ชะตาฤาลิขิต - ชะตาฤาลิขิต นิยาย ชะตาฤาลิขิต : Dek-D.com - Writer

    ชะตาฤาลิขิต

    เมื่อเธอแอบรักคนที่ไม่อาจจะรักได้... รักไปก็เท่านั้น...แต่ก็รัก

    ผู้เข้าชมรวม

    310

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    310

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักดราม่า
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  1 ก.ย. 47 / 18:06 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      ชะตาฤาลิขิต

      ถนนเส้นนี้ ทอดยาวกั้นระหว่างตัวมหาวิทยาลัยกับตึกคณะนิเทศศาตร์และลานจอดรถ
      “อ้าวเก่ง ไม่ข้ามมาล่ะ”เสียงอาวุธตะโกนเรียกเพื่อนยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม สีหน้าอาวุธแสดงความสงสัย เหตุใดเหตุใดหล่อนจึงไม่ข้ามถนนตามเขามาทั้งที่รถยังจอดให้เธอข้ามอยู่ เขาค่อยๆสังเกตเห็นอาการเหม่อลอยในแววตาเธอที่จ้องไปยังภายในรถคันที่จอดให้เธอข้าม เขามองตามสายตาเธอไป

      ผู้ชายในรถคันดังกล่าวพยายามฝืนมองตรงไปข้างหน้า ไม่สนใจข้างทางทั้งสองฝั่ง
      “เป็นอะไรไปคะรพีภัทร” เสียงแฟนสาวทำให้รพีภัทรสะดุ้ง
      “เปล่าครับ”
      “ไม่ออกรถล่ะคะ ดูเหมือนเด็กคนนี้เค้าจะไม่ข้าม รีบเถอะค่ะ เดี๋ยวได้ที่จอดรถไม่ดีอีก”
      รพีภัทรเคลื่อนรถออกไปโดยที่ไม่ทิ้งสายตามองใครข้างทางเลย นั่นทำให้คนข้างทางคนหนึ่งใจตกไปถึงตะตุ่ม
      อาวุธเห็นเพื่อนสาวมองรถของรพีภัทรเคลื่อนออกไปจนลับตา เธอจึงหันกลับมามองหน้าเขาและข้ามถนนไปโดยไม่มองซ้ายมองขวา
      “ข้ามถนนไม่ดูรถเลยนะ อยากตายรึไงเก่ง”เสียงอาวุธฟังเรียบคล้ายจะโกรธ
      เธอยังคงเงียบ ก้มหน้าเศร้าๆ เข้าหาพื้นทางเดินเบื้องล่าง
      “ยังไม่เลิกชอบเขาอีกรึไง มันนานแล้วนะ”อาวุธถามขึ้นเสียงเย็นเฉียบ
      “ไม่ได้ชอบ…เรารักเขาเลยแหละ”เก่งพูดพลางเดินเข้าไปในตัวอาคาร เพื่อขึ้นเรียนในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า อาวุธตามไปเดินข้างๆและพูดขึ้นเสียงนิ่งๆ
      “ยังมีหวังว่าเขาจะเลิกกันล่ะสิ”
      เก่งเงียบ
      “คนทำงาน เขาคบกันเพื่อเรียนรู้แล้วก็ยอมรับส่วนที่ดีและไม่ดีของกันและกัน เขาไม่ได้คบกันไปวันๆเหมือนเด็กมหาลัยอย่างพวกเราหรอกนะ อย่าหวังอย่ารอว่าเค้าจะเลิกกันหน่อยเลย”
