Cafe\' Today - Cafe\' Today นิยาย Cafe\' Today : Dek-D.com - Writer

    Cafe\' Today

    \"แก มันก็คิดถึงแต่ตัวเอง....\"

    ผู้เข้าชมรวม

    244

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    244

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักอื่น ๆ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  13 ก.ค. 47 / 22:58 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      Cafe\' Today       

                     \"แกนี่มันก็คิดถึงแต่ตัวเอง\"  เธอว่า ขณะที่เสียงเพลงยังคงดังอื้ออึงจนแทบจะกลบเสียงทุกเสียง  ผมหยุดเม้มปากคิดกับคำพูดที่เธอพูดออกมา จังหวะทุ้มหนักยังคงกดประสาทดัง ตึ่บๆ แสงไฟวูบวาบส่องสะท้อนหน้า เพียงชั่วเอะใจ ถี่แต่ไม่เป็นจังหวะพอให้รู้สึกหวือหวาฟู่ฟ่า  แก้วเบียร์วางเกลื่อนกลาด บนโต๊ะเล็กๆ  จาน สองสามใบที่พอเหลือเศษชิ้นของอาหารบอกให้รู้ว่า เป็นกับแกล้มยังคงวางอยู่กลางโต๊ะ  ผู้คนมากหน้าหลายตาเดินเข้ามาใช้เวลาค่ำคืนของวันหยุดสุดสัปดาห์เบียดเสียดยัดเยียดกัน ในสถานที่เล็กๆ  คับแคบและน่าอึดอัดแห่งนี้  หากแต่ว่ามันกลับเป็นที่รวมตัวของคนราตรีชั้นดี

