ถึงห่างกันฉันจะรักเธอ - ถึงห่างกันฉันจะรักเธอ นิยาย ถึงห่างกันฉันจะรักเธอ : Dek-D.com - Writer

    ถึงห่างกันฉันจะรักเธอ

    ....

    ผู้เข้าชมรวม

    555

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    555

    ความคิดเห็น


    5

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  ซึ้งกินใจ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  9 ส.ค. 47 / 20:52 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    นิยายแฟร์ 2024
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      ที่ถนนมุมนึงข้างป้ายรถเมย์
      เราไม่รู้จักกัน เราไม่เคยคุยกัน
      เธอหันมามองผมแล้วเริ่มร้องให้................
      เธอร้องให้ แล้วมองผมเหมือนจะถามว่าจะไม่ถามหน่อยเหรอว่าร้องให้เรื่องอะไร
      ผมเมินครับ เรื่องอะไรทำไมผมต้องไปสนด้วยเธอไม่ได้น่ารักมากมายซะหน่อย
      เธอเดินเข้ามาครับ ท่ามกลางคนที่รอรถเมย์รอบเย็นเพื่อกลับบ้านอยู่
      เธอตบครับตบหน้าเลย เต็มๆดังเผี้ยลั่นต่อหน้าผู้คน ทั้งๆที่หน้าอาบไปด้วยน้ำตา
      แล้วเธอก็หันหลังกลับครับเดินไปพิงป้านรถเมย์เหมือนเดิม ทิ้งไว้แต่ทุกสายตาที่จับจ้องมาที่ผมเหมือนผมเป็นตัวการที่ทำเธอร้องให้ ไม่แน่นะครับอาจจะมีใครคิดว่าผมทำเธอท้องก็เป็นได้ เวรของชิวิตจริงๆ
      ผมทำไงได้ครับ เลยต้องเดินไปหาครับเธอยังร้องให้ครับ ผมยื่นผ้าเช็ดหน้าให้มองเธอพักนึง “ทำไมร้องให้อะเป็นไร” ผมถาม “ยุ่ง ไม่ธุระอะไรของนาย”อะกรรมเธอตบผมฉาดเบอเร่อแล้วบอกไม่เกี่ยวได้ไง”แล้วตบผมทำไมอะผมทำไรให้”เธอหันมามองครับแล้วบอกผมคำเดี้ยวเท่านั้นครับ “หมั่นใส้ มีไรไหม”แล้วเธอก็เดินไปครับ
      คืนนั้นผมกลับมาบ้านครับกับเหตุการณ์ที่หลอกหลอนมากๆแก้มผมยังเจ็บอยู่ครับแต่ที่เจ็บแน่ๆคือในอกครับแค้นใจมากกะว่ามันเป็นผู้ชายคงไม่ต้องเดินกลับบ้านแล้วละครับทั้งเจ็บทั้งอายคนมองทั้งป้ายเหมือนเป็นความผิดเราไรวะผมคิดเซงมากผมเตะฟุตบอลที่สนามหน้าบ้านกระเด็นออกไปไกลเลยครับ เวงอีกพรุ่งนี้ต้องไปหามันเจือกข้ามรั้ว....วันนี้มันวันไรวะซวยจริงๆp.sฝันร้ายทั้งคืนครับขอบอกนางมารร้ายมันมาหลอกหลอนในฝัน

      ฝัน
      ซวยอีกแล้วครับผมทำซีทเอกสารที่จะไปส่งอาจารยที่มหาลัยหายมันหล่นผมคิดซวยจริงเลยเว้ยต้องไปมหาลัยมือเปล่าทำก็ไม่ทันไม่ทำทันแล้วเซ็ง ผมขับรถไปมหาลัยด้วยความเซ็ง
      (เมื่อวานที่ไม่ขับขี้เกียจครับอยู่ที่อารม)ไปมหาลัยครับกระโดดเตะเพื่อนที่เจอคนแรกครับบอกเล่นๆความจริงแล้วผมระบายอารม เหอ เหอ จารยมาแล้วครับเดินเข้าประตูมาก็ทวงงานเลย ยายแก่เวงเอ้ยไม่เห็นใจมั่งวะT_T
      ผมปลงแล้วครับกะว่าคงไม่ได้ส่งแน่ๆ ทันใดครับมีคนเปิดประตูเข้ามาครับเธอเดินเข้ามาแล้วถามหาผม
      เอ่อ จารยค่ะนายคนนี้เรียนที่ห้องนี้หรือเปล่าครับเธอพูดพลางยื่นซีทงานที่ผมหาทั้งคืนให้จารยช่วยดูจากสมุดรายชื่อ ผมหลบไปใต้โต็ะไปแล้วละครับเวงจริงมารร้ายตามมาหลอกผมถึงที่อาจารยประกาศหาเจ้าของครับนายเพื่อนๆเวงทั้งหลายรุมชี้ผมครับ เวงผมอีกจำใจต้องลุกขึ้นมายิ้มแหะ แหะ ให้จารยครับผมเองครับจารยมีไรหรือครับ มีคนเอางานมาให้นะรู้จักหรือเปล่า ผมสบตาเธอครับ เกิดอาการสะอึกเลยครับ ยายเพิ้งเมือคืนกลายเป็นสาวงามผมประบ่า ขาวและน่ารักมากเลย เกิดอาการตะลึงครับ เธอยิ้มมาให้ผมครับแค่คำพูดแรกของเธอก็ทำผมอึ้งแล้วครับ............คำพูดแรกที่ผมยังจำอยู่ทุกวันนี้ “ที่รักตั้งใจเรียนนะค่ะจะรอหน้าห้องค่ะ”
      แน่นอนครับวันนั้นผมเรียนไม่รู้เรื่องแน่นอนเป็นใครก็ไม่รู้เรื่องแน่ๆเลิกเรียนผมก็ออกมาเลยครับท่ามกลางเพื่อนๆและไทยมุงทั้งหลาย
      เพื่อนตบบ่าผมก่อนที่ผมจะแยกไปหาเธอครับกินใจมากเลยครับ “พรุ่งนี้มรึงดังไปทั่วมหาลัยแน่”เล่นเอาผมเครียดเลยครับเวงนี่T_T

      . เธอเป็นใครแล้วมานี่มีธุระอะไร?”ผมถามเธอไม่พูดอะไรครับได้แต่แตะแก้มผมสาตาเธอดูเป็นห่วงมากเลยครับเธอพูดแค่ว่า “เจ็บมากไหมเราขอโทษนะ”ผมอึ้งครับ
      วันที่3มันวุ่นวายสับสนมากครับเกิดอะไรขึ้นกันแน่เธอเป็นใครผมรู้แค่ว่าเธอชื่อมินอยู่มหาลัยเดียวกับผมแล้วก็เรียนคณะคนละคณะกัน วันนั้นเธอทะเลาะกะแฟนแล้วผมเผอิญเหลือเกินที่หน้าไปคล้ายแฟนเธอเธอเลยหมั่นใส้ตบผมเอาฉาดเบ่อเร่อ(ไม่ไปตบแฟนตัวจริงไปเลยวะ-_-|||)เธอขอโทษแล้วเผอิญเก็บซีทงานของผมได้ที่ป้ายรถเมยเธอเลยเอามาคืนให้แล้วที่เรียกที่รักก็แค่ล้อเล่น แล้วเธอก็แสนดี แสนดีเหลือเกิน..........ที่เกาะผมยังกะอะไรดีครับ ไม่ว่าไปห้องสมุด เล่นเกม เดินห้าง ขนาดผมอยู่กะผู้ชายทั้งหมดเธอยังเกาะเลยครับ จนทุกคนเริ่มเรียกเธอว่า แฟนเจมสแล้วละครับ(ผมชื่อเจมสครับลืมแนะนำตัวไปหน่อย แหะ แหะ)กรรม ให้ผมทำไงครับผมขอบอกตรงๆผมไม่ได้ชอบยายนี้เล้ยผมชอบผู้หญิงหวาน ขาว ใสเรียบร้อยกว่านี้แต่เธอก็เข้าได้ดีกับเพื่อนผมครับผมเลยปล่อยเลยตามเลยเดี้ยวเธอคงจะหาแฟนจากกลุ่มผมสักคนเองแหละผมคิด.............ผมคิดแค่นั้นแหละครับเธอก็มาควงแขนผมอีกแล้วครับ-_-||||||
      มินเราไม่ชอบให้เธอมาเกาะกลุ่มเราอย่างนี้อะ ผมพูดกะเธอเมื่อได้อยู่2ต่อ2เพราะผมต้องพาเธอไปส่งบ้าน-_-(เพื่อนๆมันยัดมาให้ผมอีกเปลืองน้ำมันโคตรๆ)ทำไมอะเจมมินทำไรผิดเธอถามพร้อมจับมือผม ผมสะบัดมือทิ้ง
      ก็เราไม่ชอบ มินเป็นผู้หญิงนะไปเกาะคนนู้นคนนี้ได้ไง มินเป็นผู้หญิงง่ายๆใช่ไหมถึงทำงี้ แล้วมินเข้ากลุ่มที่มีแต่ผู้ชายเงี้ยคนอื่นจะคิดไงมันไม่ดีรู้ไหม
      ขอโทษ.......แต่มินไม่มีที่ไปมินไม่มีเพื่อนเลยนะเจม2ปีที่อยู่มหาลัยนี้มินก็มีแต่เขา เขาคนที่ทิ้งมินไปเราอยู่ด้วยกันตลอด มินรักเขามาก แล้วมินก็เชื่อนะว่าเขาก็รักมิน มินเหงาเจมจะไล่มินเหรอที่เราเข้ากลุ่มมาเราก็คิดว่าเจมเป็นคนดี ที่เราชอบเกาะเจมเพราะเจมเหมือนแฟนเก่าเรามิน ....มิน...ก็แค่อยากอ้อนบ้างมินเหงานะเจม เหงามาก..เธอร้องให้ครับทิ้งให้ผมได้แต่เงียบแล้วขับรถไปส่งเธอครับที่บ้าน

      ทุกอย่างยังเหมือนเดิมเกือบอาทิตยแล้วที่มินยังอยู่กะกลุ่มพวกเราแต่ก็มีบางอย่างที่เปลี่ยนไปในความรู้สึกของผม มิน และเพื่อนในกลุ่มอีกคน เพื่อนผมเอาใจมินผิดปรกติ คอยยกข้าว เสริฟน้ำ แยกไป2คนบ่อยๆ แย่งกระทั่งหน้าที่รับส่งของผม ใช่ครับ ดูยังไงนายเพื่อนผมมันก็จีบมินแน่นอนผมน่าจะดีใจแต่ความรู้สึกของผมกลับไม่ใช่เลยครับ ผมหวงครับ เป็นห่วงมินเวลาที่อยู่ใกล้เพื่อนคนนี้ ผมกลัวมินจะเสร็จมันผมไม่อยากเสียมินไป ผมเพิ่งรู้ครับว่าการไม่มีมิน ไม่มีคนมาวุ่นวาย สัมผัสที่เคยจับผ่านมืออุ่นๆและเล็กของมินนั้นทำให้ผมยอมไม่ได้เลยที่จะเสียเธอไป แต่ผมจะทำไรได้ละครับ ในเมื่อเพื่อนผมมันเอาแล้ว จะไปแย่งมันก็ไม่ได้................
      จะมีคนด่าผมไหมครับท่าผมทำงั้น ผมได้แต่ตัดใจครับลาเพื่อนขับรถกลับบ้านแล้วก็นั่งพิงเตียงปิดไฟในห้องเปิดเพลงจากวิทยุฟังแล้วก็นึกถึงวันแรกวันที่ผมเจอมิน วันแรกที่มินมาหาผมที่ห้อง และที่สำคัญวันแรกที่มินยิ้มให้และก็คอยยิ้มให้ผมเสมอ แต่ผมไม่เคยยิ้มตอบเลย เสียงดังของแตรรถดังขึ้นที่หน้าบ้านครับ ผมฉุนขาดนายบ้าที่ไหนมาบีบแตรหน้าบ้านคนอื่น(วะ) ผมชะเง้อหน้ากะด่าออกไปเต็มที่ เวงกรรมกลับเป็นเพื่อนผมแถวบ้านที่ไม่ได้เจอกันนานถึงบ้านเราจะอยู่ใกล้กันมากก็ตามมันชวนผมไป ลูทกับมันครับซึ่งผมก็ไปกะมันแน่ๆอยู่แล้วคว้าอะไรได้ใส่ไปก่อนเดินห้องน้ำไปล้างหน้า เอาวะลืมก็ลืม หญิงคนเดียว....................................คนที่ผมรักที่สุด

      ที่สุด
      ตี2ผับเลิก....ไม่สนุกเลยดนตรีสาวๆเพื่อนๆน่าเบื่อหมด ผมไปผมก็ดื่มแค่เหล้า เบียร ดื่มๆให้มันลืมลืมมินไปเลย โถ่ ทำไมนะตอนที่จีบเธอได้ง่ายๆผมไม่จีบให้มันรู้แล้วรู้รอด จะได้ไม่ต้องมากลุ้มเป็นตูดอยุ่อย่างงี้ เป็นห่าไรวะไม่ร่าเริงเลยเพื่อนตัวดีอมยิ้มแก้มตุ่ย เออก้เอ็งเปรมกะสาวๆซะขนาดนั้น มันยื่นเบียรมาให้อีกกระป๋องพลางเดินไปสั่งขวดใหม่ที่เย็นกว่า(เวงของเหลือให้ผมนี่หว่า)พลางพากันขึ้นรถกลับบ้านไม่สนว่าตำรวจจะบอกเมาไม่ขับยังไง เพราะมันบอกว่าเมาไม่ขับก็กลับบ้านไม่ได้เด้ ผมเบื่อครับขึ้นรถเงียบๆช่างมันผมจะขับมันก็ไม่ยอม.........มันบอกถึงบ้านแน่ไม่งั้นก็เจอกันศาลา2 เวง-_-||||| ผมเงียบครับปล่อยมันขับต้องคอยดูถนนให้มัน ผมกลัวจะได้ไปนอนศาลาจริงๆ เห้ยเจมคุณเป้นไรวะไม่ร่าเริงเลย สาดมาเที่ยวทั้งทีทำหน้าเหมือนจะตายให้ได้เป็นโรคแพ้สถานบันเทิงหรือไงวะ มันถาม “ไม่รู้วะ ผมเครียดเห้ย ถ้าเป็นแกถ้าของที่รักมากๆโดนแย่งไปจะทำไงวะ”
      ผมเปรยๆขึ้นมา”คำถามปัญญาอ่อนวะ ถ้าคุณรักจะสนไรวะก็แย่งคืนมาดิจะปล่อยให้มันหลุดมือหายไปหรือไงวะ”
      แต่ถ้าเขาอยู่ตรงนั้นเขาอาจจะมีความสุขนะโว้ยเพราะคนที่อยู่กะเขามันอาจดูแลได้ดีกว่า “อ้อเรื้องหญิงแล้วจะเป็นไรวะ ถ้าเอ็งรักเขาจริงก็เอาเขามาทำให้เขามีความสุขกว่า รักเขามากๆรักเขามากกว่าคนไหนๆไม่ผิดหรอกวะ ดีกวว่าจะมานั่งเสียใจไปตลอด”เอ้า มันยื่นเบียรมาให้ ดื่มซะดื่มให้กะเอ็งที่เป็นผู้ใหญ่ขึ้นรู้จักรสแห่งรักและอกหักวะ ผมรับเบียรจากมันดื่มลงคอรวดเดียวหมด เออถ้าโดนแย่งไปก็แย่งคืนสิวะผมบอกกะตัวเอง โยนกระป๋องลงถนนได้ยินเสียงดังของกระปิ๋งที่กระทบพื้น ยื่นหน้าออกไปรับลมอากาศยามค่ำ พรุ่งนี้แล้วสินะ วันที่จะได้เจอมินที่มหาลัยอีกครั้ง................

      เห้ยไมพูดหมาๆงี้วะทำงี้ได้ไงเอ้งไม่เคยสนใจไหงวันนี้มาบอกว่าจะจีบมิน มรึงไม่รู้เหรอวะว่ากรูจะจีบแล้วก็กำลังเป็นไปด้วยดีด้วย.......นายบอยโวยลั่น เห้ยใจเย้นมีไรค่อยๆพูดกันสิวะ ทุกคนห้ามพลางขวางไม่ให้ใกล้กันได้ แล้วไงอะผมรู้นะโว้ยนายบอยเอ็งไม่ได้รักมินเอ็งก็แค่อยากจะมีอะไรกะยายมินเท่านั้นแหละ เหมือนที่ผ่านๆมา เออแล้วไงวะหรือมรึงไม่ใช่คบมานานผมรู้สันดานคุณพอๆกะที่มรึงรู้สันดานกรูละวะ
      เอองั้นเอ็งก็น่าจะเข้าใจสิวะว่าผม...........................รักผู้หญิงคนนี้จริงๆรักโคตรๆ รักแบบไม่ทิ้งแน่ๆ ถ้าเอ็งจะทำเขาเจ็บเอ็งอย่าจีบเลยวะ ผมขอสักคนได้ไหมวะในฐานะเพื่อนให้กรูสักคน สรัดพลางต่อยหน้ามันหนึ่งที(เอากำไร^^”)
      มันจ้องหน้าผมไม่พูดอะไรเหมือนคิดอะไรสักอย่าง ผมเตะมันต่อ(เอากำไรอีก) สรุปว่าไงวะแค่นี้ให้กรูได้หรือเปล่า ผมถาม “ได้แต่กรูขอไรก่อนอย่างได้ป่าววะ” ไรวะห่าถ้าหาได้กรูจะหามาให้เดี้ยวนี้เลย ไม่ยากวะ มันยิ้มมีเลศนัย “ขอเตะมรึงคืน 2 ทีเหอะวะเอากำไรกรุไปมันพูดพลางเตะตูดผมไป2ทีแล้วมาโอบไหล่ผม”
      “นายห่า ดูแลมินให้ดีนะเว้ย ให้ดีมากกว่าผมดูแล ละ”
      “เออ กรูสัญญา”
      เห้ยไปล้างคราบเลือดก่อนไปพวกเอ็งอะ นางฟ้าพวกมรึงเดินมานู่นแล้วเพื่อนผมบอกเห็นมินหอบหนังสือเดินมา
      ผมกะเพื่อนหันหลังกลับจะรีบหนีไปห้องน้ำ แต่ไม่ทันคุณเธอหรอกครับ สายเข้าทันที จำใจรับครับชื่อแม่คุณเธอโชวหลา “จะไปไหนค่ะเห็นมินมารีบเดินหนีเลยนะ เคืองรู้ไหมเนี่ยอยุ่คุยกันก่อนนะห้ามหนีเด็ดขาด”
      ผมไปไหนไม่ได้ส่วนนายบอยหันมาขยิบตาก่อนจะเดินไปห้องน้ำต่อ.........
      ตายแล้วเจม ไปโดนอะไรมามินวิ่งมา หยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดที่ปากให้ผม
      “อ้อ ตะกี้มีสาวแปลกหน้าอยู่ๆมากระโดดจูบ เนี่ยงงเลยวิ่งไปนู่นแหละ”
      ผมแซวครับ ทันทีเลยเจอหยิกครับยายมินหยิกซะเนื้อเกือบเขียว
      “อยากตายเหรอ เจ็บๆเงี้ยยังเจ้าชู้ เดี้ยวก็ไม่รอดหรอก”มินลูบหัวผม “เราเป็นห่วงนะ อย่าไปมีเรื่องกะใครอีกละค่ะ” มินพูดพลางสบตาผม พอครับพอไม่ไปไหนแล้ว น่าร้ากกกกกกกกกกกสาดๆเงี้ย อืมถ้าไม่เกี่ยวกะมินรับลองไม่มีหรอกครับ เห้ยเหมือนวะ เพื่อนๆผมแซว เหมือนแฟนกันใช่ไหมวะ ผมถาม
      ป่าววะ เหมือนหมากะเจ้าของ-_-|||||……..

