กุหลาบโรยกลิ่นหอมเย็น ฟุ้งกรุ่นกำจายทั่วบริเวณ  บางกลีบปลิวลมมาเคลียแขน กลิ่นกลีบอ่อนบางซ่านเข้าไปถึงในใจของชายหนุ่ม ผู้ห่างสัมผัสอันหอมหวานมานานนัก
    เขามาที่ส่วนสวนกุหลาบนี่เป็นประจำ  เพราะนอกจากสีและกลิ่นอันพึงใจแล้ว  เขายังจะได้มีโอกาสได้ทอดตามองอีกคนที่เขาเฝ้ามองมาตลอด
    สวนสาธารณะแห่งนี้มีทั้งกลุ่มไม้ดอก ไม้ใบ ไม้โชว์กิ่ง และไม้ให้ร่ม ปลูกร่วมและสลับกลุ่มกันได้จังหวะจนน่านั่งไปเสียทุกมุม จากตรงซุ้มกุหลาบข้ามลานหญ้าไปก็เป็นส่วนของสวนสนหลากพันธุ์  ไม่ไกลเกินกว่าที่สายตาของชายหนุ่มจะจับจ้องไปยังหญิงสาว ซึ่งก็มานั่งอยู่ที่ม้านั่งใต้เงาสนนั่นเป็นประจำเช่นกัน
    ลมกรรโชกแรงขึ้นจนกุหลาบเหลืองโรย ต้องปลิดกลีบทิ้งเกสรไปทั้งดอก เช่นเดียวกับเพื่อนต่างสีที่พากันสลัดก้านปล่อยให้ละอองเรณูปลิวลมตลบจนเขาต้องหลับตาหลบพิษแห่งความหอมของราชินีดอกไม้  พลางรีบปิดสมุดบันทึกในมือด้วยเกรงว่าความรักความหลังจะปลิวไปไกลจนเกินเก็บคืน
    สิ่งหนึ่งสัมผัสแขนแกร่งด้วยความแผ่วเบาแล้วพาดไพล่อยู่ที่หน้าตัก  เมื่อลืมตาก็เห็นว่าเป็นแพรโปร่งบาง สอดดิ้นทองงามระยับราวกับเครื่องประดับมากกว่าเป็นแค่ผ้าคลุมผม  เขามองกลับไปยังเจ้าของ ซึ่งนั่งอยู่ใต้หมู่สนฝั่งโน้น  ลมเอยช่างเป็นใจให้ช้ำ พัดยอกย้อนจนมีเหตุเป็นอันต้องสบสายตากันจนได้
    เธอนั่งนิ่งราวไร้ความรู้สึกใด  เพียงสายตาที่มองเท่านั้นเขาก็จำต้องมาส่งแพรบางคืนให้ถึงมือ ทั้งที่อยากจะแอบซ่อนเก็บมันไว้จะแย่
    “ขอบคุณค่ะ....อยู่คุยเป็นเพื่อนกันก่อนก็ได้นะคะ...ฉันเห็นคุณมานานแล้ว แต่ยังไม่มีโอกาสได้ทักทายกันเลย....มาที่นี่เป็นประจำเหมือนกันนะคะ....ท่าทางจะชอบกุหลาบมาก  เห็นมาทีไรก็ตรงไปอยู่ในสวนกุหลาบนั่นตลอดเลย” 
    ตลอดเวลาของการเปิดบทสนทนาอันยาวนาน  เขาได้แต่เพียงมองลึกลงไปในแววตาใสหมดจดของเธอ  พยายามมองให้ลึกไปถึงข้างใน  จนไม่แน่ใจว่าเขาไม่เห็นอะไรหรือในนั้นไม่มีอะไรกันแน่  จึงพยายามมองหาทุกซอกมุมที่พอมี ทว่าทุกส่วนคงยังว่างเปล่า และลืมไปว่าปล่อยให้ฝ่ายที่เพิ่งกล่าวขอบคุณ พูดอยู่คนเดียวมาหลายคำ
    “อ้อ...ครับ....ผมชอบกลิ่นกุหลาบน่ะครับ....มันหอมเย็นชื่นจนช่วยให้ผ่อนคลายและสบายใจขึ้นมาก...”  เขายิ้มให้ทั้งหน้าเมื่อเธอยิ้มตอบกลับมาอย่างเต็มใจ