      เก่งยังคงเงียบ ดูเหมือนหล่อนจะพยายามไม่ฟังเขา อาวุธก็ดูจะไม่แคร์กับความสนใจของเธอนัก เขายังคงพูดแทงใจดำเธอต่อไป
      “เห็นไอ้นาบอกว่า เก่งได้เบอร์ใหม่เขามาจากมันแล้ว”
      เธอเหลือบตามองเขาเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่พูดอะไร
      “คงไม่คิดจะโทรไปหาเค้าอีกใช่ไหม บทเรียนมีแล้วนะเก่ง จะทำอะไร คิดให้ดีดี แล้วไอ้ที่เขาเปลี่ยนเบอร์ก็ไม่ใช่เพราะ…”
      เก่งหยุดเดินและหันไปบอกเพื่อน“เราไม่โทรไปหาเขาหรอก ไม่โทรอีกแล้ว…ไม่มีอีกครั้ง”เสียงหล่อนเอื่อยลงในตอนท้ายและฟังมีความหลัง แม้สายตาจะมองอยู่ที่ใบหน้าของอาวุธ แต่ไม่รู้เธอเห็นภาพใครในนั้น เธอก้าวเข้าห้องเรียนไป อาวุธถึงกับถอนหายใจเหนื่อยใจกับเพื่อนคนนี้เหลือเกิน
      ขณะที่อาจารย์กำลังอธิบายแผ่นใสอยู่หน้าห้อง สายตาเธอจับนิ่งอยู่ที่อาจารย์ แต่ภาพที่ปรากฏขึ้นในสมอง กลับเป็นภาพของเธอเมื่อครั้งอยู่ปีสอง ซักหกถึงเจ็ดเดือนที่ผ่านมา
      ………..เธอกองอยู่กับพื้นห้องสี่เหลี่ยมมืดสนิท เห็นประกายน้ำตาสะท้อนแวบวับอยู่ในกระจกตรงหน้า มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ อีกข้างหนึ่งเสยผมขึ้นไปและค้างมันอยู่อย่างนั้น ใบหน้าเธอไม่เคยแห้ง จมูกไม่เคยหายใจโล่งเสียงที่คร่ำครวญคุยกับอาวุธทางโทรศัพท์ฟังปนเสียงสะอื้นจนจับใจความลำบาก แต่อาวุธดูจะฟังมันเข้าใจได้โดยง่ายคล้ายได้ฟังมันบ่อย
      “แค่รักเค้าแล้วรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ นั่นก็เจ็บเจียนตายแล้ว แล้วนี่ ตอนนี้ ……….เค้ายังมามีใครแบบนี้อีก.………….โอ๊ย…เราจะตายอยู่แล้ววุธ…………………………. เราไม่เคยเจ็บกับความรักมากมายขนาดนี้… เราไม่ไหวแล้ว……………………………………….ไม่อยากเจ็บแบบนี้”
      “เก่ง…!!”
      “เรารักเค้ามาก มากเกินไปแล้ว……………เราเหนื่อยจังเลยวุธ”เสียงของเก่งแทบจะขาดหายกลืนไปกับอากาศ
      “เหนื่อยอะไร ไม่เห็นเก่งต้องเหนื่อยอะไรเลย”
      “เหนื่อยกับการหาทางระบายออกของรักครั้งนี้ แต่หาไม่ได้ รักที่ทำได้แค่เก็บมันเอาไว้………เราอยากให้เค้ารู้ ว่าเรารักเค้ามากแค่ไหน…”เก่งร่ำไห้ พยายามเอามือเช็ดน้ำตา แต่เช็ดเท่าไร มันก็ไม่แห้งเสียที
      “เค้าไม่มีวันรู้หรอก เก่งไม่เคยทำอะไรเพื่อเค้า เพราะเก่งทำเพื่อเค้าไม่ได้ เค้าไม่อยู่ในสถานะที่จะให้เก่งทำอะไรเพื่อเค้าได้ เก่ง เก่งทำตัวเองมาทั้งหมดนะรู้ไหม เขาเป็นใคร …ไปรักเขา”………