      คืนนั้นผมพามินไปกินข้าวครับที่ร้านแถวเวริดเทรดผมรู้สึกว่ามินดีใจมากเลยครับร่าเริงเดินดูนู่นดูนี่ไปทั่ว “มินจายเย็นๆ โหเดินยังกะเป็นลูกสาวเจ้าของห้าง”ก็มินดีใจอะเจม.....”เรื่องไรเหรอบอกเราได้หรือเปล่า” มินมายืนข้างๆครับเอามือมาคล้องแขนผมแล้วเอาหัวซบ “ก็เรื่องที่เจมพามินมาเดินเที่ยวไง เจมไม่เคยทำหยั่งงี้มาก่อนเลยเจมเป็นอะไรไปเหรอ”มินหันมามองด้วยสายตาซุกซนเป็นเด็ก หน้าขาวๆกะหน้าอกนุ่มๆข้างแขนยิ่งทำให้ผมรักมินมากขึ้น(แบบคำที่ว่าหน้าอกสยบโลกได้)ผมได้แต่มองมินไม่พูดไรมากแล้วก็เดินต่อไปเงียบๆ “เจม เจม รอมินด้วยมินขอโทษ มินพูดไม่ดีออกไป เจมพามินมากินข้าวแค่นี้ก็พอแล้วละ”มินเดินมากุมมือแล้วก็ยิ้มให้ผมอีกครั้ง.............
      ผมยืนหน้าร้านอาหารญี่ปุ่นใกล้ๆโรงหนังแห่งหนึ่ง คนเดินไปมาพลุกพล่าน ผมมองพื้นไม่กล้าสบตามิน มีมินยืนมองผมด้วยสายตาแบบจะหาคำตอบว่ามายืนทำอะไรตรงนี้ “มิน เรามีอะไรจะบอก เราคิดมานานแล้วเกี่ยวกะเรากะมินเราอยากให้มินรู้จริงนะว่าเรา...........” “ไม่ๆๆๆๆๆๆๆๆ ไม่ ไม่ มินไม่ฟัง”มินพูดพลางเอามืออุดหูมินวิ่งหนีผม ไม่ยอมฟังอะไรทั้งนั้น มินวิ่งลงบันใดเลื่อนไปท่ามกลางสายตาของคนที่มอง
      ผมกลับบ้านโทรหามินทั้งคืน มินปิดเครื่องโทรศัพบ้านเธอก็ถอดสายออกผมติดต่อมินไม่ได้เลยผมร้อนใจมาก ผมตัดสินใจจะไปบ้านเธอ แต่ภาพพ่อเธอทำความสะอาดปืนตอนผมไปส่งบ้านครั้งแรกยังติดตาอยู่เลย ถ้าผมไปหาเธอดึกๆแถมพ่อมินยังรู้ว่ามินร้องให้ละก็ ผมคงได้ไปนอนเล่นในป่าช้าแถวบ้านแน่ ผมจะทำไงได้ครับ ผมได้แต่นอนกลิ้งไปมาทั้งคืน พร้อมกับคำถามว่า “ทำไม และเพราะอะไร อะไรที่ผิดพลาด”


      ตี5.11นาทีผมตื่นเช้าแบบไม่เคยมีมาก่อนทั้งๆที่ผมแทบไม่ได้นอนทั้งคืน ข้าวเย็นผมยังไม่ได้กินด้วยซ้ำ ตอนนี้ในหัวมีแต่ มิน มิน มินแล้วก็มินเต็มไปหมดอาจมีภาพ ไก่ทอดแทรกมาบ้าง แต่ยังไงผมก็ยังคิดถึงมินอยู่ ผมอาบน้ำ แต่งตัว เดินออกจากบ้านตรงไปที่รถแล้วขับออกไป..............มือถือดังขึ้นเบาๆ1ครั้งแล้วก็เงียบหายทันที สาดนายบ้าที่ไหนไม่ลงทุนวะโทรมาให้โทรกลับเงี้ย ผมดูชื่อครับ ถ้าเป็นนายเพื่อนบ้าผมก็จะโทรไปด่าบุพการีมันซะหน่อย พอดูชื่อผมขับรถผิดเลนไป2วิเลยตกใจมากเกือบจะเป็นข่าวหน้า1ซะแล้วT_T มินครับใช่แล้วเบอรของมินปรากฎบนหน้ามือถือและแน่นอนครับผมต้องโทรกลับทันทีผมกดโทรไป แต่ละตื้ด....ตื้ด.....ช่างเชื่องช้าเหลือเกิน รับซิมินรับทีเจมจะอกแตกตายแล้ว “ฮัลโหล” เสียงใสๆของมินในวันนี้ดูเศร้าสร้อยเหลือเกินแม้ผมไม่ใช่ยอดมนุษย์ก็พอจะมองออกว่ามินเพิ่งผ่านการร้องให้มาอาจจะทั้งคืนด้วย “มิน นี่เจมนะเมื่อวานเป็นอะไรไปครับ จู่ๆก็วิ่งหนีเจมเลยมินเป็นอะไร” “มินขอโทษเจม มินขอโทษ แต่เจมมินรับไม่ได้แล้วมินไม่อยากฟังมินรู้เจมไม่เคยชอบมินเลย แต่มินขอนะเจมขอได้ไหมแค่..................ให้มินใกล้ๆเจมอยู่อย่างนี้ มินจะไม่ว่าไม่พูดอะไร....เจมจะมีใครก็ได้ขอแค่ให้เราอยู่ใกล้เจมนะ” มินร้องให้หนักขึ้น “มินรู้มินไม่ควรโทรไปหาเช้าๆมันจะกวนเจมจะทำให้เจมโกรธมินมากขึ้นแต่มินแค่อยากโทรหาเจมเท่านั้น มินอยากคุยกะเจมนะแต่มินก็กล้าแค่โทรไปให้เจมเห็นชื่อเท่านั้นแหละ”
      มิน....................เดี้ยวเจมจะไปรับนะเจมมีอะไรจะบอกต่อจากเมื่อวานเราแค่อยากให้มินได้ฟังมินอย่าคิดมากสิมันอาจไม่เป็นอย่างที่มินคิดก็ได้ ได้ไหมมินฟังเราพูดซักครั้ง หยุดร้องนะคนดีเดี้ยวเราไปรับนะครับ
      “ค่ะ จะรอนะค่ะ”ผมขับรถปานพ่อเป็นนายก........ผมรีบไปให้เร็วที่สุดผมอยากเจออยากพบและอยาก “กอดมิน”มากที่สุดในตอนนี้.......................................
      มินยืนรออยู่หน้าบ้านครับ.................ทั้งๆที่กว่าผมจะมาถึงก็กินเวลามากกว่า30นาทีแท้ๆ
      “มินรอนานหรือยัง มารอด้านนอกทำไมเดี้ยวพี่ก็กดกริ่งเรียกเหมือนทุกทีแหละ”ผมจอดรถแล้วบอกมิน มินเดินเงียบๆมาขึ้นรถ “เจมสมีอะไรจะบอกมิน “มินถามขึ้นมาเรียบๆเล่นเอาผมพูดไรไม่ถูก “แล้วมินทายว่าเรื่องอะไรล่ะ”ผมถามเท้าก็เหยีบคันเร่งพารถออกถนนใหญ่...............................มินไม่รู้แล้วก็ไม่อยากรู้ด้วยมินว่ามินอยู่อย่างงี้ดีแล้วละมินไม่อยากให้เจมลำบากใจมินจะไม่พูดอะไรแล้วขอโทษนะ เธอหันมายิ้มให้ผม(น่าร้ากกสาดอ่า)
      “เจม”มินพูดมือประสานที่ตักก้มหน้า “ถ้ามีคนมาจีบมิน เจมจะว่าอะไรไหม มินไม่ได้สนเขานะแต่ถ้ามินคิดว่ามินจะลืมเจมมินก็ต้องหาใครสักคนแหละที่จะดูแลมิน” ผมขับรถเข้าข้างทางมองไปที่มิน ผมเอื้อมมือไปปลดเข็มขัดนิรภัยออกอีกมือเอื้อมไปที่ไหล่ของมินผมคว้ามินมากอด..มินตกใจมากเธอเอามือดันผม “เจม เจม จะทำอะไรมินไม่ชอบนะเจมมินไม่ได้หมายความอย่างนี้ เจมอย่า.....” มินพยายามดิ้นครับแน่นอนแรงสู้ผมไม่ได้ผมเอาหน้าก้มไประหว่างซอกคอขาวๆของมิน มินดิ้นครับดิ้นอยู่ได้ไม่นานแล้วก็หมดแรงในอ้อมแขนผม “มินนี่อาจจะฟังเหมือนโกหก มินอาจจะไม่เชื่อ เราก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ เราก็ไม่และไม่เข้าใจเลยว่าเกิดอะไรขึ้นแต่............”ทั้งรถเงียบมีเพียงลมหายใจมินดันผมออกมาแล้วมองตาผม “เจมอย่าบอกนะว่า”มินร้องให้ออกมาเธอเอามือปิดปากใช่ครับเธอร้องให้ทั้งน้ำตา “เจมจะบอกว่าเจมชอบมินเหรอ?” ป่าว.....เราไม่ได้ชอบมินหรอก พอพูดจบคราวนี้มินร้องให้หนักเลยครับแบบยิ้มหุบหายไปเลย ผมจับมือมินมาครับ “แต่เรารักมินนะ” ผมจับมินมากอดต่อ
      แล้วผมก็มองตามินครับแล้วก็แน่นอนครับมินก็หลับตา ผมรวบรวมความกล้าครับผมกำลังจะมีลูกครับ เอ้ยมีความรักมีเสียงเคาะกระจกครับ สาดครายวะกวนคนกำลังจะมีความเดี้ยวเดียวมีเรื่องผมไม่สนครับพยายามสร้างบรรยากาศต่อผมมองตามิน มินมองตาผมโอ้วเยี่ยม มันเคาะอีกแล้วครับนายบ้าที่ไหนวะผมคิดอยากดูหนังสดก็ดูไปเงียบๆเด้ผมหันไปครับกะด่าพ่อมันแล้วผมก็อึ้งครับ ด่าพ่อมันไม่ออกครับก็พ่อผมอะดิครับมายืนเคาะกระจกอยู่ ผมยิ้มแหะ แหะ แล้วเลื่อนกระจกลงยกมือสวัสดีพ่อ ดีครับพ่อมาไงไปไงอะครับเนี่ย พ่อผมขมวดคิ้วครับผมยิ้มแบบน่ารักที่สุดในโลกในใจนึกแค่ตายแน่กรูวันนี้T_Tไม่ตายก็ม้ามแตก มินเงียบครับได้แต่ยกมือไหว้พ่อผม ผมมองก็รู้แล้วครับพ่อผมโกรธแหงๆ “ทำไมมาทำไรกลางถนนอย่างงี้ ตะกี้พ่อขับรถมาเห็นจอดข้างทางก็นึกว่ามีอุบัติเหตุอะไรมันไม่สมควรรู้ไหม ฉันสั่งฉันสอนให้แกเป็นเด็กหยั่งงี้ตังแต่เมื่อไหร่”พ่อผมโวยลั่นสายตาแบบพยายมก็มะปาน ความรู้สึกผมก็แบบ กรูตายแน่กรูตายแน่>_<
      เดี้ยวค่ะคุณพ่อ.............มินตะโกนออกมาแล้วเรื่องก็ใหญ่ก็เกิดขึ้น

      พ่อผมสบตากะมินพ่อไม่ยิ้มเลยครับผมไม่รู้มินทนได้ยังไงพ่อผม!บแบบมากๆลูกหลานกลัวกันหมดตอนยิ้มก็ดีอะครับแต่พอโกรธก็แบบตัวใครตัวมัน เธอเป็นใคร...........ไร้มารยาทฉันไม่รู้นะว่าแกคิดยังไงแต่ฉันไม่ให้แกคบกะลูกชายของฉันแน่ๆเป็นผู้หญิงไม่รักนวลสงวนตัว อ้อหรืออยากได้สามีรวยๆต่อไปนี้อย่ามายุ่งกะลูกชายฉันอีก เผี้ยะ......................................................มินตบหน้าพ่อผมฉาดเบ่อเร่อแรงเป็นเหตุการณ์วิกฤติที่สุดที่ผมเคยประสบมา ผมจะทำยังไงแล้วจะเกิดอะไรขึ้นผมตอบไม่ได้เลยผมกลัวครับผมยอมรับแค่ขนาดตัวพ่อผม มินก็ปลิวไปกองกะพื้นได้แล้ว มินเงียบก้มหน้าแล้วร้องให้ครับ
      “มินไม่ยอมค่ะ คุณพ่อจะด่าว่าจะว่าหรือจะเห็นมินเลวยังไงมินยอมได้ค่ะมินยอมรับและมินก็ไม่มีสิทธิจะพูดอะไรใรสิ่งที่คุณพ่อเห็น แต่มินไม่ยอมหรอกค่ะที่คุณพ่อจะว่าลูกชายของคุณพ่อเองเสียๆหาย มินอยู่กะเจมมาตลอดถึงมินจะยังไม่รู้จักเจมดีเท่าคุณพ่อ แต่มินรักเจมไม่น้อยกว่าที่คุณพ่อรักแน่ๆค่ะ มินรู้มินอาจเป็นผู้หญิงที่ไม่มีค่าในสายตาพ่อ แต่มินก็ไม่เคยออกนอกลู่นอกทาง ที่มินยอมให้เจมกอดก็เพราะมินรักเจม มินแค่อยากให้พ่อเข้าใจ อย่างน้อยก็อยากให้พ่อเชื่อใจในตัวลูกชายของตัวเอง ขอร้องละค่ะ”มินพูดแล้วจู่ๆมินก็ทรุดลงไปนอนกองกะพื้นถนนต่อหน้าต่อตาผม ผมวิ่งเข้าไปปะคองมินมินเป็นลมไปแล้ว ผมก็เข้าใจว่าเธอเจออะไรมามากในช่วง2วันนี้ทั้งไม่ได้นอนร้องให้เสียใจตลอด ผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างมินคงรับภาระอะไรมากๆอย่างนี้ไม่ได้แน่ ผมอุ้มมินขึ้นมายืนประจันหน้ากับพ่อผม พ่อผมยืนเงียบท่านมองหน้าแล้วจ้องเข้ามาในสายตาผมยังกับจะมองทะลุทั้งตัวผมไป ท่านเอื้อมมือมา ผมคิดว่าผมคงโดนตบหน้าหรือถ้าหนักกว่านั้นผมอาจโดนพ่อไล่ไม่ให้เข้าบ้านอีก........................ผมหันหน้าหนี
      พ่อเอื้อมมือมาแตะบ่าผม “การจะหาผู้หญิงสวยๆสักคนมาข้างกายแค่มีเงินไม่ยากเลย
      แต่การหาผู้หญิงที่รักเราจริงๆหายากกว่า ดูแลเธอดีๆละอย่าทำให้ลูกสะใภ้ของพ่อต้องเจ็บ”พ่อผมพูดเงียบๆแล้วเดินกลับไปที่รถซึ่งมีคนขับรถเปิดประตูรออยู่ ผมอุ้มมินไว้ในอ้อมแขนมองหน้ามินที่กำลังหลับตาอยู่ผมรู้สึกโล่งใจมันมีความรู้สึกบางอย่างเกิดขึ้นในใจของผมตอนนี้และ วินาทีนั้นผมบอกกับตัวเองว่า............................................ผมรักผู้หญิงคนนี้มากที่สุดในโลก
      ผมพามินมาเข้าโรงพยาบาลแถวๆรามคำแหงมินยังหลับอยู่

