คุณยายที่รักของหนู - คุณยายที่รักของหนู นิยาย คุณยายที่รักของหนู : Dek-D.com - Writer

    คุณยายที่รักของหนู

    เด็ก ญ คนหนึ่งที่เค้าไม่เคยบอกความรู้สึกบ้างอย่างให้คุณยายที่รักของเค้าทราบเลย แต่ความรู้สึกนั้นมันสายที่จะบอกแล้ว

    ผู้เข้าชมรวม

    275

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    275

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  10 พ.ย. 47 / 19:51 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      คุณยายที่รัก
           ตั้งแต่เด็กที่ฉันจำความได้   ฉันก็มียายและน้าเลี้ยงดูมาตลอด   ตอนเด็กฉันได้รับความยุติธรรมมาเสมอก็ใช่ฉันเป็นน้องต้องได้รับการเอาใจใสมากกว่าพี่ชายของฉัน    แต่เมื่อโตขึ้นแล้วฉันกลับคิดว่ายายรักพี่มากกว่าโดยที่ไม่รักฉันเลยแม้แต่น้อย   น้าของฉันหรอ   ไม่ต้องพูดถึงก็ได้เพราะน้าฉันเลี้ยงดูฉันตั้งแต่เค้าอายุ 13  พอโตขึ้นฉันขาดเค้าไม่ได้เลยทีเดียว    
           เมื่อก่อนตอนฉันประมาณ   5   ขวบได้บ้านฉันทำสวนผักกระเฉดในพื้นที่   1ไร่กว่าๆ   บ้านฉันอยู่ในสวนมักจะอุดมสมบรูณ์อยู่แล้ว   เวลาเค้า  (หมายถึง  แม่   ป้า  และยาย) เก็บผักกระเฉดกัน   ฉันก็จะเป็นคนลงช่วยล้างแหนออกจากผักกระเฉด   ความจริงไม่ได้ช่วยหรอกลงไปเล่นน้ำเท่านั้นแหละ  และเวลาล้างเสร็จแล้วตัวฉันก็กลายเป็นมนุษย์ตัวบวมเพราะฉันแพ้แหนและละอองแดดเล็กน้อย   รวมถึงบุ้งหรือหนอนก็เยอะด้วย    แต่ไม่เป็นปัญหาแพ้อย่างนี้ทุกครั้งมีทางแก้     พอเสร็จจากงานพวกนี้ก็ไปอาบน้ำปะแป้งให้ขาวและพร้อมที่จะทายา    คนที่ทาก็ไม่ใช่ใครที่ไหนก็เป็นยายกับน้าเนี่ยแหละ       ยายของฉันทำอาหารอร่อยมากเฉพาะพะโล้   มันอร่อยมากกลมกล่อมซะ
      ( น้ำลายไหล )   พวกขนมหวานฝีมือยายก็ไม่แพ้ใครอร่อยทุกอย่าง    ช่วงหน้าฝนลูกชมพู่มะเหมี่ยวก็จะออกลูกกันเต็มเลย   ยายก็จะชวนฉันพายเรือเข้าไปในสวน    ในสวนของยายจะเต็มไปด้วย   กล้วย   ชมพู่มะเหมี่ยว   มะดันและอีกหลายอย่างเต็มไปหมด    วันนี้ยายชวนไปเก็บชมพู่มะเหมี่ยว  อุปกรณ์ของเราสองคนก็จะมี  สวิงไว้สอยลูกที่อยู่สูงๆ   ถุงพลาสติก   และเรือกับไม้พาย    ยายจะเป็นคนพายเรือฉันจะเป็นคนนั่ง   และยายจะบ่นเสมอว่า   ตัวหนักมากเลยไม่น่าเอามาเลย   จากการที่เราสองคนเก็บชมพู่มะเหมี่ยวเสร็จแล้ว   เราจะมานับลูกชมพู่มะเหมี่ยวว่ามีกี่ลูกกัน   จากนั้นก็จะเป็นหน้าที่ฉันที่จะเอาเจ้าชมพู่มะเหมี่ยวพวกนี้  ไปแจกตามบ้านต่างๆ   เนี่ยอาจจะเป็นสิ่งหนึ่งของยายฉัน  ที่เป็นคนที่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ทำให้คนอื่นเคารพและนับถือ  
