My Angle บันทึกรักจากคนที่รักฉัน - My Angle บันทึกรักจากคนที่รักฉัน นิยาย My Angle บันทึกรักจากคนที่รักฉัน : Dek-D.com - Writer

    My Angle บันทึกรักจากคนที่รักฉัน

    ความรักมักไม่จำเป็นต้องใช้เวลาเพื่อทดสอบมากมาย เพียงแค่เรามั่นใจในใครสักคนนึง แค่เราบอกว่า \"รัก\" ให้เร็วไว้ก่อนที่จะสายเกินไป

    ผู้เข้าชมรวม

    699

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    699

    ความคิดเห็น


    7

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  ซึ้งกินใจ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  10 ก.ค. 47 / 22:29 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      ท้องฟ้าช่างสวยงาม เมฆสีขาวสวยราวปุยนุ่น ขาวสะอาดดุจดั่ง...                                                                    
      “ซากูระ! หันมาเดี๋ยวนี้เลยนะ ฉันอยากรู้นักว่ามองไปนอกหน้าต่างแล้วมันจะทำให้ฉลาดขึ้นรึไง”    
                     เสียงแว้ดๆ ของหญิงวัยกลางคน ทำให้ฉันกลับมายังโลกแห่งความเป็นจริงอีกครั้ง    
                                            “เหม่ออยู่ได้มาแก้สมการข้อนี้เลยนะ”  
                      เธอบ่นต่อ ฉันค่อยๆลุกขึ้นไป และ แก้โจทย์ข้อนั้นแบบรวดเดียวจบ

      เฮ้อ! วันนี้หน้าเบื่อจริงๆ เมื่อไรจะผ่านไปซักทีเนี่ย  ฉันนึกในใจ พลางวาดรูป                เล่นในกระดาษทด

            “นี่ๆซากูระจังจ๋า วันนี้ตอนเย็น เธอไปสมัครทำงานพิเศษกับฉันเอาแมะ”
      โทโมโยะ เธอเป็นเพื่อน เอ่อ..ไม่ใช่สิ ฉันไม่คิดว่าเขาเป็นเพื่อน เพราะ เธอชอบฉีกหน้าฉันบ่อยๆ
                                                                              ...และยังชอบพูดจาดูถูกฉันอีก
                                  “เอ่อ.. ไม่ดีกว่า”
                                      ฉันตอบ
                                   “แหม!จะเอาเวลาไปจู๋จี๋กับคาสึเกะคุงล่ะสิ”
                                    เธอพูดต่อ เล่นเอาฉันหน้าแดง       “ปล่าวซักหน่อย”
      “แล้วไปนึกว่าชอบคาสึเกะคุง ถ้าชอบล่ะก็ได้เป็นศัตรูกันแน่ เอ..แต่อย่างเธอเขาคงไม่ชอบหรอก”
                    เธอพูดเน้นคำ พร้อมกับส่งตาอันเหยียดหยาม ก่อนเดินออกจากห้องไป
                                                   เฮ้อ!    ฉันถอนหายใจเฮือกใหญ่
      ความจริงแล้ว ฉันกับคาสึเกะคุง บ้านอยู่ตรงข้ามกันเราสนิทกันมาตั้งแต่เด็กๆ เราไปโรงเรียนด้วยกัน
                      ทุกๆวัน และจะเล่นด้วยกันตลอด แต่คงเป็นฉันฝ่ายเดียวที่คิดไปมากกว่านั้น
                                         “อ้าวเจ๊!   ไม่กลับบ้านหรอ”
                             คาสึเกะคุงพูด เขาเหงื่อท่วมตัวพร้อมหอบแฮ้กๆ จากการเล่นกีฬา
                                                “ วิ่งหาซะทั่ว นึกว่าหนีกลับบ้านก่อนไปแล้ว”
                                  เขาพูดด้วยอาการเหนื่อยหอบ  ฉันหยิบน้ำในกระเป๋าให้เขา
                       “ขอบใจนะ” คาสึเกะหยิบขวดน้ำ พร้อมกับซดน้ำ อักๆอย่างรวดเร็ว
                                    “ซ้อมบาสเหนื่อยแมะ”ฉันถาม   เขายื่นขวดน้ำคืนให้
               “ก็เหนื่อยอะ แต่สนุกดี เธอเองก็หน้าจะลองเล่นดูบ้างนะ ร่างกายผอมบางเอาขนาดนั้น”
                    ฉันหันมาค้อนเขาเล็กน้อย “ม่ายอะ ฉันเอาเวลาไปทำงานพิเศษดีกว่า
      “ค่ะ“ไม่นะเธอต้องไม่ทำ!” คาสึเกะขึ้นเสียงใส่ฉัน เขาหันมาเอามือบีบไหล่ฉันอย่างแรง
      “เธอทำงานพิเศษ ไม่ได้หรอกมันอันตราย!” คาสึเกะพูด สีหน้าจริงจัง ฉันถึงกับใจเต้นรัว
      เราจ้องตากันนาน จนฉันเอามือปัดปอยผม ที่ตกลงมาบังตา เขาเอามือออกจากไหล่ฉัน
      คาสึเกะคุงลดสายตาต่ำลง เผยให้เห็นแววตาอันเสร้าสร้อยของเขา                                                               ~ช่างมีเสน่ห์อะไรเช่นนี้~
                    “ขอโทษนะ คือ..ฉันคิดถึง  พี่สาวน่ะ” เขาพูดก่อนเดินนำหน้าไป
      ฉันเองก็อดสงสารคาสึเกะไม่ได้เพราะเขาได้สูญเสียพี่สาวไปเนื่องจากประสปอุบัติเหตุหลังจาก ทำงานพิเศษ       ท้องฟ้าสีหม่นลงฉันค่อยๆเดินกลับบ้านอย่างเดียวดาย
                              