      มินไม่ลืมตามากว่า6ชั่วโมงแล้วทั้งพ่อและแม่ของมินมาเยี่ยมมินอยู่หลายครั้งผมรู้สึกแย่และสับสนมากที่แม่ของมินคอยสะกิดผมถามแต่ “เมื่อไหร่มินจะตื่น มินจะเป็นอะไรไหม”แล้วก็จะต่อด้วยท่านร้องให้เสมอ ผมยังนั่งอยู่ในห้องคอยจับมือมินให้กำลังใจ มินกุมมือตอบผมเบาๆบ้างแต่มินก็ยังไม่ยอมลืมตาซักที
      หมอบอกมินแค่เหนื่อยไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ไม่น่าเป็นห่วงเหรอ?สำหรับผมแล้วคนเป็นลมที่นอนเงียบไม่พูดอะไรมากว่า6ชั่วโมงผมถือว่าเรื่องใหญ่มากแล้ว ผมออกมายืนที่ระเบียงคลำหาบุหรี่มาดูดสักตัว มองไปที่ตลาดข้างโรงพยาบาลแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่เสียงมือถือดังขึ้น “ฮัลโหลใครวะ มีไรกำลังเครียดนะเว้ย” พ่อเอง เสียงตามสายตอบกลับ “เอ้ยสวัสดีครับพ่อมีไรครับโทรมาแต่เช้า”ผมตกใจทันทีแทบทำโทรศัพทตกจากชั้น4 ปล่าวก็พ่อเป็นห่วงแกไม่ได้กลับมาบ้านทั้งคืนนี้ก็เช้าแล้วนะลูกก็น่าจะโทรมาบอกบ้าง แม่แกก็นั่งรอแกด้านล่างทังคืนมือถือแกก็ไม่มีสัญญานติดต่ออะไรไม่ได้”พ่อผมบ่นให้ผมฟัง”พ่อครับ.......ขอสายแม่หน่อยได้ไหมครับผมอยากจะคุยกับแม่”พ่อผมไม่พูดอะไรได้ยินแต่เสียงเดิน...ได้ยินพ่อพูดว่าเอ้าจากลูกชายแกแหนะสักพักแม่ผมก็มารับโทรศัพท เสียงท่านยังอ่อนโยนแสดงความเป็นห่วงเชื่อไหมครับแม่ผมไม่เคยตีผมเลยสักทีเดียวท่านพูดค่อยๆช้าๆแต่ฟังเข้าใจง่าย “ว่าไงลูกมีอะไรจะบอกแม่หรือ”ผมว่าแล้วคุยกะแย่จัง่ายกว่าพ่อเยอะ “แม่ครับ...........แม่เคยรักใครสักคนแบบมากๆไหมครับแบบเขาสำคัญที่สุด แบบไม่มีอะไรทดแทนได้ รักแบบอยากอยู่ด้วยกัน อยากกุมมือกันไปจนตาย”ผมเว้นระยะแป็บนึงรอให้แม่ตอบแต่ก็นานพอสมควรเลยกว่าจะมีเสียงตอบกลับมา“แล้วลูกเข้าใจคำว่ารักแค่ไหน ลูกยังเด็กนักสำหรับแม่ แม่อยากรู้จริงๆว่าเด็กที่เคยเล่นซน วิ่งไปวิ่งมาอย่างลูกจะเติบโตจนเข้าใจคำว่ารักได้ดีหรือยัง คำว่ารักมันอธิบายยาก แต่ถ้าลูกอยากได้ตัวอย่างแม่ก็จะเล่าให้ลูกฟัง”ตอนลูกเด็กๆเราไปหัวหินด้วยกันลูกเล่นอยู่แถวน้ำตกแล้วแม่ก็นั่งดูอยู่จำได้ไหม”ผมเริ่มลำลึกความหลังมันช่างผ่านมานานเหลือเกินจบแทบจำไม่ได้ จำได้เพียงลางๆเท่านั้น “ครับแม่ผมจำได้”ตอนนั้นลูกรู้ไหมว่าลูกซนจนตกลงไปในร่องของหินเท้าลูกติดอยู่ พ่อกับแม่กระโดดลงไปช่วยน้ำเชี่ยวมากเลยลูกตอนนั้น แม่ก็เพิ่งมารู้ที่หลังว่าน้ำป่ามันไหล่บ่าลงมาแบบไม่บอกไม่กล่าว ตอนนั้นมีพ่อที่พยายามแกะเท้าลูกออกจากหิน มีแม่ที่คอยอมอากาศจากด้าบบนไปป้อนให้ลูกที่ใต้น้ำ แม่รู้ลูกแม่รู้ดีตอนนั้นถ้าพ่อเอาเท้าลูกออกไม่ทันเวลาเราอาจสูญเสียลูกไปและถ้าร้ายกว่านั้น ชิวิตของพ่อและแม่ก็คงดับไปด้วย”ผมปิดตานึกภาพความทรงจำนั้นก่อนจะหันมาฟังต่อ

      ตอนนั้นแม่ได้ยินเสียงน้ำไหลมาเรื่อยๆฝนก็ตกหนักลงมาคนอื่นได้แต่ยืนมองบนฝั่งไม่มีใครอยากเอาชิวิตมาเสี่ยงกะเราหรอกลูก “เห้ยน้ำป่า”มีคนตะโกนขึ้นแม่ตกใจมากหันไปเห็นสายเป็นขาวๆลอยลงมาจากตัวน้ำตกแม่หันไปมองพ่อ พ่อไม่สนใจด้วยซ้ำนะลูกว่าน้ำมันไหลลงมาเขายังพยายามสุดชิวิตที่จะเอาลูกขึ้นมาจากน้ำ” ตูมเสียงน้ำกระแทกวินาทีนั้นแม่ลูกสึกแค่สายน้ำมันกระทบตัวพัดพาแม่ไปแม่คิดว่าคราวนี้ต้องตายแน่ๆมันเกิดขึ้นเร็วมากจริงๆแม่หายใจไม่ออกเลยลูกสายน้ำมันม้วนตัวแม่อยู่แม่ก็คิดแค่ว่าคงจบแค่นี้แล้ว แต่ก็มีมือนึงมาฉุดแม่ขึ้นจากน้ำ.......................................พ่อของลูกฉุดแม่ขึ้นมาจากน้ำแม่เห็นพ่อมือนึงเกี่ยวกับกิ่งต้นไม้อยู่ และที่แม่เห็นชัดเจนที่สุดก็คือลูกลูกที่นอนนิ่งสนิทอยู่ในอ้อมแขนอีกข้างนึงของพ่อลูกไม่รู้สึกตัวแล้วละมั้งแต่แม่ยังจำสีหน้าของพ่อได้อยู่เลยท่านมองที่ลูกแน่ๆ สายตาที่แสดงว่าลูกเป็นคนที่สำคัญที่สุดและวินาทีนั้นแม่ก็แน่ใจมากๆเลยว่าพ่อรักลูกมาก กว่าจะมีคนมาช่วยเราทั้ง3คนก็กว่า20นาทีแหนะลูก พ่อของลูกเกาะฝืนกระแสน้ำที่เชี่ยวมากๆโดยต้องอุ้มลูกแล้วฉุดแม่อยู่ แม่คิดนะลูกแม่คิดว่ามันคงทรมานมากแน่ๆ แม่จะปล่อยมือออกเพื่อลดน้ำหนักให้พ่อ อย่างน้อยเรา3คนก็จะไม่ตายหมู่แต่พ่อก็ยังกุมมือแม่ใว้แน่นราวกับจะรู้ความตั้งใจ และความหมายของสิ่งที่แม่กำลังจะกระทำ น้ำยังพัดลูกพัดแรงขึ้นเรื่อยๆสายน้ำกระทบหน้าแม่จนด้านชา ทั้งหนาวทั้งเจ็บแต่พ่อก็ยังไม่ยอมแพ้ แม่รู้ว่าถ้ายังเกาะอยู่แบบนี้ไม่นานพ่อต้องหมดแรงและต้องยอมแพ้กับธรรมชาติแห่งนี้”แม่นิ่งไปนานมากก่อนจะเล่าต่อราวกับแม่นึกภาพแห่งอดีตเป็นฉากๆและกำลังซับน้ำตาตัวเองอยู่... พ่อหันมาบอกแม่ที่กำลังจะหมดแรงตอนนั้น แม่ยังจำอยู่ทุกวันนี้เลย “หากจะตายเราก็ตายด้วยกันครอบครับสำคัญมากสำหรับผม เราจะขาดใครไปไม่ได้คุณเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดและลูกก็ด้วยแข็งใจใว้นะ”ตอนนั้นแม่ไม่มีแรงแล้วนะลูกความเหนื่อยกะสายน้ำมันทำเอาแม่จะสลบอยู่แล้วแต่แม่ก็ยังยิ้มให้พ่อแม่พูดได้แค่คำว่า”ค่ะ”เท่านั้น

      สรุปเราสามคนรอดไหมแม่ ผมถาม “ถ้าไม่รอดแล้วที่ยืนคุยอยู่นี่ผีหรือไงแม่ผมยิงมุขตลกกลับมาผมก็เพิ่งรู้ว่าแม่ก็มีอารมขัน ผมแกล้งหยอกแม่เพราะกลัวแม่จะร้องให้แล้วผมต้องมานั่งปลอบอีก ผมแพ้น้ำตาผู้หญิงมาก แบบไม่อยากเห็นเลย“ต่อจากนั้นไม่นานก็มีคนมาช่วย เขาพาเรา3คนพ่อแม่ลูกขึ้นจากฝั่งแล้วพาไปโรงพยาบาล ตอนเช้าแม่ต้องวุ่นวายหน้าดูต้องวิ่งวน2ห้องทั้งห้องพ่อและลูกถึงมันจะอยู่ติดกันก็เถอะลูกก็ยังซนไม่รู้เรื่องไรมากหรอกหมดบอกลูกแค่ขาดอากาศจนช็อคไปเท่านั้น แต่พ่อนี่สิแม่พึ่งรู้จากหมอเมื่อเช้าว่ากระดูกไหล่หักและร้าว คงเจอน้ำม้วนตัวไปกระแทกหินตอนที่เจอน้ำป่า หมอยังบอกเลยคนอาการหยั่งงี้แค่ลำพังจะพยุงตัวเองกลางสายน้ำเชี่ยวก็เจ็บจนทนไม่ได้อยู่แล้วนี่ยังต้องมาอุ้มทั้งลูกแล้วยังต้องฉุดแม่อีก ต้องใช้กำลังใจมหาศาลจริงๆ”นี่แหละลูกความรักที่พ่อและแม่มี ลูกมั่นใจไหมละว่าจะรักใครสักคนได้เท่านี้
      ผมถอนหายใจ......................มองไปที่เตียงมิน
      ครับแม่ผมคิดว่าผมรู้แล้ว..................

      มินยังคงนอนหลับตาอยู่ผมนั่งมองมินอยู่ข้างเตียงเห็นมินหายใจเบาๆสม่ำเสมอ ผมเริ่มคิดถึงวันแรกที่ผมเจอมินวันแรกที่มินตบผม วันแรกที่เราทะเลาะกัน และวันแรกที่เรากอดกัน....มินวันนี้สวยเหลือเกิน หน้าขาวๆยังนอนหลับตาไม่รู้เรื่องอะไร ซอกคอที่เรียวยาว...ตัดกับชุดคนไข้นิ่งทำให้มินยิ่งสวยขึ้นไปอีก ผมลองเรียกมินเบาๆหลายครั้งมินก็ยังไม่ยอมลืมตาตื่น จนผมคิดว่ามินแกล้งหลับหรือเปล่า ผมเอื้อมมือไปหยิบรีโมททีวีปิดทีวิทิ้งแล้วก็หันมามองมินซึ่งหลับตาไม่รู้เรื่องอยู่บนเตียง............(เสร็จกรู ผมคิด......)เอ้ยม่ายช่าย ม่ายช่าย ผมก้มลงไปกระซิบข้างๆหูมินครับพูดกับเขาเบาๆ ตื่นได้แล้วมินหากไม่คื่นเราคงห้ามใจที่จะจูบมินไม่ได้
      ผมก้มหน้าไปใกล้มินครับ ใกล้มากจนลมหายใจของเรากระทบกัน วินาทีนั้นที่ปากผมประกบกับมินเพียงเบาๆ ผมหวังแค่เพียงมินจะตื่นขึ้นลืมตาแล้วยิ้มให้ผมเหมือนกับสโนไวท แต่เปล่าเลยมีแต่ความเงียบมินยังนอนเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมถอนหายใจความรู้สึกยังติดปากไม่รู้จะมีคนว่าผมลักหลับหรือเปล่า ผมเดินไปหยิบมือถือบน ตู้เย็นหยิบกุญแจรถใส่กระเป๋ากำลังจะเดินออกจากห้องก็ได้ยินคำพูดหนึ่งขึ้นมา
      “การทำอนาจาร หรือลักหลับผู้อื่นขนาดนอนหลับโดยไม่ยินยอมมีโทษต้องจำคุก3ปีหรือปรับไม่ต่ำกว่า30,000บาทหรืออาจต้องทั้งจำทั้งปรับนะค่ะ” ผมหันไปเห็นมินนั่งลุกขึ้นหันมายิ้มหวานให้ผม ผมยิ้มตอบเดินไปหามิน แสงแดดส่องเข้ามาทำผมมินเป็นประกายน่ารักเหลือเกิน
      “แล้วผมต้องเจอลงโทษยังไงบ้างละครับ”ผมถามแล้วยืนอยู่ข้างๆเตียง....................แล้วเราก็จูบกันอีกครั้งนานกว่านานทีเดียวก็การจูบจะเสร็จ..........
      “สรุปมินเป็นแฟนเจมหรือยังเนี่ย” มินถามผม
      “ยิ่งกว่าเป็นอีกเรารักมินมากรู้ไหม”ผมตอบมินยังเอามือคล้องคอผมอยู่
      “มินรักเจมนะ”มินพูดช้าๆเบาๆแต่ได้ใจความ
      .............................
      ...................
      “เจมก็รักมินครับ”
      (ถ้าภาคแรกก็จบตรงนี้อะครับ แต่มีต่อไปอีกยาวเลยถ้าขึ้นภาค2จะเอายังไงก็ช่วยๆลงความเห็นให้ด้วยนะครับ^^)


