เสียงคลื่นกระทบกับหาดทรายสีขาวสะอาดตา  สีเขียวและฟ้าใสของน้ำทะเลระยิบระยับ และรอยยิ้มของผู้ให้บริการ
.นี่กระมั้งที่ทำให้ชายทะเลแห่งนี้เป็นที่ท่องเที่ยวที่มีผู้คนสนใจมาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก  แต่ในวันนี้ ผู้คนกลับบางตาและดูเงียบเหงาชอบกล
“ห้อง 725 ว่างค่ะ”  เสียงใสๆของพนักงานสาวในร้านที่พูดพร้อมกับยื่นกุญแจห้องพักให้ชายหนุ่มนักเดินทางร่างสูงผู้มาใหม่ อย่างมีมิตรไมตรี
“ขอบคุณครับ”  ชายหนุ่มพูดพร้อมกับรับกุญแจในมือของเธอมา  สายตาคู่คมก็มองไปรอบๆที่พัก  “ที่นี่ดูสงบดีนะครับ  ช่วงนี้ไม่มีแขกมาพักหรือ ตอนนี้ก็ยังพึ่ง 5 โมงเย็นเองนะ”
“วันก่อนๆก็มีกันเยอะค่ะ
.แต่”  เธอพูดพร้อมกับระบายยิ้มสวย  โดยไม่พูดอธิบายอะไรให้กระจ่างแจ้งอีก
สงสัยจะเป็นคนเงียบๆ
ชายหนุ่มคิดในใจ ไม่คิดจะคะยั้นคะยออะไรให้มากมายนัก เดี๋ยวจะถูกหาว่ายุ่งไม่เข้าเรื่อง
“นอนหลับให้สบายนะคะ”  หญิงสาวพูดเสียงใสตามหลัง  เขารู้สึกได้ว่าตอนที่เดินมาเธอจะยิ้มกับตัวเองด้วย
ตะวันลับขอบฟ้าไปแล้วในยามนี้  สิ่งที่มาทดแทนคือดวงจันทร์กับแสงสลัวๆของดวงดาวที่มาประดับประดาและทอประกายอยู่บนท้องฟ้าที่มืดมิด
อรินทร์สาวเท้าก้าวลงไปยังชั้นล่างของโรงแรม    ด้วยว่าหวังจะรับสายลมเย็นสบายที่พัดมาจากชายหาดเสียบ้าง 
.ดูจะไม่มีพนักงานคนอื่นเลยนะเนี่ย
. ชายหนุ่มคิดในใจ เมื่อกวาดสายตาไปรอบๆบริเวณ  และสายตาเขาก็สะดุดกับหญิงสาวผมยาวเหยียดตรงสลวย  ผิวสีซีดขาวนวล  ในชุดกระโปรงสีชมพูอ่อนๆ ที่นั่งเหงาๆอยู่ริมชายหาดทะเลอยู่เพียงลำพัง
..พนักงานในโรงแรมนั่นนี่นา  มานั่งทำอะไรอยู่คนเดียวดึกดื่นนะ
.
“คุณครับ”  เสียงเรียกที่ทำให้หญิงสาวหันควับกลับมามอง  และยิ้มให้เมื่อรู้ว่าเป็นใคร
“ห้องพักดีไหมคะ” เธอเอ่ยถามด้วยความเอาใจใส่ในการให้บริการ  “เดี๋ยวนายตำรวจใหญ่อย่างคุณไม่ถูกใจห้องพัก ก็บอกฉันได้นะคะ”
“ห้องพักดีมากเลยครับ”  อรินทร์พูดพร้อมกับยิ้มตอบให้เธอ ค่อนข้างจะแปลกใจอยู่บ้างว่าหญิงสาวรู้อาชีพเขาได้ยังไงกัน  “เดี๋ยวเพื่อนผมอีกสองคนก็จะมาพักอีก “
หล่อนเงียบไปอยู่พักใหญ่  สายตาคู่สวยเหม่อมองดูน้ำทะเลอยู่เนิ่นนาน  ชายหนุ่มมองหน้าของเธอที่มีแววเศร้าหมอง  จึงเริ่มถามด้วยความห่วงใยแบบเพื่อนมนุษย์  “คุณมาอยู่ริมชายทะเลดึกๆแบบนี้ ไม่กลัวเป็นหวัดเหรอ” 
“ไม่หรอกค่ะ”  หญิงสาวพูดพร้อมกับยิ้มเล็กๆ “ฉันไม่มีทางเป็นหวัดได้อยู่แล้วล่ะ”
“อืม
