ตี 3 ครึ่ง - ตี 3 ครึ่ง นิยาย ตี 3 ครึ่ง : Dek-D.com - Writer

    ตี 3 ครึ่ง

    เข้ามาอ่านกันก่อน ๆ แบบว่า ผมเพิ่งหัดแต่งเรื่องหักมุมครับ ไม่รู้หักพอรึเปล่า

    ผู้เข้าชมรวม

    647

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    647

    ความคิดเห็น


    13

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  หักมุม
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  23 ก.ค. 47 / 19:09 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      ผมซื้อมอเตอร์ไซค์ นำเข้ามาเมื่อวาน ยี่ห้อ YAMAHA รุ่น YZF R-1 สีแดง โดยผมไปซื้อที่เชียงใหม่ แล้วขับมันกลับมาที่เชียงราย  ด้วยเงินเก็บที่ผมทำงานพิเศษมาได้ กว่าจะซื้อได้ก็นานโขอยู่เหมือนกัน เพราะกว่าจะหางานพาร์ทไทม์ ทำในจังหวัดติดชายแดนอย่างนี้ ก็ยากพอสมควรแล้ว ต้องมาทนเก็บเงินก้อนใหญ่ๆอีก ผมจึงไม่มีอะไรทำให้ผมรู้สึกภูมิใจไปกว่านี้อีกแล้ว ที่ผมสามารถเก็บเงินเรือนแสนมาซื้อมอเตอร์ไซค์แพงๆอย่างนี้มาขี่ได้ ถึงแม้มันจะเป็นมือสองก็เถอะ

          และแล้ว มันก็เกิดเรื่องจนได้ ขณะที่ผมกำลังขับมอไซค์ คันโปรดของผม มาจะถึงตัวเมืองเชียงรายในตอนใกล้รุ่งนี่เอง เวลาประมาณ ตี 3 ครึ่งนี่แหละ ผมควบมอไซค์คู่ใจมาทาง ถนน ซูเปอร์ ไฮเวย์ ด้วยความเร็วประมาณกินลมชมวิว อา.... กลับถึงบ้านเมื่อไร จะล้มลงนอน แล้วก็งีบให้หนำใจสักงีบ ผมคิดในใจ แต่แล้ว ห้วงความคิดของผมก็ต้องหยุดลงในทันใดเมื่อมี รถ BMW serie 5  2 คัน สีดำทั้งคู่ วิ่งมาทางด้านหลัง แล้วแซงผมขึ้นไป ก่อนที่จะจอดขวางถนนข้างหน้าผม ...

          เอาล่ะสิกู มันเรื่องอะไรกันนี่ ผมคิด และไม่จอดรถในทันที เพราะคิดว่าคงมีอะไรไม่ชอบมาพากล อะไรซักอย่างนี่แหละ และแล้ว ชายฉกรรจ์ 7-8 คน ก็กรูกันออกมาจากรถทั้ง 2 คัน ทั้งหมดสวมชุดดำ เสื้อเชิ้ตสีขาว เหมือนยูนิฟอร์มอะไรซักอย่างนี่แหละ แต่งตัวเหมือน Smith ใน Matrix เปี๊ยบ ผมมองไกลๆ ไม่ค่อยถนัดนัก แต่แล้วผมก็เบรก ท้ายปัด และ เร่งความเร็วหนีออกไปทันที ที่ผมมองเห็นวัตถุสิ่งหนึ่งที่อยู่ใต้เสื้อนอกสีดำตัดกับสีเสื้อเชิ้ตของพวกเขา เมื่อลมพัดเสื้อนอกของพวกเขาสะบัดออกไป เผยให้เห็นของสิ่งนั้น นอนยิ้มอยู่ในซองหนัง ปืนนี่หว่า!! ไอ้ห่า!! ซวยแล้วไงกู!! ผมคิด อะไรมันจะซวยขนาดนี้ เหงื่อเม็ดโป้ง ๆ ผุดขึ้นตามรูขุมขนทั่วร่างของผม ผมเร่งออกไปพลางมองกระจก โชคดีที่พวกนั้นไม่ยิงตาม เพราะอะไรก็ช่างผมยังขับหนีออกไปด้วยความเร็วที่เร่งขึ้นเรื่อยๆ

          และแล้ว มันก็ตามมา รถ BMW serie 5  2 คัน สีดำทั้งคู่ วิ่งตามมาไกล ๆ จากข้างหลัง อำนาจความเร็วของรถสปอร์ต 2 ล้อ กับรถ 4 ล้อคงเทียบกันไม่ได้ บนถนน 4 เลนส์ทางตรงแบบนี้ ผมรู้ตัวดี ตายแน่ ๆ กู เราไปทำอะไรกับใครไว้ทำไมถึงได้ซวยอย่างนี้  