      ฉันเกลียดมันมันต้องตาย……..มันอยุ่ร่วมโลกกะฉันไม่ได้นังตัวแสบ……….เธอพูดพลางหยิบมีดมากรีดรูปมินที่วางอยู่บนโต็ะมีดนั้นทิ่มแรงจนโต็ะเป็นรูลึก………………….
      ผ่านมาเกือบอาทิตยแล้วที่มินกะผมเป็นแฟนกันมินเป็นผู้หญิงที่น่ารักมากครับ น่ารักที่สุดในโลกเลยขี้งอน หวงแล้วก็แครผมมากๆแต่มีอย่างหนึ่งที่ผมไม่สบายใจเลยแล้วก็รู้สึกหงุดหงิดมากด้วย………………….มินโดนแกล้งโดยไม่รู้สาเหตุหลายครั้งแล้ว…ใช่ครับใช่อ่านไม่ผิดหรอกครับ……โดนแกล้ง….ผมก็จำได้ไม่หมดรู้สึกเรือ่งแรกอะครับมีคนเอาหนังสือเรียนของมินไปทิ้งขยะทุกเล่มทุกวิชาเลยครับมีคนไปเจอแบบเละจนเอามาใช้ไม่ได้อีก ตอนนั้นผมดูหน้ามินแล้วสงสารครับได้แต่กุมมือมินเป็นกำลังใจอยู่เงียบๆแต่การแกล้งก็หนักมากขึ้นครับ ครั้งหนึ่งเล่นเอาผมหงุดหงิดไปเป็นอาทิตยเลยมีคนเอารูปมินไปลงเว็ปขายตัว ผมขอสงวนชื่อเว็ปนะไม่อยากให้มีคนไปขุดๆมันขึ้นมาอีก ทิ้งเบอรไว้เรียบร้อย ชื่อจริง มหาลัยจริง และที่สำคัญครับเบอรโทรก็ยังของจริง แน่นอนครับมีนายบ้าโรคจิตทั้งหลายโทรมามากมายเลย พอมินรับเองก็จะพูดแบบไม่ขายแล้วเหรอ อยู่ไหนไปรับไหม
      บางคนถึงกะพูดลามกหยาบคายต่างๆเลยครับ ผมฉุนมากช่วงนั้นเหนื่อยครับ ผมต้องคอยด่านายพวก เชี้ยๆทั้งหลายที่คอยแต่จะโทรมา
      แต่บางทีมันเห็นผู้ชายรับมันก็จะวางๆไปอะครับ บางทีผมก็ต้องออกแรงด่ามันหลายต่อหลายรอบบางพวกโรคจิตหนักครับยิ่งด่ายิ่งชอบ คอยแต่จะโทรมาหามิน
      วันนั้นวุ่นวายมากชื่อมินดังไปทั่วมหาลัยเลยครับ………บางคนก็แบบไม่เชื่อไม่เห็นไม่รู้ แต่ขอดูหน้าประมาณนั้น..มาคอยชะเง้อมองหน้ามิน มินก็ได้แต่เกาะแขนผมเดินไปเงียบๆในมหาลัยอะครับ ทุกคนในกลุ่มผมสงสารมินกันมาก พยายามหาตัวการ แต่เรื่องในเน็ตอย่างนี้มันคงจับมือใครดมไม่ได้ใช่ไหมละครับก็เลยเป็นการแบบคว้าน้ำเหลว ผมนั่งเครียดแบบทั้งวันเลยอ่ะครับ………………มินเอามือมาแตะหลังผมซึ่งนั่งอยู่ที่ม้านั่งริมทางเดิน “เจมไม่ต้องโกรธนะ มินไม่เป็นไรหรอกแค่นี้เองมินทนได้” ผมหันไปมองมิน มินพยายามฝืนยิ้ม รอยยิ้มของมินยิ่งทำให้ผมยิ่งโกรธหนักขึ้น “ไม่เป้นไรได้ไง ตอนนี้มันเสียหายไปมหดแล้วมินไม่เข้าใจหรอกว่ามันหงุดหงิดแค่ไหน ที่แฟนตัวเองโดนหาว่าเป็น…….”ผมหงุดหงิดหันไปอีกทางพยายามไม่มองหน้ามิน ผมรู้ผมไม่ควรโกรธมันไม่เป็นความจริงซะหน่อย “เป็น กะหรี่ใช่ไหม เจม” มินน้ำตาอาบแก้มทั้ง2ข้าง มินทุบอกผม “ใช่ไหมตอบมาสิ ใช่ไหม”ผมดึงมินมากอด “มินเจมขอโทษ มินไม่ได้ตั้งใจให้เป้นหยั่งงี้ เรารักมินนะ เรายอมไม่ได้หรอกหากมีใครจะมาทำลายมิน”
      “มินขอแค่ให้เจมเชื่อใจมิน อย่างที่มินเชื่อใจเจมก็พอ ทั้งมหาลัยมินไม่แครใครแล้วไม่สนใจด้วยว่าใครจะพูดยังไง มินแค่กลัว กลัวเจมจะทิ้งมินไป มินกลัวนะมินไม่อยากอยู่คนเดียวอีกแล้ว”
      ไม่นานข่าวต่างๆก็เงียบหายไปแค่การกลั่นแกล้งมินยังไม่จบ ภาพตัดต่อมินโป๋ริมทางเดิน มีโทรศัพท์โทรมาตอนดึกๆตลอดคืน พอรับก็มีไม่มีคนพูด งานที่ส่งให้อาจารยก็หายไประหว่างทางอีก ผมรู้มินท้อมากแววตามินไม่แจ่มใสเหมือนเคยแล้ว มินจะกลัวจะระแวงทุกเรื่อง……………..จนพวกผมเองพลอยเหงาหงอยไปด้วย
      คืนนั้นที่บ้านนายบอยผมนั่งกินเบียรดีดกีตาร์ไปตามเรื่องพวกผมก็เฮฮาไปตามภาษาวัยรุ่นทั่วไปเรื่องมันน่าจะดีถ้าไม่มีเรื่องบ้าๆอย่างงี้ขึ้น “กรูสงสารมินวะแบบ น้องเขาไม่น่าจะเจออะไรอย่างงี้เลย”นายบอยเกรื่นเรื่องนำทุกทีความคิดมันมักจะโดนเบรคแต่คราวนี้กลับกลายเป็นเรื่องที่ดูมีสาระที่สุดตั่งแต่ผมเคยเห็นตั้งแต่คบกับมันมา “กรูว่านะต้องมีคนที่เกลียดยายมินแบบมาก มากเลยวะ กรูไม่เข้าใจเลยว่านายบ้าที่ใหนเกลียดเด็กน่ารักน่ารักอย่ามินลง แล้วถ้าลงมันเรื่องอะไร” ทุกคนหันมามองผม ใช่สิแฟนผมนิผมก็ต้องออกความคิดเห็นดีๆบ้าง “กรูไม่รู้วะ กรูรู้แค่ว่ากรูจะปกป้องมินแค่นั้นแหละ”อ้วกกกกกกกกกกกกทุกคนกวนตีนโดยมิได้นัดหมาย เอาเหอะวะ เอาเหอะทุกวันนี้กรูก็เห็นพวกมรึงหวานจนกรูหมั่นใส้จะตายห่าแล้ว อะนะหุหุ เห้ยหรือจะเป็นมรึงวะที่แกล้งมินอิจฉาในความหล่อของกรู ถุย อย่างเอ็งเนี่ยนะหล่อกรูยังคิดเลยว่ามินหน้ามืดมาคบมรึงได้ไง555555อยากจะหัวเราะเป็นภาษาอีนเดียวะT_T ไม่เป็นไรเว้ยสักวันนึงมินคงจะเห็นในความเท่ของกรูถึงตอนนั้นอย่าหาว่าพี่บอยไม่เตือนนะเว้ย.หล่อๆอย่างกรูอะเคยเป็นดัชชี่บอยมาแล้ว (แต่ผมว่าหน้ามันเหมือนแมงกุดจี่มากเลย) ปรกตินายบอยก็หน้าตากวนตีนอยู่แล้ว วันนี้หน้าตามันยิ่งกวนตีนหนักขึ้นกว่าเก่า หน้ามันคล้ายๆกระสอบทรายไปทุกทีแล้ว……………………..ผมคิดพลางขยับช่วงเท้าบริหารปลายตีน
      “เห้ยได้ไงวะ น้องมินอะของกรูเว้ยสาดดดดดดดดดพูดเงี้ยเสียดิ”นายโอ็ตไม่ยอมแพ้รีบเกทับทันที ผั้วะ ผมเตะตูดนาย ก้านคอนายโอ็ตแล้วตบนายแนทเบาๆเพื่อนเป็นการห้ามปากของพวกมัน ก่อนที่ผมจะฉุนมากกว่านี้ เวงแค่นี้เตะเจ็บนะเว้ยนายบอยโวยลั่น แล้วคืนนั้นก็ผ่านไปอย่างสงบสุข(หรือเปล่า)ท่ามกลางเสียงฮาและเสียงกวนตีนของพวกมันตลอดคืน
      มีคนมาชอบผมครับ ป่าวครับป่าวไม่ใช่มิน ……เธอสวยครับน่ารักมากสวยพอๆกะมินทีเดียว มันก็ไม่ถึงกะแน่ใจ100เปอรเซนหรอกว่าเธอชอบผม แต่เท่าที่ดูเหตุการณ์แล้วใช่แน่ๆ ผมเจอเธอที่ระเบียงของห้องเรียนผม ผมไม่รู้เธอโง่จริงโง่เล่นกันแน่เธอไม่รู้เลยละครับว่าผมกะมินเป็นแฟนกันอยู่ ดูเธอจะไม่สนใจด้วย เธอเข้ามาคุยกับผมแบบ นี่นาย อ้อเหรอ ชื่อไร เราเจนนะ เป็นเพื่อนกัน แล้วก็เกาะติดแน่น……..-__-||||ย้ำแน่นจริงๆ แต่พอมินมาเธอจะยิ้มแย้มสดใสแล้วก็ไม่เข้าใกล้ผม นายคำที่ว่าผู้หญิงมีมารยา108เล่มเกวียนก็ทำให้ผมซึ้งตอนเนี้ยแหละและก็ไม่นานแล้วก็ไม่ยากเลยครับ เธอคนนี้เป็นเพื่อนรักกะมินทันทีเลย ผมก็พอจะเข้าใจผู้หญิงก็มีเรื่องที่เล่าให้ผู้ชายฟังไม่ได้หลายเรื่อง เวลาจะไปห้องน้ำ ปรึกษาปัญหาหัวใจอะไรเทือกนี้ ผมก็ดีใจนะครับดีซะอีกมินจะได้มีเพื่อนที่เป็นผู้หญิง จะได้ไม่ต้องเกาะผมมากเกินไป แฟนเกาะก็ดีนะครับแต่บางทีมันก็ร้อนไม่อยากให้ใครมาเกาะมาแหะหรอกครับมันหงุดหงิด อิอิ วันนั้นพวกผมนั่งอยู่ที่โรงอาหารพวกผมก็แยกกันไปให้มินนั่งจองโต็ะแล้วมินอยากกินไรผมก็จะไปซื้อมาให้(กินแค่1จ่ายถึง2T_Tอะเหอ)ทำงี้ประจำคราวนี้ ยายวาวา(ตัวแสบ) อ้อลืมบอกไปครับเธอคนที่เข้ามาใหม่เนี่ยชื่อวาๆนะครับก็เกาะตามผมไปซื้อของด้วย เกาะซ้ายทีเกาะขวาที่ พอไปที่ร้านกำลังจะซื้อของครับ วาวาเขาก็มาจับมือผม ผมตกใจมากเลยแต่ยังไม่ได้สะบัดมือเขาออกได้แต่หันไปมองหน้าวาวาที่กำลังมองหน้าผมอยู่ครับ……………

      เจม เจมรักมินจริงหรือเปล่า..วาวาพูดหันมามองตาผมแบบสายตาที่อธิบายอะไรไม่ถูกผมได้แต่กลืนน้ำลาย “รักสิรักมากด้วยนะวาวา...........”ผมตอบแบบมั่นใจในคำตอบมาก ผมกะแบบแม้ว่ายายวาวาอะไรเนี่ยจะชอบผมอยู่หรือเปล่าก็ต้องยอมถอยให้ผมกะมินแน่ๆ “เหรอ...”วาวาพูดแล้วก็ยิ้ม ผมไม่เข้าใจเลยว่าเขาคิดอะไรอยุ่กันแน่ “ยิ้มอะไรวาวา......บ้าหรือเปล่า” วาวาแค่ดีใจล่ะ ป้าแม่ครัวส่งถาดอาหารที่เพิ่งสั่งมาให้ วาวาหยิบแล้วก็เดินออกมายืนคอยผมอยู่“ดีใจเรื่องอะไร”คำตอบของวาวายิ่งทำให้ผมวุ่นวายใจมากขึ้นไปอีกผู้หญิงคนนี้คิดอะไรอยู่กันแน่ผมอ่านไม่ออกเลยจริงๆ........ก็วาวาดีใจตอนที่วาวาถามเจมว่าเจมชอบมินมากหรือเปล่าแล้วเจมตอบช้านะสิ เจมรู้ตัวใหมว่าเจมหยุดคิดไม่ได้ตอบวาวาทันที “แล้วมันแปลกตรงไหนละวาๆมันแปลกยังไง” “นั่นก็แปลว่าเจมรักมินนะสิ.........................”วาวาตอบคราวนี้เธอหันหลังให้ผมเดินกลับไปที่นั่งกินข้าว ทิ้งไว้แต่คำพูดที่ให้ผมคิดทั้งคืน......... “แต่มันก็หมายความว่า เจมไม่ได้รักมินมากที่สุด”

      นี่เป็นคืนที่วุ่นวายใจผมมากที่สุด คำถามมากมายวนเวียนอยู่ในใจผม ภาพในหัวยังย้อนไปย้อนมาซ้ำๆภาพที่วาวายกถาด และคำพูดที่ว่า ผมไม่ได้รักมินที่สุด มันหมายความว่ายังไงผมถามกับตัวเองยากจริงๆกับคำถามนี้ มีคนมาเคาะประตูห้อง....ผมก็ได้แต่บิดขี้เกียจแผลบนึงแล้วก็ลุกไปเปิดประตูน้องสาวยืนอยู่ยื่นโทรศัพทมาให้ผม “เฮียแฟนเฮียโทรมาละ” น้องสาวผมยื่นโทรศัพทให้.....” ฮัลโหล มินเหรอ “ว้าอะไรกันคนอุตสาหโทรมาหาดันคุยเรื่องมินให้เสียอารมเงี้ยโกรธตายเลยนะค่ะ”เสียงวาวาลอดผ่านมาตามสาย เธอหัวเราะเล็กฟังแปลกหูทีเดียว ผมตกใจจนโทรศัพทแทบหล่น“โทรมาทำไมจะบ้าเหรอรู้ไหมนี่มันกี่โมงแล้ว”ผมด่าไปทันที“โถ่......เจมก็วาวาแค่อยากถามว่าพรุ่งนี้ช่วงบ่ายอาจารยสั่งให้เอาอะไรไปส่งหรือเปล่า วาวาไม่แน่ใจอะผิดมากเหรอ ถ้ารบกวนมากวางก็ได้นะ”วาวาฉุนจัด ผมโล่งใจเลยครับรู้สึกผิดทันที “ขอโทษ ขอโทษ โอ๋ๆๆๆ เราก็ไม่แน่ใจเดี้ยวเราเช็คหนังสือแป้บนะ”ผมเดินไปหยิบกระเป๋าสะพายข้างพลิกดูสมุดจดแล้วก็นั่งบอกรายการวาวาไป “แค่ นี่แหละวาวามีอะรอีกไหมเดี้ยวเราจะไปอาบน้ำแล้ว”ผมเอามือเกาพุง3ทุ่มกว่ายังไม่อาบน้ำเลย-_-||||
      “มีสิเจม”วาวาพูดเสียงร่าเริงมาตามสาย “ฝันดีนะค่ะคิดถึงเจมรู้ป่าว”แล้วเธอก็วางโทรศัพทไปครับ
      ทิ้งให้ผมยืนอึ้งอยุ่ตรงนั้น......................
      วันต่อมาผมไปรับมินที่บ้าน มินยืนหน้าบึ้งเป็นตูด................................ผมมองมินแล้วคิดในใจเลยครับ ชิบหายแล้ว มินขึ้นรถมาปุบดึงหูผมปั๋บเลยครับ “นี่ นี่ นี่ เจมระยะนี้มีข่าวเจมกะวาวาหนาหูมากเลยนะ............เจมทำไมเจ้าชู้อย่างนี้ นี่เจ้าชู้นักใช่ไหม”มินพูดพลางเริ่มบิดหูผมแล้ว เจ็บครับเจ็บ ตาก็มองถนน มือก็ขับรถ ปากก็พยายามพูดให้มินปล่อยผมก่อนที่จะกลายเป็นข่าวหน้าหนึ่งพรุ่งนี้.......... “โถ่มินฟังก่อนสิเอาข่าวมาจากไหน เชื่อใจเราหน่อยสิครับ”ผมพยายามอธิบาย “อ้อ.....นี่แปลว่ามันเป็นจริงใช่ไหม ทำไมต้องอธิบาย”เอาแล้วครับ มินยิ่งบิดแรงมากขึ้น มินเสียใจนะ “ทำไมทำไมหรือมินสวยไม่พอ จำไว้นะถ้าเจมจะนอกใจมิน มินก็จะนอกใจเจมเหมือนกัน”มินปล่อยมือนั่งกอดอกตามองไปอีกฟากไม่สนใจมองผมอีก ผมได้แต่ส่ายหน้า สงครามย่อยๆกำลังจะเริ่มขึ้นครับ .....................ผมเคยได้ยินคำว่าคนจะรักกันจริงต้องเคยทะเลาะกันกันอย่างน้อยก็สักครั้งหนึ่งถึงจะรู้ว่าคนๆนั้นจริงๆแล้วเขาเป็นยังไง แต่ถ้าเลือกได้ผมไม่อยากทะเลาะกะมินเลยครับ
      มินเดินลงรถไปแล้ว ผมบอกตอนเย็นเจอที่รถเลยนะเธอก็แค่ อืมๆแล้วก็เดินลงจากรถไป ผมปรับเบาะแล้วเอนนอนที่รถเปิดหน้าต่าง อีกมือกดปุ่มซีดีให้มันเดินแล้วนอนฟังเพลงต่อ กว่าผมจะมีเรียนก็เกือบเที่ยงได้ ขณะที่ผมกำลังจะหลับตานั้น สายตาผมก็เหลือไปเห็นกระเป๋าตังมินตกอยู่ “ทำไมซุ่มซ่ามอย่างนี้นะ”ผมบ่นกับตัวเอง หยิบกระเป๋าตังเดินลงรถไป ผมเดินขึ้นบันไดหลายชั้น ทำไมตึกสูงขนาดนี้ไม่มีลิฟ(วะ)ผมบ่นกับตัวเอง ผมวิ่งแบบก้าวที3ขั้นบันไดเพื่อไล่ให้ทันมินซึ่งขึ้นมาก่อนนานแล้ว ว้าย!ผมวิ่งชนกับคนที่สวนผ่านมา.....หนังสือร่วงลงพื้นกระจาย แล้วคนที่ชนกับผมก็กำลังจะตกบันได ตามหนังสือของเธอไปไม่รู้สัญชาติญาติ หรืออะไรดลใจผม ผมคว้ามือคนที่ตกดึงตัวเขามากอด เพราะยังไงผมก็เสียสมดุลตอนคว้าแล้วหล่นบันไดมาด้วยอยู่แล้ว ตุบเสียงผมตกจากบันได้ขั้นที่1หล่นลงมาถึงขั้นสุดท้าย (ประมาณ10ขั้นได้) อุก ผมร้องจุกไปหมดผมเอาหลังลง ความรู้สึกตอนนี้ชาไปทั้งตัวแต่ความคิดผมกับเป็นห่วงคนที่อยู่ในอ้อมแขนมากกว่า ผมกอดเธอมากกว่า1นาทีผมไม่มีแรงปล่อยมือตอนนี้ตัวผมชาไปหมด กว่าแรงจะกลับมาเพื่อปล่อยมือออกก็นานทีเดียว “เป็นอะไรหรือเปล่าครับ ผมถาม”ยังมองไม่เห็นหน้าคนที่ผมช่วยเลยผับผ่าสิ “ไม่เป็นไรค่ะคุณละค่ะ” เสียงเธอฟังคุ้นหู
      ผมเงยหน้าดูแล้วก็ตกใจกับคนที่อยู่ในอ้อมแขนผมมาก “วาวา”ผมตะโกนลั่น
      “ก็ใช่นะสิเจมนี่สุภาพบรุษจัง วาวาดูไม่ผิดจริงๆ” วาวายังนั่งอยู่บนตัวผมเธอเอามือยันตัวลุกขึ้นเอามือเสยผมเล็กน้อย ผมของเธอดำสรวย ไหลลงมาตามร่องคอ ทิ้งให้ผมซึ่งจุกอยู่ทำอะไรไม่ถูก เธอยังไม่ยอมลุกออกไป แล้วความซวยที่สุดก็ดลใจเหลือเกินที่จะให้มิน เดินลงมาจากห้องเรียนเพราะหากระเป๋าตังไม่เจอ ยืนมองอยู่ตรงขั้นบันใดชั้นบนสุด ผมไม่รู้ว่ามินเห็นภาพที่เกิดขึ้นตอนใหน และส่วนไหนผมรู้แค่ว่ามินวิ่ง.....ออกไปจากตรงนั้นทันที ทันทีเมื่อผมรู้ตัวว่ามินอยุ่ตรงนั้น...........มิน..........ผมผลักวาวาออกวิ่งตามไปทันที เจ็บก็เจ็บ เหนื่อยก็เหนื่อย แต่ตอนนี้ผมรู้แค่ว่าผมต้องตามมินให้ทันเท่านั้น แน่นอนผมวิ่งเร็วกว่ามินในที่สุดผมก็คว้าข้อมือของมินได้.....ผมฉุดตัวของมินไว้ มินหันมาน้ำตาอาบหน้า ก่อนที่ผมจะพูดอะไรฝ่ามือของมินก็มาตบหน้าผม
      เผี้ยะดังลั่น..........ตรงสุดทางเดิน มินสงบลงแล้วเธอยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าผม เธอยืนร้องให้หนักจริงๆผมก้มหน้ามองหาผ้าเช็ดหน้าให้มิน ทันใดนั้นมินก็พูดออกมา ผมยังไม่แน่ใจเลยว่าผมฟังผิดหรือเปล่า ผมได้ยินแค่ว่า “เจม............เราว่านะ.........เราเลิกกันเถอะ”
      ดาดฟ้ามหาลัย ผมนั่งดูดบุหรี่อยู่ ลมด้านบนพัดตีหน้าอย่างน้อยมันก็ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้น มินไม่ฟังอะไรเลย เธอพูดประโยคนั้นแล้วเธอก็เดินจากไป ความรู้สึกของผมราวกับนั่นจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมจะเห็นมิน ผมพยายามนึกว่ามันเป็นฝัน แต่ความเจ็บที่ข้างแก้มยิ่งตอกย้ำว่าเหตุการณ์ที่ผ่านมานั้นเป็นเรื่องจริงๆ
      โทรศัพทมือถือดังหลายครั้ง ผมคอยหยิบมาดู นายบอย นายโอ็ต นายแนท แล้วก็คนอื่นๆผมไม่สนใจหรอก ตอนนี้ผมคอย คอยแค่ชื่อของมินที่จะปรากฎบนมือถือของผม แต่มันก็ไม่มีไม่มีมาสักครั้งเดียวน้ำเริ่มขังที่ตาผม ผมพยายามเช็ดมันออก ผมคิดว่าผมจะไม่ร้องให้ ผมไม่ร้องให้มานานแล้ว ผมฝืนตัวเองเต็มที่เงยหน้าขึ้น แต่น้ำตาก็ยังไหลลงมาอาบสองแก้ม............. เห้ย!มานั่งปี่แตกอะไรตรงนี้คนเดียววะ เสียงนายบอยกระแซะมา ผมหันไปมองมันตกใจว่ามันเจอผมได้ไง นายบอยหันไป ตะโกนบอกคนอื่น “เห้ยเจอแล้วเว้ยยั่งอยู่เนี่ย”ผมหันไปมอง เพื่อนผมเดินผ่านประตูดาดฟ้ามาทีละคนทีละคน ทุกคนเดินตรงมาที่ผม พวกมันยิ้มแต่ไม่พูดอะไรราวกับเข้าใจเรื่องราวทุกอย่าง รวมทั้งความรู้สึกของผมด้วย.................. “มรึงเจอกรูได้ไงวะผมถาม” นายบอยกับเพื่อนๆนั่งอยู่รอบๆผม พวกผมนั่งบนกำแพงดาดฟ้า ความรู้สึกผมดีขึ้นมาก อย่างน้อยผมก็ยังมีเพื่อนๆนั่งอยู่รอบๆผม “กรูเจอมรึงครั้งแรกตรงนี้ แล้วก็ตรงเนี้ยที่กรูกะมรึงเป็นเพื่อนกัน.................กรูต่อยกะมรึงครั้งแรกก็ตรงนี้ แล้วคราวนี้กรูเห้นมรึงร้องให้ครั้งแรกก็ตรงนี้วะ” นายบอยเหน็บผมครั้งยิ่งใหญ่ที่เดียว “เห้ยไม่ได้ร้องเว้ย ควันบุหรี่มันปลิวเข้าตาต่างหาก....ผมพยายามแก้ตัว “เหรอ...กรูว่ามันคงเป็นควันที่ชื่อว่ามินหรือเปล่าวะ”นายบอยแซวผมเล่นๆแต่เล่นเอาผมเงียบไปเลยครับ...