      “เก่ง! เก่ง! อาจารย์เช็คชื่อ” เสียงของอาวุธ ณ เวลานี้ทำให้เธอสะดุ้งตื่นจากภาพความหลังเก่าๆ
      “มาค่ะ”
      “เป็นอะไร เหม่อเรื่องมาเช้าเรอะ”
      “เปล่า…จะว่าไปเขาไม่สนใจเราเลยนะเมื่อเช้าน่ะ เหมือนเราไม่มีตัวตน เรานี่ไม่มีความหมายเลยจริงๆ”
      อาวุธมองหน้าเก่งแปลกๆพร้อมกับถอนใจระอาก่อนจะหันไปมองอาจารย์หน้าห้อง
      “เกลียดโชคชะตา เกลียดความบังเอิญ”
      อาวุธหันขวับมาที่หล่อน หล่อนหันมามองเขาครู่หนึ่ง ก่อนจะก้มหน้าหยิบอุปกรณ์การเรียนในกระเป๋าและพูดขึ้น “ลิขิตให้เราเจอเขา ทำให้เรื่องบังเอิญ เกิดขึ้นไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แต่ไม่ทำให้เรารักกัน”
      “โทษโชคชะตา ทุกอย่างมันเกิดเพราะใคร”
      “ปวดหัวใจจัง”
      “ก็เลิกซะสิ”
      “เราผูกเขาติดกับใจจนแน่นไปแล้ว แกะไม่ออกแล้ว”
      “ตอนผูกไม่คิด”
      “แล้ววุธล่ะ ที่ยังคอยมอง บีมอยู่ทุกวันนี้ ก็ไม่ใช่เพราะผูกไม่คิดหรอ”
      “มันไม่เหมือนกัน…เรารักใคร เก่งรักใคร”
      ขณะที่เก่งยืนส่งงานให้อาจารย์ตรวจอยู่หน้าห้อง อาวุธยังคงนั่งลอกเพราะทำไม่เสร็จ ตอนนั้นเองที่ธนา เพื่อนต่างคณะของเขา เดินเข้ามาหาในห้อง
      “อ้าว ไอ้นา ไม่มีเรียนแล้วหรอวะ”
      “เออ เดี๋ยวไปกินข้าวกับมึงด้วย…แล้วนี่ ซี้มึงไปไหนล่ะ”
      “ใคร? เก่งน่ะหรอ ส่งงานอยู่นั่น”
      ธนาหันไปและหันกลับมาก่อนจะเหลียวกลับไปมองอีกครั้งให้ชัดๆ “ดูซึมๆนะ”
      อาวุธหันไปมองตาม “เมื่อเช้าน่ะสิ ตอนข้ามถนนมานี่ รถมีตั้งเยอะตั้งแยะ แต่รถที่จอดให้ข้ามดันเป็นรถของ…”
      “อย่าบอกนะว่า…”
      “อืม…”
      “โห โครตบังเอิญเลย คงเอารถจอด หน้าตึกอ่ะดิ่”
      “คงงั้น…มากับแฟนด้วย”
      ธนาหน้านิ่งๆ ไม่รู้จะพูดอะไรต่อ
      “มึงไม่น่าให้เบอร์เขา กับเก่งเลย” อาวุธหันไปมองหน้าธนา เก่งก็เดินกลับมาพอดี
      “อ้าวนา ไม่มีเรียนแล้วหรอ”
      ธนายักคิ้วและยิ้มทักทายหล่อน
      เก่งนั่งลงและพูดขึ้น “ก่อนไปกินข้าวแวะหอสมุด เอาซีดีไปคืนก่อนดิ่ หนักกระเป๋า ยืมมาหลายวันแล้ว”
      “มณัญญา”
      “เก่ง อาจารย์เรียก” อาวุธบอกหล่อน
      พอเก่งเดินไปหาอาจารย์ เขาจึงหันไปบอกธนา “หรือว่า เพราะความบังเอิญ เก่งถึงยังไม่ยอมเลิกชอบเค้า”
      “บังเอิญ…!?”