          ทุกเช้าฉันกดออดที่บ้านคาสึเกะคุง ซึ่งภาพเดิมๆที่เห็นคือ แม่ของคาสึเกะจะจูบที่หน้าผากของเขาและหันไปทักฉัน   . . . . เช้านี้ก็เช่นกัน          “ฝากด้วยนะจ๊ะ”       แม่ของเขาบอกฉันส่งยิ้มอัน   อบอุ่นมาให้           ”    ฉันตอบ   ซึ่งคาสึเกะจะหันมาตบหัวฉันทุกที
          “นี่ซาอิจังเธอว่าโทโมโยะนิสัยเป็นยังไง” คาสึเกะเรียกฉันว่า ซาอิจัง ซึ่งมีแต่คนในครอบครัวเท่านั้นที่เรียกเพราะมันเป็นชื่อเล่นของฉัน                                                                             “ฉันว่าเขาก็....ก็เป็นคนที่ดีนะ”
      ฉันเสแสร้งตอบไป                “หรอ”               คาสึเกะตอบอย่างงงๆ เขาหันมามองหน้าฉัน
         “อ้ะ  ข้าวกล่อง”       ฉันยื่นกล่องสีน้ำตาลแดงให้    “เอ๋!   ขอบใจนะแต่ปรกติเรากินกล่องเดียวกันไม่ใช่หรอ  แม่เธอยังบอกฉันอยู่เลย แต่ทำไมแยกกล่องซะล่ะ”เขาถามอย่างแปลกใจ
      “คือ.......ฉัน..” อยู่ดีๆก็เกิดอาการติดอ่าง ความจริงแล้วโทโมโยะสั่งให้ฉันเป็นคนแยกกล่อง เพราะ ไม่อย่างงั้นจะบอกเรื่องที่ฉันไปทำงานที่เมซึคาเบะ
                              “แหม!คบกันมาตั้งนาน จะมารังเกียจกันก็วันนี้เองหรอเนี่ย”
                    เขาพูดต่อ ทำหน้าอมยิ้ม พร้อมกับหยิบข้าวกล่องมาไว้ในมือแล้วเปิดดู
      “บ้า!  ไม่ใช่ซักหน่อย” ฉันตอบ                                                                                                                                                 ตอนนี้เราเดินมาจนถึงหน้าโรงเรียน
           “ไง !  ซากูระ หวัดดีไอ้คาสึเกะ”เรียวอิจิ เขาเป็นเพื่อนกัยคาสึเกะ เดินมาทักฉันก่อนที่จะลากคอคาสึเกะไป     คาสึเกะเอี้ยวตัวมาบายฉัน    ฉันยกมือลาตอบ
             สายลมเดือนตุลาคมพัดโชยเอาใบไม้ปลิวว่อนไปโดยรอบ  นักเรียนมัธยมปลายส่วนใหญ่เดินกันเป็นคู่ๆ หรือกลุ่มใหญ่  ทั้งที่อากาศค่อนข้างร้อน  แต่ฉันกลับหนาวเย็นอย่างบอกไม่ถูก
               “สวัสดี ยัย เอ๋อ เพื่อน รัก”เสียงหนึ่งพูดห้วนๆมันเป็นเสียงที่ฉันคุ้นเคยดี
      “สวัสดีจ้ะโทโมโยะ” ฉันตอบกลับ แสร้งยิ้มอย่างชื่นบาน   “นี่เธอคงไม่รู้อะไรสินะ”
                            หล่อนพูดต่อ ปากอันบางเฉียบวันนี้ถูกแต้มด้วยสีชมพูเข้ม
      “รู้อะไรหรอ”ฉันพูดต่อทำเป็นไม่สนใจโดยการเก็บรองเท้าใส่ล็อคเกอร์
        “โถ!โถ!โถ! น่าสงสาร คงอย่างที่คนอื่นเขาว่าในหัวเธอเนี่ยมีแต่เรื่องเรียนทั้งนั้นเลยใช่ไหม”
      โทโมโยะพูด เธอหรี่ตาลงเพื่อมองดูฉัน ในสายตาที่ส่งมาช่างมีแต่ความรังเกลียดชังเสียจริงๆ
                                                ฉันทำเป็นยิ้มอย่างใสซื่อ
      “ก็เรื่องที่ทางโรงเรียนจะมีงานฉลอง  เต้นรำ / ทำเพลง ประจำปีน่ะสิทางโรงเรียนเขาระบุมาเลยนะว่าต้องเป็นคู่ชาย-หญิง” หล่อนพูด ดวงตาเป็นประกาย                     ฉันนึกขึ้นได้ว่าปีที่แล้วฉันขายคูปอง
      เลยไม่ต้องมาเป็นคู่  แต่เท่าที่ฉันจำได้ทางโรงเรียนสนับสนุนให้มาแบบ ชาย-ชาย    หญิง-หญิงมาก กว่า  ฉันยิ้มเจื่อนตอบ   แทนคำพูดมากมายที่ไม่อยากเอ่ย
              “เธอคงรู้นะว่าฉันอยากคู่ใคร”โทโมโยะพูด เธอชายหางตามองมาที่ฉันอย่างมีเลศนัย
      หล่อนบีบข้อมือฉัน          “คาสึเกะคุง! ฉันจองแล้ว!”     โทโมโยะพูดเน้นคำ
      เธอปล่อยมือ ก่อนที่จะเดินสะบัดปลายผมหยักโสกสีน้ำตาลแดงของเธอไป
                                     รอยจ้ำแดงๆปรากฎที่ข้อมือของฉัน
      คาบเช้านี้ฉันเรียนไม่ค่อยรู้เรื่อง ในหัวมันคิดแต่เรื่องงานของโรงเรียนมันเป็นงานในฝันของนักเรียนมัธยมปลายซึ่งจะพาคนรักต่างโรงเรียนมาแนะนำให้รู้จักกัน ฉันอดคิดไม่ได้ว่าโทโมโยะจะควงมา          กับใคร......                                                                                                               ...คาสึเกะ                                                                             ..รึปล่าวนะ
        ลมพัดแรงในยามบ่าย พัดเอายอดสนเอนไหว  ฉันมองไปนอกหน้าต่าง.....ปล่อยใจให้โผบินอีกครั้ง

                                          “ซาอิจัง! ซาอิจัง!”