      วันนี่กินข้าวแบบไม่มีมิน บอกตรงๆครับไม่อร่อยเลยผมพยายามมองหามินจากคนรอบๆไม่เห็นเลยครับไม่เห็นแม้แต่เงา ผมได้แต่ถอนใจเอาช้อนเขี่ยข้าวไปมาไม่อร่อยเลย ผมว่าวันนี้ผมคงกินไม่ลงแน่ๆ......................แล้วมินก็มานั่งข้างๆผม กิน กิน กินแล้วก็กิน บอกตรงๆผมไม่เคยเห็นมินกินเก่งขนาดนี้มาก่อน
      “ถ้าขอโทษ มินจะยกโทษให้ก็ได้นะ”มินพูดมาโดยไม่หันมามองผมเลย...........ข้าวกองอยู่ตรงหน้า ไม่สนแล้ว
      มิน เจมขอโทษเจมผิดไปแล้ว ผมพยายามอ้อนวอน อ้อเหรอ มินพูดช้อนตักข้าวเข้าปากไม่สนใจอีก ใช่ซี้ อย่างเจมอะคงเคยพูดหยั่งงี้มากะผู้หญิงเป็นร้อยเป้นพันแล้วก่อนคบมินก็เคยเห็นเดินกะคนนั้นคนนี้ ถามจริงเหอะเคยจริงใจกะใครบ้างใหม........ก็เคยสิกับมินไง ผมยังพูดไม่จบ ซ่า....น้ำเย็นๆจากแก้วในมือของมินก็สาดกระจายเต็มตัวของผม........มินโยนแก้วลงพื้นสายตาเย็นชา ..............หรือเรื่องของเราจะจบลงกันแน่...
      มินจากผมไปแล้ว.......ผมได้แต่เดินหลบออกมาจากสายตาของผู้คน ผมไม่อยากให้ใครตามแล้วผมก็ไม่อยากพบเจอใคร.......ผมนั่งลงที่ขอบสระว่ายน้ำของมหาลัย ไม่มีคนเลย......ผมจ้องลงไปในความลึกของสระ น้ำใสๆตัดกับกระเบื้องสีฟ้าดูสวยเหลือเกิน ผมท้อใจกับตัวเองมาก ผมหย่อยเท้าลงในสระแล้วก็ทิ้งตัวลงไปทั้งตัว ในหัวมีเรื่องให้คิดมากมายจริงๆ ผมรู้สึกสบายบอกไม่ถูก ความรู้สึกที่ค่อยๆจมลงไปในน้ำมันช่วยให้ผมลืมมินไปได้มากทีเดียว.......ผมเริ่มทบทวนวันเวลาที่อยู่ด้วยกัน ความสุขและเสียงหัวเราะของมินไม่เคยจะหายไปจากในหัวใจผมเลย ภาพความทรงจำเก่าๆไหลทะลักเข้ามาเหมือนกับสายน้ำ ความอึกอักเริ่มเข้ามาเยือน..........ผมลืมตามองด้านบน ภาพสั่นไหว สมองสั่งให้ร่างกายเสาะหา อากาศ แต่หัวใจกลับคิดว่า..ตายซะก็ดี
      ภาพรอบข้างเริ่มมือไปหมดร่างกายเริ่มกระตุกเล็กๆเป็นจังหวะความอึกอัดและทรมาน...แผ่กระจายไปทั่วทั้งร่างกาย นี่หรือความตายที่ทุกคนรู้จักกัน ตูม..........เสียบางสิ่งกระทบน้ำคือสิ่งที่ผมได้ยืนเป้นครั้งสุดท้าย....ก่อนที่สติของผมจะเลือบลางจนดับไป.........

      ผมสะดุ้งตื่น.......รอบข้างมืดไปหมด...ผมตายแล้วเหรอผมไม่แน่ใจกับภาพโดยรอบ เริ่มสำรวจตัวเอง ผมยังหายใจหาย หายใจอย่างสม่ำเสมอ ผมยังไม่ตาย แค่ไม่มีแรงเท่านั้น ผมรู้สึกมีอะไรมาติดเต็มตัวผมไปหมด ผมได้แต่คลำหาสวิตทไฟที่ไหนสักแห่ง...แล้วผมก็กดมันลงไป พรึ่บไฟสว่างที่หัวเตียงเป็นแสงอ่อนๆ อย่างน้อยมันก็ช่วยทำให้ผมเห็นรอบข้างบ้าง.............ภาพที่ผมเห็นภาพแรก แม่นั่งพิงพ่ออยู่ที่โซฟามุมห้อง.........มือของทั้งคู่ประสานกัน นายบอย นายโอ็ต นายแนท และคนอื่นๆนอนตรงโต้ะบ้างเก้าอี้บ้างดูสับสนไปหมด ที่พื้นนายบอยยังกลิ้งอยู่ที่มุมห้อง มันบ่นพึมพำอะไรไม่รู้ น้องสาวนอนหลับอยู่ที่ปลายเตียง ตายังหลับพลิ้มมือยังถือมีดปลอกผมไม้อยู่เลย และที่ผมเห็นชัดเจนที่สุดก็คือมิน มินที่นอนอยู่ข้างๆปลายมือของผม แก้มของมินเลอะคราบน้ำตาเกรอะไปหมด ทำให้แก้มของเธอดูหมองไปบ้าง............แต่ก็ยังหน้ารักอยู่ น้ำตาใสๆปิ่มขอบตาและไหลลงมาอาบ2แก้ม มินพึมพำออกมาสั้นๆเบาๆ เจม....เจมอย่าเป็นไรนะ ผมได้แต่เอื้อมมือไปปาดน้ำตาออกจากสองแก้มของมิน และเมื่อไหร่ไม่รู้ที่น้ำตาก็ไหลอาบบนหน้าของผม......
      แล้วสิ่งที่ทำให้ผมประหลาดใจมากที่สุดก็คือวาวา ก็นอนถัดออกไปไม่ไกลจากมินเลย ผมมองวาวาแล้วก็หันมามองมิน ผมไม่เข้าใจความคิดวาวาเลยเธอรักผมเหรอ แล้วทำไมต้องพยายามทำลายผมด้วยในเมื่อเธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าผมรักมินมากแค่ไหน สาวสวยสองคนนอนล้อมเตียงผม ผมเอามือลูบหัวมินเบาๆเหมือกำลังลูบหัวเด็กตัวน้อยๆ มินลืมตาขึ้นมองดูผม...............ผมเอามือป้องปากไม่ให้มินส่งเสียง ผมไม่อยากให้มินทำทุกคนตื่น ตอนนั้นบรรยากาศในห้องมีแต่ความเงียบเท่านั้น มีเพียงผมกะมินที่ยังพูดคุยกันอยู่เบาๆในห้องนี้
      มินกุมมือผมเอามือผมมาจับ จับ จับ จับอยู่อย่างนั้นราวกับกลัวว่ามันจะสลายไป เธอเอามือของผมไปแนบแก้มเธอยิ้มออกมา ปล่อยให้ผมสงสัยกับอาการประหลาดของมิน “มินคิดว่ามินจะไม่มีโอกาส จะจับมือใหญ่ๆของเจมอีกแล้ว”มินขอโทษเจมมินมินไม่เคยรู้เลยว่า เจมจะแคร แครคนอย่างมินขนาดนี้ มินพูดเงียบๆมือผมยังแนบข้างแก้มมิน สัมผัสได้ถึงความรู้สึกอบอุ่นที่ถ่ายถอดผ่านมือเล็กๆนั้น.....
      เราไม่ได้ทำอะไรเพื่อมิน เราแค่ทำไปตามความรู้สึกของเรา การจะรักการจะเกลียดใครสักคน เราฝืนไม่ได้หรอก...มิน....ทุกอย่างต้องใช้เวลาก่อเกิดมันขึ้นมา การที่เราแครมินมากเราก็ไม่เข้าใจตัวเองเลยเหมือกัน.......แต่วันนี้แค่มินยังอยู่ใกล้ๆเรา เราก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว
      ผมกะมินพากันเดินไปที่ระเบียงดาดฟ้าช้าๆผมเอามือข้างนึงเกาะเอวมิน มีมินเดินถือขวดน้ำเกลือให้ ผมมองดูดาว........คืนนี้ฟ้าโปล่งเห็นดาวชัดเจนเหลือเกิน แต่ก็น้อยกว่ามินที่อยู่ข้างๆผม ลมพัดกลางคืนเย็นจนขนลุก ผมได้แต่กระชับแขนข้างที่โอบมินให้ใกล้กันยิ่งขึ้น อย่างน้อยตรงนี้ก็คงอบอุ่นกว่าที่ไหนๆ
      “มินไม่โกรธเจมเหรอ ที่เรากอดกะวาวาที่ทางเดิน.......” ผมถามตายังคงมองฟ้า ผมไม่กล้าสบตามินเลยในคืนนี้
      “ไม่โกรธหรอก เราจะเชื่อใจคนที่เรารัก มันผิดด้วยเหรอ ที่มินงี่เง่าเจมก็อย่าเกลียดมินนะ” ได้หรือเปล่า มินถามผม
      ผม..ก้มหน้าไปใกล้มินแล้วเราก็จูบมินมันเป็นจูบที่แทนคำตอบของทุกสิ่งที่เกิดขึ้น โดยไม่อาศัยคำพูดหรือคำอธิบายใดๆเลย.............

      วาวาไม่ยอมให้มันเป็นแบบนี้หรอก..........เสียงของวาวาพูดมาจากด้านหลัง ผมกะมินหันไปตะลึงกับมีดผลไม้ในมือ ผมงงและไม่แน่ใจกะภาพที่เห็น ผมรู้แค่ว่า วาวากำลังถือมีดจ่อมาที่ผมกะมินอยู่
      “มินขี้โกง วาวา มองเจมสมาก่อนตั้งนานแล้ว ทุกครั้งที่เรียนในห้อง เวลาที่เจมอยู่กะเพื่อน เวลาที่เจมคอยฟังอาจารยแล้วจดบันทึก แล้วอีกมากมายที่วาวา อธิบายไม่ถูก แล้วอยู่ๆมินก็จะมาแย่งเจมไปอย่างงี้”วาวาพูด สายตาของเธอเย็นชา มันเป็นสายตาที่ไม่น่าออกมาจากผู้หญิงน่ารัก น่ารักคนนี้เลย ผมของเธอตกเป็นประกายดำ ปรกติคงจะดูสวยมาก แต่ตอนนี้วาวากลับเหมือน ตุ้กตา ที่ไร้หัวใจยังไงอย่างนั้น “วาวา อย่าทำอะไรบ้าๆนะ ใจเย็นๆมีอะไรค่อยๆคุยกัน”ผมพยายามห้ามวาวา แต่ดูเหมือนเธอจะไม่ฟังแล้วก็ไม่พยายามเข้าใจอะไรเลย
      “เจม ทำไมเจมไปรักผู้หญิงแบบนี้ ..............ดูมันสิเจมแกล้งทำเป็นไร้เดียงสา ความจริงมันก็ร่านไม่ได้เข้ากับหน้าตาที่เจมเห็นหรอก ผู้ชายก็แบบนี้ ขอแต่น่ารักอ่อนหวานก็เอาได้หมด”วาวาพูดดังขึ้น ดังขึ้นทุกที ผมมายืนบังมินเอาไว้ มินไม่กล้าสบตาวาวา มินเอามือกุมเสื้อผมแน่น ไม่ผิดหรอกครับ มินกำลังกลัวอยู่แน่ๆ “วาวาไม่ดีตรงไหน ตรงไหนที่วาวาด้อยกว่ามัน เสื้อผ้าทรงผม หรือสีผิว เจมบอกมาสิ บอกมา วาวาเปลี่ยนให้หมด”วาวาตะโกนดังลั่น คนในห้องตื่นหมดแล้ว ไม่มีใครกล้าขยับ ทุกคนรู้ว่าตอนนี้วิธิเดียวที่จะไม่มีใครบาดเจ็บ ก็คือผม ผมคนที่ต้องคุยกะวาวาให้รู้เรื่อง เพื่อตัววาวา ผมและก็มินเอง บรรยากาศในห้องตึงเครียด ผมเหลือบดูนาฟิกา ตี2กว่าแล้ว ผมยังไม่น่าตื่นมาเจอเรื่องวุ่นวายอย่างนี้เลย ผับผ่าสิ.......

      วาวาเดินถือมีดเดินเข้ามาใกล้ทีละก้าว ทีละก้าว ผมได้แต่ยืนบังมินมากขึ้น สายน้ำเกลือหลุดจากแขนไปนานแล้ว ผมได้แต่จ้องหน้าวาวา แต่เธอก็ไม่ได้หวั่นเกรงเลย ยังเดินเข้ามา เข้ามาใกล้จนจะถึงมินอยู่แล้ว
      “ทุกอย่างก็เป็นเพราะ แก เพราะแก.........ถ้าไม่มีแกสักคน คนที่เจมจะรักก็จะมีฉันคนเดียว”วาวาตอนนี้เหมือนคนบ้า ผมเป็นผู้ชายยังรู้สึกกลัวเลย............. “งั้นเรื่องต่างๆที่มีคนแกล้งมิน วาวาก็เป็นคนทำใช่ไหม”ผมถาม อย่างน้อยก็ทำให้วาวาชะงักไปบ้าง “ใช่สิ...........ใช่วาวาทำเอง ผู้หญิงอย่างมันก็ควรโดนซะบ้าง ตั่งแต่มันมาไม่มีอะไรดีซักอย่าง วาวามีค่าบ้างไหมในสายตาเจมตั้งแต่นายนี่มา มันแย่งทุกอย่างไปจากชิวิตฉัน”แม้แต่รอยยิ้มของเจมที่เคยหันมายิ้มให้วาวาบ้าง........ รู้สึกว่าวาวาจะไม่สนใจอะไรแล้ว วาวาเดินตรงมาหามินเงื้อมีดขึ้นสูง....................สวบ........เสียงมีดเสียบเข้าเนื้อ............. ภาพต่อเนื่องก็คือ ชายคนนึง ที่กำลังกอดวาวาโดยมีมีดปักที่ท้องเขาอยู่............

