นอยากฟังและรอฟังอยู่    ซึ่งเค้าก็คิดเช่นเดียวกันกับเราคิด  ถึงมันจะช้าเกินกว่าจะพูด    แต่ฉันก็เชื่อว่า  “ยายของฉันต้องรู้ถึงความรู้สึกของฉัน ”
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น