    “นิลค่ะ...ดาวนิล....ยินดีที่ได้ทักกันเสียทีนะคะ”  เธอชิงแนะนำตัวเองเสียก่อน  จนเขาไม่ทันคิดอะไรได้มากไปกว่า แนะนำตนเองตอบไปโดยอัตโนมัติ
    “ชื่อกานต์ ที่แปลว่าที่รักหรือเปล่าคะ...แหมชื่อยังกับพระเอกนิยายรายสัปดาห์”  เธอหยอกอย่างเป็นกันเองได้เร็วเกินไปด้วยซ้ำ  “แต่ว่าชื่อคุณนี่คุ้นหูจังค่ะ.....แต่จำไม่ได้เสียแล้วหละค่ะว่าเคยมีใครที่รู้จักมาก่อนมีชื่อนี้”  เธอเอื้อมมือมาแตะเบาๆ ที่ต้นแขน ท่าทีแสดงความขอโทษทั้งที่ยังมิได้ทำผิดกิริยาอันใดเลย
    “ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณนิล.....ทำไมมานั่งตรงนี้คนเดียวตลอดเลยเล่าครับ”  เขาพลาดไปโดยไม่ทันสะกิดใจ
    “เอ๊ะ...คุณกานต์แอบมองนิลอยู่ตลอดเลยหรือคะ”  เธอยังคงอารมณ์แจ่มใส
    “ขอโทษครับที่เสียมารยาท....ผมหมายความว่า...เอ่อ...” คนที่เฝ้ามองมาตลอดจึงได้แต่ตะกุกตะกักอยู่แค่นั้น
    “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ...ก็จริงนี่คะ....นิลมานั่งที่นี่คนเดียวตลอดมา....มานั่งรื้อฟื้นความทรงจำเก่าๆ น่ะค่ะ”
    เพียงแค่นั้นทั้งคู่ก็นิ่งงันจมอยู่กับความคิด ความรัก ความหลังของแต่ละฝ่าย  กานต์ยังจำเธอที่รักของตนได้ตลอดมา ทั้งยังย้ำกับใจว่ายังรักเธอมั่นเสมอ  สิ่งใดที่เธอจะได้มีความสุขกับชีวิตเขาก็จะยินดีหามาพลีให้ ได้แม้แต่ชีวิตตัวเอง
    ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไร  เพราะอาการกรีดปลายนิ้วค่อยสานสิ่งหนึ่งอยู่นั้นดูเป็นไปตามความเคยชินมากกว่าจะตั้งใจ
    “สร้อยสน....สวยจริงครับคุณนิล”  เขาเอ่ยปากทักสิ่งที่อยู่ในมือเรียวละมุน  ทำลายความเงียบและห้วงคำนึงของหญิงสาวตรงหน้า
    “ค่ะ...สร้อยสน...ไม่รู้เหมือนกันค่ะว่าฉันชอบร้อยมันตั้งแต่เมื่อไหร่...รู้แต่เพียงว่า...ฉัน...เคยร้อยมันด้วยหัวใจทั้งดวง  และด้วยสร้อยสนนี่แหละค่ะที่ร้อยหัวใจอีกดวงของคนที่ฉันรักเอาไว้”
    เธอสลดลงเล็กน้อย คล้ายดอกไม้งามต้องแสงแรงร้อนของแดดบ่าย
    “น่าอิจฉาความรู้สึกดีๆ ของคุณนะครับ”  เขาจะเอ่ยอันใดได้มากกว่านี้อีกเล่า
    “อย่าเลยค่ะ....สิ่งใดที่ทำให้เรารู้สึกดีมากๆ หากวันใดมันห่างหาย หรือว่าเราเผลอลืมเลือนไป  แต่แล้ววันหนึ่งเรากลับห่วงหาหรือจดจำมันได้ขึ้นมา  ความรู้สึกดีมากๆ นั้นจะกลับมาทำร้ายความเป็นตัวของตัวเราได้รุนแรงพอๆ กัน  โดยเฉพาะความรู้สึกที่เรียกว่า รัก”
