ตีสี่ที่บ้านลาด
อนาคตวิศวกรของชาติ ห้าคน และหมอ ที่เรียกตัวเองว่าหมอเจ็บ อีกหนึ่งคน
ต้มมาม่าใส่ผักกาดกวางตุ๋งร้อนๆ เพื่อที่จะได้เพิ่มพลังในการอ่านหนังสือ
กินหมดก็ ตามแนวของเรา
.....เป่า ยิง ฉุบ..!!!!!!!!
สรุปแล้วก็ได้วิศวกรล้างชาม หนึ่งท่าน...
-- เหงาใจ๋ บ่ ะเห้ย ..................... หนึ่งในวิศวกร เอยออกมา
หารู้ไม่ว่า นี้แหละ คือแนวการพูดเข้าวง
คิ งเขา สอบ หนาบ่ ะ  ....  ทำเป็นคนดี ห้ามปรามสิ่งที่ใจตัวเองต้องการ
กี่ขวด ..! ???????????
เห้ย..!!!!!!  คิ งเขาเอาแต้ก่านิ  สอบวันจันทร์หนาบ่ะ  เอ็นดูฮ าเตอะ (ในใจคิดไว้แล้ว งานนี้ไม่ต่ำกว่าสอง )
ฮ า อ่านหนังสือจบแล้ว ยะหยังก็หยังเตอะ  จะเช้าแล้ว (หมอ ที่เรียกตัวเองว่าหมอเจ็บ พูดออกมาได้ซะงั้น ทั้งๆที่มั นจะห้าม ก็คงไม่มีขัดหรอก )
อู้อี้......กินเลยบ่  ..!!!!!!!!! วิศวกรท่านหนึ่งเริ่มหงุดหงิด สงสัยเกิดมาจาก ปริมาณ แอลกอฮอร์ในเลือดต่ำ
คนละเต้าได ..  หมอ ซึ่งมีหน้าที่เป็นเสมียนให้สำหรับวิศวกร ในทุกๆงาน
50 ก้อปอแล้ว ซักกลมเดียวก็เอาเตอะ  ห้าคนก็ สองร้อยห้าสิบ แสง 160 ที่เหลือ มิกซ์
สรุปแล้ว คิ งเขาจะกินแต้ๆ ก่านิ ..... วิศวกรท่านหนึ่งเริ่มคิดถึงอนาคตของตัวเองในสองวันข้างหน้า
บ่กินก็บ่กินหนา ฮ าบ่ใจ๋ เป็นหยัง ฮ าบ่ใจ๋ใคร่อยาก    ..... อิเลกติครอล เอ็นจิเนียริ่งออกแนว คนใจน้อยกันไป
เด็กเครื่องกลเริ่มใจร้อน เดินไปหากระเป๋าตังค์ ...แล้วอู้ว่า  ใคร จะยืม ฮ าผ่อง ฮ ามีฮื้อ....
เด็กเครื่องกลคนนี้แหละ เค้าเริ่ม บิ๋ว ตั้งแต่ กินข้าวแลง
----  ข้าวนี้เหมาะง่ า ววว  ข้าวไผนี้..???  Me ENgibeer ถามถึงข้าวที่หุงกินกันตอนเย็น
----  กะรั่งบ่ะ ข้าวโจ้ กะรั่งเหมาะ  หนีงในวงข้าว เอ๋ยขึ้นมา โดยไม่รู้ว่า นี้แหละ คือ จุดเริ่มเล็กๆ คล้ายๆกับต้นน้ำปิง ที่ทำให้เกิดเรื่องใหญ่ขึ้น
---- Me ENgibeer เถียงขึ้นมา ทันใด  ข้าวมด บ่ใจ๋ก่าบ่ ะ !!!!!!!!!!!!!  แสดงถึงความไม่ทันมุข ง่ า ว แ ด๊ ก
--- .ใค่หัว ครับ  พวกมั นใค่หัว แล้วก้อพูดว่า  ข้าวที่อยู่ในกระสอบอ่ะของมด  แต่ข้าว ที่เป็น เม็ดๆ  เม็ดข้าว .อ่ะ ของโจ้ อ่ะ กิ้วววววววววววว
----------อ้าว อู้อี้ กิ นเหล้าเลยบ่ ....!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! 
นี้แหละจุดเริ่มของสรรพสิ่ง
หมอในฐานะที่วิศวกรให้ความนับถือมากทีสุด เอย ขึ้นมาว่า  คิ งเขาไปอ่านหนังสือฮื้อจบก่อนไป เด่วซักตีสี่ตีห้า เด่วค่อยว่ากันใหม่
...............................ทุกคนโอเค........................
ถึงไหนแล้ว งง ...... เหล้าเท้าความมากเกินไป อ๋อ ถึง Me.EngiBeer  ไปเอากระเป๋าตังค์แม่นก่อ..
แม่นแล้ว ออกแนว ถามเอง ตอบเอง  ..ซะงั้น
พอไปเอากระเป๋าตังค์
เห้  ยเด่วก่อน..!!!!!!!!!!!!!!!!