           จากนั้นยายของฉันก็จะหั่นชมพู่มะเหมี่ยวเป็นชิ้นๆ   รอฉันไว้แล้ว   จากนั้นยายก็จะเอาน้ำตาลใส่ถ้วยใบเล็กๆไว้ให้   ยายรู้เสมอว่าฉันชอบกินน้ำตาลมากเวลากิน  ผลไม้ที่ไรก็จะจิ้มน้ำตาลถึงผลไม้นั่นจะหวานขนาดไหนก็ตาม
           ยายชอบเล่าเรื่องเก่าๆ   เสมอเวลาตอนกลางคืนประมาณ  หัวค่ำเนี่ยเองยายก็เข้าไปในห้อง  ยายบอกว่าไม่ได้หลับ  แค่เอนหลังเท่านั้น   เมื่อเข้าไปในห้องของยาย  ฉันก็ถามเรื่องต่างๆที่อยากรู้ตามประสาเด็กๆ   ยายก็จะเล่าให้ฟังซะยืดยาวจนบ้างทีฉันก็หลับในห้องยายไปเลย
           จากอดีตจนมาถึงเกือบปัจจุบัน   อดีตที่คิดว่าหวานจนปัจจุบันมันขม   ฉันเริ่มโตขึ้น  พี่ชายฉันก็อยู่ประมาณ  ป.5 - ป.6   ช่วงนั้นที่จำได้   เราสองพี่น้องทะเลาะแทบจะฆ่ากันได้ทุกวัน   ยายเข้าข้างพี่ชายมากกว่าส่วนน้าก็เข้าข้างฉันแต่ไม่ถึงกลับลำเอียง    เวลาทำงานบ้านยายไม่เคยใช้พี่ชายเลย    เป็นเพราะแบบนี้มั้งฉันเลยชอบทะเลาะกับยายทุกวัน   ยายก็จะพูดว่าเราไม่ถูกกันหรือไม่ก็ฉันไม่ถูกกับคนแก่  เมื่อเริ่มโตขึ้น   โตขึ้น   และโตขึ้นมันดูเหมือนว่าฉันจะทำอะไรขวางหูขวางตายายตลอด   และเหตุการณ์เหล่ามักจะทำให้ฉันอารมณ์เสีย    และทะเลาะกับยาย   ฉันเป็นคนใจร้อน   อารมณ์ร้าย   โมโหร้าย    ขี้งอนฉันก็คิดว่า   ยายไม่เคยรักฉันเลย  แต่ขณะเดียวกันฉันไม่เคยนึกถึงความรู้สึกของยายเลยในเวลานั้น
           จนมาถึงปี   2546   เป็นวันที่ฉันรู้ได้ถึงความรู้สึกของยาย ที่สายเกินไป    ยายแก่มากแล้วแต่ยายก็มีความรับผิดชอบและมีความสุขกับต้นไม้ต้นหญ้าที่เค้าปลูกไว้ที่น้าบ้าน   เค้าจะไปรดน้ำเสมอ   และวันหนึ่งยายล้มลงกระดูกช่วงตะโพกหักต้องได้รับการผ่าตัด   และเป็นช่วงที่ฉันกำลังทำพื้นบ้านใหม่   พ่อกับแม่ก็ทุ่มเงินไปกับการทำบ้าน  เงินเลยไม่พอแต่นั่นไม่ใช่ปัญหา   ญาติพี่น้องเรายื่นมือเข้ามาช่วยกันอย่างเต็มที่    ใกล้วันผ่าตัดหมอก็จะมาดูอาการจิตใจของคนไข้ก่อนผ่าตัดในวันรุ่งขึ้น    ตอนนั้นฉันไม่ได้อยู่หรอกเพราะมันใกล้จะสอบหรืออะไรซะอย่างเนี่ยแหละเลยไม่ได้ไป   วันนั้นหมอถามยายว่า   ตอนนี้คิดถึงไรอยู่บ้าง   ยายบอกว่า   ไม่ได้คิดถึงอะไรเลย   คิดถึงแต่  ต้นพริกที่บ้าน (ต้นที่หวงนักหวงหนา)   หมอถามว่าและลูกหลานหละ   ยายก็บอกว่า   ไม่ห่วงหรอก มันดูแลตัวเองกันได้