    ดาวนิลไม่ได้หยุดมือจากการถักร้อยเส้นใบสนในมือ เขาสังเกตเห็นว่า  มือนั้นสั่นเล็กน้อย แล้วปลายเล็บบางก็เผลอจิกให้สายใบสนขาดจากกัน
    “อุ๊ย....ขาดเสียแล้ว....ตั้งใจว่าจะร้อยให้คุณกานต์ในฐานะคนที่จะเป็นมิตรที่ดีต่อกันในโอกาสต่อไป....เดี๋ยวจะร้อยให้ใหม่นะคะ”  คนพูดรวบกำเศษเส้นแหลกสลายไว้ในมือ ราวกับว่าอยากจะหลอมมันด้วยกระไอร้อนแห่งชีวิตให้มันได้หวนคืนดังเก่ากระนั้น
    เขาแอบหวังว่า แม้สร้อยสนเส้นขาดนั้นก็เพียงพอแล้วกับตน ทว่าเธอกลับโปรยมันลงรวมกับเศษก้านใบแห้งแข็งตรงหน้า สุดที่เขาจะเอ่ยอะไรออกมาได้ จึงเพียงแต่เพียงเอื้อมหยิบมันขึ้นมาพินิจดูอีกครั้ง
    “น่าเสียดาย...ไม่น่าเชื่อว่าเส้นใบสนแข็งๆ เป็นข้อเล็กๆ นี่จะเอามาร้อยเป็นอะไรแบบนี้ก็ได้นะครับ” ชายหนุ่มแสดงความเห็นราวกับตนไม่เคยเห็นความละเอียดอ่อนเช่นนี้มาก่อน
    “ไม่ต้องเสียดายหรอกค่ะ....ฉันร้อยมันได้แค่ลายนี้ลายเดียวเท่านั้น  ลายเดียวที่ฉันจำได้...จะด้วยสิ่งใดก็แล้วแต่  เส้นใหม่นี่ก็ไม่เคยด้อยกว่าเส้นเก่าเลยค่ะ  แม้ว่ามันจะไม่เคยสวยงามกว่าก็ตาม”
    ความเงียบมาเยือนคนทั้งสองอีกคราว  ภาพความหลังมีแรงมหาศาลในการดึงให้ทั้งคู่กลับไปจมอยู่กับอดีตอีกครั้ง  ภาพของหญิงสาวที่เขาเฝ้ามองมานานกลายเป็นเพียงฉากหนึ่งของชีวิตที่ผัดผ่านความรานร้าวร้ายมาหนักหนาสาหัส  อาจจะเช่นกันกับสร้อยสนเส้นใหม่ในมืองาม ที่เจ้าตัวดูจะตั้งใจจับจ้องและระมัดระวังไม่ได้มันขาดจากกันเหมือนอย่างเส้นก่อนหน้า
    หมู่นกทยอยกลับรังที่กลุ่มไม้ใบหนา ถัดสวนกุหลาบไปอีกด้าน  ลมแรงพัดหวนย้อนกลับมาจากทางนั้น จนกลิ่นหอมอ่อนกำจายผ่าน เธอยืดตัวขึ้นตรงสูดหายใจยาวขณะมองไปยังซุ้มกุหลาบนั่น  เขามองตามนิดหนึ่งก่อนจะกลับมามองตาเธอ  นัยตารื้นน้ำฉ่ำชื่นยังคงไม่มีอันใดเคลือบแฝงเช่นเคย
    “หากยังรักยังคิดถึง ทำไมไม่กลับไปหาสิ่งที่เรารัก เราคิดถึงล่ะครับ”  เขาไม่รู้เลยว่า ข้อความที่กล่าวออกมานี้จะกรีดแทงเข้าไปถึงส่วนไหนของหัวใจเธอ  หญิงสาวจึงหลั่งน้ำตาพราวอันแม้จะซ่อนไว้ด้วยการก้มหน้า หากหยดน้ำใสยังหยาดลงมิได้หยุด
    “คุณครับ...คุณ...คุณนิล....เป็นอะไรไปครับ...ผมขอโทษ...ขอโทษนะครับหากว่าพูดอะไรผิดไป”
    อีกเป็นนานกว่าอีกฝ่ายจะข่มน้ำตาน้ำใจของตนให้กลับมาดำรงสติกับปัจจุบันได้
