บันทึกเรื่องราวย่าทวด - เธเธฑเธเธเธถเธเนเธฃเธทเนเธญเธเธฃเธฒเธงเธขเนเธฒเธเธงเธ” นิยาย บันทึกเรื่องราวย่าทวด : Dek-D.com - Writer

    บันทึกเรื่องราวย่าทวด

    ความผูกพันธ์ของเด็กหญิงอายุ 8 ขวบ กับ หญิงชราวัย 80 ที่ไม่จางหายไปตามกาลเวลา

    ผู้เข้าชมรวม

    337

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    337

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  23 มิ.ย. 47 / 22:58 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      หลายวันก่อนเปิดไดฯของคนคนหนึ่งที่เขียนเล่าเรื่องราววันเกิดของคุณตาเขาไว้....เลยพลอยทำให้ฉัน คิดถึงคนหญิงชราคนหนึ่ง ที่ฉันเคารพรักมากที่สุดในชีวิต ขึ้นมาจับใจ จนต้องหยิบยกเรื่องราว ของท่านมาบันทึกไว้ในความทรงจำที่นี่ ย่าทวดของฉันเป็นหญิงชราที่ใจดี และเข้าอกเข้าใจผู้อื่นเสมอ...ท่านเป็นคนที่มองโลกกว้าง และถึงแม้ว่าวันเวลาจะร่วงโรย จนอายุท่านย่างก้าวเข้าเลข 8 แล้ว ท่านก้อยังเป็นคนแก่ที่มีเหตุผลเสมอ ตอนเด็กๆเพราะว่าพ่อกับแม่ต้องออกทำงานต่างจังหวัดบ่อยๆ ในความทรงจำของฉันจึงมีแต่ภาพ ของฉันและคุณย่าทวดเสียส่วนใหญ่...ย่าทวดเป็นคนดูแล ให้การอบรมสั่งสอนในเรื่องมารยาทต่างๆ กับฉันตอนเด็กๆ..เนื่องจากฉันเป็นเหลนคนแรกของท่าน เลยสนิทกับท่านมากที่สุด เราสองมักจะใช้เวลาว่างๆทำกิจกรรมต่างๆด้วยกัน ตอนเด็กๆ ย่าทวดเป็นคนสอนให้ฉันสวดมนต์ เป็นคนตัดผมให้ฉันเสมอ...ฉันชอบไอติมรสฟักทองกะทิที่ท่านทำเป็นพิเศษให้ฉัน ท่านเป็นคนแก่ที่รักความสงบมาก ทุกๆวันท่านจะตื่นตี 5 เดินเล่นประมาณ 30 นาที และจะเริ่มต้นสวนมนต์จนถึง เวลาราวๆ 7 โมงกว่าๆ ฉันจำได้ว่าตอนเด็กๆ ฉันจะตื่นขึ้นมาทุกๆเช้า ด้วยน้ำเสียงอันอ่อนโยนและสงบในการสวดมนต์ของท่าน หลังจากนั้น 8 โมงกว่าๆ ท่านก้อจะนำอาหารออกมาไหว้พระ...ตอนบ่ายๆท่านจะไปห้องครัว ช่วยทำอาหาร และบ่ายแก่ๆท่านจะชอบนั่งอยู่ในชิงช้า แกว่งไปมาเบาๆ สายตาทอดออกไปไกล ท่านคงกำลังคิดอะไรอย่างเงียบๆเป็นแน่....ฉันก้อได้แต่นั่งอยู่ข้างๆ อย่างเงียบๆ เราทานข้าวด้วยกันทุกวัน แต่จานอาหารของเราไม่เหมือนกัน เพราะว่า ท่านไม่ชอบอาหารคาว ดังนั้นบั้นปลายชีวิตของท่านจึงทานแต่อาหารเจเป็นส่วนใหญ่..... ฉันจำได้ว่าตอนที่ผลการสอบตอนประถม 1 ของฉันออกมาแย่ โดนพ่อดุ แต่ขณะที่ย่าทวดอยู่ ท่านไม่เพียงแต่ห้ามพ่อไม่ให้ดุด่าแล้ว ท่านยังให้ค่าขนมเพิ่มอีก ท่านบอกฉันว่า “ครั้งนี้ไม่ดี คราวหน้าก้อตั้งใจเรียนกว่านี้ เข้าใจไหม” ......