ส่วนลึกของความเปลี่ยนแปลง
ไม่เคยเปลี่ยนไป
“พี่เค้าเป็นเกย์ ฉันพูดกี่เที่ยวแล้ว ทำไมแกไม่ฟังฉันเลยว๊า
แกจะจีบเกย์เหรอ
” เปรยบอกเพื่อนด้วยน้ำเสียงระอาเต็มทน
“ก็พี่เค้าน่ารักนี่ หล่อขนาดนั้น
โอ๊ย
ปวดหัวใจจังเว๊ย” มู่ลี่บ่นคร่ำครวญทีเล่นทีจริง ขณะที่ทั้งคู่กำลังเดินออกมาจากตึก9  เพื่อไปเรียนในวิชาต่อไป
วันต่อมา
“เป็นอะไรลี่ ทำไมวันนี้ดูเงียบๆล่ะ”เปรยถามด้วยความเป็นห่วง
มู่ลี่ส่ายหน้าเซ็งๆไม่พูดไม่จา เปรยจึงพูดแทงใจดำขึ้นมา
“ไม่เจอพี่เนมอ่ะดิ่”
มู่ลี่ถอนใจยาว โดยที่ไม่หันมองหน้าเพื่อนสนิท
“แกชอบเกย์หรอ
เหมือนแต่ก่อน ฉันรู้สึกว่าแกจะชอบผู้ชายเข้มๆกวนๆ นะ แล้วไงมาเป็นแบบนี้ไปได้
อ้อ พี่เค้าก็กวนๆนี่เนอะ แถมหล่อเข้มอีกต่างห่าง แต่ใจ
ไม่เข้มนะ”
“ย้ำเข้าไป ย้ำเข้าปาย
”
เปรยหัวเราะร่วน จนมู่ลี่มองค้อนตาขวาง
“ขอโทษๆ ไม่ตั้งใจจะหัวเราะเยาะแกหรอกนะ เพียงแต่ ฉันไม่คิดว่า แกจะ ชอบเกย์จริงจังขนาดนี้”เปรยยังคง หัวเราะร่วน
“ฉันเข้าใจว่าแกไม่ตั้งใจจะหัวเราะเยาะฉัน ขอบใจนะ”มู่ลี่พูดหน้าตาย
สองวันต่อมา
เสียงลือเล่าอ้างทำให้ข่าวมู่ลี่ชอบเนมสะพัดไปตกถึงหูเจ้าตัวเข้าในวันนี้
“น้องเค้าไม่รู้หรอวะ ว่าฉันเป็น
”เนมทำหน้าเฉยเมยหลังจากฟังเพื่อนเล่าความตามที่ได้ยินมา
จริงอย่างที่เปรยเคยพูด หน้าตาเนมหล่อคมเข้ม บาดใจสาวทีเดียว เสียดาย เสียดายมากๆที่เขาเป็นแบบนี้
“ดีใจด้วยนะเนม” เพื่อนของเขาแซว โดยที่เขาส่ายหน้ายิ้มแหยๆ
บ่ายวันเดียวกัน มู่ลี่เดินออกมาจากโรงอาหารขณะที่เนมกำลังเดินเข้า ทั้งคู่สวนกัน เนมมองหน้าเธอและยิ้มให้ มันทำให้เธอปลื้มจนแทบคลั่งและหลายครั้งหรืออาจจะแทบทุกครั้งที่เนมดูออก มันทำให้เขารู้ว่าเธอชอบเขาไม่ใช่น้อยๆ
หลังจากวันนั้น มู่ลี่คอยแต่เฝ้ามองรอจะเจอเขาตลอด หลายครั้งที่เธอพยายามทำงานบางอย่างที่อาจารย์สั่งให้เขา โดยได้ข้อมูลมาจากการสอบถามรุ่นพี่ที่เธอรู้จักที่อยู่ห้องเดียวกับเนม เพราะเนมไม่ค่อยเอาใจใส่เรื่องเรียนเท่าไรนัก แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าเขาเป็นอย่างไรเธอก็พยายามโกหกตัวเองไปว่าถ้ายังไม่ได้ยินจากปากของเขาก็ถือซะว่าไม่ใช่ เนมเองก็ยิ้มให้เธอบ้าง บางครั้งก็จวนตัวจนลืมไปบ้าง แต่ทุกอย่างที่เขาทำคือรักษาน้ำใจรุ่นน้องคณะเดียวกันเท่านั้น
