หลังจากที่งานกีฬาที่โรงเรียนเสร็จ ฉันก็รีบตรงดิ่งกลับมาที่บ้านทันที ความอ่อนล้าที่มีทั้งหมด ทำให้ฉันอดไม่ได้ที่จะนอนแช่น้ำร้อนสักชั่วโมง แต่แม่ก็เป็นนางมารมาทำลายความสุขตอนที่ฉันนอนแช่น้ำจนหมดสิ้น เพราะ พ่อกับพี่ชายของฉันรอฉันทานข้าวอยู่ข้างล่าง ฉันชื่อ Midori อายุ 17 ปี เพิ่ง 17 ได้ไม่กี่วันเองแหละ  เป็นนักเรียนชั้น Hight school ปี 2 ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในโตเกียว และที่สำคัญเป็นโรงเรียนหญิงล้วนด้วย จึงเป็นการยากที่ฉันจะมีแฟนเหมือนพวกเพื่อน ๆ เพราะฉันไม่ค่อยยุ่งกับใครสักเท่าไหร่ ช่วงที่อยู่ที่โรงเรียน ฉันมักจะชอบไปนั่งอ่านหนังสือให้ห้องสมุด เก็บตัวเงียบเวลาที่ทานข้าว นอกจากจะมีเพื่อนบางคนมาชวนฉันไปทานข้าวด้วยเท่านั้นฉันถึงจะไปด้วย ฉันถูกตั้งฉายาว่าเป็นผู้หญิงที่เชยและเบิ่นที่สุดในปี 2  เพราะแว่นตาหน้าเตอะ กับผมเปียที่ถูกถักจนยาวผูกริบบิ้นสีแดงและตามด้วยการแต่งกายที่ถูกตามกฎระเบียบของโรงเรียนทุกอย่าง  เพื่อน ๆ ของฉันส่วนใหญ่จะมีแฟนกันเกือบหมดทั้งชั้น ซึ่งส่วนใหญ่ก็ไปหาพวกนักเรียนชายจากโรงเรียนใกล้เคียง เพราะข้าง ๆ โรงเรียนของฉันเป็นโรงเรียนชายล้วนนะสิ บางวันแอบปีนรั้วหากันก็มี แต่ก็ไม่เคยถูกจับได้ เพื่อนของฉันบางคนชอบใช้ฉันเป็นไม่กันชนเวลาที่พวกเค้านัดให้พวกผู้ชายปีนรั้วมาหาที่โรงเรียน  และฉันก็ต้องลำบากทุกครั้งที่ฉันจะต้องแหกปากตะโกนบอกพวกเค้า เพราะพ่อของฉันได้ห้ามฉันไว้ว่าไม่ให้ใช้เสียงมาก เพราะตอนสิ้นเดือนนี้ ท่านจะส่งฉันไป Audition ที่ค่ายเพลงชื่อดังแห่งหนึ่ง ในตอนแรกฉันไม่เคยคิดเลยละว่าตัวเองจะร้องเพลงได้ จนวันนั้น พ่อฉันซึ่งทำงานอยู่ในห้องอัด เรียกให้ฉันไปเป็นคอรัสให้นักร้องหนุ่มคนหนึ่ง  ซึ่งวันนั้นฉันก็ยังไม่ทันได้เจอเลย เพราะต้องกลับมาทำรายงานที่บ้านซะก่อน เชื่อมั้ยว่าสิ่งที่เค้าฝากมาบอกฉันก็คือ เค้าชอบเสียงของฉันมาก และยินดีเสมอที่จะให้ฉันไปเป็นคอรัสให้เพลงของเค้า นี่แหละคือแรงบันดาลใจอย่างหนึ่งที่ทำให้ฉันหล้าที่จะร้องเพลง และเก็บเสียงทั้งหมด เพื่อวันที่จะไป Audition  ทันทีที่พวกเรารับประทานอาหารกันเสร็จหมดแล้ว เสียงโทรศัพท์ของฉันก็ดังขึ้น ฉันรีบลุกขึ้นไปหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู ซึ่งหมายเลขที่ปรากฏบนมือถือนั้นไม่คุ้นตาฉันเลยแม้แต่น้อย ทันทีที่ฉันรับโทรศัพท์ สุ่มเสียงปลายทางที่โทรมาหาฉันไม่ได้เป็นผู้หญิง