ฝรั่งสองลูก - ฝรั่งสองลูก นิยาย ฝรั่งสองลูก : Dek-D.com - Writer

    ฝรั่งสองลูก

    เหตุเกิดจากฝรั่งสองลูกแท้ ๆ ลองอ่านดูนะคะ

    ผู้เข้าชมรวม

    967

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    4

    ผู้เข้าชมรวม


    967

    ความคิดเห็น


    10

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  13 ต.ค. 47 / 01:22 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      12  ตุลาคม  2547
      ฝรั่งสองลูก

      ถ้าลำพังแค่ผลไม้ที่ชื่อว่า  “ฝรั่ง”  ก็คงจะไม่มีความหมายอะไรมากมาย  แต่เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้มันก่อให้เกิดความรู้สึกบางอย่างจนอยากจะระบายออกมาเป็นตัวอักษร  

      เรื่องมีอยู่ว่าวันนี้เมื่อตอนกลางวันไปทำธุระที่ร้านถ่ายเอกสาร  กำลังจะเข้าไปในร้านก็บังเอิญให้ชะงักเพราะมีคนมาเสนอขายสินค้าบางอย่างให้ที่หน้าประตูร้าน  

      ลักษณะของคนขายไม่บอกยี่ห้อเลยว่าจะเป็นพ่อค้าได้  คะเนจากอายุก็คงจะประมาณวัยใกล้โลง  เอ๊ย  ไม้ใกล้ฝั่งอยู่รอมร่อ  จากการประเมินด้วยสายตาก็น่าจะประมาณสักเจ็ดสิบหรือเจ็ดสิบกว่า ๆ   แต่บุคลิกยังยืนหลังตรง  ถือไม้เท้าลักษณะเป็นไม้ไผ่ปล้องเล็กยาวเกือบเท่าตัวคนถือ  หน้าตาค่อนข้างกลม  ผมหรอมแหรม  การแต่งกายก็เหมือนชาวไร่ชาวสวนทั่วไปค่อนข้างมอซอและมอมแมม  สวมรองเท้าแตะเก่า  ๆ  ถ้าไปเดินอยู่ในกรุงเทพฯใคร ก็คงคิดเหมือนข้าพเจ้าว่าคุณตาต้องเป็นขอทานแน่นอน

      ตอนแรกข้าพเจ้าก็คิดอย่างนั้นจึงไม่ได้สนใจกำลังจะยื่นเอกสารให้พนักงานในร้านแต่เสียงฟังไม่ได้ศัพท์ของคุณตาทำให้ข้าพเจ้าต้องหันไปมอง  ส่วนมือก็ยื่นเอกสารค้างไว้อย่างนั้น  พนักงานชายที่มารอรับคำสั่งก็ต้องยืนรอเพราะตอนนี้ข้าพเจ้าไม่ได้สนใจพนักงานของร้านเลย  แต่ตั้งใจฟังคุณตาว่าแกพูดอะไร  ต้องตั้งใจฟังจริง  ๆ  เพราะคุณตาพูดไม่ชัดเนื่องจากฟันลาเหงือกไปเกือบหมดปาก  เห็นฟันล่างสีคล้ำ  ๆ  สามสี่ซี่ประทับอยู่ที่เหงือกล่าง

      พอตั้งใจฟังจึงรู้ว่าแกถามว่าซื้อไหม  หวาน  กรอบ  อร่อยนะ  นั่นแหละข้าพเจ้าจึงลดระดับสายตามองมือที่หยาบกร้านของแกซึ่งล้วงลงไปในย่ามเก่า  ๆ  แล้วหยิบฝรั่งลูกค่อนข้างใหญ่ลูกหนึ่งออกมา  ตอนนี้จึงเห็นว่าในย่ามที่ตุงนั้นดูมีน้ำหนักก็เดาว่าในนั้นคงจะมีฝรั่งอีกหลายลูก  นั่นแหละข้าพเจ้าจึงร้อง  “อ๋อ”  ขึ้นมาในใจและประมวลเหตุการณ์ได้ว่าคุณตาคงมาเสนอขายฝรั่งให้คนในร้านถ่ายเอกสาร    แต่เพราะความไม่น่าเชื่อถือบวกกับสภาพที่ดูสกปรกและสินค้าก็ไม่ได้มีคุณภาพอะไร  จึงทำให้คุณตาไม่ได้รับการต้อนรับหรือสนใจจากลูกค้าของแกก่อนหน้าที่ข้าพเจ้าจะไปถึง  