      “ขอบใจนะกับความรู้สึกที่วาวามีให้เรา” ผมยิ้ม มีดยังปักที่ท้องอยู่ ความรู้สึกชาแผ่ซ่านไปทั่ว นี่นะหรือความรู้สึกของคนที่ถูกแทง “เจม เจมทำหยั่งงี้ทำไม ไม่นะ ไม่นะ” วาวาทิ้งมีดเธอพยายามเอามือมากดห้ามเลือดให้ผม แต่คงไม่ทันแล้ว เลือดข้นๆยังไหลออกมาตามร่องนิ้วของวาวา ผมยังได้แต่ยิ้มให้.............ไม่ได้สนใจแผลของตัวเองเลยมันชาจนไม่รู้สึกเจ็บแล้ว “อย่าเสียใจนะที่แทงเรา เราไม่เสียใจหรอกที่วาวาเป็นคนแทง................”ผมพยายามพูด ผมเริ่มหนาวแล้วละมันเป็นยังไงก็ไม่รู้............. “แต่เราคงจะเจ็บมากกว่านี้ถ้าวาวาแทงมิน ........... เรารักมินนะ ไม่น้อยกว่าที่วาวารักเราขอโทษที่เรารักวาวาไม่ได้ และไม่เคยสังเกตุเลยว่าเธอจะชอบเราขนาดนี้”ผมทรุดลงยันพื้น ขาไม่มีแรงเลยสิ โถ่เว้ยมีดคงแทงไปลึกมาก..........วาวาเอามือประคองผม วาวาร้องให้หนัก ผมฟังเธอไม่รู้เรื่องแล้วสิ แต่ผมก็ได้แต่พยายามฝืน ผมอยากจะได้ยินคำนี้ก่อนที่ผมอาจต้องจากทุกคนไป “สัญญาได้ไหม วาวา สัญญากะเรานะ ว่าจะไม่ทำร้ายใครอีก มือของวาวาไม่ได้มีไว้เพื่อทำร้ายใคร อย่าเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เราดีใจนะ ดีใจที่ได้รู้จักวาวา รู้จักทุกคน......เราอยากย้อนเวลาจริงๆ ไปในวันที่เราอยู่ด้วยกันหัวเราะด้วยกัน..อีกครั้ง”ผมฝืนจริงๆแล้วเลือดไหลไปตามทางเป็นแนวยาว หายใจลำบากขึ้นทุกทีแล้วสิ
      “สัญ......ญา ได้ไหม....ว่า.....จะ......ไม่ทำ..ร้ายมิน..อีก” ผมพยายามพูด วาวากุมมือผมแน่น ผมยังคงมองวาวา รอคำตอบจากปากของเธอ ........................ ค่ะ.................น้ำตาวาวาไหลมาโดนหน้าผม.......วาวาตอบ แล้วผมก็หมดสติไป

      เจมนี่คงเป็นจดหมายฉบับแรกที่มินเขียนให้เจมตั้งแต่เรารู้จักกันมา..........เจมยังนอนหลับอยู่เลย.........เจมคงไม่รู้หรอกว่ามินอยากคุยกะเจมแค่ไหน.........มินแวะมาหาเจมทุกวันเลยนะพอเลิกเรียน มีคนมาจีบมินบ้างประปราย แต่เจมไม่ต้องห่วงนะมินไม่สนใจหรอก............เมื่อไหร่เจมจะตื่นล่ะ พ่อแม่ของเจมเป็นห่วงมากเลยรู้ไหม ถ้าเจมคิดจะล้อเล่นมันก็ใจร้ายเกินไปนะ ตั้งแต่เจมหลับไป มินเหงามากเลยพูดจาอะไรก็ไม่ยอมตอบ....
      ทุกคนในกลุ่มสบายดีนะไม่ต้องห่วง บอยก็ยังขยันแซวมินเรื่องเจม ยังกับกลัวมินจะลืมเจมหยั่งงั้นแหละ.ทุกคนดีกับมินมากเจมไม่ต้องห่วงนะ.............อีกไม่กี่วันก็จะวันเกิดเราแล้วละเจม ปีนี้มินอยากจะฉลองวันเกิดกับเจม2คนจริงๆเลย มินผ่านป้ายรถเมล์ที่เราเจอกันวันแรกบ่อยๆจำได้ไหมที่มินตบหน้าเจม ตลกเนอะดูไม่มีเหตุผลเลย..........
      มินนี้เหมือนคนบ้าเลย.............เจมเมื่อไหร่เจมจะฟื้น........มินอยากคุยกะเจมมากเลยนะจริงสิวาวากะมินเป็นเพื่อนรักกันมากเลยนะตอนนี้วาวาไม่เคยทำไม่ดีกะมินเลย......ทุกคนก็ไม่เอาเรื่องวาวาด้วยละเจม ทุกคนเข้าใจและก็ยกโทษให้วาวา มินก็ไม่รู้นะว่าวาวารักเจมแค่ไหน แต่มินไม่ยอมแพ้หรอก ก็มินรักเจมนิ..รักเจมไม่น้อยกว่าใครๆแน่ แต่อยากรู้ว่ารักแค่ไหน มินไม่บอกหรอก รอเจมตื่นมาฟังคำตอบเองดีกว่า มินจะรอนะเจมจะรอจนกว่าเจมจะฟื้น.......ไม่ว่ากี่วัน กี่เดือนแล้วก็ไม่ว่ากี่ปี.....
      p.sมีเรื่องตลกมาเล่าแหละ วั้นนั้นนะมีปารตี้เล็กกันฉลองสอบเสร็จ วาวาเขาซื้อ โอริโอ้มาเยอะแยะเลย พอมินถามว่าซื้อมาทำไมอะ เขาก็ตอบมาว่าเจมชอบแหละ ทั้งๆที่เจมยังนอนโรงพยาบาลอยุ่เลยแปลกคนเนอะ

      ยังรักเจมเสมอนะค่ะ
      มินค่ะ
      ผมฟื้นแล้วครับยังแข็งแรงและร่าเริง ผมสลบไปแค่3วัน มินทำยังกะผมจะจากไปตลอดกาลอย่างงั้นตอนผมตื่นก็เที่ยวโทรบอกใครต่อใครวุ่นวายไปหมด ผมละเซ็งจริงๆ-_-||| นายบอยบ้ากว่าเพื่อนเป็นผู้ชายแท้ๆทั้งเกาะทั้งกอดจนผมขนลุกไปทั้งตัว แผลที่ท้องยังไม่หายเลยครับ เจ็บจริงๆเจ็บไม่หาย........แต่ที่ท้องนะครับเรื่องเล็ก กับการที่มินป้อนข้าวป้อนน้ำ ทำให้ผมแทบลืมไปเลยว่าเจ็บเป็นยังไงคงไม่ต้องบรรยายนะครับว่ามีความสุขขนาดไหน...........
      ช่วงนี้สบายครับมี2สาวคอยดูแล พอมินเรียนวาวาอยู่ พอวาวาอยู่มินก็เรียน วาวาบ้าหนักครับ นั่งกะผมอยู่ดีๆบางทีก็ร้องให้ ขอโทษ ขอโทษอยู่นั่นแหละ.........ผมยังนึกเสียวๆอยู่เลยว่าเธอจะหวนมาแทงผมตอนหลับหรือเปล่า -“- มินไม่หึงวาวาครับ แปลกคน ผมเคยถามเธอก็บอกแค่ว่ามินเป็นผู้หญิงและมินก็เข้าใจวาวาดี เจมอย่า...............รังเกียจวาวานะ ถ้าเป็นวาวามินไม่หึงหรอกยกให้คน -_-เวงกรรม
      ตอนที่อยู่ในโรงพยาบาลวุ่นวายที่สุดในชิวิต พยาบาลไม่รู้กี่แผนก มารุมล้อมผม บางคนก็มานั่ง
      ฟังเรื่องของผมกะมินอยู่อย่างนั้น บางทีวัดใข้นานเป็นชั่วโมง แต่ผมก็ยินดีนะครับ ที่จะเล่าเรื่องของผม มิน แล้วก็อาจจะติดวาวา มาด้วยให้ฟัง บางคนก็เรียกผมแบบ หนังควาย ตายยากอะไรประมาณเนี้ย บอกตรงๆไม่ชอบเลยครับ......
      แต่ผมก็จะพยายามนะครับ โถ่ก็ผมต้องดูแลมากกว่าคนอื่นตั้งสองคน ต่อไปผมคงเหนื่อยแย่เลยครับ อิ อิ ^_^

      (ภาค3.....จะมีคนอ่านไหมน้าT_T)

      “ อะไรนะมิน............เจมฟังไม่ชัด” ผมเสียงดัง ไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่พึ่งได้ยินมา “ใช่แล้วเจม เจมฟังไม่ผิดหรอก มินกำลังจะไปอเมริกาค่ะ”................
      “แล้วที่ผ่านมาละมิน เราฟันฟ่ากันมาเพื่ออะไรกว่าเราจะได้อยู่ด้วยกันได้เจมไม่ยอมหรอก” มินเอามือมาเกาะชายแขนเสื้อผม มินเข้าใจเจมน่ะ แต่ทางบ้านเขากำหนดมาแล้วต้องไปเดือนหน้าแล้ว มินคงขัดใจคุณพ่อมินไม่ได้หรอก ผมได้แต่เงียบ อึ้ง มึนแล้ว ก็งง เรื่องมันเกิดขึ้นเร็วมาก แผลที่ท้องผมยังไม่หายเลย ผมกำลังคิดว่าพอผมออกมาจากโรงพยาบาล ชิวิตผมคงมีแต่ความสุข ชิวิตที่มีมินอยู่ข้างๆตลอดเวลา แต่นี้อะไร มินกำลังจะจากผมไปอีกแล้ว “ดวงเราคงไม่สมพงศกันเนอะ ไม่เคยมีโอกาศจะได้อยู่กันนานๆเลย”มินพูดแบบเศร้าๆ ตาเหม่อลอยมองฟ้า ผมไม่รู้ว่ามินกำลังคิดอะไร แต่ภาพมินมองฟ้าตอนนี้ ก็สวยเหลือเกินแล้วล่ะครับ
      “เดี้ยวพี่จะไปคุยกะพ่อมินให้”ผมลุกขึ้น กะขับรถไปบ้านมินกะมินตอนนี้เลย.........อย่างน้อยจะได้คุยกะพ่อของมินให้รู้เรื่องเลย “เจมอย่าทำอะไรบ้าๆนะ......มินไม่เล่นด้วยหรอก เข้าใจเหตุผลบ้างนะค่ะ ผู้หญิงไม่ชอบผู้ชายตื้อมากหรอก เจมใจเย็นๆสิ” มินพยายามบอกกะผม แต่จะให้ผมเย็นลงไม่ง่ายเลยครับในตอนนี้
      เดี้ยวมินกลับบ้านก่อนนะ มินบอกลาผม เธอหยิบหนังสือมาแนบอกเดินจากไปเงียบๆ........................แล้วนั่นก็เป็นวันสุดท้ายที่ผมได้เจอกับมิน
      “โทรศัพท์ที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ โปรด....”............. โครมผมกระแทกหูโทรศัพท์ 3 วันแล้ว มินไม่มาโรงเรียน ไม่มาพบ ไม่มีแม้กระทั้งเมดเสดสักฉบับ และที่สำคัญผมติดต่อมินไม่ได้เลย มินไม่เคยเป็นหยั่งงี้.............เมื่อวานเป็นวันสอบวันสุดท้าย ทุกคนไปฉลองกันแต่มินก็ยังไม่โผล่มาเลยแม้แต่เงา ผมได้แต่ถามตัวเอง ทำไม เพราะอะไรมันเกิดอะไรขึ้น ความรู้สึกที่เกิดขึ้นคืออะไรกันแน่มันอึดอัดทรมาน คิดถึงแต่หน้ามิน ผมไม่ชอบความรู้สึกนี้เลย มันเป็นความรู้สึกแบบว่า ผมจะไม่ได้พบกับมินอีก
      ผมขี่มอไซด์ที่กองอยู่ในโรงรถที่บ้าน ซึ่งไม่ได้ขับมานานแล้วไปเรื่อยๆ ขับไกล ไกล และไกลออกไป ผมไม่ได้ดูป้ายดูทางด้วยซ้ำ ผมแค่อยากหาที่สงบๆสักที่ คิดถึงมินคนเดียว.........ขับมาถึงสวนสาธาระณะแห่งหนึ่ง เวลาพึ่งจะย่ำเช้า นกยังร้อง จิ้บ จิ้บ ..ไปทั่วทั้งสวน กรุงเทพมีที่สวยขนาดนี้ด้วยหรือ ผมจอดรถข้างทาง มือคลำหาบุหรี่มาดูด ทำลายธรรมชาติ ผมนั่งผิงม้านั่งสีขาวตัวหนึ่ง น้ำค้างที่ยังเปียกๆเกาะเต็มเก้าอี้ มันทำให้เสื้อผมเปียก แต่ผมก็ไม่ใส่ใจหรอก ผมก้มหน้าเขี่ยขี่บุหรี่เบาๆให้มันกระทบพื้น แต่น้ำใสๆก็หล่นกระทบพื้นก่อนบุหรี่ซะอีก “มิน มิน มินอยู่ไหน เจมคิดถึงมินเหลือเกินรู้ไหม ตอนนี้”
      พี่ค่ะเป็นอะไร ไปเหรอ ผมเงยหน้าขึ้นมอง เด็กผู้หญิงคนนึงอายุไม่น่าจะเกิน7ขวบยืนมองผมอยู่ ดวงตาของเธอกลมโต ดูน่ารัก เธอเป็นเด็กผิวขาวดูเป็นลูกผู้ดีที่ไหนสักแห่ง เธอมองมาที่ตาของผมซึ่งกำลังแดงก่ำจากการร้องให้ เหมือนกับจะมองทะลุทีเดียว เด็กคนนั้นยิ้ม ไม่กลัวผมด้วยซ้ำ ผมเงยหน้ามองหาแม่เด็ก ไม่มีใครอยู่บริเวณนั้นเลย “พี่ขาพี่อย่าร้องเลยหนูมีของดีจะให้ค่ะ”เธอเอามือล้วงหาของจากกระเป๋าใบเล็กๆที่สะพายมาข้างๆ เธอยื่นอมยิ้มสีแดงเล็กๆน่ากินมาให้ผมอันนึง.........เอาไปสิค่ะพี่.....หนูให้นะค่ะเธอยังยัดอมยิ้มสีแดงอันเล็กๆอันนั้นให้ผม...............ผมโยนบุหรี่ลงพื้นเบาๆแล้วใช้เท้าดับมันทิ้ง....เอาก็เอาวะ ผมคิด....เพิ่งสูบบุหรี่มากินอมยิ้มต่อก็ให้รสชาติแปลกไปอีกแบบเหมือนกัน-_-||||

      น้องเขานั่งลงข้างๆผม............ผมนั่งเงียบแกะห่ออมยิ้มแล้วยัดอมยิ้มเข้าปาก........................
      “อร่อยไหมค่ะพี่” น้องถามผม ผมหันไปยิ้มให้แล้วเงียบ ใจก็ลอยคิดไปเรื่อยๆ คิดถึงมิน คิดไปเรื่อยเปื่อย
      “อร่อยครับ แล้วน้องไม่กินเหรอ”ผมถาม น้องเขาส่ายหน้าไปมาแล้วก็ยิ้ม
      “นั่นเป็น อมยิ้มอันเดียวที่หนูมีค่ะ” เด็กคนนั้นตอบ ผมหันไปมอง ตกใจเล็กๆ
      เนี่ยผมแย่งขนมเด็กกินเหรอ(วะ)เนี่ย -_-|||||
      อ่าวน้อง โถ่แล้วก็ไม่บอกพี่ ป่ะไปซื้อใหม่กัน ผมพูดพลางจูงมือน้อง
      แต่เด็กคนนั้นส่ายหน้า
      “ไม่เอาล่ะค่ะ หนูให้ เพราะเห็นพี่เศร้าเวลาหนูไม่สบายใจหนูก็จะกินอมยิ้มอย่างงี้ละค่ะมันช่วยได้มากเลยนะค่ะ”
      แล้วแม่หนูก็สอนนะค่ะว่า คนเรา มีอะไรก็ต้องช่วยเหลือกัน..................
      ต้องแบ่งปันกัน........
      ขอบคุณนะน้อง ผมลูบหัวเธอเบาๆ อย่างน้อยเด็กก็เป็นกระดาษขาวๆที่ทำให้ผมชุ่มชื้นใจบ้าง
      หนูรู้นะค่ะว่าพี่กลุ้มใจเรื่องความรัก หนูดูทีวีที่บ้านบ่อยๆเวลาพระเอกอกหักก็จะมานั่งเศร้าคนเดียวอย่างเงี้ย
      ความรักก็เหมือน...........การสอนแหละค่ะพี่ สอบตก ก็สอบใหม่ ทำไม่ได้ก็พยายามใหม่สิค่ะ
      แม่ยังบอกเลย ทำได้ไม่ได้ไม่เกี่ยว อยู่ที่เราได้ทำหรือยัง
      ถ้าพยายามที่สุดแล้วยังทำไม่ได้ ก็จงยืดอกแล้วภูมิใจเถอะค่ะว่า อย่างน้อยเราก็ได้พยายามเต็มที่แล้ว
      พี่หนูยังพูดบ่อยๆเลยค่ะพี่ พี่ชอบพูดว่า สอบผ่านเป็นเรื่องตลก สอบตกเป็นเรื่องธรรมชาติ น้องเขาพูดแววตายังใสๆ แล้วแม่ก็จับพี่ไปตีทุกที...........ตลกดีนะค่ะ
      ผมตลกไม่ออกครับ ในใจคิด เด็กอะไรวะเนี่ยเด็กสมัยนี้เป็นอย่างงี้หมดแล้วเหรอ
      เราอาจจะแก่แล้วก็ได้มั้งเนี่ย
      เอ้าลูก มานั่งอะไรตรงนี้ กลับบ้านได้แล้วจ้ะ แม่ของเด็กยืนเรียกน้องคนนั้นอยู่ปลายทางเดิน
      เด็กคนนั้น กระโดดลงจากเก้าอี้ เธอหันมาโบกมือบ้ายบายผม
      หนูไปแล้วน่ะค่ะพี่ อย่าลืมนะค่ะจุดหลักก็คือ.....พี่พยายามหรือยัง เศร้าไปไม่ได้อะไรหรอกค่ะ
      พี่รักแฟนพี่หรือเปล่าละค่ะ สู้ๆค่ะพี่ บาย....... แล้วเด็กคนนั้นก็วิ่งไปหาแม่
      เดี้ยว.............น้อง ผมเรียก
      เด็กคนนั้นหันมา “ขอบใจสำหรับอมยิ้มนะ พี่จะพยายาม” ผมส่งยิ้มให้
      “ไม่เป็นไรค่ะพี่ ไว้เราเจอกันวันหลัง พี่อย่าลืมพาหนูไปกินไอติมน่ะค่ะ เอาไว้ไปเดทกัน”เด็กคนนั้นบอก
      อีก10ปีเราไว้ไปเดทกัน...........ผมย้ำคำพูด..... หวังว่าจะเป็นสาวสวยนะ ผมบอกกันตัวเอง
      น้องคนนั้นเดินจูงมือกันแม่ไปแล้ว ผมยังมองตามอยู่
      นี่แหละที่เขาว่า วัยเด็กย่อมมีพลัง.ความคิดสร้างสรรคจริงๆ
      ผมเดินกลับไปที่รถบิดกุญแจ หันไปมองม้านั่งสีขาวตัวเดิมเป็นครั้งสุดท้าย
      วันนี้ ผมได้ความทรงจำดีๆอีกเรื่องแล้ว
      ผมหัน รถออก บิดขันเร่ง
      ใช่แล้วครับ
      ผมกำลังไปบ้านมิน........