และมิหนำซ้ำเค้านักฉันให้ไปออกไปที่ด้วย ความงุนงงทั้งหมดที่ว่าเค้ารู้จักฉัน เค้าอยากพบฉันมันหมายความว่าไง หรือว่าจะเป็นพวกหลอกลวงต้มตุ๋น ฉันเลยตัดสินใจพาพี่ชายออกไปด้วย  ในตอนแรกพี่ชายจอมแสบของฉันไม่ยอมด้วยซ้ำไปที่จะไปกับฉันเพราะเค้าติดคุยโทรศัพท์กับแฟนเค้าอยู่นะสิ และในที่สุดพี่ชายจอมแสบของฉันก็ต้องยอมไปส่งฉันจนได้  เราสองคนพี่น้องเลือกที่จะปั่นจักรยานไปยังสถานที่นัดหมายซึ่งก็คือ บริเวณด้านหน้าของ Tokyo Dome เพราะที่นั่นเป็นที่นัดหมายที่ดีที่สุด เพราะความยิ่งใหญ่ของมันนั่นเอง แต่แปลกตรงที่ว่ากลางคืนแบบนี้ใครเค้าจะไปทำไมกันที่นั่น และจุดมุ่งหมายของชายหนุ่มแปลกหน้าคนนั้นคืออะไร ในตอนแรกที่ฉันบอกพี่ชายว่ามีคนนัดให้ไปหาพี่เค้าก็ไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย และฉันก็เพิ่งมารู้ความจริงนี้แหละว่าที่ Tokyo Dome มีงานคอนเสิร์ตของนักร้องหนุ่ม Super Star  Kenjiro satokumi ก็จากปากของพี่ชายฉันเหมือนเดิม เราสองคนทิ้งจักรยานไว้ตรงจุดที่เค้ารับฝากจักรยานจากนั้นจึงใช้โซ่ที่เตรียมมา ล็อคเอาไว้เพื่อป้องกันการสูญหายและการถูกขโมย บรรยากาศรอบๆด้าน  หนาแน่นไปด้วยผู้คนจำนวนมากมายที่เค้าชมคอนเสิร์ตของนักร้องดังคนนี้ ในชีวิตของฉันไม่เคยรับรู้ถึงเรื่องพวกนี้เลยแม้น้อย ไม่รู้จักด้วยซ้ำไปว่าดารานักร้องดัง ๆ ในปัจจุบันเดี๋ยวนี้มีใครบ้าง ถึงแม้ว่า ทั้งพ่อ และพี่ชายของฉันจะทำงานอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของนักร้องดังเหล่านี้ มานักต่อนักแล้ว พี่ชายของฉันเป็นหัวหน้าชุดควบคุมเกี่ยวกับเครื่องเสียงที่ใช้ในงานคอนเสิร์ต ส่วนพ่อเป็นโปรดิวเซอร์  แม้แต่เรื่องในที่ทำงานของพ่อและพี่ชายฉัน ฉันก็ยังไม่เคยรู้เลยว่าพวกเค้าทั้งสองคนทำงานให้นักร้องดังคนไหน และนักร้องที่ฉันร้องคอรัสให้เค้าคือใคร  บรรยากาศรอบๆด้านตัวฉันหนาแน่นไปด้วยผู้คนที่หลั่งไหลเพิ่มมาก มากเสียจนเบียดเสียดแออัดยัดเยียด และสาเหตุนี้ก็เป็นอีกสาเหตุใหญ่ที่ทำให้ฉันพลัดหลงกับพี่ชายระหว่างทางที่ฉันรับโทรศัพท์ของเพื่อนอยู่  และที่แน่ ๆ สำหรับฉันในตอนนี้สาเหตุที่ผู้คนหนาแน่นในงานคอมเสิร์ตของ Kenjiro ในครั้งนี้ เพราะมีนักร้องใหม่น่าตาน่ารักจะมาเปิดตัวครั้งแรกในคอนเสิร์ตนี้ด้วย และข่าวนี้ฉันก็เพิ่งรู้จากปากเพื่อนของฉันที่โทรศัพท์มาเมื่อกี่นาทีนี้เอง และที่สำคัญอยู่ดี ๆ พี่ชายฉันก็หายไป พ่อฉันก็ปิดมือถือ แม่ก็ไม่อยู่บ้าน ฉันจึงไม่สามารถที่จะติดต่อใครได้เลยในตอนนี้ ฉันจึงตัดสินใจโทรศัพท์กลับไปหาชายหนุ่มลึกลับคนนั้นที่โทรนัดฉันมาที่นี่  แต่สัญญาณที่ฉันได้รับกลับมาคือ