                     \"ชั้นมัน  อาจจะเป็นคนเลว…ไม่รู้สิ\"  ผมยกแก้วเบียร์จิบน้ำแอลกอฮอล์ที่ปรุงแต่งสีรสซะดีเยี่ยม แต่ก็ขยับราคาให้ยอดตามมาไม่แพ้กัน  เก้าอี้รอบโต๊ะเราว่าง  ชายหนุ่มอีกคนที่นั่งอยู่โต๊ะเดียวกันนั่งเงียบตาปรือซึมเพลียเสียฟอร์มอย่างที่มันไม่ควรจะเป็น  มันไม่ได้เมาหากแต่ว่าอาจจะเหน็ดเหนื่อยกับวันที่ผ่านมามากเกินกว่าจะใช้ชีวิตยามราตรีได้   ถัดไปด้านข้างตรงทางเดินเป็นกลุ่มสามสาว ที่ขยับเยื้อย่างร่างกายตามจังหวะกระตุกกระชากตามแนวดนตรี ของสมัย  หนึ่งในนั้นเป็นเพื่อนสนิทชนิดไล่เตะกันได้ กำลังเต้นแร้งเต้นกาอย่างที่มันชอบหากแต่ว่าหาเวลาให้ว่างจากกระแสชีวิตของสังคมมาปลดปล่อยได้ไม่บ่อยนัก ช่างไม่ยี่หระต่อสิ่งมีชีวิตรอบข้าง มองเหมือนสาวห้าวมั่นใจฉายเสน่ห์แบบแปลกๆ  ยืนอยู่ข้างๆ กันเป็นเพื่อนอีกคนที่รักกันจนแถบจะกอดกลมทุกครั้งที่ได้เจอหน้า จับมือถือแขนหอมแก้มกันได้อย่างไม่แคร์สายตาใคร  ดูท่าทางเก้งก้างเกะกะแต่ผิวพรรณหน้าตาและความจริงใจที่แสดงให้เห็นได้ไม่ยากนักเชื่อได้ว่า น้อยคนที่จะกวาดสายตาเลยผ่านไป  ส่วนอีกนางหนึ่งสุดท้ายเป็นใครก็ไม่รู้จักหากแต่ว่าติดสอยห้อยตามสาวคนที่สองมาอีกที ท่าทางเป็นมิตรชิดชอบดี  ซึ่งนั่นก็ไม่ใช่ปัญหาต่อการท่องราตรีแต่อย่างใด  และสุดท้ายนอกเหนือจากกลุ่มที่ขยับจังหวะให้เป็นเป้าสายตาหนุ่มๆ อยู่นั้น  คนที่นั่งอยู่ข้างๆ เป็นสาวน้อยร่างเล็กแก้มแต่งตึงใสฉายแววสาว ส่องวัยอ่อนอย่างเห็นได้ชัดเป็นเพื่อนสนิทอีกคนหนึ่งที่แม้ไม่ค่อยได้เจอกันบ่อยนักแต่ครั้งหนึ่งก็เคยมีเวลาให้ใช้ร่วมกันอย่างเหลือเฟือ
                     \"ใช่…แกนี่มันโคตรเลว  ไม่คิดถึงน้องเขาบ้าง\"  เป็นเวลาไม่นานมากนักที่เราต้องแยกย้ายกันออกไปค้นหาแนวทางชีวิตของตัวเอง หาวิธีสร้างหลักปักฐานให้ชีวิตหลังจากที่เคยหันมาหาแนวทางร่วมกันอยู่พักใหญ่ถึงสี่ปี  แต่ยิ่งเป็นเวลาไม่นานกลับยิ่งกระตุ้นเร้าให้เรากระเหี้ยนกระหือรืออยากจะมาใช้ชีวิตร่วมกันอีกครั้งแม้ว่าจะไม่ได้มีอะไรสนทนาแลกเปลี่ยนความคิดกันเลยก็ตาม  เพราะตั้งแต่มาก็ไม่เห็นว่าจะมีใครถามอะไรเกี่ยวกับทุกข์สุขกันสักคน  เห็นแต่ว่า กินเบียร์ให้หนำใจออกเรี่ยวออกแรงปล่อยแก่กันให้สุดๆ  ที่เหลือคงปล่อยให้สื่อสารกันด้วยสีหน้าที่แสดงถึงความปิติในโอกาสที่ได้เจอกัน ปล่อยเรื่องราวหนักอกเอาไว้กับแสงของกลางวันไม่พกมาฝากเพื่อนๆ ท่ามกลางแสงของราตรีอย่างนี้
                     ผมดีใจแถบเนื้อเต้นที่ได้รับคำเชิญอย่างปัจจุบันทันด่วนเป็นเสียงจากโทรศัพท์ให้มาร่วมรำลึกความหลังกันอีกครั้งที่ สถานบันเทิงยามราตรีแห่งหนึ่งที่เราเคย  มากำซาบกันแม้ไม่บ่อยครั้งแต่ก็เป็นความทรงจำอันดีเมื่อครั้งก่อน  ผมแถบไม่ต้องคิดตัดสินใจเมื่อได้ยินว่า เพื่อนผู้หญิงที่ผมรักที่สุดสามคน มาอยู่พร้อมหน้ากัน อีกหนุ่มเป็นเพื่อนไม่สนิทนักแต่ทำหน้าที่เป็นสารถีขับรถนำทางนางฟ้าทั้งสามมาถึงเมืองแห่งแสงสีแห่งนี้ ซ้ำยังกำชับว่าไม่ต้องชวนใครอื่นอีกซึ่งไม่เป็นที่น่าเป็นห่วงเพราะนั่นไม่ใช่นิสัยผมอยู่แล้ว