      ฉันหันไปพบคาสึเกะคุงนั่งยิ้มอยู่  คนอื่นๆหายไปกันหมดแล้ว        “อ้าวคนอื่นๆล่ะคาสึเกะ”
             “ก็.....กลับบ้านกันหมดแล้ว”         คาสึเกะตอบเขาอมยิ้มแล้วมองฉันอย่างตลกๆ
      “กลับบ้าน? กลับได้ไงล่ะ ยังไม่เลิกเรียนเลย ดูสิเพิ่งบ่ายครึ่งเอง”ฉันพูดต่อพลางชี้ไปที่นาฬิกาเรือนกลมเหนือกระดาน             “วันนี้มันวันอะไรรู้มั๊ยเนี่ย”  คาสึเกะถามอย่างเบื่อหน่าย
      “วันนี้ . . . . .ตายจริง! วันครบรอบ 26 ปีของผู้อำนวยการโรงเรียนเรานี่นา”
      ฉันตอบอย่างตกใจ พร้อมลุกขึ้นอย่างเฉียบพลัน   “ฉันคิดว่าเธอจะคิดออกพรุ่งนี้เช้าซะอีก”
      คาสึเกะพูดเขาหัวเราะฉันมองค้อนเขานิดๆ        “งั้นไปซื้อดอกไม้กัน เอ...จะทันไหมเนี่ย เขานัดกันที่สุสานกี่โมงนะ” ฉันถามเร็วรัว รีบหยิบเป้ และเสยผมขึ้นไป                 “3โมงจ้ะ”
      คาสึเกะตอบเขาส่งยิ้มหวานมาให้        ฉันรีบลงชั้นล่างด้วยความเร็วจนคาสึเกะวิ่งตามแทบไม่ทัน
      “แทนทีจะรีบบอกกันใจร้ายที่สุด แล้วนั่น...มัวหาอะไรอยู่ล่ะ” ฉันบ่นขณะที่คาสึเกะเอามือล้วงกระเป๋าทุกๆใบของเขา          “กุญแจล็อคเกอร์หายอ้ะ สงสัยอยู่บนโต๊ะเดี๋ยวไปเอาก่อนนะ”
      “ไม่ต้องเลย เอานี่ของฉันไปถ้าวิ่งขึ้นไปเอานะ มีหวังไม่ทันแน่” ฉันบ่นต่อ พลางส่งรองเท้าคัชชูสีขาวให้       “จะบ้ารึไง เท้าฉันใหญ่ออกขนาดนี้ใส่รองเท้าเธอมีหวัง  รองเท้าขาดแน่”เขาบ่น
      “งั้น...ฉันไปก่อนนะขึ้นไปเอาคนเดียว ระวัง ผอ. มาตามไปงานครบรอบ26ปีของแกนะ”ฉันพูดพร้อมทำหน้าตาหน้ากลัว  คาสึเกะรีบเดินมาหาฉัน
      “ ก็....ก็ ได้ใส่คัชชูของเธอก่อนก็ได้ นี่เห็นว่าเป็นเธอนะเนี่ยไม่อย่างนั้นไม่ใส่หรอก” เขาพูดอย่างจำใจ  ฉันหัวเราะนิดๆ  คาสึเกะคุงบรรจงยัดเท้าลงไปในคัชชู   จนรองเท้าของฉันแทบปริออกมา     เขาต้องใส่แบบเหยียบส้น   ฉันหัวเราะออกมาดังลั่น          “เออๆ ตลก! เดี๋ยวก็ไปไม่ทันหรอก”  คาสึเกะคุงหน้าแดงเขาเดินนำหน้าฉันไป  ซึ่งดูแล้วคล้ายเป็ดน้อย
                      เรานั่งรถไฟใต้ดินจนมาถึงย่าน ชิบุย่า ผู้คนพลุกพล่านมากเราเดินเลี่ยงเส้นกลางจนมาถึงถนนสาย 3 ที่มีงาน Inanah Hana Land
      หรือ งานเมืองแห่งดอกไม้ ซึ่งผู้คนหนาแน่นกว่าเก่าจนเราแทบไม่ต้องเดินแค่ยืนอยู่เฉยๆ ฝูงชนนับพันจะดันเราไปเรื่อยๆ จนเหมือนเราเป็นเศษไม้ที่ถูกสายน้ำที่เชี่ยว พัดไป        “รองเท้าเธอกัดชะมัด” คาสึเกะ กระซิบบอกฉัน  ฉันอมยิ้มนิดๆ           “สมน้ำหน้า”         ฉันแลบลิ้นใส่เขา        คาสึเกะแลบลิ้นตอบ
                              ฝูงชนเบียดเราจนมาหยุดที่ร้าน ร้านหนึ่งซึ่งตกแต่งหน้าร้านด้วยดอกกุหลาบหลากสี นานาชนิด ป้าเจ้าของร้านดูท่าทางใจดี เธอหันมาทักทาย
      “ออกเดทหรอจ๊ะ น่ารักเชียว ดูเหมาะสมกันดีนะ”เธอพูดด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร
      “ป้ารู้ได้ไงครับ”คาสึเกะพูดหันมามองหน้าฉันแล้วยิ้มแบบกวนๆ
                                “บ้ารึไง!”ฉันไปมองอย่างโกรธๆ
           “ปล่าวค่ะ คือเรามาซื้อดอกไม้วันนี้ที่โรงเรียนมีงานนิดหน่อยน่ะค่ะ”
      “อ๋อ......นี่ก็มีคนมาซื้อไปหลายคนแล้วนะบอกแบบหนูนี่แหละ-
      อืม....ป้าว่าดอกนี้สวยนะ”หล่อนแนะนำ ชี้ไปที่ดอกกุหลาบสีขาวอมชมพูที่กำลังจะบานส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ        
              “งั้นหนูขอสัก20ดอกค่ะ”  ป้าคนขายยิ้มพลางหยิบดอกกุหลาบอละฉีกใบที่เกะกะทิ้ง และตัดก้านดอกที่ยาวเกินออก และ ห่อด้วยหนังสือพิมพ์อย่างคล่องแคล่วสมกับเป็นมืออาชีพ     “ 550 เยนจ้ะ เอ....ไม่ดีกว่าหนูสองคนเนี่ยน่ารักป้าคิดแค่ 350 เยน ขอให้รักกันนานๆนะจ๊ะ”
                      ฉันกับคาสึเกะมองหน้ากัน  ฉันเห็นสีหน้าของเขาอมยิ้มนิดๆ
      “ 350 เยน ใช่ไหมครับ” คาสึเกะทวนคำถามพร้อมยื่นเงินให้ 500  เยน
                             “ผมขอให้ป้าขายได้ดีๆเช่นกันนะครับ”
              เขาพูดก่อนที่จะรับเงินทอน และยิ้มลาคนขายดอกไม้ใจดีไป  

      ฉันกับคาสึเกะ ไม่ได้พูดอะไรกันตลอดการเดินกลับโรงเรียนเพื่อเจอเพื่อนๆ

      “เฮ้! เฮ้! คาสึเกะ – ซากุระ”เสียงของเรียวอิจิผ่าฝูงชนข้ามมา ฉันสังเกตเห็นมือของเขาโบกอยู่ไกลๆ เข่ค่อยๆแทรกตัวกับนักเรียนคนอื่นๆ มาจนถึงตรงที่ฉันกับคาสึเกะยืนอยู่
                    “ไปไหนมาล่ะ ไม่ชวนเลยนะ  อ้อ....หรือว่าจะไป ...”
      เรียวอิจิพูดเว้น พลางทำหน้าฝันหวาน  “บ้า”  ฉันเอามือตีไหล่ของเขา
          “ม่ายช่าย”  คาสึเกะตอบแบบยานคาง     “ฉันจะแบ่งกับ...”.
                      คาสึเกะพูดไม่ทันจบประโยคก็มีเสียงแทรกขึ้น
              “อุ๊ย ! คาสึเกะคุง ดอกกุหลาบสีสวยจัง ซื้อมาหรอคะ”
      โทโมโยะพูดด้วยน้ำเสียงที่หวานผิด ธรรมชาติ ฉันกับเรียวอิจิสบตากัน
      เรียวอิจิทำปากล้อเลียนเธอ
      “คงไม่ว่ากันนะคะถ้าฉันจะขอซัก 5 ดอก น่ะ”เธอยังจีบปากจีบคอพูดต่อ
      “คือผมซื้อมาแบ่งกับ – เอ่อ”คาสึเกะพูดติดขัด แล้ว หันมาทางฉันเขาสบตาเหมือนจะบอกอะไรสักอย่าง
      “อ้อ...แบ่งกับซากุระ” หล่อนหันมา ชายแววตามุ่งร้ายมาให้
          “คงไม่ว่ากันนะจ๊ะซากุระจัง ถ้าฉันจะขอหน่อย ฉันรู้ว่าเธอใจดี”
                       โทโมโยะพูดเธอส่งยิ้มหวานมาให้
         “อะ...อืม  ได้สิ..ดะ ได้อยู่แล้ว”  ฉันตอบอย่างไม่แน่ใจตัวเอง
      “กรี๊ด! ดีใจที่สุดเลย  ซากุระเนี่ยใจดีที่สุดเลย”เธอกระโดด และ โผเข้ากอด
      ทำเอาฉันผงะอย่างตกตลึง ฉันมองหน้าคาสึเกะ กับ เรียวอิจิเขาทั้งคู่ทำหน้างงเช่นกัน
                                              ขอบใจอีกทีนะยัยโง่!  
                