เค้าปิดมือถือ ตอนนี้ฉันเหมือนคนที่ถูกขังอยู่ในกล่องใบเล็ก ๆ ออกทางไหนก็ออกไม่ได้ ซึ่งก็คือฉันติดต่อใครไม่ได้สักกะคน จะกลับบ้านก็กลับไม่ได้เพราะพี่ชายฉันเป็นคนถือกุญแจ ล็อคโซ่จักรยานอยู่นะสิ  ฉันเดินเบียดเสียดกับผู้คนจำนวนมากไปเรื่อย ๆ อย่างไร้จุดหมาย จนกระทั่งรู้ว่าบรรยากาศภายในคอนเสิร์ตคงจะเริ่มแล้วเพราะเสียงกรี๊ดกร๊าดของแฟนเพลงดังสนั่นไปทั่วทั้ง Tokyo Dome ในตอนนี้  ความจริงแล้วฉันรู้สึกอยากมาก อยากมากที่จะเข้าไปดูคอนเสิร์ตในครั้งนี้ แต่ติดตรงที่ว่า ฉันไม่มีตั๋วคอนเสิร์ตแม้แต่ใบเดียว ฉันจึงทำได้เพียงแค่ยืนมองจอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่ที่ติดตั้งอยู่บริเวณด้านนอกของคอนเสิร์ตที่จัดไว้สำหรับแฟนเพลงที่ซื้อตั๋วเข้าชมไม่ทัน  ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์มือถือของฉันก็ดังขึ้น ฉันพยายามควานหาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าเป้ทางด้านหลังซึ่งก่อนหน้านั้นฉันเป็นคนโยนมันใส่ลงในกระเป๋าเอง  ในตอนแรกฉันรู้สึกแย่มากที่ไม่น่าโยนมันลงในกระเป๋าเป้เลย เพราะมันควานหายากมาก แต่ที่รู้สึกอุ่นใจกึ่งลำบากใจเพราะ คนที่โทรมาคือพ่อของฉัน และที่สำคัญคอนเสิร์ตครั้งนี้ฉันต้องไปทำหน้าที่คอรัสให้กับนักร้องใหม่น่าตาน่ารักคนนั้น ซึ่งตอนนี้ฉันก็ยังไม่เห็นหน้าค่าตาเค้าเลยแม้แต่น้อย    ฉันตัดสินใจวิ่งไปทางด้านหลังของบริเวณคอนเสิร์ตซึ่งพ่อของฉันยืนรอฉันอยู่แล้ว ฉันวิ่งไปหาพ่อ กึ่งตื่นเต้น กึ่งตกใจและที่สำคัญอายอย่างที่สุดและไม่แน่ใจว่าจะทำงานนี้ให้พ่อได้สำเร็จหรือไม่ พ่อของฉันจึงตัดสินใจให้ฉันร้อง
คอรัสให้นักร้องหนุ่มคนนั้นทางด้านหลังเวที เพลงเดียวเท่านั้น แค่เพลงเดียวเท่านั้น ฉันสูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะเริ่มร้องท่อนที่ฉันเป็นคอรัสให้กับนักร้องหนุ่มคนนั้น ทันทีที่เพลงนั้นจบลงฉันก็รีบวิ่งออกไปจากบริเวณด้านหลังคอนเสิร์ตนั้นทันที และฉันเพิ่งรู้ถึงสาเหตุที่พี่ชายฉันหายตัวไปแล้วว่า เค้าถูกเรียกตัวอย่างกะทันหันให้ไปดูแลเครื่องเสียงแทนลูกน้องซึ่งพี่ฉันมอบหมายงานให้ในตอนแรกแทน เพราะเค้าบังเอิญประสบอุบัติเหตุระหว่างเคลื่อนย้าย