วันต่อมา วันนี้เป็นวันที่มู่ลี่รอคอยให้ถึงในแต่ละอาทิตย์ เพราะเธอมีเรียนห้องติดกับเขา หมดชั่วโมงเรียนพร้อมกัน ทั้งสองห้องทยอยกันเดินออกมา พอมู่ลี่เห็นเนมก็แอบอมยิ้ม เนมเองก็ไม่รู้นึกครึ้มอกครึ้มใจอะไรขึ้นมา ทักทายเธอเป็นมั่นเป็นเหมาะ
“ว่าไง
วันนี้ขึ้นประชุมคณะด้วยนะ บอกเพื่อนๆด้วยล่ะ”เขาพูดจบ เพื่อนๆก็เฮลั่น โห่แซวกันยกใหญ่ ทำเอามู่ลี่ทั้งเขินทั้งอายแต่ก็ยิ้มไม่หุบจนเพื่อนของเนมคนหนึ่งพูดขึ้นมา
“ไม่ต้องเก๊กแมน นังเนม”
นั่นทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของมู่ลี่หายไปทันที ก่อนรีบเดินออกไปจากตรงนั้นด้วยใบหน้าเรียบเฉย
ตกเย็นหลังประชุมสี่ชั้นปีคณะศิลปกรรมศาสตร์เสร็จสิ้น มู่ลี่กับเปรยก็พากันมาเดินซื้อของในห้างสรรพสินค้าไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยมากนัก และขณะที่ทั้งคู่กำลังเดินผ่านโรงหนัง อยู่ๆมู่ลี่ก์หยุดชะงักหน้าซีดเผือด ตาเศร้าๆค้างนิ่งอยู่ที่ภาพเบื้องหน้า เปรยจึงมองตามสายตาเธอไป
เนมมองเห็นมู่ลี่จ้องเขาด้วยแววตาแบบนั้นจึงชักแขนที่ควงอยู่กับผู้ชายคนข้างๆออก เขาหยุดนิ่งจนชายหนุ่มข้างๆเขาก็แปลกใจ
ทั้งคู่ยืนจ้องหน้ากันอยู่อย่างนั้น จนมู่ลี่ไม่อาจทนมองต่อไปได้จึงหันหลังกลับไม่เดินสวนเขาไป ความเจ็บปวดมันแปลบเข้าที่อกข้างซ้ายก่อนที่มันจะออกใบสั่งให้น้ำใสๆมาคลอเลี้ยงดวงตาทั้งสองข้าง
เปรยมองเพื่อนอย่างสมเพศเวทนาแต่ก็ไม่อาจเอ่ยอะไรออกไปได้ ขืนพูดอะไรไปตอนนี้ก็ดีแต่จะเรียกน้ำตาของมู่ลี่ออกมาเท่านั้น
กลางดึกคืนนี้มู่ลี่มาดื่มเหล้าเมาเละอยู่ที่ผับไม่ห่างจากมหาวิทยาลัยอีกเช่นกัน เรื่องบังเอิญไม่จบสิ้นเมื่อ เนมเองก็มาที่นี่ด้วย
“นั่นรุ่นน้องที่ชอบแกนี่หว่าเนม”เสียงเพื่อนคนหนึ่งบอกกับเขา
