อุทาหรณ์แด่คนไม่กล้าบอกรักใคร - อุทาหรณ์แด่คนไม่กล้าบอกรักใคร นิยาย อุทาหรณ์แด่คนไม่กล้าบอกรักใคร : Dek-D.com - Writer

    อุทาหรณ์แด่คนไม่กล้าบอกรักใคร

    โดย Focus

    จะร้องไห้อยู่แล้ว

    ผู้เข้าชมรวม

    390

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    390

    ความคิดเห็น


    2

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักดราม่า
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  11 ต.ค. 47 / 10:22 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      เรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ฉันอายุ 6 ขวบ ขณะกำลังเล่นอยู่ที่ฟาร์มในแคลิฟอร์เนีย ฉันได้พบเด็กชายที่แลดูธรรมดาคนหนึ่ง ประเภทที่เขาอาจแหย่คุณและคุณก็แหย่เขากลับ กลั่นแกล้งกันไปมา พูดง่ายๆ ว่าตอนพบกันครั้งแรกนั้นเรารู้สึกดีต่อกันแล้วพอได้ มาเจอกันอีกก็แหย่กันเล่นตรงบริเวณรั้ว
      และที่นั่นก็กลายเป็นที่ที่เราพบกันและเล่นด้วยกันเสมอมา
      ฉันน่าจะเล่าความลับของฉันทั้งหมดให้เขาฟังได้นะ เขาเป็นคนเงียบ ๆ คอยแต่นิ่งฟังเวลาที่ฉันเล่าโน่นนี่ เป็นคนที่ฉันสามารถคุยด้วยได้ทุกๆ เรื่อง ตอนอยู่ในโรงเรียนเราอยู่คนละกลุ่ม แต่พอกลับบ้านเราก็จะคุยกันถึงเรื่องราวในโรงเรียน
      .....วันหนึ่งฉันบอกเขาว่า เด็กผู้ชายที่ฉันชอบคนหนึ่งหักอกฉัน เขาปลอบว่าไม่เป็นไรหรอก
      สักพักมันจะดีไปเอง
      ฉันเลยสบายใจขึ้นและยิ่งทำให้นึกว่า
      เขาเป็นเพื่อนแท้คนหนึ่งของฉัน
      นั่นเป็นความรู้สึกตอนนั้นของฉันจริง ๆ .....เราเรียนด้วยกันเรื่อยมาจากมัธยมจนถึงมหาวิทยาลัย คบหากันมาโดยตลอดแม้ฉันจะคิดเสมอว่า
      เราเป็นแค่เพื่อนแต่ลึก ๆ แล้ว
      ...ฉันรู้ว่ามันไม่ใช่
      ในคืนวันสำเร็จการศึกษาเราต่างมีคู่นัดไปนั่งฟังเพลงกัน
      แต่ฉันก็ยังอยากจะพบเขาอยู่ดี
      เมื่อทุกคนกลับบ้านกันหมด
      ฉันแวะไปหาเขาเพื่อจะบอกว่าฉันอยากจะขอพบเธอ อือ ...
      นั่นดูเหมือนจะเป็นโอกาสทองของฉันทีเดียว
      แต่ที่สุดแล้วเราแค่นั่งดูดาว
      ผลัดกันเล่าแผนการชีวิตของกันและกัน...
      ฉันจ้องตาเขาขณะฟังเขาเล่าว่าเขาอยากแต่งงาน
      และวางหลักปักฐานทั้งยังคุยถึงวิถีทาง ที่จะทำให้ตัวเองร่ำรวยและประสบความสำเร็จในชีวิต
      ...โดยมีฉันนั่งคุดคู้อยู่ข้าง ๆ เขาคืนนั้น
      ฉันกลับบ้านพร้อมความรู้สึกอันปวดร้าว
      ด้วยเหตุที่ฉันไม่ได้พูดออกไปดังใจปรารถนา
      ซึ่งนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่หัวใจฉันเจ็บปวด
      สมัยเรียนมหาวิทยาลัย
      ฉันอยากจะบอกเล่าให้เขาฟังใจจะขาด
      แต่ทุกครั้งจะต้องมีใครสักคนอยู่ตรงนั้นด้วยเสมอ
      ...หลังจากนั้นเขาก็ได้งานทำในนิวยอร์ก
      แน่นอนฉันยินดีกับอนาคตอันสดใสนั้น แต่ยังคงเก็บงำความรู้สึกของตัวเองเช่นเดิม
      ขณะที่เขากำลังจากไปฉันกอดเขาแล้วร้องไห้
      คิดว่านั่นเป็นโอกาสสุดท้ายที่จะมีเขาอยู่เคียงข้าง
      คืนนั้นฉันร้องไห้จนตาบวม
      และยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นเมื่อนึกถึงว่าที่สุดแล้ว ฉันก็ยังไม่ได้เล่าความในใจให้เขาฟัง