                     \"ใช่ซี่…ชั้นมันไม่เคยดีมาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว  ถามจริงตั้งแต่คบกันมาเคยคิดจะชมชั้นสักคำมีมั้ย\"  เสียงเพลงดังเร่งเร้าจังหวะคนดนตรี  แต่ผมกลับหยุดพักนั่งนิ่งติดเก้าอี้จุดควันพิษสูดบ่อนทำลายสุขภาพอย่างเนิบๆ  เนื่องด้วยว่า หากผมจะลุกขึ้นไปสบัดแข้งสะบัดขาวาดลวดลายบ้างจะต้องประกอบไปด้วยอารมณ์ที่สร้างถึงขีดพอดีๆ และ ดนตรีเสียงเพลงที่ถูกใจ  ผิดกับเพื่อนซี่เท้าไฟสาวห้าวของผมที่เมื่อใดที่ลุกออกไปกลางแสงไฟกระพริบแล้วไม่ว่าเพลงอะไรก็ปลดปล่อยสำนึกแห่งความป่าเถื่อนและอิสระเสรีของมนุษย์ได้อย่างไม่มีพัก สาวผิวสวยเก้งก้างยังคงพาเพื่อนที่ติดสอยห้อยตามขยับไปด้วย เรียกได้ว่า วาดลวดลายเป็นเพื่อนกัน คงไม่มีใครปล่อยให้ใครต้องแกร่วอยู่กลาง ฟลอคนเดียว  โชคดีที่อีกสาวนั่งลงตรงข้างๆ เพราะหยุดพักตั้งหลักให้หายเพลียเมื่อล้าก่อนจะออกไปร่วมวงอีกครั้ง  จึงเป็นโอกาสอันดีที่ผมและเธอจะได้มีโอกาสพูดคุยเล่าเรื่องราวความเป็นไปส่วนตัวบ้าง หลังจากที่ไม่ค่อยได้มีโอกาสอย่างนี่สักเท่าไหร่
                     \"แกอย่านอกเรื่องดีกว่า สงสารน้องเขา\"  เธอควานหยิบกับแกล้ม ใส่ปาก  แอลกอฮอล์กับเธอไม่ค่อยจะถูกกันสักเท่าไหร่นัก เท่าที่จำได้  แต่ถ้านิดๆ หน่อยก็พอทน  เธอสองคนกับสาวเก้งก้างนั้นมักจะคอยดูแลกันและกันเสมอ  แต่เห็นที่ไรก็ไม่เคยรอดทั้งคู่เดือดร้อนชาวบ้านต้องหามหิ้วกันทั้งสองคน  ความจริงทั้งสองคนรักกันมากทีเดียวดูจากภายนอก อาจจะดูเหมือนทั้งคู่ไม่มีอะไรเหมือนกัน  แต่ใครเล่าจะมองเห็นถึงภายในและจุดสำคัญที่เชื่อมโยงเธอสองคนไว้ด้วยกัน  ไม่มีใครรู้แม้แต่ผม จะมีก็แค่เธอสองคนเองนั่นแหละที่สนิทกันมากจนบางครั้งก็รู้สึกอิจฉาที่ว่าทำไม ผมถึงไม่ได้สนิทใกล้ชิดในดีกรีระดับนั้นบ้าง  แต่ก็ไม่สำคัญอะไร ในเมื่อ ทั้งสองคนก็อยู่ข้างๆ อยู่รอบๆ ผม ไม่เพียงแต่ที่นี่  แต่เป็นทุกที่ ที่ผมจะนึกถึงพวกเธอได้  หรืออย่างน้องผมก็คิดอย่างนั้น
                     \"แล้วจะให้ทำไงล่ะ\" สถานบันเทิงวันนี้ดูคึกคักกว่าทุกครั้งที่เราเคยมาอาจเป็นเพราะว่าเดี๋ยวนี้เรามีโอกาสจะมากันเฉพาะวันหยุด ไม่เหมือนเมื่อก่อน  เรื่องที่ผมคุยกับเธออยู่ตอนนี้ ความจริงผมเคยคุยกับเพื่อนเธอคนที่ยังขยับอยู่ตรงทางเดินไปแล้วเมื่อหลายวันก่อน  ดูเหมือนนั่นจะเป็นเพื่อนคนเดียวที่ใส่ใจถามไถ่ถึงชีวิตความเป็นไปของผมอย่างจริงจัง แม้ว่าความจริงแล้วจะไม่ค่อยมีโอกาสคุยกันบ่อยนัก  แต่ก็ผูกพันห่วงใยกันได้อย่างที่คนจริงใจพอจะมีให้กัน ต่างกับการประคบประหงมคอยดูแลเอาใจใส่อย่างคนสังคมที่หาความจริงใจได้ยากกว่าการหาแสงจันทร์ในคืนเดือนมืด  และดูเหมือนว่าแม้จะไม่ต้องพูดอะไรมาก แต่เธอคนนั้นก็เข้าใจความคิดและทำนายการกระทำของผมได้อย่างไม่ยากเย็น  นั่นทำให้กว่าผมจะรู้สึกตัวก็ได้รับสายตาหรือคำเตือนจากเธอไม่รู้กี่หนต่อกี่หน
                     \"ก็แล้วแกมีเหตุผลอะไรเล่าวะ?\"  เธอถามด้วยความสงสัย  ซึ่งผมเองก็มักจะมีเหตุผลประหลาดๆ ส่วนตัวเสมอ  แต่คงเก็บงำมันไว้ อยู่ลึกๆ ใต้การทำงานของจิตใต้สำนึก ไม่พูดออกมาให้มันสิ้นเปลือง…หรือบางครั้งอาจเพราะว่ามันไม่สามารถจะช่วยให้อะไรๆ มันดีขึ้นมาได้  ผมเลือกเอาว่าจะให้อะไรมันไหลจากความคิดไปแปรสภาพเป็นคำพูด จนหลายครั้งรู้สึกว่าผมเองจะมีกระบวนการคิดที่ลึกลับซับซ้อนกว่าชาวบ้านหลายเท่า  แต่บางครั้งเมื่อถึงเวลาเข้าจริงๆ ขีดจำกัดของของการควบคุมเหตุผลบางอย่าง ก็ถึงเวลาของมันที่จะต้องยืดหยุ่น ผ่อนผันให้มันไม่ถึงจุดแตกหักอย่างรุนแรงบ้าง  ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นคนที่จะได้ยินมันอาจจะเป็น สาวห้าวที่เต้นแร้งเต้นกาอย่างไม่สนใจใครอยู่ตรงนั้น  ซึ่งแม้ว่าเรื่องราวที่ออกจากปากผมไปถึงเธอจะไม่ได้มากกว่าที่ถึงหูชาวบ้านสักเท่าไหร่ จนเคยได้ยินเสียงเปรยบ่น  แต่ด้วยความช่างสังเกตสังกาคนรอบข้างโดยเฉพาะผมเองที่ระยะหลังที่ผ่านมาเราแทบจะอยู่ด้วยกันตลอดเวลา  คงช่วยให้เธอได้เข้าใจเรื่องราวพื้นฐานและสานต่ออะไรต่อมิอะไรได้ง่ายขึ้น