                โทโมโยะกระซิบเบาๆซึ่งฉันมั่นใจว่าไม่มีใครได้ยินนอกจากฉัน
                เธอเลิกกอดฉันหันไปทางคาสึเกะ แล้วหันกลับมาทางฉันอีกที
                       “เอาอย่างนี้แล้วกันเธอเอาของฉันไป”
      หล่อนพูดพลางส่งดอกเณชิฮาระที่ตกแต่งอย่างสวยงามให้ฉัน
      “ขอบใจนะโทโมโยะแต่ฉัน..ฉันเอ่อ...” ฉันไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี
      “เดี๋ยวซากุระใช้กับฉันเอง...ฉันรู้น่าเธอจะเอาตัวคาสึเกะไปใช่ไหมล่ะ”
            “แหมก็..ไม่ขนาดนั้นหรอก” โทโมโยะพูด ทำเสียงอาย
      “ซากุระ แล้วเธอ . . เอ่อ . มีดอกไม้ - ..”  คาสึเกะเริ่มพูดบ้างเขาพูดเสียงเบาบางแทบลอยไปกับสายลม
      “ ก็เรียวอิจิบอกแล้วไง เดี๋ยวซากุระก็หาดอกไม้ได้เองน่าไม่ต้องเป็นห่วงหรอก
         จริงไหม ซากุระ” หล่อนเน้นเสียงประโยคสุดท้ายพลางมองมาทางฉันปานจะกลืนกิน         “จะ..จริงจ้ะ”ฉันตอบพยายามเกร็งเสียงให้ดูว่ามันใจ และ ฝืนยิ้มไปให้คาสึเกะ “ฉันหาดอกไม้เองได้ ไม่เป็นไรหรอก” ฉันพูดยืนยันกับคาสึเกะ
      “งั้นไปก่อนจ้ะ ทุกคนพรุ่งนี้เจอกันนะ”โทโมโยะกล่าวลาฉัน กับ เรียวอิจิ
      หล่อนจูงมือกับคาสึเกะแล้วทั้งคู่ก็หายลับไปในฝูงชน
                          ฉันแทบไม่สนใจว่างานครบรอบหน้าสนใจเพียงใด คงเพราะเรื่องที่เพิงจะเกิดขึ้นไป ฉันจำสีหน้าที่ตัดสินใจของคาสึเกะได้อย่างขึ้นใจ   ท้องฟ้าตอนหกโมงเย็นดูมืดมนและอ้างว้าง  ยิ่งทำให้ฉันรู้สึกแย่ลงไปทุกที
                        
                       พักนี้ฉันรู้สึกว่าโทโมโยะมายุ่งวุ่นวายกับชีวิตฉันมาก เธอขู่ฉันไม่เว้นแต่ละวันและไหนจะการบ้านที่เพิ่มพูนมากขึ้น และ งานพิเศษที่เมซึคาเบะอีก ซึ่งทำเอาฉันทรุดโทรมไปเยอะ และ โทโมโยะ ก็มาหาฉันที่บ้านพร้อมกับคาสึเกะ เย็นวันหนึ่งเพราะฉันไม่สบาย
                        “ตายแล้วซากุระจัง เธอดูโทรมไปเยอะนะฉันมาเยี่ยมน่ะหายเร็วๆนะจ๊ะ” โทโมโยะดัดเสียง เธอนั่งลงข้างๆฉัน   ฉันหันไปมองคาสึเกะเขาไม่พูดอะไรแต่ยิ้มให้ฉันอย่างอบอุ่น                               เล่นเอาหน้าแดง          “นี่ซากุระจัง ฉันตกลงกับคาสึเกะคุงแล้วนะว่าจะคู่กันในวันคืนงาน ส่วนเธอ     น่ะไม่ต้องห่วงหรอกนะฉันบอกเรียวอิจิให้เขาคู่กับเธอ”      หล่อนพูดต่อ            “อืม...เดี๋ยวฉันไปหยิบขนมมาให้นะ”  คาสึเกะพูด โทโมโยะหันไปมองเขาแวบนึง คาสึเกะเปิดประตูออกจากห้องนอนไป  ทิ้งให้ฉันอยู่กับโทโมโยะ2คน
      ซึ่งฉันรู้ว่าต้องเจอกับอะไร            
                                      “น่าสมเพชสิ้นดี!”  
                   หล่อนพูดขณะเดินไปปิดประตู          ฉันนิ่งเงียบไม่ตอบอะไร  
                   “ก็อย่างว่า .. คนที่สวย มักดีกว่าคนที่หน้าจืดอย่างเธอ”  
            โทโมโยะกลับมาพูดด้วยน้ำเสียงปรกติ  น้ำเสียงที่แข็งกระด้างดูก้าวร้าว  
      “เธอตัดใจจากเขาคาสึเกะซะเถอะ ยังไงเขาก็ไม่สนใจคนแย่อย่างเธอหรอก”
                                 “แต่ฉันปล่าวนะ คือฉันไม่คิดจะ---..”    
          “หุบปากนะซากุระ! อ๋อ..เธอจะพูดว่าคาสึเกะมาชอบเธองั้นหรอ”  
      หล่อนตะหวาดใส่ฉัน ก้มหน้าต่ำลงมา จนต้องเบนหน้าหนี ฉันรู้สึกว่าเสียงลึกๆข้างในหัวใจมันสั่งให้ตะโกนด่าเธอไปอย่างแรง
                                           โทโมโยะจับแขนฉันและด่าต่อ
                       “ฮะ ตอบฉันมาสิเธอคิดอย่างนั้นใช่ไหม!”  
                        ฉันเจ็บข้อมือจนแทบร้องไห้ ในหั0วฉันหมุนคว้าง  

                                          “ยัยบ้า! ออกไปให้พ้น!”                          
                                                ฉันไม่รู้ว่าตัวเองพูดมันออกไปได้อย่างไร หล่อนปล่อยมือฉันและดูอึ้งนิดๆ
                 ...ใจฉันเต้นรัวอย่างบอกไม่ถูก และ ตกใจกับคำพูดของตัวเอง
                                เสียงประตูเปิดออกคาสึเกะวิ่งพรวดมา
                               “เป็นอะไร เสียงดังเชียว”                                                                                                                   เขาถามอย่างตกใจ และดูกระหืดกระหอบจากการขึ้นบันได
           “คือ...เธอ..เอ่อ..เธอชักน่ะ ชัก คือ....ไข้สูงมาก  แล้ว.....ก็เลยชัก....”
      โทโมโยะตอบ หน้าเธอยังคงดูร้ายกาจ ฉันรู้ว่าเธอพยายามเสแสร้ง
         “จริงหรอ”      คาสึเกะพูดเขาหันไปมองโทโมโยะอย่างไม่ค่อยเชื่อ
      ซึ่งเธอพยักหน้าทำหน้าจริงจัง   แล้วเขาก็หันมาทางฉัน“เธอ..เอ่อ.เธอชักหรอ”
      ฉันหันไปมองหน้าโทโมโยะ ที่หน้าซีดแต่ยังคงเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด
                              “ไม่รู้สิ...คือ..ฉันไม่รู้ตัวน่ะ  ว่า...ตัวเอง...ชัก”