      ฉันเริ่มต้นด้วยงานเลขาฯ
      แล้วย้ายสายงานมาเป็นนักวิเคราะห์ระบบคอมพิวเตอร์
      รู้สึกภูมิใจในตัวเองที่ประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง
      วันหนึ่ง
      ฉันก็ได้รับการ์ดแต่งงานใบหนึ่งทางไปรษณีย์ มาจากเขานั่นเอง ใจหนึ่งฉันก็ยินดีกับเขา
      แต่อีกใจก็ยะเยียบเศร้า ได้แต่พร่ำบอกกับตัวเองว่า
      ฉันไม่มีโอกาสได้อยู่เคียงข้างเขาอีกแล้ว อย่างมากที่สุดเราก็เป็นได้แค่เพื่อนกัน
      ...งานแต่งงานได้จัดขึ้นอย่างอลังการทีเดียว
      ณ โบสถ์ใหญ่แห่งหนึ่ง
      ขณะที่งานเลี้ยงจัดในโรงแรมฉันได้พบจ้าสาว
      และแน่ล่ะได้พบเขาด้วย
      แล้วฉันก็ตกหลุมรักเขาอีกครั้งหนึ่ง
      ฉันเก็บความลับนี้ไวกับตัวเอง
      ...ไม่อยากให้มันไปทำลายวันอันเป็นมงคลของเขา คืนนั้นฉันพยายามทำตัวให้สนุก
      แต่กลับกลายเป็นว่าฉันกำลังฆ่าตัวเอง
      ด้วยการเผชิญหน้ากับคนที่กำลังดูมีความสุขมากอย่างเขา
      ฉันจึงจำเป็นต้องพยายามฝืนยิ้ม และทำตัวให้มีความสุข
      เพื่อกลบเกลื่อนหยาดน้ำตาที่ซุกซ่อนไว้ในใจ แต่แล้วเขาก็มาปรากฎตัวตรงหน้าก่อนที่ฉันจะก้าวขึ้นเครื่องบิน เขามาเพื่อจะบอกลา พร้อมกับกล่าวว่า
      ดีใจที่ได้พบเขาอีกครั้งหนึ่ง
      เมื่อกลับถึงบ้านฉันพยายามลืมเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในนิวยอร์ก มันถึงเวลาแล้วที่ฉันต้องเดินไปตามวิถีทางของฉันเองบ้าง ตลอดหลายปีมานี้เรายังคงติดต่อกันทางจดหมาย
      เขาย้ำเสมอว่าคิดถึงฉันมากอยากจะมีโอกาาสได้คุยกับฉันอีก
      ..และแล้วเขาก็เงียบหายไปหลังจากที่ฉันเขียนไปหาเขา 6 ฉบับ ฉันเริ่มกังวลว่าอาจจะมีเรื่องร้าย ๆ อะไรเกิดขึ้น
      แต่แล้วก็ได้รับโน้ตสั้นๆบอกว่า \'ขอให้มาพบผมตรงรั้ว
      ณ ที่เดิมที่เราเคยเล่าอะไรต่ออะไรให้กันฟัง\'
      ฉันไปตามนัดและพบเขาอยู่ที่นั่นจริง ๆ
      เขากำลังอกหักและดูโศกเศร้ามาก
      เรากอดกันแน่นและหายใจแทบไม่ออก
      และเขาก็เล่าเรื่องการหย่าร้างให้ฉันฟังทั้งน้ำตา
      เขาร้องไห้...ร้องไห้จนไม่มีน้ำตาจะไหลออกมา
      ...ในที่สุด
      เราก็เดินเข้าไปในบ้านคุยกันและหัวเราะเมื่อนึกถึงเรื่องราวเก่า ๆ
      อย่างไรก็ตาม ฉันยังคงเก็บความลับนั้นไว้
      ไม่ได้เล่าความในใจให้เขาฟัง
      หลายวันที่อยู่ด้วยกันทำให้เขากลับมามีความสุข
      และลืมปัญหาการหย่าร้าง
      ขณะที่ฉันได้ตกหลุมรักเขาอีกครั้ง เมื่อถึงวันที่เขาต้องกลับไปนิวยอร์ก
      ...ฉันต้องไปส่งเขาด้วยน้ำตา
      ไม่อยากเห็นภาพเขาเดินจากไป
      แม้เขาสัญญาว่าจะบินมาหาฉันทุกเมื่อที่ฉันสามารถลางานได้
      แต่ฉันไม่สามารถรอเขาได้อีกต่อไป โดยส่วนลึกในหัวใจแล้วเราต่างมีความสุขเสมอ
      เมื่ออยู่ด้วยกันวันหนึ่ง
      เขาก็ไม่ได้กลับมาอย่างที่เขาเคยสัญญาไว้ ฉันได้แต่คิดว่าคงเป็นเพราะเขางานยุ่งเกินกว่าที่จะปลีกตัวมาได้
      มันผ่านไปจากวันนั้นเป็นเดือนจนลืมเรื่องนี้ไป
      และแล้วทนายความจากนิวยอร์กก็แจ้งข่าวร้ายนี้ให้ฉันทางโทรศัพท์

