คืนสยอง กับ สายฝน
    สายฝนยังคงกระหน่ำลงมาไม่ขาดสาย  จนระดับน้ำที่ขังอยู่ในคูเล็กๆ นี้ค่อยเอ่อล้นขึ้นสู่ศาลาไม้หลังเก่าที่จะพังแหล่มิพังแหล่  หลังคาที่มีรูโหว่อยู่หลายรูเริ่มที่จะมีหยดน้ำไหลลงมากระทบกับพื้นไม้ดัง “เปาะแปะ”  ท้องฟ้ายามนี้ดูมืดมิดไปด้วยเมฆฝน  บรรยากาศรอบๆ ดูวังเวง  ความเงียบเข้าครอบคลุม  คงมีแต่เสียงกระหน่ำของสายฝนเท่านั้นที่ดังแทรกอย่างต่อเนื่อง  และไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
   
              เด็กหญิงผมยาวใส่ชุดนักเรียนคล้ายเด็กมัธยมต้นนั่งแอบกับเสาไม้ที่เก่าจนผุ    ชายหนุ่มวัยกลางคนแต่งตัวท่าทางภูมิฐานทอดสายตาออกไปสู้กับสายฝนที่กระหน่ำลงมาอย่างแรง      หญิงชราผมขาวโพลนนำเสื้อตัวหนาออกมาสวมใส่แล้วก็คงนั่งนิ่งต่อไป    ชายหนุ่มหน้าตาดีในชุดนักศึกษาผุดลุกผุดนั่งด้วยอากัปกิริยากระวนกระวาย    ทุกชีวิตที่อาศัยชายคาของศาลาหลังเก่าแห่งนี้มีสีหน้าที่แฝงไปด้วยความเบื่อหน่าย  กระวนกระวายไม่แพ้กัน      เห็นทีจะมีเด็กหนุ่มวัยโจ๋ยังคงนั่งขายขนมจีบกับเด็กสาวหน้าละอ่อนอย่างไม่สนใจกับสิ่งรอบตัว
   
              ฉันก้มลงมองที่นาฬิกาข้อมือแล้วก็ต้องใจหาย  นี่มัน 5 โมงเย็นแล้วหรือ  ฉันนั่งหลบฝนมา 3 ชั่วโมงเต็ม  ยังไม่ทันที่จะคิดอะไรนอกจากนั้น  เสียงโทรศัพท์ที่ใช้บริการโหลดริงโทนเพลงชื่อดังก็ดังขึ้น  ฉันใช้มือควานล้วงโทรศัพท์มือถือรุ่นเล็กสุดๆ ออกมาจากกระเป๋า
   
                “ ฮัลโหล  แพรวพูดค่ะ ”
   