                                                 “  แต่หลานสาวของยายไม่รักเคยยายเลย  ”
           วันเวลาผ่านไป    ยายผ่าตัดแล้วยายเกิดอาการช็อก   ต้องอยู่ห้องไอซียู   ในตอนแรกที่เข้าไปในห้องยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น  ฉันยังเป็นปกติอยู่เมื่อเวลาเดินไป  2  - 3  นาที  ฉันเห็นหน้ายายที่นอนไร้สติ   และฉันก็กล่าวว่า   “หนูมาเยี่ยมยายแล้วนะ ”   จากนั้นก็รู้สึกได้เลยว่า  น้ำในตาก่อรวมตัวกันจะไหลลงในไม่ช้า   จากนั้นฉันก็ร้องไห้ออกมาไม่หยุด   แม่เห็นเลยร้องไห้ตาม   จากนั้นฉันก็เลยออกมาก่อนแม่มานั่งสงบสติอารมณ์ข้างนอก   ไม่รู้ว่ากี่วันที่ยายของมาจากห้องไอซียูและย้ายมาอยู่ห้องธรรมดาแทน   และจากนั้นฉันก็ใช้ชีวิตที่ปกติเหมือนเดิม  
      ฉันกลับมาบ้านหลังจากที่ไปโรงเรียน   พ่อกลับมาจากทำงานเร็วกว่าปกติในวันนั้น   และพูดกลับฉันขึ้นมาว่า  “ อาบน้ำ   และไปวัดกัน   ยายเสียแล้ว ”   ในคำพูดของพ่อนั้นฉันกับรู้สึกตกใจ   แต่ไม่ร้องไห้   งานศพของยายก็จัดไปด้วยความโศกเศร้าของคนที่สนิทกับยาย   และงานศพก็จบสิ้นลงด้วยความคาดไม่ถึงของฉัน
           วันแรกของการกลับมาจากโรงเรียนโดยไม่มียายอยู่   แต่ในความรู้สึกของฉันกลับรู้สึกว่ายายยังอยู่ในบ้าน   ฉันมานั่งคิดว่ายายจะรู้อะไรบ้างที่เกี่ยวกับตัวฉัน
          -   อย่างแรกที่ยายรู้   ยายรู้ว่าฉันกลัวผีมากแค่ไหน
          -   ยายรู้วิธีแก้คันสำหรับฉัน
          -   ยายรู้ว่าฉันชอบกินน้ำตาลมาก
          -   ยายรู้ว่าฉันตัวหนักขนาดไหน
          -   และอีกมากมายที่ยายรู้
      แต่อีกสิ่งที่ยายไม่เคยรู้เลยคือ      หลานสาวของยายคนนี้   รักยายมากแค่ไหน  
          
      ----------------------------------------
            ต้นไม้ใบหญ้าที่เคยชุ่มชื้นกลับแห้งเหี่ยว   ผลผลิตจากต้นพริกที่ไม่เคยเห็นความสดใสของท้องฟ้า   ดอกไม้ที่บานสะพรั่งจางหาย   เสียงทะเลาะด้วยความเข้าใจไม่มีอีกแล้วสำหรับฉัน
      ความรู้สึกของฉันมันสายเกินกว่าที่เอ่ยออกไป   กลับยายเสียแล้ว   เวลาที่ล่วงเลยไปไม่สามารถจะดึงกลับมาได้   มันทำให้ยายไม่รู้ความรู้สึกของฉันในเวลาที่ฉันยังหายใจอยู่   มันทำให้รู้สึกว่าเสียดายที่ไม่ได้เอ่ยคำ    หรือประโยคใดๆ  ที่คนๆนั้นอยากฟังและรอฟังอยู่    ซึ่งเค้าก็คิดเช่นเดียวกันกับเราคิด   ถึงมันจะช้าเกินกว่าจะพูด    แต่ฉันก็เชื่อว่า  “ยายของฉันต้องรู้ถึงความรู้สึกของฉัน ”

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×