เขาหันไปมอง พอเห็นสภาพของมู่ลี่ก็แทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเอง
“น้องเขามาคนเดียวนี่นา
”เนมเปรยๆกับเพื่อน
“สนใจทำไม ไม่ใช่ผู้ชายซะหน่อย”เพื่อนเขาว่า
เนมหันกลับมาดื่มเหล้าและพยายามจะสนุกกับเพื่อนๆ เอาเข้าจริงใจเขามันสั่งให้เขาหันมาคอยมองมู่ลี่ตลอดมันนึกห่วง มู่ลี่ดูหัวราน้ำเอามากๆแล้ว แถมยังมีผู้ชายมาคอยเกาะแกะนัวเนีย เขาจึงเดินมาพยุงตัวมู่ลี่ออกไปและพามานั่งอยู่ที่ม้าหินใต้ต้นไม้ใกล้ๆกับมินิมาร์ทแถวนั้น
เขาเดินออกมาจากมินิมาร์ทพร้อมผ้าเย็นสองสามผืน กาแฟอีกสองกระป๋อง ฉีกซองผ้าเย็นแล้วค่อยๆเช็ดให้รุ่นน้องตรงหน้า
“กินเข้าไปได้ไงขนาดนี้
บ้าจริง”
พอมู่ลี่เริ่มจะรู้สึกตัว เนมจึงว่า “หออยู่ไหนเรา”
เขาเอาเธอขี่หลังเดินไปส่งจนถึงหอพัก พยายามหากุญแจ ในกระเป๋าเธอและไขห้องเข้าไป ทิ้งเธอลงบนเตียง จัดท่าทางนอนจนเรียบร้อย ก่อนจะไปรื้อหาผ้าเช็ดตัวและกะละมังน้ำมาบรรจงเช็ดหน้าเช็ดตาให้เธอสร่างเมา เขาจ้องใบหน้าที่หลับตาพริ้มของเธออยู่นานและถอนใจอย่างลืมตัวมาเฮือกหนัก
“ผู้ชายเยอะแยะไม่ชอบ”
“ก็มันไม่ชอบนี่”หล่อนพูดเมาๆ
“ฟังรู้เรื่องเรอะ สร่างแล้วใช่ไหม”
“ขอบคุณ พี่กลับไปเถอะ อย่ามาดีกันนักเลย”มู่ลี่เอาหมอนปิดหน้านอนตะแคงหันหลังให้เขา
เนมถอนใจอีกครั้งก่อนจะลุกเดินออกมา
เสียงปิดประตูห้องดังมู่ลี่จึงสูดน้ำมูกและเอาหมอนออก มีแต่คราบน้ำตาที่เปรอะเะปื้อนหน้าจนหาที่แห้งไม่เจอ
เนมยืนพิงประตูห้องอย่างหนักใจ
สองสามวันผ่านไปอีกครั้ง ขณะที่มู่ลี่นั่งเรียนอยู่ในห้องซึ่งกำลังเขียนงานที่อาจารย์สั่งและดูมันจะง่ายสำหรับเธอเพราะเธอเขียนมันต่อเนื่องอย่างไม่ต้องคิด  อาจารย์เดินผ่านมาเห็นเธอใช้ดินสอเขียนจึงบอกให้เธอใช้ปากกา มูลี่จึงเอาปากกาเขียนทับ ก่อนจะมาลบรอยดินสอออกตอนหลัง เธอหยุดลบมันครู่หนึ่ง เมื่อสังเกตุเห็นว่าบริเวณที่เธอเขียนทับรอยดินสอ กับบริเวณที่ลบมันออกไปแล้วมีบางอย่างขัดแย้งกันอย่างลงตัวในความเปลี่ยนแปลง