                “ แพรว  นี่จะไม่มาแล้วใช่ไหมรับน้องน่ะ ”
                “ ก็อยากจะไปหละนะ แต่ฝนมันไม่หยุดตก รถจะผ่านมาสักคันก็ไม่มี ฝากบอกพี่ภีมด้วยแล้วกันนะ ”  ฉันรีบปิดโทรศัพท์ก่อนที่ยัยเพื่อนตัวแสบจะสาธยายไม่จบ  ยังไม่ทันเงยหน้าขึ้นก็พบว่าชายหนุ่มที่อยู่ในชุดนักศึกษายืนยิ้มแป้นอยู่ตรงหน้าแล้ว
              “ ใช่น้องแพรว ปี 1 คณะอักษรฯ มหา\'ลัย..........หรือเปล่าครับ ” 
              “ ค่ะ แล้ว เอ่อ รู้ได้ไงคะ ”
              “ ผมนัท เรียนนิติฯ ปี 3 มหา\'ลัยเดียวกับคุณครับ  คือผมมีเพื่อนอยู่อักษรปี 3 ชื่อภีมคุณคงรู้จัก ”
              “ อ๋อ ! พี่ภีมรู้จักค่ะ ” ฉันดีใจอยู่หน่อยว่าได้เพื่อนคุยที่ถูกคอ ไม่ต้องนั่งจับเจ่าอยู่คนเดียว
                “ คือภีมเขาพูดถึงคุณอยู่บ่อยๆ น่ะครับ แล้วเมื่อกี้ได้ยินคุณเรียกตัวเองว่าแพรว แล้วก็เอ่ยชื่อภีมเลยคิดว่าน่าจะใช่ ” เขาพูดจบแล้วก็ยิ้มให้
              ฉันพูดคุยกับเขาอยู่นานจนไม่รู้เบื่อ  แล้วก็ลอบสังเกตใบหน้าที่น่ารักของเขาไปด้วย  จะว่าแล้วเขาก็น่ารักดีเหมือนกัน  ยิ่งปอยผมที่ชื้นฝนย้อยลงมาปิดหน้าผากแล้วก็ยิ่งเท่ห์  ติดแต่ว่าใบหน้านั้นดูซีดเซียวก็เท่านั้น
              เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว  แต่สายฝนก็ไม่มีท่าทีว่าจะหยุดตก  ฉันก็ยังคงนั่งคุยกับชายหนุ่มรุ่นพี่ไปเรื่อยๆ  จนได้ยินเสียงสบถอย่างดังของชายวัยกลางคน
              “ โธ่โว๊ย!!! เมิ่อไหร่มันจะหยุดตกสะที ” 
                “ ใจเย็นๆ เถอะพ่อหนุ่ม ” เสียงเนิบช้าของหญิงชรากล่าวปรามแข่งกับสายฝน  แล้วก็เหยียดยิ้มที่มุมปาก  ฉนเองก็ไม่เข้าใจความหมายของมันเหมือนกัน
                ชายกลางคนผู้นั้นนิ่งลง  แต่สายตาของเขาดูแข็งกร้าวและน่ากลัวนัก  เด็กหญิงม. ต้นเงยหน้าขึ้นมามอง  ใบหน้าของหล่อนดูขาวเผื่อน  เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรก็ก้มหน้าลงไปเหมือนเดิม  ผิดกลับมีเด็กหนุ่มวัยโจ๋ยังคงนั่งขายขนมจีบกับเด็กสาวหน้าละอ่อนไม่มีเปลี่ยน
ข้างกายของหนุ่มวัยโจ๋มีรถมอเตอร์ไซค์ที่ถูกแต่งจนจำสภาพเดิมแทบไม่ได้
                นัทหันหน้ากลับมาหาฉัน แล้วกระซิบเบาๆ
                “ แพรวอยากรู้มั๊ยครับ ว่าทำไมผมถึงแน่ใจว่าคุณคือแพรว ”
                “ ทำไมเหรอคะ ” ฉันถามกลับด้วยความอยากรู้  ทั้งๆ ที่ก็พอจะรู้ว่าคำตอบคืออะไร
                “ เพราะว่า......... ”
                ยังไม่ทันได้ยินเสียงตอบ  พลันชายหนุ่มวัยกลางคนคงเดิมก็ระเบิดเสียงหัวเราะอย่างเต็มที่  ตามด้วยเสียงหัวเราะแหบแห้งของหญิงชรา  และเสียงเล็กแหลมของเด็กหญิงม. ต้น 
                ทั้งสามค่อยๆ เดินเข้ามาใกล้ฉันพี่นัทมากขึ้น  สีหน้าของทั้งสามไม่ต่างอะไรกับปีศาจ
                พี่นัทใช้ร่างของเขาบังฉันไว้  แล้วหันไปพูดกับปีศาจทั้งสาม
                  “ พวกคุณเป็นอะไรกันน่ะ ”
                “ ถามได้ก็เป็นผีน่ะสิ ฮิฮิฮิ ” เด็กหญิงตอบด้วยเสียงแหลมเล็ก  ตามด้วยเสียงกรีดร้องของหล่อนที่โหยหวนยิ่งนัก
                ฉันกับพี่นัทถึงกับต้องยกมือขึ้นปิดหูตัวเอง  เพราะไม่อย่างนั้นฉันอาจจะต้องระเห็จตัวเองไปเรียนโรงเรียนสอนคนหูหนวกเป็นแน่
                “ พวกแกรู้มั๊ยว่าพวกฉันต้องทุกข์มานแค่ไหนกับการกระทำของเด็กวัยรุ่นอย่างพวกแก ” ชายวัยกลางคนคนเดิมนั้นท่าทางเกรี๊ยวกราด  ในขณะที่หญิงชรายังคงพูดเสียงเนิบช้าแข่งกับสายฝนต่อไป
                “ วันนั้นพวกเราเดินทางมาถึงที่นี่แต่ก็มีวัยรุ่นกลุ่มหนึ่ง  พวกมันจี้เอาเงินที่เราไปหมดไม่พอ  มันยังใช้มีดปาดคอพวกเราอย่างทารุณ.................... ”
                  ในขณะที่หญิงชรายังคงสาธยายไม่หยุด  ฉันเหลือบมองไปยังหนุ่มวัยโจ๋กับเด็กสาวน่าละอ่อน  แล้วก็ต้องใจหาย  เมื่อพบว่าพวกเขาหายไปแล้ว  หายไปพร้อมกับมอเตอร์ไซค์ที่ถูกแต่งจนแทบจำสภาพเดิมไม่ได้
                  ฮ่า...ฮ่า.....ฮิฮิฮิฮิ!!!!!!
                  เสียงหัวเราะของปีศาจทั้งสามถูกระเบิดออกมาจากริมฝีปากที่เหี่ยวแห้งไม่น่าดู  เสียงโหยหวนนั้นยังคงกังวาลต่อไปไม่หยุดหย่อน 
                ฉันอยากจะก้าวขาออกไปจากที่นั่นเหลือกเกิน  แต่ขาเจ้ากรรมมันไม่ยักก้าวออก  นัทก็ดูจะยังไม่มีสติ  เขายืนแข็งทื่อไม่ผิดเพี้ยนกับฉัน
                ปีศาจทั้งสามค่อยๆ ก้าวเข้ามาหาเราทั้งสอง  มือที่เกรอะกรังไปด้วยเลือดค่อยยื่นยาวออกมาจากลำตัวที่ผอมแห้งจนเห็นกระดูกขาวโพลน  ค่อยๆ ยืนมาหาฉัน
                  \" ปาย...อยู่..ด้วย...กานนะ....\"
                ก่อนที่สามปีศาจจะทำอะไรฉัน  จู่มือของใครคนนึงก็ฉุดฉันออกไปจากที่นั่น  ไม่ต้องสงสัยเป็นใครไปไม่ได้นอกจากนัท 
สายฝนเม็ดหนักเย็นเยียบลงมาอย่างหนักที่ตัวเราทั้งสองยิ่งทำให้ความเย็นยะเยือกเข้ามาจับกุมหัวใจของฉันจนแทบจะเป็นน้ำแข็ง  แต่ความแรงของสายน้ำที่หลั่งรินลงมานั้น  ก็ใช่ว่าจะปกปิดหยาดน้ำตาที่เอ่อล้นจากนัยน์ตาที่ใครก็ว่าสวยของฉันได้
   
