ตีสี่ที่บ้านลาด - ตีสี่ที่บ้านลาด นิยาย ตีสี่ที่บ้านลาด : Dek-D.com - Writer

    ตีสี่ที่บ้านลาด

    Base from true story

    ผู้เข้าชมรวม

    417

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    417

    ความคิดเห็น


    13

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  ตลก-ขบขัน
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  25 ก.ค. 47 / 01:41 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      ตีสี่ที่บ้านลาด
      อนาคตวิศวกรของชาติ ห้าคน และหมอ ที่เรียกตัวเองว่าหมอเจ็บ อีกหนึ่งคน
      ต้มมาม่าใส่ผักกาดกวางตุ๋งร้อนๆ เพื่อที่จะได้เพิ่มพลังในการอ่านหนังสือ
      กินหมดก็ ตามแนวของเรา
      .....เป่า ยิง ฉุบ..!!!!!!!!
      สรุปแล้วก็ได้วิศวกรล้างชาม หนึ่งท่าน...

      -- เหงาใจ๋ บ่ ะเห้ย ..................... หนึ่งในวิศวกร เอยออกมา
      หารู้ไม่ว่า นี้แหละ คือแนวการพูดเข้าวง

      คิ งเขา สอบ หนาบ่ ะ  ....  ทำเป็นคนดี ห้ามปรามสิ่งที่ใจตัวเองต้องการ

      กี่ขวด ..! ???????????

      เห้ย..!!!!!!  คิ งเขาเอาแต้ก่านิ  สอบวันจันทร์หนาบ่ะ  เอ็นดูฮ าเตอะ (ในใจคิดไว้แล้ว งานนี้ไม่ต่ำกว่าสอง )

      ฮ า อ่านหนังสือจบแล้ว ยะหยังก็หยังเตอะ  จะเช้าแล้ว (หมอ ที่เรียกตัวเองว่าหมอเจ็บ พูดออกมาได้ซะงั้น ทั้งๆที่มั นจะห้าม ก็คงไม่มีขัดหรอก )

      อู้อี้......กินเลยบ่  ..!!!!!!!!! วิศวกรท่านหนึ่งเริ่มหงุดหงิด สงสัยเกิดมาจาก ปริมาณ แอลกอฮอร์ในเลือดต่ำ

      คนละเต้าได ..  หมอ ซึ่งมีหน้าที่เป็นเสมียนให้สำหรับวิศวกร ในทุกๆงาน

      50 ก้อปอแล้ว ซักกลมเดียวก็เอาเตอะ  ห้าคนก็ สองร้อยห้าสิบ แสง 160 ที่เหลือ มิกซ์

      สรุปแล้ว คิ งเขาจะกินแต้ๆ ก่านิ ..... วิศวกรท่านหนึ่งเริ่มคิดถึงอนาคตของตัวเองในสองวันข้างหน้า
      บ่กินก็บ่กินหนา ฮ าบ่ใจ๋ เป็นหยัง ฮ าบ่ใจ๋ใคร่อยาก    ..... อิเลกติครอล เอ็นจิเนียริ่งออกแนว คนใจน้อยกันไป

      เด็กเครื่องกลเริ่มใจร้อน เดินไปหากระเป๋าตังค์ ...แล้วอู้ว่า   ใคร จะยืม ฮ าผ่อง ฮ ามีฮื้อ....

      เด็กเครื่องกลคนนี้แหละ เค้าเริ่ม บิ๋ว ตั้งแต่ กินข้าวแลง
      ----   ข้าวนี้เหมาะง่ า ววว  ข้าวไผนี้..???  Me ENgibeer ถามถึงข้าวที่หุงกินกันตอนเย็น
      ----  กะรั่งบ่ะ ข้าวโจ้ กะรั่งเหมาะ   หนีงในวงข้าว เอ๋ยขึ้นมา โดยไม่รู้ว่า นี้แหละ คือ จุดเริ่มเล็กๆ คล้ายๆกับต้นน้ำปิง ที่ทำให้เกิดเรื่องใหญ่ขึ้น
      ---- Me ENgibeer เถียงขึ้นมา ทันใด   ข้าวมด บ่ใจ๋ก่าบ่ ะ !!!!!!!!!!!!!  แสดงถึงความไม่ทันมุข ง่ า ว แ ด๊ ก
      --- .ใค่หัว ครับ  พวกมั นใค่หัว แล้วก้อพูดว่า  ข้าวที่อยู่ในกระสอบอ่ะของมด  แต่ข้าว ที่เป็น เม็ดๆ  เม็ดข้าว .อ่ะ ของโจ้ อ่ะ กิ้วววววววววววว
      ----------อ้าว อู้อี้ กิ นเหล้าเลยบ่ ....!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!  
      นี้แหละจุดเริ่มของสรรพสิ่ง
      หมอในฐานะที่วิศวกรให้ความนับถือมากทีสุด เอย ขึ้นมาว่า  คิ งเขาไปอ่านหนังสือฮื้อจบก่อนไป เด่วซักตีสี่ตีห้า เด่วค่อยว่ากันใหม่

      ...............................ทุกคนโอเค........................