        รถหรูทั้ง 2 คันยังคงไล่บี้ตามมาอย่างไม่ลดละ และแล้ว มันก็มาประกบผมทั้ง 2 ข้างจนได้ ผมไม่มีทางหนีไปที่ไหนอีกแล้ว ผมมองทั้งสองข้าง ชายฉกรรจ์ทำหน้าเหี้ยมกำลังลดกระจกไฟฟ้าลงมาอย่างช้า ๆ จะกระทั่ง หนึ่งในนั้นหันมาสบตากับผม ชี้หน้าผม แล้วเอ่ยคำว่า “มึง!!” ผมเบรกตัวโก่ง ปั๊มเบรคคู่ของBrembo ยังคงทำหน้าที่ของมันได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ  สติสัมปชัญญะ ในขณะที่เราตื่นกลัวอะไรบางสิ่ง บางครั้งก็เฉียบแหลมเกินกว่าที่เราสามารถจะคาดคิดได้  รถของผมกำลังปัดด้วยอำนาจของความเฉื่อยและแรงเสียดทานของยางรถที่บดบี้กับพื้นถนน ในความเร็วที่มากกว่าร้อยห้าสิบอย่างเห็น ๆ แต่ผมก็ควบคุมมันให้ปัดซ้ายขวา จนหลุดการการประกบคู่ ออกมาได้ ท้ายรถของผมปัด และหันหลังกลับไปโดยสัญชาตญาณ ผมถอนเกียร์ คริก คริก คริก คริก คริก  คริก แล้วบิดสุดข้อมือ เท่าที่ข้อมือขวาของผมมันจะบิดได้  รถของผมยกหน้าทะยานผ่าสายลมออกไปอีกครั้ง พร้อมกับเสียงเบรคเอี๊ยดอ้าด ของรถหรูพวกนั้น มันยังไม่รามือ

          ทางตรง ร่วม 5 กิโล ที่ผมใช้หนีพวกนั้น รู้สึกเหมือนไกลสัก 50 กิโลได้ สุดท้ายแล้ว ผมก็ต้องจอด เมื่อพบว่า จุดที่ผมกลับรถเพื่อหนีย้อนออกมา ถูกดักไว้โดยกลุ่มชายฉกรรจ์ ที่มากับรถหรู ๆ อีกร่วม 20 คัน พร้อมอาวุธครบมือ

          ผมจอดรถอยู่กลางทาง ตั้งสแตนด์  แล้วลงไปนอนแผ่หรา ตายแน่ ๆ แกล้งตายดีกว่า เป็นความคิดที่สิ้นคิดที่สุดในชีวิต ที่ผมเคยคิด เพื่อเอาตัวรอด ให้ทำอะไรก็ยอมแล้วในตอนนั้น กลุ่มชายฉกรรจ์กรูกันเข้ามาที่ร่างของผม สติสัมปชัญญะของผมเริ่มเลือนราง ได้แต่คิดว่าขับรถมาอยู่ดี ๆ ก็มีคนมาไล่ฆ่า บ้าชะมัดเลย ร่างของผมหมดแรงขัดขืนแต่อย่างใด ชายฉกรรจ์คนหนึ่ง คนไหนไม่รู้หล่ะ ตบหมวกกันน็อคของผมดังผัวะ “ไอ้ห่านี่ ฤทธิ์มากชะมัด” สงสัยเป็นคนที่ชี้หน้าผมแน่ ๆ โอ วันนี้ผมคงต้องถูกฆ่าตายอย่างทรมาน พวกมันคงสนุกสนานกับสารพัดวิธีที่คิดขึ้นมาฆ่าผม โธ่ ผมยังอยากจะมีลูกมีเมียนะ ทำไมต้องมาตายตั้งแต่ยังหนุ่ม

        แล้วเสียงของชายวัยกลางคน ก็ดังขึ้น “พวกมึงทำอะไรกะผู้มีพระคุณกู จะแบกมาก็แบกมาดี ๆ สิวะ ไปตบหัวท่านทำไม” เอาล่ะสิ นอกจากไปทำความแค้นกับใครแล้วผมยังไป มีพระคุณกะใครอีกเนี่ย  “ขอโทษครับเฮีย ผมโมโหไปหน่อย ก็ท่านเล่นหนีเอาซะเฉย ๆ”  ไอ้คนที่ตบกบาลผมคงพูดขึ้น ผมยังคงหลับตาปี๋ แต่ก็พอรู้ว่าผมเป็นผู้มีพระคุณของใครสักคนที่สามารถออกคำสั่งกับชายฉกรรจ์พวกนี้ได้อย่างเด็ดขาด
                            ผมถูกจับมานั่งคุกเข่า หมวกกันน็อคถูกถอดออก ผมยังหลับตาปี๋เช่นเคย และค่อยๆ เปิดเปลือกตามองออกไปว่าเกิดอะไรขึ้น  
          “แกทำดีมากไอ้หนู แกทำให้ข้าได้สะใจ แกทำให้ข้าได้ล้างแค้น คู่ปรับของข้า ที่ข้าไม่เคยชนะมันเลย” ชายวัยกลางคนแต่งตัวดูภูมิฐาน พูดขึ้น เขายืนอยู่ท่านมกลางวงล้อมของกลุ่มชายฉกรรจ์ ท่ามกลางแสงไฟจากเสาไฟข้างถนน มองมาทางผมอย่างชอบใจ แต่ผมยังงง ผมไปทำอะไรมานักหนาเนี่ย  จนกระทั่งชายคนนั้นยื่นกระเป๋าใบหนึ่งให้ผม แล้วพยุงผมเดินกลับไปที่มอไซค์ของผม ผมยังคง งงๆ “ขับกลับดี ๆ นะ โชคดีล่ะไอ้หนู” ผมยังคงยืนงง จนกระทั่งชายฉกรรจ์คนหนึ่ง เดินมากระซิบบอกว่า “ มึงทำให้เฮีย ชนะพนัน  คืนนี้เฮียพนันบอลแพ้คู่ปรับ เสียไป 5 ล้าน เฮียก็เลยแทงว่า คืนนี้จะมีรถ 2 ล้อวิ่งผ่านทางนี้ พนันไว้ 10 ล้าน คู่ปรับเฮีย เกทับ 20 ล้านแทงว่าเป็นรถยนต์  เฮียแบ่งให้มึง 5 ล้าน  รีบ ๆ ไป ซะเดี๋ยวตำรวจมา ”

                  ......./( -“-  )\\ ผมขับรถหนี 5 ล้าน โอ อะไรกันนี่..........

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×