                พี่นัทเอื้อมมือของเขามาเช็ดน้ำตาให้ฉัน  พร้อมกับเอ่ยคำพูดที่ฉันไม่อยากจะได้ฟังจากใครอีกเลย
    “แพรวไม่ต้องตกใจนะครับ  ไม่ว่ายังไงผมก็จะปกป้องแพรวเสมอ ”
    “แต่ว่าแพรวยังอยากจะฟังคำตอบอยู่ไหม ว่าทำไมผมถึงรู้ว่าคุณคือแพรว” พี่นัทถามต่อเมื่อเห็นฉันเงียบไป  ก็แน่ล่ะใครยังอยากจะพูดให้เสียบรรยากาศตอนนี้ล่ะ
    ฉันพยักหน้าแทนคำตอบนั้น
    “ ก็เพราะว่าแพรวน่ะสวยอย่างที่ไอ้ภีมมันเคยบอกไว้ ” นั่นไงฉันฉันนึกแล้วเชียวว่าต้องเป็นตำตอบนี้ ก็ตั้งแต่ฉันโตมามีแต่คนชมว่าฉันทั้งสวย ทั้งน่ารัก แต่ฉันก็ต้องหยุดคิดเพียงแค่นั้น เมื่อพี่นัทก้มหน้าลงมากระซิบ
    “ ที่สำคัญที่พี่อยากจะบอกก็คือ......เอ่อ.... คือพี่ตายแล้วตายเมื่อ 3 วันก่อน  แต่พี่อยากเจอหน้าแพรวก็เลยมาดักรอ แล้วก็ได้เจอจริงๆ  ”
    จบคำพูดของพี่นัทแล้วฉันก็อดตกตะลึงกับภาพตรงหน้าไม่ได้  จากชายหนุ่มที่หล่อเหลา  บัดนี้เหลือเพียงรูปร่างที่น่าเกลียดขยะแขยง  ริมฝีปากเหี่ยวที่เกรอะกรังไปด้วยหยาดเลือดสีแดงนั้นส่งยิ้มมาให้ฉัน  พร้อมกับระเบิดเสียงหัวเราะและคำพูดที่ทำให้ฉันอดขนลุกไม่ได้
    “ มาหา....พี่..ซิแพรว..........มา....ซิ...”
    ฉันค่อยๆ เดินถอยหลังจากภาพตรงหน้า 
                ฉับพลัน!!!! สติของฉันก็ดับวูบลง
   
