ที่ที่มีเพียงเรา - ที่ที่มีเพียงเรา นิยาย ที่ที่มีเพียงเรา : Dek-D.com - Writer

    ที่ที่มีเพียงเรา

    อ่านแล้วเป็นอย่างไรช่วยบอกด้วยนะ

    ผู้เข้าชมรวม

    438

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    8

    ผู้เข้าชมรวม


    438

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    1
    หมวด :  รักอื่น ๆ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  25 ส.ค. 46 / 18:48 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      ท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายลงมาอย่างหนัก ตั้งแต่เช้าจรดบ่าย ท้องฟ้าสีเทาที่ดูทึมทึมมัวหมอง ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรกับจิตใจอันสับสนว้าวุ่นของฉันนัก
          วันนี้เป็นวันหยุด เป็นวันที่ทุกคนรอคอยประจำสัปดาห์ ปกติแล้วฉันก็คงเป็นหนึ่งในกลุ่มคนส่วนมากนั้น แต่ตอนนี้อารมณ์ของฉันช่างไม่ต่างไปจากสีของท้องฟ้าวันนี้เอาเสียเลย
          ฉันเดินกางร่มฝ่าสายฝนมาตั้งแต่เช้า เสียงเม็ดฝนกระหน่ำลงมาปะทะกับคันร่มในมืออย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดหย่อน  ฉันออกเดินไปเรื่อยและหยุดรับประทานอาหารที่ร้านข้างทางแห่งหนึ่ง
          จากนั้นก็เดินต่อไปอย่างคนไร้จุดหมายปลายทาง จนกระทั่งถึงสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง ซึ่งสร้างด้วยกระจกทั้งหมด ทั้งตัวตึก ผนัง และหลังคา ซึ่งมีลักษณะเป็นแผ่นกระจกหนาเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ มองดูมั่นคง คล้ายตึกที่ทำด้วยกระจกทั้งหลัง จึงทำให้วามารถมองเห็นเม็ดฝนที่กระหน่ำลงมาอย่างต่อเนื่องได้อย่างชัดเจน เมื่อมองเข้าไปภายในคล้ายสวนหย่อมแต่ใหญ่กว่ามากนัก มีต้นไม้ใบหญ้าดูร่มรื่น ดอกไม้ใบไม้บานสะพรั่ง ทำให้ฉันหันเหความสนใจและความว้าวุ่นต่างๆไปได้ชั่วครู่
          ฉันเดินเขาไปสำรวจภายใน แม้เดินเขาไปไม่กี่ก้าว ฉันก็รู้สึกรักและผูกพันที่นี่ขึ้นมาอย่างจับใจ
          “สวัสดีพิม ฉันนึกแล้วว่าเธอจะต้องมา”เสียงเล็กๆเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากด้านหลัง ฉันค่อยๆหันไป แปลกใจที่มีคนอื่นอยู่ในสถานที่ซึ่งแปลกประหลาดแห่งนี้ด้วยเช่นเดียวกัน
          หญิงสาวคนหนึ่ง อายุรุ่นราวคราวเดียวกับฉันเลย ผมยาวสลวยสีดำขลับถูกรวมขึ้นไว้ด้านหลัง รับกับใบหน้าของหล่อน เธอกำลังจ้องมองมาที่ฉัน ฉันจ้องตอบพลางถามว่า
          “ที่นี่ที่ไหนหรือ”ฉันถามเสียงแผ่วเบา แต่เสียงกลับสะท้อนกลับมาดังก้องไปทั่ว
          “ก็ที่ที่เธอควรจะมามากที่สุดในตอนนี้ไงล่ะ”เธอตอบเรียบๆที่ก้องสะท้อนไปทั่วเช่นเดียวกัน
          ฉันยังไม่รู้เลยว่าฉันควรอยู่ที่ไหน(หมายถึง นอกจากที่รู้ว่ามันคือสวนสาธารณะ) และในเมื่อฉันเองยังไม่รู้เลย แล้วคนอื่นจะรู้ดีกว่าฉันได้อย่างไรเล่า โดยเฉพาะคนที่ฉันไม่เคยรู้จัก ฉันคิดอย่างสับสน แต่ฉันก็ไม่ต้องรอคำตอบนานนัก เพราะเสียงของเธอก็สะท้อนกลับมาในทันที
          “ไม่ต้องคิดมากหรอก เอาว่าเป็นที่ที่ดีที่สุดสำหรับเธอตอนนี้ก็แล้วกัน”เธอกล่าวตัดบท เธอมองหน้าฉันด้วยแววตาอันเฉียบคมระคนอ่อนโยนและเข้าใจ เหมือนว่าเธอเข้าใจในสิ่งที่ฉันคิด ฉันกังวล หรือกลุ้มใจ