      ครั้งแรกข้าพเจ้าคิดจะปฏิเสธเพราะรีบไม่มีเวลาหยุดฟังคุณตา  เนื่องจากยังมีคนรออยู่ในรถและเขาก็อาจจะหงุดหงิดถ้าข้าพเจ้ายังขืนโอ้เอ้  เพราะเขาเพิ่งจะฟื้นไข้    แต่สภาพความชราของคุณตาทำให้ความแห้งแล้งในใจของข้าพเจ้าเปลี่ยนเป็นคำถามว่า  “ขายอะไรคะ?”   เท่านั้นแหละแกยิ้มแล้วพยายามพูดเสียงสั่น  ๆ  ว่า  “ขายฝรั่ง  ซื้อไหม?”  ข้าพเจ้ามองที่ลูกฝรั่งอีกครั้ง  ความจริงก็เห็นตั้งแต่แรกแล้วว่าฝรั่งของแกลูกใหญ่ก็จริง  แต่ลักษณะไม่น่าซื้อเพราะเปลือกเขียวจัดแถมผิวเปลือกยังเป็นจุดด่างดำเหมือนตกกระ  ตอนที่เห็นครั้งแรกก็ตัดสินทันทีว่าเนื้อในคงฝาดและไม่อร่อย  หลังจากคิดอย่างนั้นแล้วในใจก็มีอะไรอย่างหนึ่งแวบเข้ามา  มันเป็นความรู้สึก...

      ข้าพเจ้ารู้สึกสงสาร  เห็นใจ  และอยากช่วยเหลือแม้ว่าจะไม่อยากซื้อฝรั่งลูกนั้นก็ตาม  จากความแห้งแล้งกลายเป็นน้ำที่รินไหลอยู่ภายใน...

      “ขายยังไงคะ?”  ข้าพเจ้าถามคุณตายิ้ม  ๆ  แกก็ยิ้มอย่างมีความหวังมากขึ้นแล้วบอกว่า

      “แล้วแต่จะให้”  

      มาถึงตอนนี้ข้าพเจ้าอึ้งเล็กน้อย  แหม  ถ้ามีคนมาเสนอขายของให้เรา  พอเราถามราคาแล้วเขาบอกว่าแล้วแต่จะให้นี่มันลำบากใจอย่างไรอยู่นะ  แถมยังทำให้ประเมินไปถึงคุณภาพของสินค้าอีกว่าจะต้องไม่ดีแน่นอนเขาถึงไม่กล้าตั้งราคา

      ก็มันอดคิดไม่ได้นี่นา...คุณคิดอย่างข้าพเจ้าไหม?

      ข้าพเจ้าชวนคุยต่อไปว่า

      “เก็บมาจากไหนคะ?”  

      คะเนดูแล้วไม่น่าจะซื้อมาจากแหล่งผลิตเพื่อการจำหน่ายอย่างแน่นอน  เพราะดูจากลักษณะที่มันเป็นธรรมชาติเสียจนไม่มีอะไรดึงดูดใจให้อยากซื้อเลย

      “บ้าน”  คุณตาตอบซื่อ  ๆ  

      “อ้อ  เก็บมาจากสวนหรือคะ?”  ข้าพเจ้าพึมพำไปอย่างนั้นเอง  ตอนนี้เห็นคุณตาหยิบฝรั่งออกมาจากย่ามอีกลูกหนึ่ง  คงไม่ได้ตั้งใจจะยัดเยียดขายแต่คงจะหยิบออกมาเสนอให้ข้าพเจ้าเลือกมากกว่า  ซึ่งตอนนี้ท่าทางของข้าพเจ้าก็แสดงออกให้แกรับรู้ว่าจะไม่ทำให้แกผิดหวัง  “ถ้างั้นเอาสองลูกก็แล้วกัน  เดี๋ยวเอาเงินมาให้นะคะ...เงินอยู่ในรถ”  แล้วลูกค้าก็ตกลงรับสินค้าโดยไม่ได้ตั้งใจ  