อุปกรณ์พอดี พี่ฉันจึงทิ้งฉันให้เดินเรื่อยเปื่อยอยู่ตามลำพัง ฉันเจอพี่ตอนที่วิ่งออกมาจากทางด้านหลัง ส่วนพ่อของฉันก็ยังวุ่นวายอยู่กับงานเช่นกัน เพราะท่านก็ไม่ได้เตรียมตัวรับกับงานคอนเสิร์ตครั้งนี้เลยแม้แต่น้อย สรุปว่า พ่อกับพี่ชายของฉันต่างไม่มีใครรู้ตัวเลยว่า ทางบริษัทจะเปิดตัวนักร้องใหม่ในงานคอมเสิร์ตของ Kenjiro ในครั้งนี้
ขาทั้งสองข้างของฉันพาร่างของฉันวิ่งตรงมายังจอมอนิเตอร์ทางด้านหน้าของงานอีกครั้ง ภาพที่ปรากฏตรงหน้าของฉันคือนักร้องหนุ่มน้องใหม่คนนั้น คนที่ฉันร้องคอรัสให้กับเค้า สมแล้วที่มีสาว ๆ ตั้งตารอคอยวันที่เค้าเปิดตัว ใบหน้ารูปไข่รับกับทรงผม ที่ถูกตัดซอยเป็นชั้นๆไล่ระดับเป็นอย่างดี บวกกับสีผมที่ถูกย้อมเป็นสีทองไปทั่วทั้งศีรษะ เค้าเป็นคนที่รูปหล่อจริง ๆ มิหน้าสาว ๆ ถึงได้กรี๊ดกันซะสนั่น ไปทั่ว Tokyo Dome ร่างสูง ผอมบางที่ดูหนักแน่นยู่ลึก ๆ บวกกับสีผิวขาวเนียนผ่อง ทำเอาหัวใจของฉันพองตัวอย่างบอกไม่ถูก เค้าน่ารักจริง ๆ ไม่น่าเชื่อว่าคนที่เราอุตส่าห์ร้องคอรัสให้จะเป็นเค้าคนนี้  ในตอนแรกฉันไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่าเค้าชื่ออะไร แต่ก็มารู้ทีหลังก็ตอนที่คุณ Kenjiro แนะนำตัวเค้าให้แฟนเพลงได้รู้จัก หนุ่มน้อยนักร้องใหม่ น่าตาน่ารักคนนี้ ชื่อ  Takujiro yamashita  เค้าชื่อ Takujiro yamashita ทำไมชื่อของเค้าช่างน่ารักอะไรอย่างนี้นะ ฉันยืนทบทวนชื่อของเค้าได้สัก5นาทีก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองจอมอนิเตอร์อีกครั้ง แต่ร่างของ นักร้องหนุ่มคนนั้นก็หายไปจากเวทีเบื้องหน้า เหลือแต่เพียงร่างของคุณ Kenjiro เท่านั้นที่ยังคง ส่งสายตาหว่านเสน่ห์ให้พวกสาว ๆ อย่างไม่ขาดสาย
ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์มือถือของฉันก็ดังขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้โชคดีหน่อยที่ฉันเอามือถือใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกง จึงไม่ต้องควานหาให้ยุ่งยากอีก หมายเลขที่แสดงตรงหน้าจอคือหมายเลขของชายลึกลับคนนั้น ที่นัดฉันมาที่นี่ แต่ฉันกับเค้าพูดกันยังไม่ทันรู้เรื่องสายก็ตัดไปเสียก่อนเพราะแบตเตอรี่มือถือของฉันหมดพอดี  สรุปว่าการนัดหมายของฉันกับผู้ชายลึกลับคนนั้นเป็นอันต้องยกเลิกเพราะว่าเราทั้งคู่คุยกันไม่รู้เรื่อง ฉันจึงตัดสินใจเดินทอดน่องไปยังจุดจอดรถจักรยานแล้วก็หาอะไรกินแถว ๆนั้นไปพราง ๆ ก่อน ระหว่างที่ฉันเดินไปนั้น ฉันก็บังเอิญเดินชนกับร่างของใครคนหนึ่งเค้าอย่างจังซึ่งฉันรู้สึกเหมือนจะเป็นผู้ชาย