    “ดูสิ  ขาดอีกจนได้  คุณกานต์คะ  ฉันตั้งใจจะร้อยมันให้กับคุณจริงๆ รออีกครู่นะคะ”  เธอยังถอนสะอื้น จนถ้อยคำขาดเป็นห้วงๆ
    “วันหน้าก็ได้ครับ.......ผมต้องขอโทษจริงๆ  ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้คุณรู้สึกไม่ดีขนาดนี้เลย”
    เพราะแดดอ่อนเริ่มปรับสีฟ้าเป็นชมพูหม่นซีดและหมอง  แมลงกลางคืนเริ่มระงมขานทักทายยามอาทิตย์ย่ำยอแสง  กลิ่นกุหลาบจางเริ่มถูกแทนด้วยดอกไม้กลางคืน  ซ่อนกลิ่นคละกลิ่นมากับราตรีและวาสนา  ทั้งนั้นหอมฉุนรุนแรงชวนวิงเวียนมากกว่าจะสดชื่น
    “ผมว่าผมคงต้องกลับก่อนแล้วหละครับ
    เขาบอกอย่างเกรงใจเธอเต็มที่ กระไรเลยกับความเป็นสุภาพบุรุษซึ่งต้องยกไปไว้เสียอีกทางหนึ่งก่อน
    “
คุณ  ก็ควรจะกลับได้แล้วนะครับ
.ถ้า
หากว่า  ผมต้องเป็นเหตุให้คุณรู้สึกเศร้าหรือเสียใจ ไม่ว่าจะด้วยเรื่องอะไรก็ตาม
..ผม
..ผม
ก็  ก็ควร จะต้องไปจากตรงนี้เสียที
”   
    “ได้โปรดเถิดค่ะ
โปรดอยู่เป็นเพื่อนฉันอีกสักครู่  อีกครู่เดียวเท่านั้น  เมื่อ
..  เมื่อตะวันลับฟ้าเราค่อยไปจากตรงนี้พร้อมๆ กัน”  เสียงของหญิงสาววิงวอนจากส่วนที่ลึกที่สุดของหัวใจเพียงในประโยคแรก  แล้วความเลื่อนลอยก็กลับมาประทับตรงที่เดิมของมันอีกครั้ง
    เงาไม้ของหมู่สนทอดยาวหนีแรงแสงอันอ่อนล้า  หรีดหริ่งเรไรสงัดเสียงลงเหมือนตกใจในคำพูดของเธอ  เขาใจหายวาบ เผลอตัวตะลึงมองจ้องตาอีกฝ่ายอย่างมีความหวัง  โน้นตัวเข้าไปใกล้เพื่อหมายจะมองว่ามีสิ่งไรบ้างที่กำลังดิ้นเร่าอยู่ในแววตาใสทว่าหม่นหมองตรงหน้า
    สมุดบันทึกอันแอบซุกกายอย่างเงียบเชียบอยู่ในซอกแขนข้างใกล้หัวใจของเขามาตลอด  จึงเลือนมานอนราบอยู่บนหน้าตัก ทั้งทำท่าจะเผยอเปิดเผยใจความทั้งหมดซึ่งเขาสู้อุตส่าห์ฝากฝังไว้กับมันอย่างเชื่อใจ 
    กานต์รีบตะครุบมันไว้ได้ทันแต่เพียงปกข้างหนึ่ง เมื่อหน้ากระดาษสีซีดเซียวเปิดพลิกไล่กันไปตามแรง  สิ่งซึ่งคั่นอยู่ในหน้าหนึ่งนั้นก็โรยตัวช้าๆ ลงไปกองรวมกับเศษเส้นใบสนก่อนหน้า
    ก่อนที่เขาจะก้มลมหยิบมันได้  หญิงสาวก็ฉวยสร้อยสนซึ่งแผ่บางเพราะทับไว้ในที่แห้งมาเป็นเวลานาน  เธอพลิกมันไปมาอย่างจะพิจารณาให้ถ่องแท้ว่ามันจะเกิดมาเป็นสร้อยนี้ได้นานสักเท่าไรแล้ว ทั้งยังนำมันลงวางทาบเทียบกับเส้นใหม่บนข้อแขนของตนเอง
    “ขอ
.”