      “บังเอิญที่ทำให้เก่งเจอเค้า ผูกพันกับเค้ามาเทอมนึงเต็มๆ บังเอิญที่ทำให้เก่งเจอเค้า ในเวลาที่ไม่น่าจะเจอ  บังเอิญที่กูรู้จักมึงทั้งๆที่อยู่คนละคณะแล้วมึงก็เป็นเด็กในสังกัดเค้า ทำให้เก่งได้เบอร์ใหม่เค้าจากมึงไง”
      “แล้วไง”
      “เนื้อคู่ไง เก่งต้องคิดอย่างนั้นแน่ๆ”
      “เพ้อเจ้อแล้ว ของมันเป็นไปไม่ได้ก็เห็นๆกันอยู่ ไม่งั้นมึงไม่น่าจะใช่กว่าหรอวะ อยู่ด้วยกันตลอดเวลา”
      “แต่มันบังเอิญเกินไปจริงๆนะ หลายอย่างที่มันทำให้เก่งเจอเค้าในเวลาที่มันไม่น่า… 6ปีฉันรู้จักเก่งมาตั้งแต่มัธยม คนนี้แหละที่ดูจะเอาใจมันมาได้หมด สาหัสสากรรจ์สุดๆแล้ว”
      เวลาผ่านไป อาวุธ เก่งและธนากำลังยืนรอลิฟต์อยู่ภายในหอสมุด เพื่อขึ้นไปยังชั้นเจ็ด เอาซีดีที่เก่งยืมมาไปคืน ตัวเลขหน้าประตูลิฟต์ค่อยๆไล่ลงมาทีละชั้น ทีละชั้น 6, 5, 4, 3, 2, 1 ติ๊ง…ประตูลิฟต์ค่อยๆเปิดออก เผยให้เห็นคนข้างในช้าๆทีละคน
      เก่ง อาวุธและธนายืนนิ่งเมื่อด้านหน้าของพวกเขา คืออีกหนึ่งความบังเอิญ
      รพีภัทรเองก็ยืนอึ้งพอๆกัน ไม่ยอมเดินออกมาจากลิฟต์จนแฟนสาวสะกิด
      “รพีภัทร ไม่ออกหรอคะ”
      “ครับๆ”รพีภัทรเดินสวนทั้งสามคนออกไป ดูเหมือนเขาจะมองเก่งซึ่งหล่อนเอาแต่ก้มหน้าไม่ยอมมองเขา
      ทั้งสามคนมัวแต่ยืนคาดไม่ถึง จนลืมทำในสิ่งที่ควรทำเมื่อเจอ    รพีภัทร
      “เก่ง!” อาวุธเรียกเธอ
      “ไม่เป็นไรหรอก”หล่อนเดินเข้าลิฟต์ไปขณะที่สองหนุ่มจ้องเธอไม่กระพริบ “อ้าว…ไม่ขึ้นหรอ งั้นรออยู่นี่ก็ได้ ไปคืนแป๊บเดียวเดี๋ยวก็ลงมา” เก่งกดสวิตปิดประตูลิฟต์ต่อหน้าสองหนุ่ม ประตูค่อยๆปิดภาพใบหน้าของเก่งช้าๆ
      “ร้องไห้แน่”อาวุธพูดด้วยเสียงแผ่วเบา
      ธนาเองก็ถอนใจสงสาร“บังเอิญ อีกแล้วใช่ไหม”
      ไม่นานนัก ตัวเลขหน้าลิฟต์ค่อยๆไล่ลงมาอีกครั้ง จนประตูลิฟต์เปิด เก่งเดินออกมาตาแดงกล่ำ อาวุธและธนาไม่ถามอะไรหล่อนแม้แต่คำเดียว
      กลางดึกคืนนี้ ขณะที่อาวุธกำลังนั่งพิมพ์งานอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น เขาเอื้อมมือหยิบมันมารับสาย
      “ว่าไงนา”
      “เฮ้ย ! เก่งมันพักอยู่หอไหนวะ เมาเละเลยเนี่ย เดี๋ยวกูจะไปส่ง”
      “มึงพาเก่งไปกินเหล้า…”
      “ไม่ใช่เว้ย…ปากน่าชกจริงมึง บังเอิญเจอกันที่นี่”
      “กูขอโทษ”
      “ยิ่งกว่านั้น บังเอิญเจอคนๆนั้นของเก่งด้วย”เสียงธนาสงบลง
      “อะไรนะ! …งั้นมึงรออยู่นั่นก่อนนะ เดี๋ยวกูไปส่งเอง”