      เราสามคนไม่ได้พูดอะไรอีกนานพอสมควร ขณะที่คาสึเกะยังเฝ้ามองโทโมโยะอย่างงงๆอยู่ตลอดเวลา           “งั้นกลับก่อนดีกว่า การบ้านเต็มไปหมดเลย”
      โทโมโยะพูดขัดความสงัด เธอเดินกลับมาหาฉันที่เตียงเหมือนการจูบลา              แต่ปล่าว เธอมากระซิบข้างๆหูฉันว่า   ฝากไว้ก่อนเพื่อนรัก                                                            
      ก่อนที่จับมือคาสึเกะแล้วบอกลากลับไป  คาสึเกะหันมามองฉันอีกหนนึงเขาส่งยิ้มที่แสนอบอุ่นมาให้
      “อุ้ย!ลืมไปเลยว่ามีโดริยากิวิกต์สตอเบอรี่ครีมอยู่ เดี๋ยวผมจะเสริพพร้อมนมอุ่นๆมาให้นะคร้าบ..”เขาพูดพร้อมยิ้มปนขี้เล่น ก่อนเดินออกจากห้องไป
                    
                       ฉันจำได้ตอนที่อยู่ม.ต้นครั้งนึงที่คาสึเกะไม่สบายเป็นหวัดแดดฉันเคยซื้อเค้กร้านโปรดไปฝากเขา และได้ลองป้อนด้วยตัวเอง ฉันเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าซีดๆของเขา เป็นรอยยิ้มที่บริสุทธิ์  และหน้าจดจำมากที่สุด
            
                   เสียงประตูเปิดออก คาสึเกะถือถาดโดริยากิ กับ นมมาเขาเอาเท้าดันให้ประตูปิด           “เอาล่ะนะ...กินนมก่อนละกัน” เขายกแก้วนมขึ้นพร้อมที่จะป้อนฉัน            “ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันกินเองได้”       ฉันรีบพูด รู้สึกว่าใจเต้นรัว
                                     “เธอป่วยอยู่นะ เดี๋ยวฉันบริการให้ดีกว่า”
               คาสึเกะยืนยันคำเดิม เขาค่อยๆ แล้วยกมาที่ปากฉัน มือของเขาสั่นรัว
                                                   ฉันระเบิดหัวเราะออกมา
      “จะให้ฉันกินมิลค์เชครึไงกัน” ฉันพูดผสมหัวเราะออกมา คาสึเกะรีบวางแก้วลงแล้วหันไปยิ้มอย่างอายๆ เขาหันมามองหน้าฉัน แล้วค้อนฉันนิดๆ
                แกรก  เสียงประตูบ้านเปิดออก ฉันชะโงกดู เห็นแม่เดินเข้ามา วันนี้กลับเร็วกว่าปรกติ  
         “เป็นไงลูกอ้าว!คาสึเกะคุงขอบใจมากนะจ๊ะที่มาอยู่ดูแล”แม่เปิดประตูเข้ามา
              “อยู่กินข้าวด้วยกันก่อนสิ วันนี้แม่มีเนื้อคิวชิวแน่ะ กินด้วยกันก่อนนะ
           แม่เอ่ยชวนคาสึเกะ         “ได้สิครับแม่ซาอิจัง”     เขาหันมาอมยิ้มให้ฉัน
           “งั้นฉันไปช่วยแม่ของเธอก่อนนะ”เขาพูดหลังจากที่แม่ของฉันเดินออกไป
              “เดี๋ยวเอ่..อ คือ ฉันอยากลงไปข้างล่างด้วย อยู่ที่นี่มันอึดอัดน่ะ”
      ฉันพูด พลางพยายามลุกขึ้นคาสึเกะเดินมาพยุงฉัน แต่เดินไปได้แค่2-3ก้าวก็มีความรู้สึกว่าโลกมันหมุน ราวพัดลม จนฉันต้องล้มไป
                          “อย่างนี้ แค่พยุงคงเอาไม่อยู่แล้วมั๊ง”                                                                                          คาสึเกะคุงพูด ฉันหันไปมองเขาอย่างเบลอๆ เขาก้มลงนั่งเอาฉันขึ้นหลัง
                             “เกาะแน่นๆนะ”  เขาพูดแผ่วเบา
      ฉันเอาหัวพิงหลังของเขา แนบตัวกับร่างกายที่อบอุ่นของคาสึเกะ                                                                               ฉันรู้สึกใจเต้นรัว เขาเดินอย่างเกร็งๆลงบันไดมา
      ค่ำนั้นเป็นค่ำที่แสนวิเศษ ฉันและแม่ได้ทานอาหารร่วมกับคาสึเกะ ซึ่งเขาดูสุภาพมากๆ และดูตลกสุดๆ เนื่องจากสำลักเพราะกินเร็วเกินไป
        แกรก เสียงประตูบ้านเปิดออก   “รบกวนด้วยนะจ๊ะ”   เสียงหนึ่งเอ่ย ซึ่งฉันจำได้ว่าคือเสียงของแม่คาสึเกะ   “เข้ามาสิ กำลังทานอยู่เลย แล้วนั่นถ้วยอะไรล่ะ”แม่ฉันรีบกล่าวต้อนรับ “อ้อ.ทานแล้วจ้ะ อ้ะนี่ ซุปข้าวโพดร้อนๆเห็นว่าซาอิจังไม่ค่อยสบาย หายเร็วๆนะจ๊ะ” แม่คาสึเกะพูดต่อเธอส่งยิ้มอย่างอบอุ่นมาให้
                   “ทานน้ำก่อนสิคะ”ฉันพูดพลางส่งน้ำที่เติมเมื่อครู่
        “อุ๊ย ขอบใจจ้ะ แหมป่วยอยู่แล้วยังบริการอีก”แม่คาสึเกะคุงพูดขอบคุณ
      “คาสึเกะคุง ตายจริง รบกวนแย่เลย มากินข้าวบ้านนี้ขอโทษนะจ้ะที่ต้องรบกวน พักนี้ยิ่งกินจุอยู่” หล่อนบ่นพลางหันไปลูบหัวคาสึเกะที่ลงมานั่งข้างๆ
      “ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ นานๆกินที นี่หายไปตั้งหลายวัน ปรกติกินข้าวบ้านแม่ทุกอาทิตย์เลยไม่ใช่หรอจ๊ะ” แม่ฉันพูดพลางยิ้ม คาสึเกะหันไปทางแม่ของตัวเองที่ทำหน้างงๆอยู่  “นี่ลูกอย่าบอกนะ ว่าเวลาแม่ทำงานนอกเวลา ลูกมากินข้าวบ้านซาอิจังตลอด”          “ก็....แทบทุกครั้งแหละแม่”  เขาตอบเคล้าเสียงหัวเราะ
      “ลำบากเธอแย่เลย จริงนะเราเนี่ย รบกวนด้วยนะ” เธอพูดต่อพลางก้มหัวขอบคุณ    “โอ้ย เล็กน้อยจ้ะ”  แม่ฉันพูด  ทั้งคู่คุยกันต่อ ตามภาษาคนวัยเดียวกัน ซึ่งทุกครั้งที่เขาพบกันก็มักจะคุยกันอย่างสนุกสนาน
                    “งั้นหนูขึ้นนอนก่อนนะคะ” ฉันขัดขึ้นมาระหว่างการสนทนา
      “อุ๊ย ตายแล้ว คุยกันเพลินขอโทษนะจ๊ะ จะไปนอนแล้วหรอราตรีสวัสดิ์จ้ะ”
                                           แม่คาสึเกะพูด ฉันยิ้มตอบ
      “อืมงั้นผมขึ้นไปส่งซาอิจังก่อนนะครับ”คาสึเกะคุงพูด แม่ฉันและแม่เขาหันมามองก่อนที่จะพูดคุยกันต่อ      เขาเดินมาหาฉันและประคองลุกขึ้น
         “อืมแล้วจะขี่คอไปอีกไหม”  เขาถามฉันบนใบหน้ามีรอยยิ้ม
      “ ตลกแล้วไม่เข็ดรึไง เดี๋ยวก็ตกบันไดลงมากันหมดหรอก”ฉันพูดมองคาสึเกะแบบห้ามปราม            “จ้า...ไม่แล้วจ้า .”      เขาตอบ
      ฉันเดินขึ้นไปเปิดประตูห้องนอนแล้วทิ้งตัวลงหมอน คาสึเกะตามเข้ามานั่งตรงโต๊ะอ่านหนังสือ ฉันจ้องเขาพลางอมยิ้ม  
      “นอนได้แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ไม่หายอดไปงานหรอก เดี๋ยวไม่ใครเต้นรำกับฉัน”
      คาสึเกะพูด   ฉันพลิกตัวเพื่อจะได้คุยกับเขาได้อย่างถนัด
      “แล้ว...โทโมโยะล่ะ เธอไม่เต้นรำกับเขาหรอ” ฉันถามแม้จะไม่ตรงกับในใจ
      ที่อยากจะพูดและรู้คำตอบ คาสึเกะเลิกคิ้วเขาก้มลงมาใกล้ฉัน
                                        “คนที่ฉันอยากคู่ด้วย คือเธอ”
      เขาตอบ  ทำเอาฉันนิ่งเงียบมีความรู้สึกว่าเลือดสูบฉีดเข้าสมองและหน้าเริ่มแดงฉันพลิกตัวไปอีกด้านของเตียงเพื่อลบความอาย
                                               “นอนซะนะ ฝันดีล่ะ”  
           เขาพูดแล้วดึงผ้าห่มมาห่มฉัน    ฉันหันไปยิ้มให้เขา  คาสึเกะยิ้มตอบ  
                                             “เช่นกันนะ....ฝันดี”
             ฉันหลับตาลง  หัวใจพองโต ในหัวมีแต่คำพูดของคาสึเกะที่พูดให้กัน
      ฉันอยากให้เขารู้จังว่า....ฉันรักเธอ