    “ลายเดียวกันเลยนะคะ
..แต่
คิดว่าคงสวยกว่าของนิลแน่ๆ” 
    ดาวนิลยิ้มอย่างที่อารมณ์แจ่มใสกลับมาเยือนแล้ว  จนเขาต้องแอบระบายลมหายใจเบาๆ อย่างโล่งอก
    “อย่างนี้ก็ขายหน้าแย่เลย
ริจะสอนหนังสือสังฆราชเสียแล้ว”  เธอยื่นสร้อยสนเส้นเก่านั้นมาให้เขาอย่างระมัดระวัง
    “ไม่ใช่ฝีมือผมหรอกครับ
เมื่อก่อนผมเคยลองหัดแต่ไม่เคยทำได้ดี  และ
.และเดี๋ยวนี้
ผมหมายถึงว่าหลังจากนั้น ผมก็ไม่คิดจะทำมันขึ้นมาอีกเลย”  เขาพยายามปะติดปะต่อคำพูดโดยไม่ให้สะเทือนใจใครเลยสักคน
    “นิลร้อยสร้อยสนนี่ตลอดเวลาเพราะรู้สึกได้เหมือนว่ามีใครสักคนมาคอยนั่งรอยื่นข้อมือมาให้ลองสวม
มีใครสักคนมาคอยให้กำลังใจเมื่อมันขาดออกจากกัน
.คุณกานต์ก็คงเหมือนกัน
.สร้อยสนของคุณก็คงสำคัญกับคุณมากสินะคะ  เราอาจจะมีอะไรเหมือนกันอยู่อย่างหนึ่ง
.นั่นคือยังผูกพันกับความสุขที่ผ่านเลยไปแล้ว
”
    โดยตลอดหญิงสาวตรงหน้าไม่ได้แสดงอาการหรือน้ำเสียงอย่างใดที่จะทำให้เขารู้สึกว่า เธอกลับไปเศร้าหมองหดหู่อีกครั้ง  นั่นอาจเป็นเพราะขณะนี้เธอได้พบกับเพื่อนร่วมทุกข์อย่างเดียวกันแล้วก็เป็นได้
    “ครับสร้อยสนเส้นนี้
.เธอ
ที่รักของผมร้อยไว้ให้ก่อนที่จะเกิดอุบัติเหตุ”  ไม่ว่าเขาจะพยายามเรียบเรียงถ้อยคำอย่างไร ก็ไม่อาจสกัดกั้นข้อเรียกร้องจากหัวใจของตนเองได้
    “หยุดเถิดค่ะ
.ถ้านิลอยากจะฟังอะไรสักอย่างจากคุณ  ก็ขอฟังช่วงเวลาแห่งความสุขของคุณเถิดนะคะคุณกานต์”  เธอถึงกับส่งปลายนิ้วเรียวงามมาแตะริมฝีปากของเขา
    “ยังดีที่คุณรู้ว่าคุณเก็บมันไว้เพื่ออะไร  แต่กับนิล
นิลไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะร้อยมันเพื่อใครหรือเพื่ออะไร
.