      อาวุธมาถึงก็เดินดิ่งเข้าไปในผับมองหากลุ่มธนาจนเจอและเห็นเก่งนอนฟุบอยู่กับโต๊ะ ห่างไปสามสี่ที่นั่งเป็นโต๊ะของรพีภัทรกับเพื่อนๆของเขาซึ่งดูเหมือนอาวุธจะคุ้นหน้าดีว่าเคยเดินๆอยู่ในมหาวิทยาลัย
      “ฉันชักจะเกลียดโชคชะตาพอๆกับเก่งซะแล้วสิ”อาวุธพึมพำกับตัวเอง
      “ไอ้วุธ” เสียงธนาตะโกนเรียกเขา
      อาวุธเดินตรงมา ดึงให้เก่งลุกขึ้นและพยุงลากตัวเข้าไปในห้องน้ำเสียงดังเอ็ดตะโร
      “เฮ้ยวุธ เบาๆสิวะ ผู้หญิงนะเว้ย”เพื่อนคนหนึ่งพูดขึ้น
      รพีภัทรเหลือบตาหันมามองด้วยแววตาเศร้าๆเชิงเป็นห่วง ก่อนจะหันกลับไปยกเหล้าขึ้นดื่มจนหมดแก้ว เพื่อนของเขาเห็นเขาหน้าเครียดๆจึงเอ่ยถาม
      “เป็นอะไรครับ รพีภัทร ดูเครียดนะ”
      “เซ็งนิดหน่อย”
      กลับมาในห้องน้ำ
      อาวุธมองหน้าเพื่อน แต่ก็ดูไม่ค่อยจะฟังเท่าไรนัก เขาเปิดน้ำจนเต็มอ่างล้างหน้า กดหัวของเก่งลงไปในนั้น เพื่อนคนหนึ่งจะเข้ามาห้ามด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว ธนาจึงรั้งเพื่อนคนนั้นไว้
      “มันรู้จักกันมาตั้งแต่มอปลายแล้ว ปล่อยเหอะ มันเข้าใจกันดีกว่าพวกเรา”
      “แต่เก่งเป็นผู้หญิง”
      เก่งสำลักน้ำทะลึ่งขึ้นมาไอแค่กๆแทบจะสร่าง
      “เก่งทำอะไรของเก่ง”
      “ยุ่งอะไรด้วย”
      “จะคิดซะว่าเมานะถึงพูดแบบนั้นออกมา …ผู้ชายคนเดียวเก่งเป็นไปได้ขนาดนี้”
      “แต่ผู้ชายคนเดียวที่วุธว่า คือผู้ชายที่เรารักนะ”สายตาของเก่งมองอาวุธอย่างหยาดเยิ้มเพราะฤทธิ์เหล้า พูดจาก็แทบจะฟังไม่รู้เรื่อง
      “แต่ก่อน เพื่อนๆเคยชื่นชม ว่าเก่งเก่งสมชื่อ แต่ตอนนี้ เก่งไม่ควรจะใช้ชื่อนี้ด้วยซ้ำ”
      “ก็ไม่อยากใช้นักหรอก…เบื่อจัง ………….เบื่อจะต้องมานั่งเจ็บปวด เจ็บเท่าๆกับที่รัก รักมากแค่ไหน ก็เจ็บมากเท่านั้น”เก่งถอนหายใจยาว
      “ความรักมากๆของเก่ง เค้ารู้ได้แค่ปลื้ม เก่งพอใจหรอ”
      “ไม่พอใจแล้วจะทำอะไรได้”
      “ก็เลิกซะสิ”
      “เราเลิกไม่ได้” เก่งเงียบพูดต่อไม่ได้เพราะไอร้อนผ่าวมันมาจุกแน่นอยู่ตรงลำคอ หัวใจราวกับโดนอะไรกระแทกแรงๆ ทั้งจุกทั้งปวด ทรมาน เก่งกองตัวเองลงกับพื้น มือสองข้างปิดใบหน้า มิดชิด ไม่ช้ามือสองมือก็เปียกชุ่ม
      อาวุธ ธนาและเพื่อนๆได้แต่ยืนมองนิ่ง อ้ำอึ้งไปกันหมด

      เช้าวันต่อมา อาวุธเดินเข้ามาในห้องเรียนเห็นเก่งนั่งหน้านิ่ง สายตามองเหม่อออกไปนอกหน้าต่าง จึงเดินเข้าไปนั่งข้างๆแล้วเก่งก็พูดขึ้นมาไม่มีปีไม่มีขลุ่ย