                รู้สึกตัวอีกที่ฉันก็มาอยู่ที่หน้าวัดแห่งหนึ่งแล้ว  แต่ว่าใครพาฉันมากันล่ะ  ฉันค่อยเดินเข้าไปในศาลาหลังแรก  แล้วก็ต้องตกใจอีกรอบ
    พ่อ แม่ ญาติพี่น้องของฉัน  นั่งร้องไห้ฟูมฟายไม่หยุด  ใช่! จะต้องมีญาติคนใดคนหนึ่งของฉันกันล่ะ
    “ พ่อจ๋าคุณย่าใช่ไหม คุณย่าตายแล้ว ” แปลก!!! ช่างไม่มีใครสนใจคำพูดของฉันเลย
    ฉันค่อยเดินไปที่หน้าโลงสีขาว  ที่ประดับไปด้วยลายเทพพนมเหลืองอร่าม  พอดีกลับสายตาที่เหลือบไปเห็นรูปหน้าศพ  แล้วฉันก็ต้องตกใจอีกเป็นครั้งที่เท่าไรก็ไม่รู้  รูปหน้าศพเป็นรูปของฉันเอง!!!!
    ขณะที่ตกตะลึงอยู่นั้น  ก็มีเสียงแว่วมาพอที่โสตประสาทของฉันจะรับรู้
    “ แพรวน่ะอายุสั้นเกินไป  เมื่อเช้านี้ลูกพึงจะมาลาฉันไปมหาวิทยาลัยเองนะคะ  แต่ก็เพราะถูกไอ้จิตนรกมันขับรถชน  ตอนที่แพรวรอรถอยู่ที่ศาลาแถวอยุธยา  ”
                ฉันเองเริ่มที่จะทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่  เด็กหนุ่มวัยโจ๋กับเด็กสาวหน้าละอ่อนที่นั่งจีบกันอย่างไม่อายใคร  และที่ฉันไม่เห็นหนุ่มสาวทั้งสองนั้นอยู่ตอนที่ฉันเองกำลังผจญกับปีศาจทั้งสามที่ศาลาไม้หลังเก่านั้น  ก็คงเป็นเพราะว่าพวกเขาไม่เห็นว่ามีใครอยู่นั่นเอง
                ฉันหันหน้ากลับไปมองแม่อีกครั้ง  ก่อนที่จากเดินออกจากที่ตรงนั้น  ฉันเองก็ไม่รู้ว่าจะไปไหนเหมือนกัน  ขอแค่ให้ฉันทำใจได้ฉันก็จะกลับมาลาแม่และทุกๆ คน
                ก่อนจะพ้นประตูวัด  ฉันเห็นยัยมลเพื่อนตัวแสบที่เดินเข้าวัดด้วยสีหน้าสีเผือด  นึกแล้วก็น่าสงสารยัยมลเหมือนกัน  ดันโทรไปตอนที่ฉันตายแล้ว
              “ เอาเป็นว่า ฉันขอโทษแล้วกันนะมล ”  ฉันเดินเข้าไปกระซิบข้างหูของหล่อน  แต่ดูเหมือนยัยเพื่อนบ้าจะไม่มีท่าทีว่ารู้เรื่องเอาเสียเลย
              ฉันหันให้กับยัยมล  แล้วรีบเดินออกจากวัดนั้นทันที  ก่อนที่น้ำตาเอ่อล้นออกมาจากผีอย่างฉัน  ฉันเดินไปเรื่อยๆ อย่างไร้จุดหมาย  แต่จู่ก็มีเสียงเสียงหนึ่งที่ทำให้ฉันหยุดการกระทำทั้งหมด
              “ คัต ดีมากๆ ” 
             
              เสียงผู้กำกับร้องบอก  ก่อนที่เสียงปรบมือจะเฮขึ้นมา
              “ แหม เล่นเก่งจังเลยค่ะน้องแพรว ”
                “ ขอบคุณค่ะ แต่ก็ได้พวกพี่สอนนะคะหนูถึงทำได้ ” ฉันยกมือไหว้พวกพี่ๆ ทีมงาน  แต่ก็ไม่ลืมหันไปบอกว่า
                “ ถ้าทีหลังพี่ๆ มีงานก็บอกหนูได้นะคะ ผีอย่างหนูเต็มใจทำเสมอค่ะ ยิ่งตอนนี้ไม่ค่อยมีใครทำบุญมาให้เลย  เอาเป็นว่า ค่าจ้างงานนี้ขอเป็นหูฉลามน้ำแดง แกงเผ็ดเป็ดย่าง องุ่นนอก  อ้อ แล้วอย่าลืมน้ำนะคะเดี๋ยวหนูติดคอตาย
”
                ก่อนจะพูดประโยคสุดท้ายฉันก็แอบกระซิบข้างหูพี่ทีมงานว่า
       
                “ พี่นัทเนี่ยล้อหล่อนะคะ ติดต่อให้มั่งซิ จะได้เป็นจริงสะที  แต่อย่าไปบอกความจริงนัทนะคะว่าหนูเป็นผี  ความหวังที่จะมีแฟนเป็นคนของหนูจะได้เป็นจริงสะที  เฮ้อ ”
                                    จบแล้ว เย้!!! ขอบคุณหลายที่ติดตาม
                                                                  ขอโทษด้วยหากเขียนไม่ดี
                                                                      ฮือ ฮือ  แต่อย่าด่าว่ามากนักนะ
                                                            เดี๋ยวเสียกำลังใหมด  ขอบคุณ ขอบคุณ
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น