                “ตื่นสิจ๊ะ ตายแล้วลูกสาวแม่ยังไม่ตื่นอีกมาฝันหวานอะไรอยู่จ๊ะสายมากแล้วนะ”  ฉันสะดุ้งด้วยเสียงปลุกของแม่  ฉันบิดตัวไปมองนาฬิกาที่ตีเวลาเก้าโมงเศษ      “ตายจริงนี่มันเก้าโมงแล้วนี่คะ” ฉันตกใจ  
        “ก็ใช่สิจ๊ะ อีกแค่ไม่กี่ชั่วโมงงานจะเริ่มแล้วนะ แล้วปีนี้ลูกไม่ไปช่วยงานโรงเรียนแล้วหรอ เห็นปรกติไปตั้งแต่เช้า” แม่ฉันถาม
      “อ๋อ ไม่ต้องหรอกค่ะปีนี้ชั้นของหนูเป็นผู้ร่วมงานแต่งตัวแฟนซีไปค่ะ” ฉันตอบ               “ว่าแต่แม่ ทำไมไม่ไปทำงานคะ”
      “วันนี้แม่ไปธุระกับแม่คาสึเกะคุงที่ต่างจังหวัดจ้ะ เลยไปสายได้น่ะ เป็นห่วงเราด้วยแหละ แต่จะไปแล้วจ้ะ อาหารเช้าอยู่บนโต๊ะนะลูก ชุดก็อยู่ในห้องแม่ วันนี้แม่กลับดึกมากนะจ๊ะนอนก่อนได้เลย เที่ยวงานให้สนุกนะ” แม่ฉันกล่าวด้วยน้ำเสียงอันอบอุ่น ก่อนที่จะจูบบนหน้าผากและเดินออกจากห้องนอนของฉันไป
        
           กว่าฉันจะกินข้าวและอาบเสร็จเวลาก็ผ่านไปหลายชั่วโมงจนจวนจะห้าโมงเย็นเป็นเวลาที่ต้องไปงานเลี้ยง ฉันเปิดประตูเข้าไปที่ห้องแม่เห็นชุดที่วางอยู่บนเตียงมันเป็นชุดที่สวยงามมาก โดยมีแสงวาวเมื่อกระทบกับแสงแดดที่ลอดผ่านหน้าต่างมา ฉันหยิบมันขึ้นมาลองซึ่งพอดีกับขนาดตัวฉันอย่างไม่หน้าเชื่อ
      ฉันนั่งลงบนโต๊ะเครื่องแป้งของแม่ เอามือรวบผมขึ้นไปให้ตึงและมัดเป็นมวยหยิบปิ่นปักผมขลับทองที่เข้ากับชุดมาเสียบเอาไว้ ฉันบีบครีมมาทาลงบนหน้า
      และค่อยๆแต่งหน้าเองตามที่แม่ฉันเคยสอน ฉันหยิบรองเท้าส้นปลายแหลมมาใส่ แล้วเมื่อส่องกระจกดู ก็พบว่าฉันไม่เหมือนเดิมคือหมายความว่าแทบไม่มีเค้าเดิมที่เคยเป็นคนที่เอ๋อๆ  ฉันหยิบกระเป๋าถือเล็กกระทัดรัดที่เข้าชุดกัน
      และไปโรงเรียนโดยการเรียกแท็กซี่

                เมื่อรถแท็กซี่ไปถึงหน้าโรงเรียนก็จะมีนักเรียนรุ่นน้องคอยเปิดประตูให้ตอนนั้นเป็นเวลาเกือบทุ่มจะมีนักเรียนที่แต่งตัวสวยงาม อยู่เต็มบริเวณโรงเรียน
      ฉันเดินเข้าสู่บริเวณงานโดยมีอาจารย์ต่างๆให้เซนต์ชื่อ ฉันเดินไปเรื่อยก็พบกับเรียวอิจิคุงที่มากัยแฟน โดยเป็นเด็กโรงเรียนอื่น เขาเดินเข้ามาทัก
      “นี่..ซากุระ รึปล่าวเนี่ยทำไมสวยงี้อ้ะ” เขาพูด  “แหม เกินไป แล้วนี่ใครอะ”
         “นี่หรอ แฮ่ๆ เด็กเราเองชื่ออายูมิเป็นรุ่นน้องโรงเรียนแถบฮายาจิม่า”
      เรียวอิจิพูดอย่างเขินๆ ฉันหัวเราะ “โชคร้ายจังนะ” ฉันแกล้งพูด
              “ปากเสียน่า ไปเลยนะวันนี้คิดว่าจะสวยแล้วปากจะดีซะอีก”
      เขาดันตัวฉันอออกไป ฉันหัวเราะเช่นเดียวกับเขา
      ฉันเดินไปทักบรรดาอาจารย์ที่มาขอถ่ายรูปเก็บเป็นที่ระลึกกัน ฉันรับเครื่องดื่มจากซุ้มชุมนุมเครื่องดื่ม ขณะนี้บนเวทีมีการแสดงของชมรมเทควันโด ฉันพยายามมองหาคาสึเกะแต่ก็ไม่เจอ ฉันนั่งอยู่นานอาหารมาเสริพแทบครบทุกอย่างแล้ว จนเวลาประมาณสองทุ่มครึ่งก็ถึงเวลาที่สำคัญที่สุด ปีนี้ท่านผู้อำนวยการคนใหม่มากับภรรยาเป็นคู่แรกที่เปิดฟลอร์เต้นรำ โดยบรรเลงเพลงโดยชมรมดนตรีสากล แล้วคู่นักเรียนคนอื่นๆก็เริ่มทยอยกันไปเต้นรำตาม จนเหมือนเป็นฉากหนึ่งในนิทานอมตะ ฉันยืนมองราวต้องมนตร์ โดยไม่สังเกตว่าคาสึเกะมายืนอยู่ข้างหลัง เขาสะกิดที่ไหล่ฉัน “หวัดดีครับ ไม่เป็นเต้นรำหรอครับเจ้าหญิง” เขาพูด  “ตลกแล้วใครกันเจ้าหญิง แล้วเธอล่ะโทโมโยะไม่เต้นด้วยรึไง ถึงมาแซวฉันอย่างนี้” ฉันสวนกลับ  “ก็...คงงั้นมั๊ง” เขาเดินมาข้างฉัน
      แล้วจับมือของฉันพลางยัดถุงใส่ของให้ฉัน “อะไรเนี่ย จะมาฝากของกันรึไง”
      ฉันถามขณะที่เขาไม่ได้พูดอะไร คาสึเกะเดินมาข้างหน้าฉัน เขาก้มโค้งที่หน้าของฉัน  
                “จะบ้ารึไง ฉันเต้นรำไม่เก่งนะ เดี๋ยวฉันก็เหยียบเท้าเธอหรอก”  
              เขาไม่พูดอะไรยังคงก้มโค้งที่หน้าฉันอยู่   ฉันย่อรับที่จะเต้นรำด้วย
      เขาเอื้อมมือมาข้างหน้าฉันจับมือเขา แล้วเราก็เต้นรำกัน วันนี้คาสึเกะแต่งชุดด้วยสูทสไตล์ฝรั่งเศษดูเหมือนเทพบุตรสุดเทห์ในนิยาย ฉันจับมือที่ใหญ่ดูอบอุ่นของเขา เพลงจังหวะช้า ทุกๆคู่เต้นเข้าจังหวะ ฉันรู้สึกว่าราวกับอยู่บนสรวงสวรรค์ คาสึเกะกระชับร่างกายของฉันเข้าไปแนบกับเขา ฉันพิงหัวที่อกของเขา
      รู้สึกอบอุ่นและมีความสุขที่สุด เพลงบรรเลงต่อไปอย่างช้าๆ ...และหยุดลง

                      “เอ่อ....เดี๋ยวฉันไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ” ฉันพูดอย่างติดขัด รู้สึกอายนิดๆ       ฉันเดินไปเข้าห้องน้ำ ในมือยังถือของที่คาสึเกะให้  