      “วันนึงไม่ช้า…เราจะทำให้วุธเห็น ให้เขารู้ เราให้เขาได้ กระทั่งชีวิต
      อาวุธหันขวับมามองหน้าเพื่อนสาว “คิดจะทำอะไร”
      เก่งเห็นหน้าอาวุธเหวอๆก็สำลักหัวเราะร่วน “ทำไมทำหน้าแบบนั้น…คิดว่าเราจะฆ่าตัวตายหรอ”
      “เก่ง!”อาวุธเสียงอ่อน
      “เราไม่ทำแบบนั้นหรอกนะ รู้จักกันมาตั้งหกปี รู้จักเราแบบนั้นหรอวุธ”
      ตกบ่ายเก่งกับอาวุธกำลังเดินขึ้นบันไดเพื่อไปเข้าห้องเรียน บังเอิญรพีภัทรเดินลงมาเห็นพวกเขาเข้าพอดี รพีภัทรมองหน้าเก่ง เก่งเองก็เผลอจ้องตาเขาอย่างลืมตัว พอตั้งสติได้จึงหลบสายตาเขาลงมา
      ธนาเดินตามหลังรพีภัทรลงมาพอดี เห็นเข้า ก็ทำหน้าเจื่อนๆก่อนจะเดินเข้าไปหาอาวุธและพูดขึ้นเบาๆ “โชคชะตา เล่นตลกกับเก่งอีกแล้ว”
      “ว่าไงครับ เดี๋ยวนี้เจอกันไม่ทักกันเลยนะ” รพีภัทรพยายามทักทายให้เป็นปกติ
      “ใครไม่ทักใครกันแน่ครับ”อาวุธพูดเชิงแซว
      รพีภัทรหัวเราะหึหึ ต่างฝ่ายก็ต่างอึดอัด ทุกคนก็มองกันออกว่าต่างฝ่ายก็ต่างฝืน
      “ว่าไงครับเก่ง ไม่ได้คุยกับเก่งนาน ผมกินข้างไม่ลงเลยนะ ทำไมคุณไม่ค่อยพูดกับผมเลย”รพีภัทรพูดทีเล่น พยายามทำกับเธอเหมือนที่ทำกับคนอื่นๆ
      “หรอคะ”เธอพูดแค่นั้น
      “คุณเปลี่ยนไปเยอะนะ”
      เก่งเงียบไปครู่ก่อนจะพูดพร้อมกับจ้องหน้าเขา “ไม่หรอกค่ะ หนูไม่เคยเปลี่ยน”
      รพีภัทรจ้องตาเก่งอึ้งๆ จอดสนิทที่เก่งกล้าพูดแบบนั้น เขารู้ดีว่าเก่งหมายถึงอะไร
      “รพีภัทร”เสียงหวานๆนี้ทำให้เก่งก้มหน้าถอนใจ เมื่อแฟนสาวของรพีภัทรกำลังเดินขึ้นมาหาเขา
      อาวุธเห็นท่าไม่ดีเลยตัดบทลาทุกคนอ้างว่าเลยเวลาเรียนแล้ว ก่อนจะดึงเก่งขึ้นไป พอพ้นสายตารพีภัทรไม่ทันไร น้ำตาเก่งก็ไหลพราก หล่อนดึงแขนออกจากมืออาวุธแล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋ามาซับน้ำตา
      ธนาเดินเข้ามาใกล้ๆรพีภัทรและถามขึ้น “รู้ใช่ไหมครับ คนที่โทรไปหา กับเจ้าของข้อความฝันดีนะคะ ทุกคืนทุกคืน”
      รพีภัทรเบนหน้าหลบ
      “ผมถือว่ารู้นะครับ ทำหน้าแบบนี้ เฉยๆไปดีกว่าครับ ทำอะไรไปมากก็ให้ความหวังเขาเปล่าๆ เพื่อนผม เค้าเป็นคนคิดอะไรง่ายๆ”
      ดูเหมือนเก่งจะไม่ยอมเข้าห้องเรียนเป็นแน่แล้ว หล่อนยืนร้องไห้อยู่หน้าประตูห้อง เพียงแค่มีใครเปิดออกมาก็เห็นเต็มๆ
      “เก่ง”
      “เราอยากเจอเขานะ อยากเห็นหน้า แต่ถ้าต้องเจอแบบนี้ เราขอไม่เจอดีกว่า”