      คุณมินไม่อยู่ค่ะ มีอะไรฟากไว้ไหมค่ะ...........คนใช้บ้านมินเปิดประตูออกมาบอก
      เหรอครับ มินไปไหนบอกผมหน่อยสิครับ คือผมไม่เจอเธอหลายวันแล้ว
      ค่ะ...ถ้าคุณมินกลับจะบอกน่ะค่ะ.......เธอรับคำ
      ขอบคุณครับ ผมตอบ หันหลังกดเบอรมือของมิน
      มีเสียงเรียก........แต่..........
      ไม่มีคนรับ
      “มินรับสิรับ......พูดกับเจมหน่อย” ผมพูดพึมพัมกับตัวเอง
      แต่เปล่าประโยชนครับ มินหายไปเลย
      ผมส่งแมสเซสไปสั้นๆครับ ผมหวังแค่มินจะเข้าใจ
      : เจมจะรอนะ จะรอเสมอ รอวันที่เราจะได้คุยกับมินอีก เรารักมินนะ
      รักมาก เราเชื่อนะ เราเชื่อมินก็ยังรักเราอยู่ ตอนนี้อยู่หน้าบ้านมินนะครับ:เจม
      ผมส่งไปแล้วครับ นั่งผิงเสาไปครับ รอมินอยู่ตรงนั้น
      กว่า 3 ชั่วโมงแล้วที่ผมรอมินหน้าบ้าน ไม่เห็นแม้แต่เงา โทรศัพท แมซเซส ไม่ต้องพูดถึงครับ
      ไม่มีแม้แต่จะตอบกลับมาเลย.......
      :มิน เจมร้อนจังเลย ตอบกลับเราหน่อยได้ไหมครับ ปวดแผลที่ท้องจัง แต่ช่างเหอะจ่ะอยู่รอมินนะครับ:เจม
      ผมส่งไปอีกฉบับแล้วสิ..มันเหมือนกับผู้ชายชอบตื้อหรือเปล่าก็ไม่รู้
      ผมไม่ได้สำออยครับ...........ผมเจ็บแผล.......เจ็บมากจริงๆ
      ผมนั่งอยู่อย่างนั้นผิงเสาไฟฟ้าหน้าบ้านมิน
      ผมไม่กล้ากดกริ่งอีกครับ กลัวรบกวนคนในบ้านมิน
      คนใช้บ้านมินก็เหลือเกิน........ไม่คิดจะชวนผมเข้าบ้านซักคำ
      ตอนนี้เย็นแล้วครับ
      ผมเหนื่อยมากเลยครับ
      จะว่าไหมครับถ้าผมจะขอนอนตรงหน้าบ้านนี้
      :เจมง่วงมากเลยมิน ตอนนี้นอนอยู่หน้าบ้านมินนะ อาจจะทุเรศหน่อย ยังไงมาก็ปลุกนะครับ ไม่กล้ากดกริ่งบ้านมินเลย เราไม่อยากให้พ่อมินด่ามิน รักมินมากเลยนะครับ:เจม
      ผมกดส่งข้อความนี้เสร็จ
      ผมก็ทรุดแล้วครับ มึนไปหมดแล้ว
      แปะ............แปะ....
      น้ำอะไรบางอย่างหยดลงตรงหน้าผม
      ผมลืมตาขึ้น เอามือป้าย ในใจก็ด่า น้ำไรวะ
      แหงนหน้ามองฟ้า
      เม็ดฝนค่อยๆโปรยปรายลงมา........ผมยกมือมาดู.เม็ดฝนเม็ดนึงตกลงมากลิ้งอยู่ในมือของผม
      ใช่ครับ ฝนตกซะแล้ว
      ยกนาฟิกาข้อมือมาดู 2 ทุ่มแล้วเหรอนี่
      ผมหลับไปกว่า 4ชั่วโมงเชียวหรือ
      คว้ามือถือขึ้นมาดู 1 missed call ดีใจครับรีบกดดูหวังให้เป็นเบอรมิน
      โถ่เวงกรรม......นายบอยโทรมา................
      ฝนตกหนักขึ้นทุกทีแล้วครับ ผมเปียกไปหมด เดินหาที่หลบฝนไม่ทันแล้ว
      เอาก็เอาวะ นั่งตากฝนแมร่งเลย ผมคิด
      หิวน้ำ เหลือบไปเห็นเซเว่น สุดทางเดิน คลำๆดูในกระเป๋า เหลือแค่500
      เอาก็เอาวะ ดีกว่าไม่มีไร เดินไปซื้อเบียร มานั่งดื่ม รอมินต่อ
      ซื้อมา6กระป๋อง กะอยู่ยาว ตาจะได้แข็งๆ
      ดื่มไป2กะป๋องมึนหนักมาก อะไรวะแค่นี้เมา
      ปวดหัว ยังนั่งรอมินอยู่ที่เดิมกลางสายฝน
      คิดเรื่องมินในหัวเรื่อยๆ นี่ละที่เขาว่า เวลาคนเราไม่เหลืออะไร สิ่งที่มีค่าที่สุดก็คือความทรงจำที่ไม่มีใครเอาไปได้
      และไม่ว่าเราจะนึกถึงมันกี่ครั้ง มันก็ยังอยู่ตรงนั้น เหมือนหนัง ที่ย้อนไปย้อนมาไม่มีวันจบ
      อึกอัด ร้อน ทั้งที่ตากฝนอยู่........
      ไม่ไหวแล้วครับ.......น้ำไหลไปตามผมแล้วก็หน้า ไหลไปพร้อมกับน้ำตา ของผม
      อกมันทรมานบอกไม่ถูก เหมือนมันจะแตกเสียให้ได้
      ผมคงไม่ได้เจอมินแล้ว มรึงโดนทิ้งแล้ว ยังไม่รู้ตัวอีกเหรอวะ ผมบอกกับตัวเอง
      ส่วนนึงของจิตใจก็บอกว่าไม่ใช่เป็นไปไม่ได้ มินไม่ทำอย่างนั้นหรอก
      แต่ในที่สุดแล้วครับ
      สมองอีกข้างก็ชนะ ทุกสิ่งทุกอย่างที่มินแสดงมันเป็นเหตุผลในตัวมันเองอยู่แล้ว
      ผมเงยหน้ารับสายฝนครับ ให้มันกระทบหน้า
      ฝนยังตกลงมาเรื่อยๆไม่มีที่ถ้าว่าจะหยุด
      เหมือนคนบ้าครับ นั่งกลางสายฝนคนเดียว ข้างเสาไฟฟ้า ถือกระป๋องเบียร ร้องไห้ หัวเราะคนเดียว
      คงมีคนคิดบ้างละครับว่า นายนี่ไม่บ้าก็ต้องเมา
      แล้วฝนก็หยุดครับ ผมงง หยุดเอาดื้อๆอย่างงี้เลยเหรอ
      ผมลืมตามองไปรอบๆ
      ฝนไม่ได้หยุดหรอกครับ
      แค่มีร่มคันนึงกางอยู่บนหัวผม
      ข้อเท้าเล็กๆของคนที่ถือร่มอยู่ช่างคุ้นตาเหลือเกิน
      ผมค่อยๆไล่สายตาขึ้นไป อยากจะมองหน้าเจ้าของร่มผู้มีน้ำใจ
      “มิน”

      “อะไรเจมทำไมมานั่งอยุ่ตรงนี้ล่ะวาวาพูดเธอขุกเข่าลงข้างๆควานหยิบผ้าเช็ดหน้า
      มาเช็ดหน้า ให้ผม “ทำไมมานั่งตากฝนทำไมไม่เข้าไปหามินละ”
      ความดีใจเพียงวูบสั้นๆหายไปทันที
      มันสั้นพอๆกับสมองรับรู้แล้วว่าคนที่อยุ่ตรงนี้ไม่ใช่มิน
      แต่เป็นวาวา.............
      “มินเขาไม่อยุ่บ้านน่ะ เราเลยมานั่งรอ เราอยากคุยกับมินมากเลยวาวา เราเลยนั่งรอ รอจนกว่าเขาจะกลับมา”
      ผมบอกวาวาไปตรงๆ.............อย่างน้อยผมก็รู้ว่าวาวาห่วงผมจริงๆ
      วาวาเงียบ.....เธอได้แต่ก้มหน้าก้มตาเช็ดหน้าให้ผม
      เธอไม่พูดอะไรแต่สายตาเธอ กลับไม่สดใสเหมือนที่มองผมครั้งแรกเสียแล้ว
      วาวาหลบตาผม เธอเช็ดไปตามหน้าไล่ลงมาที่ซอกคอ
      “เจม”วาวาเรียกผมสั้นๆ
      ผมมองที่วาวา ผมเปียกยาวสลวยประบ่า เธอลงมาจากรถที่จอดอยู่
      เดินฝ่าสายฝนลงมา เนื้อตัวเปียกปอน
      เพื่อมานั่งข้างๆผู้ชายที่ไม่เคยรักเธอเกินเพื่อนเลย........
      “วาวารู้...........ว่ามันอาจไม่ดีที่จ่ะบอกอะไรบางอย่างให้เจมฟัง
      เจมอาจจะไม่เชื่อก็ได้แต่วาวาก็ยืนยันนะว่ามันเป็นความจริง”
      บรรยากาศรอบข้างเงียบสนิท มีแต่เสียงฝนตก
      กับแสงนีออนริมถนน............ผมกับวาวามองหน้ากัน
      อยู่ภายใต้ร่มคันเดียว.........
      วาวาจะบอกรักผมเหรอ
      “ มินไม่ได้ไปไหนหรอกเจม อยู่บ้านตลอด เนี่ยวาวาเพิ่งคุยตะกี้บอกจะแวะไปหา”
      วาวาบอกความจริงกับผม มันช่างห่างจากจินตนาการเหลือเกิน
      ผมไม่อยากเชื่อกับคำพูดของวาวาเลย
      ในใจก็ยังเชื่อ เชื่อในตัวมิน
      และไม่คิดว่ามินจะทำกับผมอย่างนี้..............
      ผมหยิบมือถือขึ้นมา กดเบอรมิน รอฟังเสียงรับโทรศัพท์
      ยังไม่มีคนรับเหมือนเดิมผมรอให้มีคนรับไปเรื่อยๆ
      บริการรับฟากข้อความ...............ยังคงดังที่เดิมที่ปลายสาย
      “มันไม่จริงใช่ไหม วาวา มินไม่มีทางหลบหน้าเราหลอกใช่ไหม”ผมถอนสายโทรศัพทออกจากหู
      หันไปหาวาวาที่เฝ้ามองอยู่.......เธอยิ้มให้
      เธอหยิบโทรศัพทของเธอขึ้นมา เร่งเสียงให้ดังขึ้น จนได้ยินออกมาข้างนอก
      เธอกดเบอรมินช้าๆให้ผมสังเกตเห็นชัดเจน................
      โทรศัพท์ขึ้นข้อความ :กำลังโทรถึง:.......
      และแล้ว เสียงที่คุ้นหูของผมมากที่สุด เสียงที่ผมไม่มีวันลืมเลยก็ดังขึ้นที่ปลายสาย
      “ฮัลโหลวาวา........ถึงแล้วเหรอ......เนี่ยรออยูเลยนะทำไมช้าจังเลยทำไรอยู่\"

      วาวาหยิบโทรศัพทกลับไป
      อืมมินอยู่หน้าบ้านแล้วละ............เปิดประตูรับหน่อยดิ เดี้ยวไปหานะ...... วาวาตอบมิน
      ผมยอมรับครับว่าเธอเก่งจริงๆมินคงไม่รู้ตัวแน่ๆ
      วาวาไปก่อนนะเจม เอาร่มไว้ซิ วาวาเอาร่มให้ผม
      ผมยังนั่งอยู่อย่างนั้น ไม่สนใจ ไม่ฟังอะไรทั้งสิ้น
      เธอเอามือของผมไปกำร่ม แล้วก็เดินตรงไปที่รถของเธอ เธอหันมามองแล้วมองอีกวาวาคงเป็นห่วงผม..
      “เจม............เข้มแข็งนะค่ะ เดี้ยววาวาจะพูดกับมินให้น่ะ” วาวายิ้มโบกมือให้เธอพูดก่อนจะขับรถออกไป
      สายตาผมมองเหม่อไปข้างหน้า ..................เหตุผล
      เพียงพอแล้ว.......
      ที่จะบ่งบอกว่าผมโดนทิ้ง.............
      มินไม่รับโทรศัพทผม ไม่เคยมีข่าวตอบกลับ
      เธออาจจะไม่เคยรักผมเลยก็ได้ มินอาจจะเห็นว่าผมเป็นคนดี
      เธออาจจะแค่เหงา แล้วผมคนเดียวนี่แหละที่คิดไปไกล
      ร่มหลุดจากมือ กลิ้งไปตามพื้น
      ฝนตกหนักกว่าเดิม เริ่มหนาวขึ้นทุกที...
      มือล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ คลำหาบุหรี่มาทำลายปอด.........
      หยิบออกมาจากซองดึงออกมาหนึ่งตัวจะจุดสูบ
      บุหรี่เปียก ไฟแช็คก็ชื้นจุดไม่ติดได้แต่คาบเอาไว้อย่างนั้น
      เอาวะแค่นี้ก็ยังดี........................................ผมไม่ร้องให้แล้วล่ะ
      ผมว่าผมร้องมาพอแล้วสำหรับมิน...........ผมผิดไหมครับที่ผมจะขอหยุดความคิดตัวเองไว้แค่นี้
      ผมไม่อยากคิดอะไร ไม่อยากพูดอะไรอีกแล้ว......
      ผมดันตัวเองกับเสาไฟฟ้าแล้วลุกขึ้น...........
      ผมอยากกลับบ้านซะแล้วตอนนี้ ผมรู้ตัวเองดีว่าไม่มีประโยชน์อะไรเลยที่จะรอ
      เจมขับรถออกไปจากตรงนั้น.............
      พร้อมกับคนคนนึงที่วิ่งออกมาจากบ้าน..............
      วิ่งออกมาท่ามกลางสายฝน เธอได้แต่มองตามรถมอเตอรไซดที่ขับออกไป
      “เจม...........................กลับมาเดี้ยวนี้นะ” มินตะโกนลั่น
      แต่ดูเหมือนจะเปล่าประโยชน์ สายฝนกลบเสียงเธอจนไม่อาจจะได้ยินแล้ว

      ผมไม่เจอมินมากว่า2อาทิตย์แล้วครับ
      ผมยังจำได้อยู่เลยครับ พรุ่งนี้แล้ว...............มินจะไปอเมริกา
      ผมปิดตัวเองอยู่ในห้องคนเดียว ไม่เปิดไฟด้วยซ้ำ ดึงสายโทรศัพทออก
      ปิดมือถือ..............อาจจะมีคนว่าผมบ้าก็ได้ แต่ผมไม่อยากยุ่งกับใครไม่อยากคุยกับใคร
      อยากอยู่คนเดียว เงียบๆอย่างนี้
      ผมไม่หิวเลยครับ อาจจะประหลาดก็ได้...........เท่าที่ดู2อาทิตยมานี้ผมกินข้าวไม่ถึง6มื้อ
      น้ำดื่มทุกวันครับ แต่หนักไปทางเบียรเสียมากกว่า
      พ่อผมแม่ผมเป็นห่วงมาก
      แต่ท่านคงรู้นิสัยผมดีว่าผมคงไม่ยอมออกไปแน่ๆ เวลากลุ้มใจผมชอบอยู่อย่างเนี้ย
      เฝ้าถามตัวเองว่าทำไมและเพราะอะไร แล้วพอสบายใจก็จะออกมาเอง
      แม่ผมได้แต่คอยเอาน้ำเอาอาหารมาตั้งอยู่หน้าห้องอย่างนั้น
      ถ้าไม่มีคนกิน แม่ผมก็จะยกมันกลับไป
      ท่านทำหยั่งงี้อยุ่ทุกวัน และทุกมื้อ...........โดยที่ท่านไม่เคยบ่นหรือว่าเลย
      เทปเพลงมากมายกองอยู่ที่พื้นครับ
      ผมงัดออกมาฟังหมด
      เพลงอกหักทุกเพลงทุกเรื่องโดนใจผมแทบทั้งนั้น
      ผมรุงรังไม่ได้รักษา หนวดก็เริ่มยาวแล้วครับ
      ไม่รู้จะดูดีไปทำไมและเพื่อใคร.........
      หมอนเต็มไปด้วยคราบน้ำตาครับ ผมไม่ได้ร้องให้..แต่น้ำแค่ไหลออกมาจากตาทุกครั้งที่คิดถึงมิน
      ตอนนี้ถ้าเป็นเมื่อก่อน คงเป็นช่วงเวลาที่เราจะเดินจูงมือกัน
      หรืออาจนั่งซบกัน เพื่อจดจำเวลาที่อยุ่ด้วยกันก็ได้..........
      มันอาจจะดีกว่านี้ถ้าคืนนั้นผมไม่ไปหามิน
      อย่างน้อย.........
      ตอนนี้....ผมอาจจะยังร่าเริง ผมอาจให้ข้ออ้างกับตัวเองก็ได้ว่า มินยังไม่ได้ทิ้งผม
      เสียงเคาะประตูดังขึ้น......
      “เจมเป็นยังไงบ้างลูก..........แม่เป็นห่วงนะ ตอบแม่หน่อย”แม่ผมเองละครับจะเป็นใครไปได้อีกล่ะ
      ผู้หญิงเพียงคนเดียวในโลกแหละครับ ที่ยังรัก ยังห่วงผมไม่ว่าผมจะเป็นยังไง
      “ขอโทษครับแม่ผมยังไม่อยากคุยกับใคร”ผมตอบกลับไป
      ผมเศร้า แต่มันคงไม่ดีที่จะทำให้แม่ตัวเองเป็นห่วง................
      “จ้ะแม่ไม่ว่าอะไรหรอก เอ้อเจม ตะกี้มีน้องหนูน่าตาน่ารักคนนึงเธอมารออยู่หน้าบ้านตั้งนานแล้ว
      เธอฟากจดหมายใว้ให้ลูกด้วย” แม่ผมพูด “แม่ก็ชวนเธอเข้ามาในบ้านแล้วนะ แต่เธอไม่ยอมเข้ามาเลย
      เธอบอกเธอไม่มีหน้าจะสู้ลูกได้ แม่ไม่เข้าใจเลยว่าลูกไปทำอะไรไว้เหรอ”
      อะไรนะแม่....................ผมวิ่งมาเปิดประตู
      ไหนครับไหน ขอผมดูจดหมายหน่อย.. “แม่ผมยิ้มทียังงี้ออกมาเร็วเลยนะ”ท่านยังอดแซวไม่ได้
      จดหมายที่อยู่ในมือแม่ใส่ซองสีชมพูสวย มันถูกส่งมาพร้อมกับกล่องของขวัญเล็กๆกล่องหนึ่ง
      บนหัวซองเขียนข้อความเล็กๆ
      “แด่เจม คนที่เรารักที่สุด และยังคงรักเสมอมา มิน”
      มิน..............ผมตกใจมาก วิ่งลงบันใดบ้าน...............เร็วที่สุดเร็วเท่าที่จะทำได้
      ผมเปิดประตูบ้านออก วิ่งออกมาทั้งๆเท้าเปล่า ยังไม่ใส่รองเท้าด้วยซ้ำ
      ผมหันไปมองรอบ...........หันหน้ามองไปทั่ว
      มองหามินของผม............... มิน มินรอเจมด้วย
      ผมวิ่งไปหาผู้หญิงคนหนึ่งที่เดินอยู่บนถนน เธอใส่ชุดนักศึกษาที่คุ้นตา เธอกำลังเดินไปเรื่อยๆช้าๆ
      เธอยังคงหันหลังให้ผม
      ไม่นานผมก็ไล่เธอทัน เอามือจับใหล่เธอเพื่อให้เธอหันมา
      มินเราเองไง...................ผมพูด ในใจตอนนี้พองโตไปด้วยความดีใจ
      เธอคนนั้นตกใจไม่ใช่น้อย................ เธอคนนั้นหันมา........
      ขอโทษค่ะ ทักคนผิดหรือเปล่าค่ะ เธอพูดแสดงสีหน้าตกใจ
      คนคนนี้ไม่ใช่มิน.............ผมทักคนผิดเสียแล้ว
      ผมปล่อยมือออกจากไหล่ของเธอ............พร้อมกับเอ่ยคำขอโทษ
      จ๋อยสิครับได้แต่เดินกลับห้อง......ในมือก็มีแค่จดหมายกับกล่องๆหนึ่ง
      ซึ่งผมไม่แน่ใจเลยว่า เนื้อความด้านในจะดีหรือร้าย

