ผีร้องไห้ที่ท้ายวัด

เนื้อเรื่อง

นี่คือเรื่องราวเรื่องจริงที่ได้ประสบพบมาเมื่อหลายปีมาแล้วและยังสยองใจไม่หายเรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า
สมปองเพื่อนของผมมีบ้านอยู่ท้ายวัดและเครื่องดนตรีทั้งหลายแหล่อันได้แก่กีต้าร์ เบส กลอง แล้วก็ คีบอร์ดนั้นอยู่ที่บ้านของเขาทั้งหมดดังนั้นผมซึ่งเป็นคนเล่นคีบอร์ดและกำลังแต่งเพลงจึงขี่มอเตอร์ไซค์ไปเอาคีบอร์ดยังบ้านที่อยู่ท้ายวัดอย่างรีบเร่ง
    บริเวณหน้าวัดมีผู้คนเดินสวนทางกับผมอยู่ 2-3 ึคนเพราะว่าเป็นเวลาที่ดึกมากแล้ว ประมาณ 3 ทุ่มกว่าๆวันนั้นเป็นวันเผาศพคนตายคนหนึ่งและได้จัดการเผาเสร็จเป็นที่เรียบร้อยจัดการเก็บเถ้ากระดูกต่างๆเสร็จสิ้น
    ลมเย็นๆพัดมาทางทิศตะวันตกทำเอาผมรู้สึกร้อนๆหนาวๆอย่างหวาดผวาเพราะว่าหมาท้ายวัดเริ่มเห่าหอนกันเป็นการใหญ่  บรรดาลมก็เริ่มพัดเอาใบไม้ตามต้นให้สั่นไหวปรากฏเป็นเสียงหวีดหวิวดูน่าขนลุกยิ่งนัก
    ทันทีที่เข้าสู่บริเวณท้ายวัดเสียงหมาหอนหยุดลงในทันทีผมเริ่มรู้สึกขนลุกอย่างบอกไม่ถูกเสียงลมที่ได้ยินเงียบลงในทันทีมอเตอร์ไซค์ของผมที่กำลังวิ่งอยู่ดีๆก็เกิดเครื่องกระตุกแล้วก็ดับไปเฉยๆ
\"เอาล่ะวะ...\"
ผมส่งเสียงพูดค่อยๆออกมาแล้วก็ลงจากรถแล้วก็จัดการดูหัวเทียนรถปรากฏว่าไม่ได้เสียแต่กลับมีเสียงสะอึกดังอยู่ไกล้ๆทางโค้งที่จะเลี้ยวไปยังบ้านของเพื่อนผมเอง
    ผมค่อยๆเหลือบมองทีละนิดทีละนิดจนกระทั่งขนแขนของผมมันตั้งชันของมันเองในทันทีภาพที่ปรากฏเบื้องหน้าคือเงาดำของบางสิ่งที่มีลักษณะคล้ายร่างของคนหากแต่ว่ามันเป็นเงาลางๆยืนร้องไห้อยู่ท้ายวัดทันใดนั้นร่างเงาดำรางนั้นก็กวักมือเรียกผม
    ผมไม่รอช้ารีบสตาร์สรถมอเตอร์ไซค์ในทันทีแต่มันไม่ติดผมเลยจูงรถวิ่งในทันที   เจ้าเงาดำร่างนั้นกวักมือเรียกแล้วส่งเสียงร้องไห้พร้อมคำพูดว่า
\"รอด้วย....เอาฉันไปด้วย....\"
เสียงร้องเย็นๆเสียงนั้นทำเอาผมขนลุกซู่ในทันทีเลยแหกปากร้องลั่นวัด
\"ผี!!!!!!!!!!!\"
จากนั้นก็จูงมอเตอร์ไซค์วิ่งหนีป่าราบเข้าวัดในทันทีแล้วก็ขอนอนกับหลวงพี่ที่วัดเลยแล้วก็เล่าเรื่องให้ท่านฟังท่านบอกว่าเป็นวิญญาณของปื๊ดเด็กหนุ่มที่เผาในวันนี้แล้วก็พาผมที่สติสตังค์ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวสวดมนต์แล้วก็เอาจีวรมาให้ห่ม  กว่าผมจะนอนหลับได้หลวงพี่ท่านก็ออกไปทำวัตรเช้าแล้ว
    ตอนเช้าผมเลยรีบทำบุญไปให้เขาทันทีเดี๋ยววันหลังเจอเขามาหลอกมาหลอนอีก