                    ตี้ดๆๆ   เสียงโทรศัพท์ของฉันดังขึ้น เมื่อเปิดดูก็มีข้อความมาถึง

                  
                           ซากุระจัง เจอกันบนดาดฟ้าโรงเรียนนะครับ ตอนนี้เลย
                                                                                         คาสึเกะคุง  
      ฉันเดินเข้าไปบนดาดฟ้าโรงเรียนอย่างเงียบๆ นึกแปลกใจนิดคงต้องมีอะไรพิเศษแน่ๆ ฉันเปิดประตูดาดฟ้าออก มันเป็นที่โล่งๆ มีรั้วสูงโดยรอบ
                             “คาสึเกะ คาสึเกะคุง อยู่ไหนน่ะ”  
      ฉันเปิดมือถือเชคข้อความอีกที จึงรู้ว่าคนส่งข้อความมาไม่ใช่คาสึเกะ                                                                 แต่เป็นโทโมโยะ
      ฉันรีบกดโทรตามคาสึเกะ แต่มันก็สายไปเมื่อมีมือมาปัดโทรศัพท์ออกหล่นพื้นไป      “ไง  สวยผิดหู ผิดตาเลยนะวันนี้ ยังได้เต้นรำกับคาสึเกะคุงอีกโชคดีจริงๆนะ” โทโมโยะพูด เธอไม่แต่งตัวสวยงามไปงาน เธอยังคงใส่ชุดนักเรียนอยู่ ใบหน้าโกรธแค้นอย่างมาก ฉันไม่สนใจหล่อนรีบเดินหนีจะไปเปิดประตูแต่โทโมโยะคว้าแขนฉันเอาไว้       “จะไปไหนล่ะ ที่ดาดฟ้านี่เย็นดีออก”
      หล่อนพูดอย่างเย็นชาและดึงฉันเข้ามาใกล้ๆ                                                                                  “เธอเมามากนะ ลงไปข้างล่างกันเถอะ”                                                            ฉันชวนพยายามแกะมือหล่อนออก หล่อนกระชากมือและตบฉันจนลงไปนั่ง
      “เลวมาก แกเลวมากเธอคิดจะแย่งฉันรึไงฮะ” หล่อนตะหวาด ฉันเอามือจับหน้าที่เป็นรอยแดง  หล่อนเดินเข้ามาดึงผมฉันที่มวยเอาไว้หลุดออกแล้วจิกผมฉัน  “นี่ฉันถามแกอยู่นะตอบสิ” หล่อนจิกแรงขึ้น ฉันเจ็บจนปวดหัว  ฉันเอามือผลักออกไปอย่างเต็มแรง จนหล่อนกระเด็นออกไป แต่ดึงผมฉันไปนิดหน่อย ฉันรีบลุกขึ้นและรีบวิ่งไปที่ประตู   “หยุดนะ นี่แกจะหนีไปหรอ” เสียงหล่อนแข็งกร้าวกว่าเดิม และมีเสียงดังสนั่นเป็นเสียงปืน ฉันหันไปดูหล่อนเล็งมาที่ฉัน          “แกไม่มีวันได้เป็นแฟนกับคาสึเกะหรอก”
                            โครม  เสียงประตูเปิดออกคาสึเกะรีบวิ่งขึ้นมา  
      “คาสึเกะคุง” หล่อนอุทานพร้อมๆฉัน หันกระบอกปืนไปทางคาสึเกะ
                   “โทโมโยะ ทำอะไรน่ะ อันตรายมากรู้มั๊ย วางปืนเดี๋ยวนี้นะ”
      คาสึเกะพูดพยายามเกลี้ยกล่อมหล่อน และวิ่งมาทางฉัน
           “เป็นอะไรมั๊ย”  เขากระซิบถามฉัน     “ไม่เลย แล้วเธอมาที่นี่ได้ไง”
      “ก็โทรศัพท์เธอเรียกสายฉันอยู่ โดยไม่ได้วางสายฉันได้ยินเสียงเธอคุยกันเลยรู้ว่าเธออยู่ไหน” คาสึเกะกระซิบตอบเร็วรัว
                                   “ออกห่างมันเดี๋ยวนี้นะคาสึเกะ”
                          หล่อนคำรามสั่ง  เล็งกระบอกปืนชี้มาที่ฉัน                                                               “เธอก็วางปืนก่อนสิแล้วฉันจะไปหาเธอ” คาสึเกะคุงพูดอย่างหวาดๆ
      “ฉันไม่เชื่อเธอหรอก นังนั่นมันดีกว่าฉันตรงไหน ฉันรักเธอนะคาสึเกะ”
                              “แต่ฉันไม่ได้รักเธอ”
      โทโมโยะหน้าเกรี้ยวกราดกว่าเดิม หล่อนเล็งปืนอย่างแน่วแน่มาทางฉัน           น้ำตาหล่อนรินไหลอาบแก้ม และปืนก็ได้ถูกลั่นไก
      ร่างของคาสึเกะล้มลงทับฉัน เลือดไหลโดนกระโปรงสีวาวกระสุนเข้าที่ตัวของคาสึเกะ โทโมโยะตกใจกรีดร้องและจะวิ่งหนีแต่เจอะกับฝูงชนที่ขึ้นมาดู        เหตุการณ์                                                    
                           “คาสึเกะคุง คาสึเกะคุงอย่าเพิ่งตายนะ”
      ฉันร้องไห้ และยกหัวของคาสึเกะขึ้นมา เขาลืมตา เห็นน้ำตาของคาสึเกะไหลอาบแก้ม     “ฉัน . .รั. . กเธ .อ” คาสึเกะพูดด้วยความยากลำบาก ลมหายใจของเขาแผ่วเบาฉันก้มลงกอดหัวของเขาน้ำตาไหลรินออกมามากมาย
                  “เธอต้องไม่เป็นอะไรนะ เธอต้องไม่เป็นอะไรนะ”
      ฉันพูดประโยคเดิมซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า จนผู้คนเริ่มมาช่วยเหลือ เรียวอิจิ ดึงฉันออก จากร่างของคาสึเกะแล้วปลอบฉัน ในมือยังกำถุงของคาสึเกะแน่น
                “เธอต้องไม่เป็นไม่เป็นอะไรนะ เธอต้องไม่เป็นอะไร”
      ฉันนึกถึงประโยคเดิม เฝ้าภาวนา ขณะขึ้นรถแท็กซี่ไปโรงพยาบาลกับเรียวอิจิ

      ประตูห้องฉุกเฉินปิดอยู่ ฉันนั่งลงอย่างสิ้นหวัง เรียวอิจินั่งลงตรงข้ามฉันเขาดูเครียดไม่แพ้กัน ฉันกอดุถงที่คาสึเกะให้ แล้วเปิดมันออกดู พบหนังสือเล่มเล็กๆ แต่ดูหนา ปกสีเขียวอ่อน มุมล่างเขียนว่า          
                                                
                                                  my angle        

      ฉันเปิดหน้าแรกดู                 แด่นางฟ้าคนเดียวของฉัน          
        ฉันเปิดหน้าต่อไป      เย้.. วันนี้นางฟ้าส่งน้ำมาให้ฉันด้วยดีใจจังเลย  
      ฉันเปิดต่ออ่านแค่บางประโยค  ดูสิ วันนี้ทำดุว่าไม่ทำการบ้านถึงจะดุแต่ก็ดูน่ารักแฮะ  ให้ลอกการบ้านอีกแล้ว เป็นนางฟ้าจริงๆแฮะ
      ฉันพลิกดูไปต่อ   วันนี้โชคดีจริงๆ ขนาดไม่สบาย ยังมาเยี่ยมเอาหนมมาป้อนเราด้วยน่ารักจริงๆเลย นางฟ้าจะรู้มั๊ยน้า..ว่าเรารักมากแค่ไหน
                                                          . . . . . .น้ำตาของฉันรินไหลออกมา
      ฉันเปิดไปหน้าเกือบสุดท้าย  วันนี้นางฟ้าของฉันป่วยซะแล้ว ถึงตาฉันป้อนบ้างแล้วแต่มือไม่หน้าสั่นเลยเรา โดนนางฟ้าหัวเราะใส่ ว่า . .แย่จัง
      ฉันเปิดดูหน้าสุดท้าย  วันนี้ฉันจะทำให้นางฟ้าบอกรักฉันให้ได้
      ฉันปิดหนังสือลง ก้มหน้าต่ำร้องไห้ ฉันไม่อาจโทษตัวเองได้ ที่ทำผิด หรือเข้าใจตัวเองผิดไป ที่ไม่รีบรักคาสึเกะ ปล่อยจนสาย                                                                           . . . . สายเกินกว่าที่จะบอกรักได้
      หมอเปิดประตูออกมา ไม่ได้พูดอะไร ฉันรีบเดินเข้าไปในห้องฉุกเฉินเห็น      คาสึเกะนอนอยู่บนเตียงแน่นิ่งไม่ขยับเขยื้อน ฉันรีบวิ่งไปหาเขาและบีบมือเขาเอาไว้       “คาสึเกะคุงตื่นสิ ตื่นมาฟังฉันก่อน ฉันรักเธอนะ คาสึเกะคุง”
      ฉันยกมือของเขามาแนบแก้มที่เปื้อนน้ำตา         “คาสึเกะคุงตื่นสิ”
      ฉันรู้สึกว่ามือของคาสึเกะกระชับบีบฉับกับมา เขาลืมตาตื่นมา                                   ส่งยิ้มแห้งๆมาให้  “คาสึเกะคุง ฉันรักเธอ” คาสึเกะคุงกระพริบตามีน้ำตาปริ่มออกมา ฉันส่งยิ้มตอบ น้ำตาแห่งความรักไหลริน                                                              ต่อไปนี้ฉันฝากชีวิตกับเธอแล้วนะ . . . . . . . .  คาสึเกะคุง

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×