      อาวุธยืนมองเก่งสะอื้นไห้ คล้ายจะชินชาเสียแล้วกับภาพแบบนี้ แต่ความสงสารไม่เคยชาชินหัวใจเขา เก่งดูจะหนักขึ้นทุกวัน ทุกวัน เขาหมดคำปลอบโยนที่จะใช้กับเก่ง ได้แต่ยืนเป็นเพื่อนอยู่ตรงนั้น เก่งเจ็บเท่าๆกับที่รักอย่าสงที่เธอเคยพูดเอง ความรัก ถ้ามันเป็นไปไม่ได้ ต่อให้รักให้ตายก็เป็นไปไม่ได้
      ตกเย็นหลังจากส่งงานอาจารย์เรียบร้อย เก่งกับอาวุธเดินลงมาจากตึกคณะนิเทศศาสตร์ก็เจอรพีภัทรกับแฟนสาวเดินข้ามถนนมาเอารถที่จอดอยู่หน้าตึก
      ทั้งคู่มองตากันปริบๆในระยะไกลๆ
      อาวุธถอนใจกับโชคชะตาที่เกิดขึ้นกับเก่งอีกครั้ง ขณะที่เก่งจ้องภาพเบื้องหน้าอย่างเจ็บปวด
      “พี่วุธ พี่วุธ”เสียงรุ่นน้องเรียกอาวุธ ทำให้อาวุธต้องยืนคุยกับพวกน้องๆที่เข้ามาปรึกษาเรื่องงานของคณะโดยที่เก่งยังคงเดินเรื่อยมา
      หล่อนหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าและกดโทรออก
      เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงรพีภัทรดังขึ้น นั่นไม่ต้องสงสัยว่าใครโทรเข้ามา เพราะเขาเห็นอยู่ตรงหน้าแล้ว เขาถอนใจก่อนจะรับสาย
      “ครับ”
      “ที่ทำไม่หวังอะไรทั้งนั้น”เสียงเก่งโรยอ่อน
      แฟนสาวของรพีภัทรดูจะไม่รู้ว่าเขาคุยอยู่กับ คนที่กำลังจะเดินสวนกันในอีกไม่กี่ก้าวข้างหน้า
      “คุณ!”รพีภัทรพูดไม่ออก
      เก่งไม่มองหน้าเขา ปากกพูดแต่ตามองตรงไปข้างหน้าไร้จุดหมายแต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะจ้องหน้าเธออย่างไม่ละสายตา ทั้งคู่ใกล้เข้ามา ใกล้เข้ามา และสวนกันในที่สุด
      “แค่อยากพูดมันสักที อยากพูดว่ารัก รักคนชื่อรพีภัทร ชำนาญพงษ์”
      รพีภัทร หยุดชะงักทันทีจนแฟนสาวหยุดตาม ขณะที่เก่งยังคงเดินตรงไปยังถนน
      “เก่ง” อาวุธอุทานขึ้นเบาๆเมื่อเห็นเก่งเดินไป กลัวว่าห่อนจะข้ามถนนไม่ดูรถอีก และเขาก็ฉุดคิดถึงคำพูดของเก่งขึ้นมาเมื่อตอนลงลิฟต์มาสิบนาทีที่แล้ว
      “ทำยังไงถึงจะหยุดโชคชะตาได้”
      อาวุธหันมองแววตาหม่นๆของเก่งในตอนนั้น เธอพูดต่อ
      “เพื่อที่โชคชะตา จะไม่ต้องเล่นตลกกับเราอีกต่อไป”

      รพีภัทรยังค้างโทรศัพท์ไว้หู ขณะที่อาวุธตะโกนเรียกชื่อเก่งสุดเสียง
      “ขอพูดมันเป็นครั้งแรก ครั้งเดียว ครั้งสุดท้าย”
      สิ้นเสียงเก่งรพีภัทรหันหลังขวับไปมองหล่อน
      เอี๊ยด…………….โครม
      เสียงนั่นชัดเจนอยู่ที่หูข้างซ้ายของรพีภัทร ก่อนจะกลายเป็นเสียง ตื๊ด.. ตื๊ด.. ตื๊ด.. ตื๊ด.. ตื๊ด..


      THE END

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×