                     \"อืม…..Nothing!!!   I\'m just a guy who suppose to be alone\" ราตรีขับเคลื่อนตัวเองอย่างไม่เร่งร้อนนักเราทั้งหมดรู้สึกว่า มีเวลาอยู่ด้วยกันอย่างเหลือเฟือ ซึ่งอยู่ที่ว่า เราจะเลือกใช้มันอย่างไร แต่อย่างไรก็ตาม ชั่วข้ามคืนนี้อาจช่วยให้เราได้คลายความกระหายในความสัมพันธ์เดิมๆ ของเราได้ แต่ก็ไม่อาจเทียบได้กับเวลาอันมีค่าในอดีตที่ได้ปลิดตัวเองร่วยโรยอย่างไม่มีวันหวนคืนได้อีก เทียบไม่ได้กับเวลาเมื่อหลายปีก่อนเมื่อแรกร่วมทางกัน หญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ พูดคุยกันอยู่ตอนนี้ เป็นความทรงจำอันดีที่จะทำให้ระลึกถึงตอนนั้น ตอนที่ผมยังไม่มีใคร ในสถานที่ใหม่  แม้ว่านั่นจะเป็นช่วงเวลาไม่นานนักในตอนเริ่มต้น และต้องปล่อยให้ห่างหายกันไปในเวลาต่อมา  แต่ก็อาจเรียกได้ว่าเพื่อนคนนี้คือเพื่อนที่ผมเทความสนใจให้เป็นคนแรก  เป็นเพื่อนของการเริ่มชีวิตใหม่ชายเมือง เป็นเพื่อนของการเริ่มต้นความทรงจำ เป็นเพื่อนของการเริ่มต้นเรื่องราวทั้งหลายทั้งแหล่ที่ไหลเรื่อยตามมา ตามกระแสของชีวิตที่ซัดเลาะเรื่อยไปตามตลิ่ง
                     \"ฮึ่ย…แกนี่มันก็คิดถึงแต่ตัวเอง\"   เธอพูดเสร็จก็หันไปสนใจกับวิทยุติดตามตัวที่เขย่าตัวเองแต่ไม่ได้เพื่อปลดปล่อยไปตามเสียงเพลงแต่เป็นไปเพื่อเรียกร้องความสนใจของเจ้าของ  นั่นคงเป็นคู่ของเธอ ที่หมันขยันติดตามความเป็นไปของคู่รักตัวเองไม่ว่าจะไปไหน เมื่อไหร่กับใคร  ไม่รู้ว่า การส่งข้อความมาครั้งนี้เป็นครั้งที่เท่าไหร่  แต่ผมเดาเอาว่าตลอดราตรีแห่งนี้คงเป็นข้อความที่ส่งมาแล้วไม่ใช่น้อย  
                     แสงไฟยังคงกระพริบวูบวาบ  ดนตรียังไม่ชลอความรุนแรงลงยังคงรักษาระดับเอาใจนักท่องราตรีอยู่อย่างเดิม  สาวผิวสวยเก้งก้าง หันหน้ามามองผม ท่ามกลางแสงวูบวาบนั้นผมยังคงสังเกตเห็นแววตาตำหนิติเตียนที่ส่งผ่านความมืดมาถึงใจผม  ผมสูดบุหรี่เฮือกยักไหล่ให้เธอ  สาวห้าวคนนั้นยังคงวาดลวดลายรุนแรงชนิดไม่เกรงใจคนรอบข้างและ สังขารตัวเอง  แต่เชื่อได้ว่า เธอคงใช้ความช่างสังเกตของเธอประกอบกับความรู้พื้นฐานที่สั่งสม กลับไปคิดอะไรได้บ้าง  
                     ผมชำเลืองมองนาฬิกาข้อมือตัวเอง  ดูเหมือนว่าช่วงเวลา ราตรีแห่งนี้กำลังใกล้จะหมดลงแล้ว  และช่วงเวลาสุดท้ายของราตรีนี้เอง บทเพลงแห่งความหลัง บทเพลงแห่งความทรงจำครั้งอดีตของพวกเราก็บรรเลงขึ้น  ผมไม่รู้ว่าเพลงนี้จะมีค่าต่อนักท่องราตรีคนอื่นๆ ที่เบียดเสียดกันอยู่ในนี้มากสักเท่าใด  แต่สำหรับผมและเพื่อนๆ ด้วยแล้วดูเหมือนมันจะช่วยดึงเราหลุดย้อนไปถึงความสัมพันธ์และบรรยากาสเดิมๆ ได้อย่างดี  ผมและเธอที่นั่งอยู่ข้างๆ ลุกขึ้นพรวด เข้าร่วมวงขยับเยื้องกายปล่อยความคิดกระเจิงไปพร้อมๆ กับร่างกาย สนุกให้สุดๆ กับที่นี่ ราตรีนี้