      ข้าพเจ้าหันไปพูดกับพนักงานที่มารอรับเอกสารซึ่งยังคงยืนรออยู่ตลอดเวลาขณะที่ข้าพเจ้าสนทนากับคุณตา  หลังจากแจ้งความประสงค์กับพนักงานของร้านว่าจะถ่ายเอกสารปึกนี้แล้วตอนเย็นจะมารับ  แล้วข้าพเจ้าก็หันไปรับฝรั่งสองลูกจากคุณตาถือเดินไปที่รถซึ่งจอดอยู่ข้างทางหน้าร้านถ่ายเอกสาร  บอกคนในรถว่าหยิบเงินในลิ้นชักให้ยี่สิบบาท  เขายังไม่ทันถามข้าพเจ้าก็อธิบายว่าช่วยซื้อฝรั่งของลุง  ที่เรียกแกว่า  “ลุง”  เพราะพูดง่ายดี  เท่านั้นเขาก็เข้าใจแล้วหยิบเหรียญสิบสองเหรียญออกมายื่นให้ข้าพเจ้ายี่สิบบาท  ในความรู้สึกของเขาคงคิดว่าฝรั่งสองลูกยี่สิบบาทนั้นแพงเกินไป  เพราะมันเป็นฝรั่งค่อนข้างขี้เหร่ไม่น่าซื้ออย่างว่า  

      แล้วในความรู้สึกของคุณคิดว่าแพงไหม?

      พอข้าพเจ้านำเงินไปให้คุณตาก็เห็นว่าแกเดินตามมาที่รถแต่ยืนอยู่ห่าง  ๆ  ข้าพเจ้ายังเดินไปไม่ถึงแกก็ถามว่า

      “ให้เท่าไหร่?”

      ข้าพเจ้ายิ้มเพราะรู้ว่าแกคงคิดว่าข้าพเจ้าจะกดราคาเหลือลูกละสองสามบาท  ซึ่งในความรู้สึกของข้าพเจ้าแกคงอยากได้ราคาลูกละห้าบาทมากกว่า  ครั้นพอข้าพเจ้าบอกว่า  “หนูให้ยี่สิบบาท”  เท่านั้นเองสีหน้าเป็นกังวลของแกก็ปรากฏรอยยิ้มปีติออกมาอย่างเห็นได้ชัด  ท่าทางแกเหมือนจะผิดคาดไม่เบา   ดูแกอึ้งแล้วคล้ายจะพูดอะไรไม่ออก  หลังจากมอบเงินค่าฝรั่งสองลูกให้แกแล้วข้าพเจ้าก็จะผละไปที่รถ  แต่ชะงักเล็กน้อยเพราะน้ำเสียงสั่น  ๆ  ปนรอยยิ้มนั้นแว่วมาว่า  “ขอบใจนะ”  ข้าพเจ้าพยักหน้ารับคำขอบคุณแล้วรีบเดินไปขึ้นรถประจำที่คนขับ  ขับรถกลับไปทำงานต่อ  

      ขณะขับรถข้าพเจ้ามัวแต่มองทางจึงไม่เห็นว่าหลังจากรับเงินจากข้าพเจ้าแล้วคุณตาทำอะไรต่อไป  แต่คนนั่งข้างเขาเหลียวไปมองแล้วหันมาย้อนถามข้าพเจ้าด้วยสีหน้ายิ้มปนเยาะว่า

      “ทายซิว่าได้เงินแล้วแกทำอะไร?”  

      “ทำอะไร?”  ข้าพเจ้าย้อนถาม

      “อยู่ที่ร้านข้างทาง”  เขาใบ้

      “ร้านเหล้าตองน่ะ?”  ข้าพเจ้าถามกึ่งตอบไปในตัว  มันรู้สึกได้เองว่าจะต้องเป็นอย่างนั้น  แล้วความรู้สึกหดหู่ก็แวบเข้ามาในใจ  คิดว่าเงินยี่สิบบาทเหมือนไม่มีคุณค่าอะไรเลย  แทนที่แกจะเก็บไว้ซื้ออาหารหรือของใช้จำเป็นในชีวิตประจำวันแต่แกกลับนำเงินที่ขายฝรั่งสองลูกให้ข้าพเจ้าและข้าพเจ้าก็ช่วยซื้อไปในราคายี่สิบบาทไปทิ้งลงในเหล้าตอง  ซึ่งไม่จำเป็นแกการยังชีพอะไรเลย  

      ทว่าเพียงชั่วขณะความรู้สึกนั้นก็เป็นเหมือนลมพัดผ่าน  นอกเหนือจากความหดหู่แกมฉุนนิด  ๆ  ก็มีอีกความคิดหนึ่งแวบเข้ามา...