เวลาเดียวกันนี้ เนมวิ่งทั่กๆขึ้นมายังตึกเก้าพร้อมกับกล่องนาฬิการาคาแพงในมือ เดินวนไปวนมาอยู่หน้าห้อง 9302 ที่มู่ลี่กำลังเรียนอยู่ จนเปรยเดินมาเห็นเข้า เนมจึงฝากเปรยบอกกับมู่ลี่ว่าเขารออยู่หน้าห้อง ไม่ช้านัก เธอก็ออกมาพบเขา
ทันทีที่เนมเห็นหน้ารุ่นน้องคนนี้ “นี่อะไร!” เขายกกล่องนาฬิกาขึ้นมาในระดับหน้าอกด้วยสีหน้าไม่พอใจนัก
มู่ลี่เห็นเข้าก็ใจเต้นระทึก มันเหนือความคาดหมาย หล่อนพูดอึ้งๆ “ก็วันนี้ วันเกิดพี่เนมไม่ใช่หรอ”
“เราสนิทกันมากขนาดมาซื้อของราคาแพงๆขนาดนี้ให้พี่เลยหรอ”
มู่ลี่เงียบ
เนมจับมือเธอมายัดนาฬิกาคืนให้อย่างไร้ความรู้สึก “พี่รับไม่ได้ ขอบคุณนะ ” เขาหันหลังเดินออกมา แต่มู่ลี่ยังยืนอึ้ง
เนมรู้สึกว่าเขาทำกิริยาร้ายกาจเกินไป จึงหันหลังมา เห็นหล่อนยืนหน้านิ่ง มู่ลี่เองพอรู้ตัวว่าเขามองมาก็รีบหันหลังจะกลับเข้าไปในห้อง
“เดี๋ยว”เนมพยายามพูดรั้งเธอไว้
มู่ลี่หยุดยืนนิ่งไม่หันหน้ามามองเขา
“ก็รู้อยู่บ้างว่าน้องรู้สึกยังไง แต่พี่ชอบผู้ชาย”
มู่ลี่เงียบไปครู่ก่อนจะพูดขึ้น“ก็มันชอบไปแล้ว จะให้ทำไง ชอบ ยังไงก็ชอบ”หล่อนพูดด้วยแววตามีความเชื่อ นั่นทำเอาเนมยืนนิ่งจ้องนัยย์ตาที่มีความเชื่อนนั้นอย่างหวั่นใจ
“พี่ไม่มองผู้หญิงหรอก ขอโทษนะลี่”เนมพูดหลบๆตาก่อนจะเดินเดินออกไปแต่ดูเหมือนนัายย์ตาที่มีความเชื่อจะลุกวาวขึ้นมาเมื่อได้ยินสิ่งที่เนมพูดเมื่อครู่ หล่อนรีบพูดขึ้นก่อนที่เขาจะลับตาหายลงบันไดไปเพียงเล็กน้อย “ลี่จะทำให้พี่ชอบผู้หญิงให้ได้คอยดู”
เนมไม่ได้หันกลับไปสนใจในขณะนั้น แต่พอพ้นสายตาเธอมาเขาก็ทำหน้าแปลกๆและอมยิ้มเล็กๆมุมปาก
มู่ลี่กลับเข้ามาในห้องด้วยรอยยิ้มสุขใจ เปรยเห็นเข้าจึงถาม
“พี่เค้ามาบอกรักแกเหรอ ยิ้มหน้าบานเชียว”
“เปล่า เค้าเอาไอ้นี่มาคืน”หล่อนยื่นกล่องนาฬิกาให้เพื่อนสนิทดู
“แล้วทำไมยังยิ้มอยู่ได้อ่ะ”
“ฉันจะทำให้พี่เค้าหันมามองฉันให้ได้เลย คอยดูนะ”
“อะไร ทำให้แกมั่นใจขนาดนั้น พี่เขาเป็นเกย์นะ แกอย่าลืม”
“อะไรน่ะหรอ
ก็
ขอโทษนะลี่ไง”
“ขอโทษนะลี่? แล้วไง”
“ลี่ไง ลี่ ลี่ ลี่ เค้าเรียกฉันว่าลี่”
The End
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น