เพราะได้ยินจากเสียงร้องที่เปล่งออกมา ร่างทั้งร่างของฉันล้มไปนอนกองกับพื้น แว่นตาที่ฉันสวมใสมานานหลายปีก็ตกกระแทกกับพื้นแตกไม่มีเหลือชิ้นดีทุกอย่างในตอนนี้พล่ามัวไปหมด  ฉันจึงพยายามควานหาแว่นตาอย่างสุดความสามารถ ส่วนชายคนนั้นที่ฉันพอจะได้ยินก็คือ กาแฟร้อนหกใส่เสื้อของเค้าเข้าไปเต็ม ๆ ฉันและชายคนนั้นต่างคนก็ต่างเดือดร้อนด้วยกันทั้งคู่ และรู้สึกผิดเป็นอย่างมากเมื่อเราทั้งคู่กล่าวคำว่าขอโทษพร้อม ๆ กัน  ทันใดนั้นสายตาที่เคยพล่ามัวของฉันก็กลับมองเห็นชัดขึ้นอีกครั้ง เมื่อชายคนนั้นนำแว่นตาของเค้ามาให้ฉันสวมใส่แทน ส่วนเค้าก็ยังคงใช่ผ้าเช็ดหน้าที่ติดตัวอยู่เช็ดเสื้อของเค้า  หลังจากที่เราทั้งคู่กล่าวคำขอโทษกันได้พอหอมปากหอมคอ ก็ถึงเวลาที่ฉันต้องกลับบ้าน พี่ชายของฉันลากจักรยานของฉันมาให้อย่างไม่เต็มใจสักเท่าไหร่
และฉันก็เพิ่งรู้มาว่า เค้ามีเจ้าหน้าที่คนใหม่มาเปลี่ยนแทนพี่ชายฉันแล้ว พี่ชายฉันจึงตัดสินใจกลับบ้านทันที ระหว่างทางที่กลับบ้าน ไม่มีแม้แต่เสียงพูดคุยระหว่างเราสองคนพี่น้องแม้แต่น้อย มีแต่เพียงเสียงของจักรยานที่ยังคงแล่นไปตามทางมุ่งตรงสู่บ้านของเรา นานเกือบชั่วโมงกว่าเราทั้งคู่จะกลับถึงบ้าน ทันทีที่กลับถึงบ้านพี่กับฉันต่างก็แยกย้ายเข้าห้องนอนของใครของมัน 
    เช้าวันต่อมา ฉันตื่นขึ้นมาในตอนเช้าด้วยสภาพที่อิดโรย เพราะเมื่อคืนกว่าจะได้นอนก็ปาเข้าไปตี 2 กว่าแล้ว  เช้านี้เป็นเช้าแรกในชีวิตม.ปลายที่ฉันไปสายที่สุด  ทันทีที่ฉันไปถึงบริเวณหน้าโรงเรียนซึ่งเป็นจุดที่เอาไว้สำหรับเก็บรถจักรยาน ทุกสายตาต่างก็จับจ้องมาที่ฉัน เกิดอะไรขึ้น ฉันไม่ได้มาสายขนาดที่ทุกคนจะจับจ้องมากมายขนาดนั้นสักกะหน่อย ทันใดนั้นร่างของใครคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามาหาฉันแล้วฉุดแขนฉันให้วิ่งไปกับเค้าอย่างแรง ชายคนนั้นลากแขนฉันไปยังบริเวณด้านข้างโรงเรียนซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อ โรงเรียนสองโรงเรียน  ทุกสายตายังคงจับจ้องมาทางฉันและชายหนุ่มแปลกหน้าคนนั้น ส่วนฉันยังคงงุนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเอง ทันใดนั้นเสียงสนทนาก็ดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วทั้งโรงเรียน เมื่ออยู่ดี ๆ ก็ปรากฏร่างของกลุ่มชายจากโรงเรียนชายล้วนข้าง ๆ จำนวน 5 ถึง 6 คนปีนรั้วเข้ามาภายในบริเวณโรงเรียนของฉัน ในมือของพวกเค้าไม่มีอาวุธใด