                     \"แกมันก็คิดถึงแต่ตัวเอง\"  ก่อนจบราตรีนั้นผมนึกย้อนถึงคำที่เธอพูดกับผม  ตั้งแต่คบกันมา มีไม่บ่อยนักที่ผมจะปรึกษาหรือเล่าเรื่องแบบนี้กับเธอ แต่ทุกครั้งผมจะได้ยินคำว่า \"แกมันก็คิดถึงแต่ตัวเอง\"  นั่นเป็นเหตุผลของเรื่องราวที่ผ่านการวิเคราะห์จากวิสัยทัศน์ของเธอแล้ว  ผมไม่เคยโต้เถียงกับคำนั้นสักคำ ไม่เคยยอมรับ ไม่เคยปฏิเสธ  คงแต่เงียบๆ เฉยๆ แล้วก็พูดคุยเรื่องราวในแง่อื่นต่อไป มันก็อาจจะจริงที่หลายอย่างผมก็มักจะคิดถึงแต่ตัวเองเสมอ  แต่สาเหตุของเรื่องนี้เธอจะรู้ไหมนะว่า ทุกครั้งที่มีเรื่องราวมาเล่า และเป็นเรื่องที่ต้องจบลงแบบนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า  ผมไม่ได้คิดถึงตัวเองสักนิด  เธอจะรู้ไหมนะว่า …

                     \"ผมมันคิดถึงแต่…เธอ\"

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×