มีคนเบรก ครับ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ยังมีคนดีในสังคม จุฬาภรณฯบ้านลาด อยู่  เพราะว่าคนดีส่วนมากจะไม่มีที่อยู่  ออกแนว เสี่ยวไม่ แ ด๊ ก แต่แอบคิดถึงกันไป
แล้วก้อพูดออกมาว่า ให้  “โชคชะตาเป็นตัวลิขิตชีวิตเราดีกว่า”  ...... โอ้ แม่เจ้า นี้พวก มึ  ง จะกินเหล้ากันนะ ไม่ใช่ ทำวัตรเย็น นะเฟ้  ยยย  ต้องพึ่งพา โชคชะตาเลยหรอ  ว่  ะ
แล้วก้อได้แนวครับ
หมอเจ็บไอเดียกระฉูด  เอาอี้ดีกว่า “ คิ งเค้า ออกนิ้วคนละกี่นิ้วก้อได้  เด่ว ฮ าจะนับเองว่า จะได้กินก่อ ..ออกแนว เด็ดดอกกุหลาบ ทีละกลีบแล้วก้อ รัก ไม่รัก รัก ไม่รัก กันซะงั้น แต่ที่นี้เป็น กิน ไม่กิน กิน ไม่กิน...ซะงั้นกันไป
--แฟร์ ๆ หนาบ่ ะ  บ่กิ๋นก็คือ บ่กินหนาบ่ ะ  ยอมรับหนาบ่ ลูกผู้ชายหนาบ่ ะ ...( ทำเป็นซะ ที่จิงอ่ะ มึ ง อยากกินจนตัวสั่นอยู่แล้ว ทำเป็น แ ม่ ง พูดมาได้)
-- คนละร้อยไปเลยดีกว่า เหล้า สอง  โซ สิบ ที่เหลือ น้ำแข็ง  (เห้ยยยยยยย.!!!!!!!!!!!!!!!!!! ยัง !!!! ยังไม่ได้เป่า ยิ่ง ฉุ  ยิ่ง ฉุบไรเลย มึ ง เตรียมเก็บตังค์กันแล้วซะงั้น จะไหวไม่เนี้ยะ โชคชะตาฟ้าลิขิต)
อู้อี้ คือ คิ งเขา ตึงกินแม่นก่อ  แล้วจะแฟร์ ไปทำ นกกระเรียนทำไม ว่  ะ    ( เริ่มเครียด)
---------------------------------หมอเจ็บตัดบททันที-----------------------------------
บ่ะ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! 
ม่ะ !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
ป่าว  ...............ยิง .................. ฉุบ
กิน
ไม่กิน
กิน
ไม่กิน
กิน
ไม่กิน
กิน
ไม่กิน
กิน
ไม่กิน
กิน
ไม่กิน
แล้วก้อสุดท้าย พอที่เดาออกนะ ว่ามันจะออกอะไร  กิน...!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
Me Engibeer ยืนขึ้นพร้อมกำกำปั้นขวาไว้ที่ประมาณเอว  แล้วสบถ แบบว่าประสบความสำเร็จครั้งใหญ่ในชีวิต ว่า  เอส.!!!  สุ ด ตี  ..น บ่  .ะ
สองพี่น้องตระกูลกาติ๊บ พูดออกมาพร้อมกันว่า                ...ฮา นี้ บ่ า เห้ย  ยยยย
ฮ าบ่ได้โกงหน าบ่ะ  (หมอเจ็บออกตัว แบบว่าโกงในวง ป๊อกเด้งบ่อย )
แต้ ๆ เลยก่านิ โจ้บ่นพรึ่มพร่ำ กับตัวเอง
เอาเต้าไดแต้นิ กี่ขวด  ผู้พี่ตระกูลกาติ๊บเอ๋ยถาม
  ขวดเดียวปอแล้ว คนละห้าสิบ
แอ้..!!!!!!!!! ขวดเดียวกิ๋นไปยะหยังบ่ ะ  ( เออ ตามแนวมึ .ง เลย เอ็กซ์  มึ ง ก็งี้ทุกที )
สองขวดไปเลย เด่วคิ  ง เขาไปซื้อแห้ม  เจื่อฮาเตอะ ฮาใค่อยากฮื้อคิ .งเขาเมาอ่ะ  (หมอเจ็บหวังดี ในคราบหมอ)
สุดท้ายก็นะ คนละร้อย ห้าคน ก็ห้าร้อย
เหล้าสอง โซสิบ
เริ่มตีสี่....................................เลิกกันประมาณ เก้าโมงเกือบสิบโมง ก้อนะ.................... ตอนนี้ก็บ่ายสามแล้ว
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
อย่าริอาจไปจีบเพื่อน อย่าริอาจไปชอบเพื่อน อย่าริอาจไปรักเพื่อน เพื่อนก็คือเพื่อน
......อ้าวววววววววววว  อู้ อี้กิ นเหล้าเลยบ่ อ................
ไปล่ะ เด่วว่างๆจะมาสอน ศาสตร์ในการพูดเข้าวงเหล้า
Copyright บ้านลาด2004
By  yorism
24/07/2547
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น