.”  ชายหนุ่มพยักหน้ารับ  “เป็นพนักงานที่ทำงานอยู่คนเดียวก็คงเหนื่อยและอยากมีเวลาพักผ่อนบ้างสินะ”
เธอทำหน้าแปลกๆสักพักหนึ่ง ก่อนจะกลับเป็นปกติ  “อืม
ค่ะ”
“คุณจะรู้สึกยังไงคะ  ถ้าคุณรู้ว่า วันพรุ่งนี้ คุณจะไม่มีลมหายใจเหลืออยู่แล้ว”  หญิงสาวเริ่มชวนคุยในเรื่องแปลกๆ ให้เขาขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ  “คุณจะเสียใจหรือเปล่า”
“ผมคงปลงใจล่ะมั้ง” อรินทร์พูดด้วยสีหน้าครุ่นคิด  “อย่างไรสักวันหนึ่ง  ทุกคนก็ต้องตายอยู่ดีแหล่ะ แต่ผมอาจจะเศร้าสักนิด ที่ต้องจากบ้านเกิด และเพื่อนที่ผูกพันธ์ไป”
“ฉันคงไม่รู้จะทำอย่างไรดี”  เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่เศร้าขึ้น  “ไม่มีทางไป เหมือนถูกกักขัง ไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น “
“อย่าพูดเรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้นสิ”  ชายหนุ่มพูดปลอบ  “คุณนี่คิดมากเหลือเกินนะ ผมชื่ออรินทร์ คุณล่ะ”
“ตะวันนา
” หญิงสาวตอบ
“ชื่อเพราะนี่นา” อรินทร์เอ่ยชม “ ผมว่า พ่อแม่อยากให้คุณเป็นที่รักของทุกคน เลยตั้งชื่อนี้ให้”
“แต่ความหมายกลับตรงกันข้าม” ตะวันนาพูดเสียงเรียบ  “ ฉันอยู่ในโลกที่หลอกลวง  ไม่มีใครรักฉันเลย  แม้แต่สามีก็ยังทิ้งกันไปง่ายๆ”
ชายหนุ่มรับฟังด้วยสีหน้าที่ไม่บอกอารมณ์ใดๆทั้งสิ้น  หญิงสาวผู้ท้อแท้สิ้นหวังที่นั่งอยู่ข้างๆคงต้องการให้มีใครรับฟังหล่อนบ้าง และเขา ควรจะทำหน้าที่เป็นผู้รับฟังอยู่เงียบๆ
“พูดอย่างนี้คุณคงจะเบื่อแย่เลยล่ะสิ”  เธอพูดพร้อมกับระบายยิ้มสวย  “ฉันไม่เคยมีความสุขในชีวิตตัวเองเลยสักครั้ง  แค่สักครั้งเดียว”
“คุณดูที่ท้องทะเลนั่นนะ”  ชายหนุ่มพูดพร้อมกับชี้ไปที่ท้องทะเลยามราตรี  “ สวยใช่ไหม”
เธอพยักหน้ารับ  พร้อมกับเหม่อมองดูท้องทะเลอีกครั้ง
“ทะเลที่เห็นว่าสวยนั่น เหมือนจะแบ่งเบาความทุกข์ของเราด้วย” อรินทร์พูดกับขยับรอยยิ้มให้เธอ “บางครั้ง  เวลามองดูท้องทะเล  มันอาจจะทำให้หญิงสาวที่ฉุนเฉียว กลายเป็น ผู้หญิงที่ร่าเริงไปตลอดกาลก็ได้”
“ฉันมองดูท้องทะเลทุกๆคืนเหมือนเป็นคำสาป” ตะวันนาพูดพร้อมกับมองหน้าคมเข้มของเขา  “บางครั้งฉันก็รู้สึกเหมือนจะถูกฝังตราตรึงไปกับผืนน้ำนี้”
ราตรีอันยาวนานกับการสนทนาที่ดูเหมือนจะไม่มีวันจบ  ดวงดาวทอประกายระยิบระยับเหมือนแสงเทียนนับล้านที่ช่วยกันทำให้เกาะแห่งนี้สว่างไสว  และร่างของชายหญิงสองคนที่ระบายยิ้มให้กันและกันอย่างจริงใจ
“อรินทร์ เฮ้ย อรินทร์
.”