ๆ ทั้งสิ้นนอกจากมือเปล่าๆ  และแล้วร่างของชายที่ฉุดแขนฉันวิ่งมาก็ถูกกระชากออกจากตัวของฉันอย่างแรง ร่างทั้งร่างของชายคนนั้นปลิวไปตามแรงกระชากจนตกลงไปนอนกองกับพื้น ก่อนที่ชายหนุ่มอีกสามคนที่ปีนรั้วมาเมื่อครู่จะช่วยกันหิ้วปีกชายคนนั้นแล้วลากเค้าออกไปจากบริเวณโรงเรียนของฉันทันที ส่วนชายหนุ่มคนที่ดึงกระชากชายคนนั้นก็โค้งหัวให้พวกนักเรียนที่ยืนมุงดูเล็กน้อยก่อนที่เค้าจะปีนรั้วกลับไปยังโรงเรียนของเค้าตามเดิม  ในไม่ช้าอาจารย์ฝ่ายปกครองก็วิ่งตรงดิ่งมาหาฉันทันที ซึ่งในตอนนั้นฉันก็เป็นลมล้มพับไปแล้วเพราะงุนงง และช็อกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่
ฉันรู้สึกตัวและฟื้นขึ้นมาอีกทีก็ประมาณตอนเที่ยงวันพอดี อาจารย์ห้องพยาบาลนำข้าวกับน้ำมาส่งให้ถึงที่ แหม๋ช่างเป็นอะไรที่แสนวิเศษเหลือเกินการที่ได้นอนอยู่ในห้องพยาบาลเนี่ย ฉันฟื้นขึ้นมาได้สักครู่ก็อดนึกถึงเหตุการณ์เมื่อเช้าไม่ได้ ชายหนุ่มร่างโปร่ง สูง ขาวคนนั้นเป็นใคร ทำไมเค้าต้องมาช่วยฉันจากผู้ชายที่ฉุดฉันนั้นด้วย ทำไมเค้าช่างหน้าตาน่ารักอะไรอย่างนี้นะ ฉันนั่งคิดอะไรเพลิน ๆ ได้สักครู่ ร่างของใครคนหนึ่งก็รีบวิ่งโผเข้ามากอดฉันอย่างแรง จนฉันถึงกับหงายหลังล้มลงนอนบนเตียงอีกครั้ง มารู้อีกทีที่แท้ก็คือ Ekijan เพื่อนรักของฉันนั่นเอง Ekijan เล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในตอนเช้าในฉันฟังอย่างละเอียด อันที่จริงแล้วชายคนที่ฉุดฉันเกิดอาการคลุ้มคลั่งวิ่งเข้ามาในโรงเรียนเพื่อจะพานักเรียนหญิงในโรงเรียนไปข่มขืน และก็ต้องเป็นหน้าที่ของนักเรียนชายกลุ่มนั้นที่ต้องมาจับเค้าไป เพราะพวกเค้าคือกลุ่มรุ่นพี่ที่มีอำนาจที่สุดในโรงเรียน ส่วนฉันก็รู้สึกเสียดายและเค้าใจผิดย่างแรงว่าพวกเค้าคงจะมาช่วยฉันแต่อันที่จริงแล้ว กลุ่มรุ่นพี่นักเรียนชายกลุ่มนั้นคงเป็นที่ต้องการของสาว ๆ ในโรงเรียนฉันมาก ๆ สินะ ถึงได้มีคนกรี๊ดกร๊าดซะดังสนั่นไปทั่วทั้งโรงเรียน ว้า!!! แย่จัง ถ้าได้ผู้ชายคนนั้นมาเป็นแฟน ทั้งชีวิตนี้ฉันจะไม่ขออะไรแล้วละ แต่เอ๋!!! ฉันลองย้อนมองกลับมาถึงตัวเอง ผู้หญิงที่แต่งตัวเชยหลุดโลกอย่างฉัน รุ่นพี่คนนั้นคงไม่มาสนใจฉันหรอก  ฉันนั่งบ่นกับตัวเองได้สักครู่ ความคิดที่ฉันนั่งคิดอยู่เมื่อครู่ก็กระจอนกระจายหายไปหมด เมื่ออยู่ดี ๆ Ekijan ก็ลากแขนฉันวิ่งตามพวกเพื่อน ๆ อีกกลุ่มหนึ่งไปยังข้างโรงเรียน วันนี้เป็นอีกวันหนึ่งที่พวกเพื่อน ๆ ของฉันนัดให้แฟนหนุ่มของพวกเค้ามาหา ส่วนฉันก็ทำหน้าที่เดิมคือ ต้องคอยดูต้นทางให้พวกเพื่อน ๆ  ฉันรู้สึกอึดอัดมากถึงมากที่สุด เพราะถ้าหากอาจารย์ฝ่ายปกครองจับได้ซึ่งอันที่จริงแล้วโดนจับได้หลายครั้งแล้วแต่ก็รอดตัวทุกครั้ง เพราะพวกเพื่อน ๆ จะใช้ฉันเป็นเครื่องมือในการปกป้องตัวเอง และฉันก็จะต้องเป็นคนที่รับกรรมและจะโดนตีแทนเพื่อนทั้งหมด ถ้าหากฉันยืนยันว่า พวกเค้าไม่ได้นัดให้ผู้ชายมาหา และครั้งนี้ก็เช่นกัน ยิ่งเกิดเรื่องเมื่อเช้านี้แล้วยิ่งทำให้ฉันรู้สึกไม่ค่อยดีเลยในตอนนี้  ฉันนั่งอยู่ตรงบริเวณมุมตึกซึ่ง สามารถมองเห็นได้ทุกทิศทางเมื่ออาจารย์เดินมา แล้วทันใดนั้นเสียงตะโกนโหวกเหวก็ดังมาจากทางรั้วของโรงเรียน รุ่นพี่คนนั้น คนที่ช่วยฉันเมื่อเช้านี้กำลังนั่งอยู่บนรั้วของโรงเรียนแล้วตะโกนไล่ให้นักเรียนชายเหล่านั้นที่ข้ามฟ้ากมายังโรงเรียนของฉันกลับไปยังโรงเรียนของพวกเค้า รุ่นพี่คนนั้นตะโกนลงมาได้สักพักแต่ก็ไม่มีใครแม้แต่คนเดียวเชื่อฟังคำพูดของเค้า จนกระทั่งเค้ากระโดดลงมาพร้อมกับพวกเพื่อน ๆ อีกประมาณ 4-5คน ในมือถือไม้เรียว บางคนก็ถือไม้หน้าสาม เดินตรงมายังกลุ่มนักเรียนชายที่กำลังนั่งจีบพวกนักเรียนหญิงของโรงเรียนฉันอยู่  ทันใดนั้นรุ่นพี่คนนั้นก็เงื้อไม้หมายจะฟาดลงบนตัวของนักเรียนชายคนนั้นซึ่งเป็นแฟนของ Ekijan  ฉันจึงตัดสินใจวิ่งเข้าไปขวางและไม่เรียวเล่มนั้นก็ฟาดลงตรงกลางหลังของฉันอย่างจัง  ความตกตะลึงเข้ามาครอบงำบริเวณนั้นจนทั่ว รุ่นพี่คนนั้นกระชากแขนของฉันจนฉันล้มลงไปกองกับพื้น จนแว่นตาที่ฉันได้จากชายแปลกหน้าเมื่อคืนล่วงหล่นตกกระแทกพื้นจนแตก  ในตอนนี้สายตาของฉันพล่ามัวไปหมดฉันได้ยินเสียงของรุ่นพี่คนนั้นไม่ค่อยถนัดหูมากนักเพราะตอนนี้ฉันเอาแต่ร้องไห้ ไม่ได้สนใจใครเลย มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ฉันถูกพวกเพื่อน ๆ หิ้วปีกไปยังห้องปกครอง  ภายในห้องปกครองเพื่อน ๆ ทุกคนของฉันไม่มีใคร ปริปากพูดเลยแม้แต่น้อยทุกคนนิ่งเงียบ มีแต่เพียงฉันเท่านั้นที่ยังคงร้องไห้สะอึกสะอื้น เพราะความเจ็บปวดที่ถูกไม้เรียวฟาดลงตรงกลางหลัง บวกกับการที่จะต้องเสียแว่นตาเป็นอันที่สองและที่สำคัญแว่นตาอันนี้มันไม่ใช่ของฉันด้วยนะสิ  ฉันนั่งร้องไห้ต่อไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งพี่ชายของฉันโผล่หน้าเข้ามายังห้องปกครอง แล้ววิ่งเข้ามากอดฉันไว้แน่น  พี่ชายของฉันพยายามซักถามเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ฉันไม่ยอมตอบและตั้งหน้าตั้งตาร้องไห้ต่อไป ทันทีที่พูดถึงรุ่นพี่คนนั้นที่ทำร้ายฉัน  ฉันจะบอกพี่ชายฉันได้ไง เพราะเถ้าบอกรุ่นพี่คนนั้นก็ต้องเดือดร้อน และเรื่องมันก็จะกลายเป็นเรื่องใหญ่โต และที่สำคัญฉันแอบชอบรุ่นพี่คนนั้น ฉันจึงไม่อยากให้เค้าต้องเดือดร้อน เพราะฉัน อีกอย่างถ้าหากฉันไม่เข้าไปขวางการทำงานตามหน้าที่ของเค้า ฉันก็คงไม่เจ็บตัวและเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นก็คงไม่ใหญ่โตถึงเพียงนี้ สรุปเรื่องทั้งหมดมันเป็นความผิดของฉัน เพราะไม่ใช่แค่ฉัน และผู้ชายคนนั้นเดือดร้อน พวกเพื่อน ๆ ของฉันก็เดือดร้อน ถูกพักการเรียนเป็นแถวรวมทั้งฉันด้วย ทันใดนั้นร่างของชายคนหนึ่งก็โผ้เข้ามายังห้องปกครอง ฉันได้ยินเสียงของเค้าไม่ถนัดหูสักเท่าไหร่นักเพราะพวกเพื่อน ๆ ของฉันคุยกันเสียงดังโหวกเหวก แต่ที่ฉันพอจะเข้าใจบ้างบางประโยคก็คือ เค้าสั่งให้อาจารย์ฝ่ายปกครองยกเลิกการพักการเรียนของฉันกับเพื่อน แล้วเปลี่ยนมาเป็นการลงโทษเค้าแทน และแล้วเสียงพวกเพื่อน ๆ ของพวกฉันก็ดังสนั่นหวั่นไหวอีกครั้ง เมื่อรู้ว่า รุ่นพี่คนนี้ คือ ลูกของเจ้าของโรงเรียนทั้งสองแห่งนี้ สาเหตุที่ทั้งสองโรงเรียนต้องแยกเป็นชายล้วนหญิงล้วนก็เนื่องมาจาก พ่อกับแม่ของรุ่นพี่คนนี้แยกทางกัน จึงตัดสินใจแบ่งโรงเรียนออกเป็นสองโรงเรียน โรงเรียนหญิงแม่ของรุ่นพี่เป็นคนดูแล โรงเรียนชาย พ่อเป็นคนดูแล และฉันก็เพิ่งมารู้ความจริงนี้แหละว่าเรื่องทั้งหมดมันเป็นมายังไง  รุ่นพี่คนนั้นยืนทะเลาะกับอาจารย์ฝ่ายปกครองได้สักพักก็ต้องผิดหวังที่ไม่สามารถบอกให้อาจารย์ฝ่ายปกครองยกเลิกการพักการเรียนของฉันได้ เมื่อได้โอกาสพี่ชายของฉันจึงลากผู้ชายคนนั้นออกไปคุยกันนอกห้องปกครอง ทั้งพี่ชายฉันและ รุ่นพี่คนนั้นพูดคุยกันนานพอสมควร แล้วก็กลับมายังห้องปกครองอีกครั้ง  พี่ชายของฉันไม่พูดจาอะไร เค้ายังคงแน่นิ่ง ส่วนรุ่นพี่คนนั้นยืนมองฉันที่กำลังนั่งร้องไห้อยู่ได้สักพักก็โค้งคำนับให้ฉันเล็กน้อย เหมือนแทนคำว่าขอโทษแล้วก็เดินออกจากห้องนั้นไปทันที
ฉันกลับมาถึงบ้านด้วยสภาพที่อ่อนล้า ทุกคนในบ้านไม่มีใครปริปากพูดและซักถามเรื่องราวทั้งหมดแม้แต่น้อย โดยเฉพาะพ่อกับแม่ของฉัน ทั้งคู่ยังคงนั่งนิ่ง สายตาทั้งสองคู่จับจ้องมายังฉันที่นั่งอยู่ตรงเบื้องหน้า
************ยังไม่จบนะจ๊ะ แล้วจะมาต่อให้ใหม่นะ บาย บาย
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น