          “มีเรื่องอะไรไม่สบายใจหรือ”เธอถาม
          “ทะเลาะกับเพื่อนนิดหน่อย”ฉันตอบด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล
          “เราเป็นเพื่อนกันได้ไหม”
          “ทำไมจะไม่ได้ล่ะ”ฉันตอบอย่างแทบไม่ต้องคิด มันเป็นความรู้สึกที่ดีนะ ที่รู้ว่าจะได้เพื่อนใหม่อีกสักคนที่เข้าใจเรา ฉันกับเธอนั่งคุยกันต่อที่ม้านั่งในสวนดอกไม้บานสะพรั่ง ฉันยังตอบคำถามและคุยกับเขาด้วยจิตใจที่ยังว้าวุ่นอยู่บ้าง แต่ความว้าวุ่นของฉันอยู่ได้ไม่นานก็คลายลง เหมือนถูกแบ่งเบาออกไปจากใจ ฉันสบายใจขึ้น เหมือนเธอเข้าใจฉันทุกอย่าง ทั้งที่เราไม่รู้จักกันมาก่อน
          เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว และมันก็มักเป็นเช่นนี้เสมอ ในเวลาที่เรามีความสุข เราเดินสำรวจดอกไม้ชนิดต่างๆ สวนหย่อม แปลงดอกไม้ แม้กระทั่งต้นไม้ต้นที่ใหญ่ที่สุด ซึ่งแผ่กึ่งก้านสาขาอย่างกว้างขวาง เราเดินกันจนทั่ว จนฉันรู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก เรายิ้มให้กันอย่างมีมิตรภาพ ดีใจที่มีเธออยู่เป็นเพื่อนในเวลาเช่นนี้
          และแล้วเมื่อดวงตะวันคล้อยต่ำ ท้องฟ้ากลายเป็นสีแสดเข้มจัด ฝนหยุดตกแล้ว เรานั่งดูพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าด้วยกัน ขณะที่มันคล้อยต่ำลงทุกทีจนลับตาไป
          “ฉันต้องกลับแล้วนะ”ฉันเอ่ยอย่างเศร้าหมอง
          “เราจะเป็นเพื่อนกันอย่างนี้ตลอดไปใช่ไหม”เธอถาม
          “แน่นอน”
          “สัญญาสิ”
          ฉันยกมือขึ้นมาแทนคำสัญญา “เราจะเป็นเพื่อนกันอย่างนี้ตลอดไป”
          “ฉันสัญญา”
          เราล่ำลากันเป็นครั้งสุดท้ายจากนั้นฉันก็เดินออกไปสู่โลกภายนอก ฉันจ้องมองมันเป็นครั้งสุดท้าย น่าแปลกในเมื่อฝนเพิ่งหยุดตก แต่กลับไม่มีหยดน้ำฝนเกาะอยู่ที่กระจกแม้แต่น้อย ทว่ากระจกยังอยู่ในสภาพวาววับ ทอประกายล้อกับแสงแดดอ่อนๆ ซึ่งเป็นแดดสุดท้ายของวัน ฉันหันหลังกลับแล้วเดินจากไป เพื่อนใหม่ของฉันก็คงเดินออกไปแล้วเหมือนกันล่ะมั้ง ฉันคิดแต่เมื่อหันหลังกลับไปอีกครั้งกลับพบเพียงความว่างเปล่า สวนสาธารณะแห่งนั้นหายไปไหนแล้ว!!
          ฉันกระพริบตาอีกที แล้วเสียงผู้คนอันวุ่นวายสับสนในโลกของความจริงที่คุ้นเคยก็แจ่มชัดขึ้นอีกครั้ง ผู้คนมากมายเดินกันอยู่บนฟุตบาทร่มที่ฉันกางฝ่าสายฝนมาถูกพับเก็บไว้อย่างปลอดภัยในกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว ฉันนั่งอยู่บริเวณที่รอรถโดยสารประจำทางหรือที่เรียกกันว่า “ป้ายรถเมล์” ที่เห็นกันจนชินตา ฉันรีบเดินทางกลับบ้าน เดินเข้าห้องนอนแล้วนั่งตรงขอบเตียง แล้วถามตนเองว่า “ผู้หญิงคนที่นั่งคุยกับฉันตั้งครึ่งค่อนวันนั้นเป็นใคร”แต่เท่าทีฉันรู้เธอเป็นเพื่อนที่ดีที่สุด และเข้าใจฉันมากที่สุดตลอดชีวิตของฉันที่ผ่านมา และตลอดไปชั่วนิจนิรันต์...
          คำถามที่ว่า เธอเป็นใคร?ยังดังก้องอยู่ในหูของฉันแทบทุกคืน... เพื่อนรัเสมอและตลอดไป... The End

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×