      ...เขาเพิ่งเสียชีวิตโดยอุบัติเหตุทางรถยนต์
      ระหว่างที่กำลังเดินทางไปสนามบิน
      ฉันเข้าใจทันทีถึงความรู้สึกของคนหัวใจสลาย
      เพิ่งรู้ว่าทำไมเขาไม่มาหาฉัน
      ในวันนั้นนี่เป็นอีกครั้งที่ฉันรู้สึกว่าตัวเองอกหัก คืนนั้นฉันร้องไห้จนน้ำตาแทบเป็นสายเลือด
      ถามตัวเองว่าทำไมมันถึงเกิดขึ้นกับคนดี ๆ อย่างเขา
      ฉันเดินทางไปนิวยอร์กอีกครั้งเพื่อร่วมรับฟังการเปิดพินัยกรรม
      แน่นอนที่สุดสมบัติต่าง ๆ
      เขามอบให้กับครอบครัวและอดีตภรรยา นี่เป็นอีกครั้งที่ฉันได้พบภรรยาเขาอีก
      เธอเล่าถึงความเป็นอยู่ของเขาให้ฉันฟัง และยังบอกว่าเขาได้ทำอะไรให้เธอบ้าง
      แต่กลับสัมผัสได้ว่าเขาไม่มีความสุขเลย
      แม้ว่าเธอพยายามเอาอกเอาใจต่าง ๆ นานาแล้วก็ตาม
      แต่ไม่สามารถทำให้เขามีความสุขอย่างคืนวันแต่งงานได้เลย

      ในพินัยกรรมระบุว่าฉันจะได้รับสมุดบันทึกเล่มหนึ่ง
      ที่เป็นสมบัติส่วนตัวของเขา
      ที่ไม่อาจล่วงรู้ได้เลยว่าทำไมเขาจึงตัดสินใจเช่นนั้น
      เมื่อเสร็จธุระฉันจึงบินกลับไปยังแคลิฟอร์เนีย
      ระหว่างเดินทางฉันหวนระลึกถึงเรื่องราวเก่าๆ ของเรา
      ...และเปิดสมุดบันทึกออกอ่านสมุดบันทึกนั้น
      เริ่มบันทึกขึ้นจากวันแรกที่เราได้พบกัน อ่านไปชั่วขณะหนึ่งฉันเริ่มร้องไห้เมื่อพบข้อความว่า
      เขาได้ตกหลุมรักฉันในวันที่ฉันถูกหักอก
      แต่เขาก็ขลาดเกินไปที่จะบอกฉันว่าเขารู้สึกอย่างไร
      นั่นเป็นเหตุผลว่า
      ทำไมวันนั้น....
      เขาจึงนิ่งเงียบและคอยแต่จะเป็นผู้ฟัง
      จากบันทึกทำให้ฉันรู้ว่า
      เขาพยายามจะบอกฉันหลายครั้ง
      แต่เขาก็ไม่มีความกล้าหาญพอ
      เวลาที่เขารู้สึกดีใจที่สุดจึงเป็นโอกาสที่เขาได้พบฉัน
      และเต้นรำด้วยกันในวันแต่งงาน
      ซึ่งเขาพยายามจินตนาการว่านั่นเป็นงานวิวาห์ของเรา
      นี่ละสาเหตุที่ทำให้เขาไม่มีความสุข
      จนกระทั่งเขาได้หย่าขาดจากภรรยา
      ...ส่วนเวลาที่มีความสุข
      กลับเป็นวินาทีที่เขากำลังอ่านจดหมายของฉัน ในที่สุดสมุดบันทึกก็จบลงด้วยข้อความว่า
      \"แล้วก็มาถึงวันนี้ ...วันนี้แล้วที่ผมจะได้บอกรักเธอ ... \"
      แต่มันกลับเป็นวันที่เขาต้องจากไปอย่างไม่มีวันกลับ
      ...วันที่ฉันเพิ่งมาค้นพบว่าเขาก็รู้สึกเช่นเดียวกับฉันตลอดมา....!

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×