    ขณะนี้เหมือนเสียงหัวใจของชายหนุ่มจะดังกลบเสียงใดๆ ได้ทั้งสิ้น หรือว่าความพยายามที่ต้องทุ่มเทพลังใจทั้งหมดจะมามลายลงเสียในย่ำค่ำคืนนี้
    “อย่างนี้
คุณกานต์คงไม่ต้องการสร้อยสนของนิลอีกแล้วใช่ไหมคะ”  หญิงสาวถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ความกระตือรือล้นเมื่อแรกมลายหายไปหมดสิ้นแล้ว
    จันทร์เสี้ยวสะท้อนแสงนวลใสได้ทันทีที่อาทิตย์ลับขอบฟ้าไปทั้งดวง  ลมยังโชยกลิ่นดอกไม้ขาวให้อวลตรลบอยู่รอบกาย  กบเขียดเริ่มโผล่ขึ้นจากสระเพื่อลิ้มหยาดน้ำค้างแรก  เขาเบือนหน้าไปเสียทางอื่น  เพราะไม่อยากสบสายตาเธอไปพร้อมๆ กับการโกหกอย่างร้ายกาจที่กำลังจะพูดออกมา
    “เธอที่รักของผม ได้จากผมไปแล้วครับ  จากไปอย่างไม่มีวันกลับ  ด้วยอุบัติเหตุในครั้งนั้น”
    “คุณกานต์คะ
เห็นแก่มิตรภาพที่เพิ่งเริ่มต้นของเราสองคนเถิดค่ะ
.กรุณาอย่าพูดเรื่องอย่างนี้ให้นิลฟังอีกเลย
..นิลฟังมามากพอแล้ว
.จากปากของคนอื่น  ขอคุณไว้สักคนได้ไหมคะ
.อย่าทำให้นิลต้องทรมานเหมือนกับคนอื่นๆ อีกเลย
” 
    เธอถึงกับคุกเข่าลงตรงหน้าของเขา และเปลี่ยนจากตั้งใจจะให้เป็นสร้อยข้อมือ ให้กลายเป็นที่คั่นหนังสืออันใหม่อีกอัน  แม้นเธอไม่ได้บอกว่าขอให้สร้อยสนของเธอได้วางอยู่เคียงข้างกับสร้อยสนเส้นเดิม  แต่เขาก็บรรจงสอดซ้อนมันไว้กับหัวใจดวงเก่าของเขา  พร้อมกับรับปากกับเธอเบาๆ
    “ครับคุณนิล
ผมรับรองว่าจะไม่ทำให้คุณเสียใจหรือลำบากใจอะไรอีกเลย
..เรากลับกันเถิดครับ
น้ำค้างลงแล้วเดี๋ยวจะไม่สบายไปเสียเปล่าๆ
”
    “ค่ะ
.กลับกันเสียที
.ให้นิลช่วยไปส่งคุณที่ในตึกนะคะ”
    หญิงสาวอ้อมไปด้านหลัง แล้วค่อยผ่อนแรงเข็นรถเข็นให้เพื่อนใหม่ผู้มีขาทั้งสองข้างเหลือเพียงแค่เข่า
    ในใจยังคงคิดว่า  สร้อยสนที่เธอจะบรรจงร้อยเป็นพิเศษในวันพรุ่งนี้  คงจะช่วยรื้อฟื้นความทรงจำของตนให้มันกลับมาได้บ้าง
    ทั้งยังอดคิดไม่ได้ว่า  อุบัติเหตุที่ทำให้คนตรงหน้าถึงกับพิการอย่างสาหัสนี้  จะเป็นคราวเดียวกันกับที่ทำให้เธอสูญเสียความทรงจำทั้งหมดไปหรือเปล่าหนอ
8*8*8*8*8*8*8*8*8*8*8
song982
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น