      กลับมาบ้าน.........ด้วยความตื่นเต้นครับ แต่ในใจก็กลัวจริงๆ ว่าเนื้อความในนั้นจะเป็นยังไง
      นั่งลงที่เตียงหยิบจดหมายขึ้นมา............เอาจดหมายมาดูครับ ซองสีชมพู...............เรียบๆ
      สมกับมินจริงๆ ผมยังจำได้เลยครับว่ามินชอบอะไรที่มันสีหวานๆแต่ไม่ให้มันดูหรูเกินไป
      อย่างมีลายประดับนี้มินส่ายหน้าอย่างเดียวเลยครับ..................
      ผมสูดหายใจเข้าปอดตัวเองลึกๆก่อนจะเปิดจดหมายออก
      ด้านในมีกระดาษแผ่นเล็กๆพับอยู่ใบหนึ่ง.......
      กลิ่นหอมๆลอยออกมาจากซองครับ.....เป็นกลิ่นของน้ำหอมที่มินใช้ประจำผมยังจำได้เสมอเลยครับ
      ........................................................................................
      เจม..............
      นานแล้วนะค่ะที่เราไม่ได้คุยกันเลย
      มินขอโทษ เจมโกรธมินหรือเปล่า
      อาจจะเป็นการเอาแต่ใจเกินไปก็ได้ที่อยู่ๆมินหายไปเลยแบบนี้
      มินรู้น่ะว่าเจมเป็นห่วง แล้วก็รักมินมาก
      แต่มินพยายามน่ะเจม...............พยายามเพื่อเรา2คน
      มินต้องไปเรียนต่อที่อเมริกา เจมก็รู้ใช่ไหม
      3ปีน่ะเจม3ปี ที่เราจะไม่ได้เจอกันเลย
      มินกลับมาไทยปีละครั้งเอง..................เจมคิดดูสิ
      แค่เราไม่ได้คุยกันแค่2อาทิตย์
      มินยังรู้สึกเลยว่ามินเหงามาก แล้วก็คิดถึงเจมมากด้วย
      มินร้องให้หลายครั้งเลยน่ะเจม
      มินเจ็บและก็ปวดใจมากไม่แพ้เจมหรอก
      ทุกครั้งที่เจมโทรมา........เสียงโทรศัพทมันบาดเข้าไปในใจมินทุกครั้ง
      มินอยากรับ..
      อยากได้ยินเสียงเจม...
      แต่มินก็บอกกับตัวเองว่าต้องทนได้สิ
      หากมินไปมันคงทรมานกว่านี้................
      มินรักเจมน่ะเลยอยากจะให้เจมตัดใจ อยากให้เจมได้เจอใครต่อใครอีก
      มินไม่อยากให้เจมรอ
      มินเชื่อใจวาวาน่ะ เชื่อว่าเขาจะดูแลเจมได้
      วันนั้นที่เจมมารอหน้าบ้าน...........
      มินก็แอบยืนมองอยู่ที่หน้าต่างห้องนั่นแหละ
      มินดีใจน่ะ ที่เจมรักแล้วก็แครมิน
      มินไม่เคยเกลียดหรือรักเจมน้อยลงเลยน่ะ
      เจมจำได้ไหม
      มิน...........เคยบอกว่ารักเจม รักมากจนอยากให้เจมมีความสุข
      รักมากขนาดที่................มินยอมจากไปเงียบๆดีกว่า
      มินจะเก็บเจมไว้ในความทรงจำนะ
      เผื่อว่าสักวันเราเจอกันอีก............ไม่ว่าที่ไหน
      เจมก็จะยังยิ้มให้มินอย่างนี้ ยังเป็นเจมคนเดิม
      ที่มินจะยังรักเสมอ
      ลาก่อนค่ะ
      p.s มินให้ของสิ่งนึงกะเจมเป็นที่ระลึกน่ะ เจมจะใส่หรือไม่ใส่ก็ได้ แต่ถ้าเจมเหงาหรือเจมคิดถึงมิน
      ก็หยิบมันขึ้นมาดูล่ะ .....................เข้มแข็งมากมากนะค่ะ ดูแลตัวเอง มีความสุขแล้วก็ ขอให้เจอคนที่รักเจม รักเจมมากกว่าที่มินรักนะค่ะ

      “ มิน”
      ผมวางจดหมายลงช้าๆแกะกล่องเล็กๆที่แนบมากับจดหมาย...............
      ด้านใน
      เป็นแหวนเงินวงเล็กๆวงหนึ่ง................มีกระดาษเล็กๆแนบอยู่
      เจม^^
      นี่เป็นแหวนคู่ล่ะ มินไปเลือกซื้อมาให้
      ขอบคุณสำหรับทุกอย่างที่ผ่านมาค่ะ
      มินไม่เคยเสียใจเลยน่ะที่รู้จักเจม
      ใส่ซะน่ะ มินก็จะใส่ไว้ตลอดเหมือนกันค่ะ
      บาย............

      ผมหยิบแหวนวงนั้นมาใส่ทันทีเลยครับ
      เดินไปหยิบโทรศัพทมือถือที่ไม่ได้เปิดมาหลายวัน
      อยากจะคุยกับมิน มาก มาก แล้วก็มากที่สุดเลย
      พอเปิดเครื่อง ไม่ถึง20วิ เมสเสดก็เข้ามาทันที
      ผมค่อยๆเปิดอ่านทีล่ะฉบับ
      ส่วนใหญ่เป็นข้อความจากเพื่อนๆธรรมดา
      ไม่มีอะไรน่าสนใจ แต่มีข้อความนึงส่งมาจากวาวาครับ
      ส่งมาเมื่อ20นาทีที่ผ่านมานี่เอง.........
      ผมรีบเปิดอ่านครับ อยากรู้ข้อความด้านในจะเป็นยังไง
      :เจม โทรหาไม่ติดเลย...................รีบมาสนามบินด่วนเลยน่ะ กำหนดการของมินเลื่อน เขาจะบินคืนนี้แล้ว ตอน2ทุ่ม..............:วาวา
      ตกใจครับ หันไปมองนาฟิกา 6โมง30
      อีกแค่ชั่วโมงครึ่ง มินก็จะจากผมไปแล้วหรือนี่
      ผมโดดลงจากเตียงทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างไว้ข้างหลัง
      แม่................................ผมไปข้างนอกนะไปละครับ
      ผมตะโกนบอกแม่ตอนวิ่งผ่าน
      กระโดดขึ้นมอไซดทันทีครับ บิดกุญแจแล้วเร่งเครื่องออกไปสู่ถนนใหญ่
      อาจจะเหมือคนบ้า แต่ผมขี่เร็วมากเลยครับ...........
      ผมกลัว ผมกลัวว่าจะไม่ได้เจอมินอีก
      ผมมีบางสิ่งอยากจะบอกมิน
      สิ่งที่มินเข้าใจผิดมาตลอด...............
      รถเริ่มช้าครับเร่งไม่ขึ้น หันไปดูเข็มน้ำมัน
      หมดสนิทครับ ไม่ได้เติมลืมดู...............ช่างมันครับเลี้ยวเข้าซอยข้างทาง
      จอดทิ้งไว้ยังงั้นเลยครับ
      วิ่งออกมา แท็กซี่เว้ย.......ไม่มีใครจอดกรรม.......
      ไม่มีรถว่างครับ ตอนเย็นเลิกงานกัน
      ดูนาฟิกา ทุ่มนึงแล้วครับ............ไม่ทันแน่ถ้ารอเฉยๆแบบนี้
      อีกเกือบ10กิโลเองครับT_Tจะถึงสนามบิน
      เอาก็เอาว่ะ................ใช่ครับ ผมวิ่ง วิ่งด้วย2เท้าของผมนี่ละครับ

      วิ่งไปมองหารถไป แทบจะไหว้เขา...ขอแค่สนามบินไปส่งได้ไหม
      ไม่มีนายบ้าที่ไหนไปส่งสักคัน.....
      ขาก็พาตัวเอง วิ่งๆ เหนื่อยมากครับ หนักไปหมดทั้งตัว
      ควันบุหรี่มันส่งพิษก็ตอนนี้ล่ะครับ เหนื่อยครับ เหนื่อยจริงๆ
      แต่แรงใจที่อยากจะเจอมินมันมากกว่า
      ปวดขามาก เหงื่อออกท่วมเสื้อ......................
      แต่ก็ยังวิ่งๆ อย่างมากก็แค่ตายวะผมคิด..........
      4กิโลได้ที่ผมวิ่งเต็มที่แต่..........
      มันคงไม่ทันแล้ว......ผมเดินแล้วครับ หายใจไม่ทัน
      ขอโทษนะมิน............เราคงไปไม่ทันแล้ว
      “เห้ย.............นายเจมจะขึ้นรถไหมวะ”ผมหันไป แกงค์ผมมาทั้งแกงค์เลยครับ
      ยิ้มแฉ่ง แบบกวนส้นตีนฉบับเดิม
      หรือมรึงเดินถุดงวะ เร็วสิวะมินจะไปแล้วนะเว้ย
      ผมยิ้มครับ
      ขอบคุณพระเจ้าแล้ววิ่งขึ้นรถ..............
      เห้ยเร่งเต้มที่เว้ย...............นายบอยพูดเท้าเหยียบคันเร่ง...........
      ถึงแล้วครับ ผมกระโดดลงรถตามองไฟด์บิน
      ผมคงโง่มาก ไม่รู้แม้แต่ว่ามินจะขึ้นเครื่องอะไรแล้วตอนไหน
      นายเจม.............ช่อง22ระหว่างประเทศไปเลยเว้ยนายบอยตะโกนบอก
      มันคงรู้จากวาวาแล้วว่ามินขึ้นช่องไหน
      ผมวิ่งไปซื้อตั๋วผ่านทางครับ.................
      ตามองเวลา 7.50 นาที
      เสียงโทรศัพทดัง...............มินโทรมาครับ
      ผมวิ่งมือหนึ่งหยิบมือถือ
      “ฮัลโหลมิน.............มินเหรอ”ผมพูด วิ่งผ่านช่องทางเข้าต่างๆ
      ช่อง1 ช่อง2.........
      “เจม...........มินจะไปแล้วนะมินโทรมาลา”มินพูดมาเสียงเธอเศร้าๆ
      ผมวิ่ง วิ่งให้เร็วที่สุดเท่าที่เท้าจะส่งตัวไปได้
      ช่อง10 11 12............13
      “มินขอโทษนะเจม...........หวังว่าเจมจะจำเราไว้น่ะ มันอาจจะช้าเกินไปก็ได้
      ที่เราจะบอกคำนี้กะเจม”มินนิ่งไปครู่นึง
      “เรารักเจมนะ รักมาเสมอ แล้วก็จะรักตลอดไป ลาก่อนนะเจม”
      ......................................................
      .....................................
      .......................

      มินเดินถือกระเป๋า หันหลังกำลังจะขึ้นเครื่อง เธอยื่นตั๋วให้พนักงาน
      “เจม............อย่าเงียบสิ..........พูดอะไรกับมินสักคำได้ไหม อย่างน้อยก็คำลาดีๆกับมินสักคำ”
      มินถามผม ดูเหมือนเธอกำลังรอคำตอบ คำหนึ่งจากผมอยู่
      แล้วสายโทรศัพท์ก็ตัดไป
      ........................................
      นานพอที่จะทำให้มินร้องให้
      ........................................
      “เราก็รักมิน รักมากด้วยมินอย่าจากเราไปนะ”
      เสียงตะโกนดังลั่นห้อง...............ผู้โดยสาร
      มีชายคนนึง ผมกระเซิง หนวดรุงรัก เสื้อผ้าก็แสนโทรม ยืนอยู่บนยอดบันได
      สายตาของเขา มองไปที่มิน
      เขายิ้ม................อย่างเคย ยิ้มแบบที่มินชอบ ไม่ใช่ยิ้มแบบแค่เพื่อน
      แต่ความหมายมันมากมายมากกว่านั้นมากนัก
      เขาวิ่งลงมา...........ตรงไปหามินท่ามกลางสายตาผู้คนที่จับจ้อง
      เขาชูมือข้างที่สวมแหวน..............ให้มินเห็นชัดเจน
      แหวนอยู่ที่นิ้วชี้ข้างซ้าย นิ้วที่มีความหมายถึงการหมั้น และคำสัญญาว่าจะมั่นคงเสมอ
      ...........................................................................
      มินก็ชูมือขึ้นมา แหวนแบบเดียวกันอยุ่ในมือข้างซ้ายของเธอ
      เธอซึ่งกำลังร้องให้ และทิ้งทุกสิ่งทุกอย่าง มาสวมกอดกับคนที่เธอรักที่สุด
      ผมกับมินกอดกัน............
      ไม่มีคำพูดใดๆ ได้แต่ปล่อยความอบอุ่นให้ถ่ายทอดถึงกัน
      มันเป็นสิ่งที่มากกว่าคำอธิบาย................
      มินร้องให้ในอ้อมอกผม เธอกอดแน่น แน่นราวกับกลัวจะสูญเสียช่วงเวลานี้ไป
      ผมได้แต่กอดมินให้แนบตัวที่สุด
      อาจจะมีคนดู........... แต่ตอนนี้ราวกับว่า
      โลกนี้มีเพียงผมกับมินเท่านั้นเอง.................
      ผมถอนตัวออกช้าๆ มองหน้ามิน
      “มิน มินไม่ต้องห่วงเจมนะว่าจะไม่มีความสุข เจมไม่เคยเสียใจเลยที่รักมิน
      ไม่ว่ามินจะอยู่ที่ไหน..............ไม่ว่ามินจะเป็นยังไงก็ตาม
      เจมก็จะยังเป็นเจมคนเดิมรอมินนะ เราอาจจะเจอกันแค่ปีละครั้ง แต่เราจะคิดถึงมินทุกวัน
      เจมสัญญาว่าจะไม่มีใคร แล้วก็จะรอ จะรอที่เดิมเสมอ....ไม่ว่านานเท่าใดก็ตาม”
      มินน้ำตานองหน้า เธอไม่พูดอะไรเอาแต่ร้องไห้ได้แต่ยื่นนิ้วก้อยมาให้ผม
      “สัญญาน่ะ”
      ผมเกี่ยวก้อยมินตอบ
      “อืม เราสัญญา”
      มินออกจากอ้อมแขนผมแล้ว เดินไปหยิบของแล้วจู่ๆ เธอก็เดินกลับมา
      แล้วกระโดดจูบผมนาน.......................ทีเดียวกว่ามินจะยอมถอนปากออก
      “ มินรักเจมน่ะ”
      “ อืมเราก็รักมิน”
      “ตลอดไปน่ะ”
      “อืม....ตลอดไป”
      เสียงตบมือเริ่มดังตอนไหนไม่รู้ แต่ตอนนี้ทั่วทั้งห้องโดยสาร มีแต่เสียงตบมือเต็มไปหมด
      ฝรั่งส่งเสียงแซว แม่ลูกคู่นึงแม่เอามือปิดตาลูกตาก็ยังส่งยิ้มมาให้
      คู่ฮันนีมูน นั่งซบกัน............คู่รักบางคู่เดินจับมือกันแล้วเดินต่อไป..........
      แอร์โฮสเตสยิ้มให้ คุณยายคนหยิบรูปสามีในกะเป๋าขึ้นมาดู
      .......................................

      อาจจะเป็นช่วงสั้นๆแต่มันก็มีความหมายที่สุด
      ผมนั่งอยู่ตรงนั้น กุมมือมิน ยืนส่งเธอขึ้นเครื่องเป็นคนสุดท้าย
      พี่แอร์ใจดีให้ผมเดินไปส่งถึงประตูเครื่องบิน
      ผมกับมินยืนอยู่คนละด้าน
      ประตูค่อยๆปิดช้าๆน้ำตาผมเพิ่งเริ่มไหล
      ผมกับมินยืนมองตากัน
      ราวกลับกลัวว่าจะไม่ได้เจอกันอีก..............
      “เราจะคอยมินนะจะคอยเสมอ”
      ผมพูดเบาๆราวกับจะบอกกับตัวเอง
      ยืนมองตรงกระจกห้องโดยสาร..............มองเครื่องบินค่อยๆขึ้น ไกล ไกลออกไปเรื่อยๆ
      จนบินหายไปกับฟ้าและแสงของดาว
      ลาก่อน..................นะมิน
      นายบอยเดินมาโอบไหล่เงียบๆ
      หันไป วาวา นายแนท นายโอ้ต นายบอส และอีกหลายๆคนยืนคอยอยู่
      .......................................................................................
      อย่างน้อย ผมคงไม่ต้องอยู่คนเดียว
      ผมได้แต่เดินกลับพร้อมเพื่อนๆ
      มือยังคลึงแหวนทีมือซ้าย
      พร้อมกับภาพของมินที่จะยังอยู่ในใจของผมเสมอ
      ตลอดไป...................

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×