เสียงห้าวๆของชายหนุ่มสองคนที่ทำให้เขาตื่นขึ้นมารับเช้าวันใหม่  อรินทร์พบว่าตัวเองนอนอยู่บนผืนทรายสีขาว มองทอดยาวไปก็เห็นน้ำทะเลสีเขียวใสระยิบระยับ
เมื่อวานเขาหลับไประหว่างที่พูดกับเธอเหรอเนี่ย
“เอ่อ
. ทำไมเล่า”  ชายหนุ่มพูดอย่างรำคาญเต็มแก่  “ว่าแต่พวกนายมาถึงตั้งแต่เมื่อไรล่ะนี่”
“ก็ตั้งแต่เมื่อคืนแหล่ะ”  ธิษณะพูดพร้อมกับสั่นศีรษะ “เห็นใครก็ไม่รู้คุยอยู่คนเดียว  ที่แท้ก็แกนี่เอง”
“คุยอยู่คนเดียวอะไร”  อรินทร์พูดอย่างแปลกใจ  คิ้วเข้มขมวดมุ่น 
“ก็แกคุยอยู่คนเดียวชัดๆ”  โอมเถียงขึ้นบ้าง  “ เอ่อ  ว่าแต่เข้าไปในห้องพักแล้ว  ไม่เห็นมีเสื้อผ้าแกอยู่เลย”
“เฮ้ย
.อะไรกัน” ชายหนุ่มพูดโวย  “ก็เอาไปวางไว้แล้ว ที่นั่นไง”  พูดพร้อมกับชี้ไปที่โรงแรมที่เขาเอาเสื้อผ้าไปเก็บเอาไว้
“จะบ้าเหรอไง”  เพื่อนหนุ่มทั้งสองคนพูดขึ้นพร้อมกัน  “ที่นี่มีโรงแรมอยู่ที่เดียวนั่นแหล่ะ  ส่วนที่ที่แกชี้น่ะ โรงแรมร้างชัดๆเลย”
ไม่มีใครสามารถจะพูดอธิบายอะไรให้กระจ่างแจ้งได้  อรินทร์จึงไปถามเจ้าของโรงแรมที่เพื่อนสองคนบอกว่ามีอยู่เพียงแห่งเดียวในชายหาดแห่งนี้ให้คลายความสงสัย
“ตอนแรกโรงแรมนั้นก็เปิดอยู่นะคะ เป็น โรงแรมที่ดังมากๆเลย” เจ้าของโรงแรมอธิบายด้วยเสียงเฉยเมยเหมือนไม่มีความรู้สึก  “ แต่ว่าคนก่อตั้งโรงแรมนั้น ดันมีชู้สาวและภรรยาเห็นเข้า  ด้วยอารามตกใจ เขาเลยแทงมีดเข้าที่กลางหลังภรรยา และปกปิดหลักฐานโดยการเอาไปลอยทะเล แต่ชาวบ้านเห็นเข้า  ตานั่นก็เลยถูกตำรวจจับ มีโทษประหารค่ะ  โรงแรมนั้นก็เลยขาดคนบริหาร ต้องปิดลงโดยฉับพลัน”
ทั้งสามฟังแล้วคนลุกวาบ  ธิษณะและโอมมองหน้ากัน ไม่มีใครพูดอะไรทั้งสิ้น  ยกเว้นอรินทร์ที่ชิงถามขึ้นมาก่อนด้วยว่ายังมีสติอยู่บ้าง
“แล้ว ภรรยาของเจ้าของโรงแรมนั่นชื่ออะไรครับ”
“อืม 
ชื่อหรือคะ
”  “จำไม่ค่อยได้  คลับคล้าย ว่าจะชื่อ ทัดตะวัน  หรือ ตะวันนา อะไรสักอย่างนี่แหล่ะค่ะ”
ตะวันนา
.  ชื่อที่ตอกย้ำอยู่ในหัวสมองของชายหนุ่มซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“ชื่อเพราะนี่นา ตะวันนา
” อรินทร์เอ่ยชม “ ผมว่า พ่อแม่อยากให้คุณเป็นที่รักของทุกคน เลยตั้งชื่อนี้ให้”
“แต่ความหมายกลับตรงกันข้าม” ตะวันนาพูดเสียงเรียบ  “ ฉันอยู่ในโลกที่หลอกลวง  ไม่มีใครรักฉันเลย  แม้แต่สามีก็ยังทิ้งกันไปง่ายๆ”
และยังคำถามแปลกๆที่เธอได้เอ่ยถามเขาอีก
“คุณจะรู้สึกยังไงคะ  ถ้าคุณรู้ว่า วันพรุ่งนี้ คุณจะไม่มีลมหายใจเหลืออยู่แล้ว”  หญิงสาวเริ่มชวนคุยในเรื่องแปลกๆ ให้เขาขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ  “คุณจะเสียใจหรือเปล่า”
“ผมคงปลงใจล่ะมั้ง” อรินทร์พูดด้วยสีหน้าครุ่นคิด  “อย่างไรสักวันหนึ่ง  ทุกคนก็ต้องตายอยู่ดีแหล่ะ แต่ผมอาจจะเศร้าสักนิด ที่ต้องจากบ้านเกิด และเพื่อนที่ผูกพันธ์ไป”
“ฉันคงไม่รู้จะทำอย่างไรดี”  เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่เศร้าขึ้น  “ไม่มีทางไป เหมือนถูกกักขัง ไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น
“
ดวงตะวันสีแดงสดกำลังจะลาลับจากขอบฟ้าที่ทาด้วยสีส้มอ่อนๆ  ทะเลสีครามระยิบระยับ และชายหนุ่มในชุดสบายๆที่เหม่อมองดูชายทะเลจากบนผืนทรายเนื้อละเอียดสีขาวนวล  ฉับพลันที่ดวงตาคู่คมเข้มเห็นหญิงสาวใบหน้าซีดเซียว ผมยาวเหยียดตรง ในชุดกระโปรงสีชมพูอ่อนระบายยิ้มสวยให้เป็นครั้งสุดท้าย  เป็นยิ้มจริงใจที่ส่งให้เขาจากดวงตาคู่สวยของเธอ
“ฉันมองดูท้องทะเลทุกๆคืนเหมือนเป็นคำสาป” ตะวันนาพูดพร้อมกับมองหน้าคมเข้มของเขา  “บางครั้งฉันก็รู้สึกเหมือนจะถูกฝังตราตรึงไปกับผืนน้ำนี้”
+++++++++++++++++++++++++++++
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น