      ถึงไหนแล้ว งง ...... เหล้าเท้าความมากเกินไป อ๋อ ถึง Me.EngiBeer  ไปเอากระเป๋าตังค์แม่นก่อ..
      แม่นแล้ว ออกแนว ถามเอง ตอบเอง  ..ซะงั้น

      พอไปเอากระเป๋าตังค์

      เห้  ยเด่วก่อน..!!!!!!!!!!!!!!!!
      มีคนเบรก ครับ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ยังมีคนดีในสังคม จุฬาภรณฯบ้านลาด อยู่  เพราะว่าคนดีส่วนมากจะไม่มีที่อยู่  ออกแนว เสี่ยวไม่ แ ด๊ ก แต่แอบคิดถึงกันไป

      แล้วก้อพูดออกมาว่า ให้  “โชคชะตาเป็นตัวลิขิตชีวิตเราดีกว่า”  ...... โอ้ แม่เจ้า นี้พวก มึ  ง จะกินเหล้ากันนะ ไม่ใช่ ทำวัตรเย็น นะเฟ้  ยยย  ต้องพึ่งพา โชคชะตาเลยหรอ  ว่  ะ

      แล้วก้อได้แนวครับ
      หมอเจ็บไอเดียกระฉูด  เอาอี้ดีกว่า “ คิ งเค้า ออกนิ้วคนละกี่นิ้วก้อได้  เด่ว ฮ าจะนับเองว่า จะได้กินก่อ ..ออกแนว เด็ดดอกกุหลาบ ทีละกลีบแล้วก้อ รัก ไม่รัก รัก ไม่รัก กันซะงั้น แต่ที่นี้เป็น กิน ไม่กิน กิน ไม่กิน...ซะงั้นกันไป

      --แฟร์ ๆ หนาบ่ ะ  บ่กิ๋นก็คือ บ่กินหนาบ่ ะ  ยอมรับหนาบ่ ลูกผู้ชายหนาบ่ ะ ...( ทำเป็นซะ ที่จิงอ่ะ มึ ง อยากกินจนตัวสั่นอยู่แล้ว ทำเป็น แ ม่ ง พูดมาได้)

      -- คนละร้อยไปเลยดีกว่า เหล้า สอง  โซ สิบ ที่เหลือ น้ำแข็ง   (เห้ยยยยยยย.!!!!!!!!!!!!!!!!!! ยัง !!!! ยังไม่ได้เป่า ยิ่ง ฉุ  ยิ่ง ฉุบไรเลย มึ ง เตรียมเก็บตังค์กันแล้วซะงั้น จะไหวไม่เนี้ยะ โชคชะตาฟ้าลิขิต)

      อู้อี้ คือ คิ งเขา ตึงกินแม่นก่อ  แล้วจะแฟร์ ไปทำ นกกระเรียนทำไม ว่  ะ    ( เริ่มเครียด)

      ---------------------------------หมอเจ็บตัดบททันที-----------------------------------

      บ่ะ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!  
      ม่ะ !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
      ป่าว  ...............ยิง .................. ฉุบ
      กิน
      ไม่กิน
      กิน
      ไม่กิน
      กิน
      ไม่กิน
      กิน
      ไม่กิน
      กิน
      ไม่กิน
      กิน
      ไม่กิน
      แล้วก้อสุดท้าย พอที่เดาออกนะ ว่ามันจะออกอะไร  กิน...!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

      Me Engibeer ยืนขึ้นพร้อมกำกำปั้นขวาไว้ที่ประมาณเอว  แล้วสบถ แบบว่าประสบความสำเร็จครั้งใหญ่ในชีวิต ว่า  เอส.!!!  สุ ด ตี  ..น บ่  .ะ

      สองพี่น้องตระกูลกาติ๊บ พูดออกมาพร้อมกันว่า                ...ฮา นี้ บ่ า เห้ย  ยยยย

      ฮ าบ่ได้โกงหน าบ่ะ  (หมอเจ็บออกตัว แบบว่าโกงในวง ป๊อกเด้งบ่อย )

      แต้ ๆ เลยก่านิ โจ้บ่นพรึ่มพร่ำ กับตัวเอง

      เอาเต้าไดแต้นิ กี่ขวด  ผู้พี่ตระกูลกาติ๊บเอ๋ยถาม
        ขวดเดียวปอแล้ว คนละห้าสิบ
      แอ้..!!!!!!!!! ขวดเดียวกิ๋นไปยะหยังบ่ ะ  ( เออ ตามแนวมึ .ง เลย เอ็กซ์  มึ ง ก็งี้ทุกที )
      สองขวดไปเลย เด่วคิ  ง เขาไปซื้อแห้ม  เจื่อฮาเตอะ ฮาใค่อยากฮื้อคิ .งเขาเมาอ่ะ   (หมอเจ็บหวังดี ในคราบหมอ)
      สุดท้ายก็นะ คนละร้อย ห้าคน ก็ห้าร้อย
      เหล้าสอง โซสิบ
      เริ่มตีสี่....................................เลิกกันประมาณ เก้าโมงเกือบสิบโมง ก้อนะ.................... ตอนนี้ก็บ่ายสามแล้ว

      นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
      อย่าริอาจไปจีบเพื่อน อย่าริอาจไปชอบเพื่อน อย่าริอาจไปรักเพื่อน เพื่อนก็คือเพื่อน

      ......อ้าวววววววววววว  อู้ อี้กิ นเหล้าเลยบ่ อ................

      ไปล่ะ เด่วว่างๆจะมาสอน ศาสตร์ในการพูดเข้าวงเหล้า

      Copyright บ้านลาด2004
      By  yorism
      24/07/2547

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×