      “ยี่สิบบาทไปไม่ถึงไหนเลย  สงสัยจะหมดอยู่แค่ร้านเหล้าตอง”  คนข้าง  ๆ  พูดเหมือนจะตอกย้ำว่าข้าพเจ้าโง่ที่ถูกคุณตาหลอกขายฝรั่งสองลูกยี่สิบบาท  

      ข้าพเจ้าปลงแล้วตอบเขาไปตามความคิดที่แวบเข้ามาพร้อมกับความรู้สึกที่ยินดีว่า

      “ช่างแกเถอะ  ถ้าเงินยี่สิบบาทจะทำให้คนแก่คนหนึ่งมีความสุข  ความสุขของคนเราไม่เหมือนกัน  ถ้าแกกินเหล้าแล้วแกมีความสุขก็ปล่อยแก   บางครั้งคนเราก็ไม่ต้องการอิ่ม  แต่ต้องการกินอะไรที่อยากกิน  ยิ่งคนแก่ด้วยแล้วบางทีก็ไม่ได้ต้องการอะไรนอกจากได้ทำตามใจตัวเองแล้วมีความสุข  ก็ปล่อยแกเถอะ  นึกว่าเงินยี่สิบบาทช่วยให้คนแก่คนหนึ่งที่ไม่มีใครเหลียวแลมีความสุขก็แล้วกัน”

      ข้าพเจ้าคิดได้อย่างนี้ก็สบายใจขึ้นมากและไม่นึกเสียดายเงินยี่สิบบาทเลย  กลับรู้สึกอิ่มใจอย่างไรบอกไม่ถูก  ข้าพเจ้าไม่ได้สนับสนุนให้คนดื่มสุรา  แต่แค่อยากจะบอกว่าบางครั้งคนเราก็มีความอยากไม่เหมือนกัน  สิ่งที่เราคิดว่าดีและมีประโยชน์สำหรับคนอื่น  อาจจะไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ  และสิ่งที่เขาต้องการบางทีอาจจะเป็นสิ่งไม่จำเป็นสำหรับเรา  แต่สำหรับเขามันอาจจะเป็นสิ่งที่ต้องการและจำเป็น

      และข้าพเจ้าก็สบายใจอีกอย่างหนึ่งว่าคนนั่งข้างไม่บ่นอะไรอีก  เขาอาจจะคิดได้ตามคำพูดของข้าพเจ้ามั้ง  หรือไม่ก็อาจจะนึกสงสารคนแก่ใกล้โลงคนหนึ่งซึ่งควรจะอยู่ในบ้านมีลูกหลานคอยดูแลกลับต้องมาร่อนเร่ขายฝรั่งเหมือนจะหากินไปวัน  ๆ  

      นี่แหละคือที่มาของฝรั่งสองลูกซึ่งจนบัดนี้ข้าพเจ้าก็ยังไม่ได้ชิมว่ารสชาติมันจะเป็นอย่างไร  แถมยังลืมทิ้งไว้ที่สำนักงานอีก  ตั้งใจว่าพรุ่งนี้จะลองไปชิมดูสักหน่อย



      ร้านเหล้าตอง  หมายถึงร้านขายเหล้าข้างทาง  ปลูกเป็นเพิงหรือทำเป็นหน้าร้านเล็ก  ๆ  ขายเหล้ายาดอง  หรือเหล้าอื่น  ๆ  ตวงเป็นก๊งหรือชงขายเป็นแก้ว    คำว่าตองอาจหมายถึงลักษณะของใบไม้ชนิดหนึ่งที่ชาวท้องถิ่นเรียกว่าตองตึงมีลักษณะใบใหญ่หนาขนาดประมาณใบบัวนำมาเย็บเป็นตับติดกับไม้ใช้มุงหลังคาแทนหญ้าคา  หรือหญ้าแฝก    (เป็นคำอธิบายตามความเข้าใจ  ถ้าท่านใดมีข้อมูลมากกว่านี้จะเสริมก็เชิญแนะนำได้ค่ะ)

      นวจันทร์

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×