ฉันได้แต่ผงกหัวรับ...แต่ในใจรู้สึก ปลาบปลื้มและละอายใจยิ่งหนักเชียว.......... ครั้งหนึ่งฉันโดนมอเตอร์ไซด์เฉี่ยว และขาถลอกเป็นแผลใหญ่....ย่าทวดได้ข่าว วันรุ่งขึ้นก้อรีบมาดูอาการของฉันทันที...ท่านคงรู้ว่าฉันเจ็บแผล แต่ฉันก้อไม่ร้องไห้สักแอะเดียว บ่ายวันนั้น ท่านสอนฉันพับเรือใบกระดาษ นั่นเป็นครั้งแรกที่ฉันรู้สึกสนุกกับการพับกระดาษ ท่านบอกว่า เวลาเราเจ็บแผลน่ะ ก้อนั่งหาอะไรทำเพลินๆจะได้ไม่คิดถึงมันน่ะ ตกเย็นท่านก้อกลับบ้านไป...ตอนนั้นฉันยังแอบคิดเสียดายในใจเงียบๆว่า “ไม่น่าแกล้งทำเป็นเข้มแข็งเลย ถ้าอ้อนท่านสักหน่อย ท่านคงจะไม่รีบกลับเป็นแน่” เวลาผ่านไปไม่นานนัก ย่าทวดก้อจากฉันไปเพราะโรคชรา....ฉันยังจำช่วงเวลา ที่แม่พาฉันไปเยี่ยมท่านที่โรงพยาบาลทุกๆเย็น จนกระทั่งเราย้ายท่านกลับมา พักรักษาตัวที่บ้าน ...... ฉันยังจำบ่ายวันนั้นที่ท่านจากเราไปได้แม่น เหมือนกับว่า มันเพิ่งผ่านมาไม่นาน เที่ยงวันนั้น หลังกลับจากเรียนพิเศษ ฉันวิ่งเข้าไปหาย่าทวดที่ห้องนอน และเข้าไปคุยกับท่าน “ย่าทวด กินข้าวยังจ๊ะ” ฉันถามไปพร้อมๆกับลูบแผ่นหลังของท่านไปเบาๆ “ทวดกินแล้วลูก....เพิ่งกลับเหรอ..ไปกินข้าวสิ” ท่านพูดด้วยท่าทางเหม่อลอย แต่ก้อยังมีสติครบถ้วนทุกประการ....หลังข้าวเที่ยงวันนั้น ฉันไปนั่งดูทีวีที่ห้องนั่งเล่น สักพักหนึ่งก้อได้ยินเสียงอึกทึกครึกโครม และเสียงคนตะโกนดังวุ่นวาย...... ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น...แต่ก้อไม่ได้เอ๊ะใจอะไรมากมาย...สักพักหนึ่งป้า** (แม่บ้าน) ก้อเข้ามาบอกฉันว่า พ่อ แม่ และน้าพาย่าทวดไปโรงพยาบาล เพราะย่าทวดไม่หายใจ กับเด็กอายุเพียง 8 ขวบเศษๆ ฉันไม่เข้าใจว่าการไม่หายใจมันคืออะไร และมีความร้ายแรง เพียงใด..... ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน...หลังจากนั้นน้าก้อรับฉันตามไปโรงพยาบาลด้วย.... ฉันไปถึงก้อไม่มีคนสนใจฉัน แต่ฉันเห็นแม่ตาแดง และร้องไห้มาก ย่าทวดนอนอยู่บนเตียงเหมือนตอนที่ท่านหลับปกติ จากสถานการณ์ในตอนนั้น ฉันคิดว่ามันคงไม่ใช่เรื่องดีอะไรนัก...ท่านคงไม่ได้หลับธรรมดาแน่ๆ “แม่ ทวดเป็นไร” ฉันถาม....ทั้งๆที่พอจะรู้คำตอบแล้ว “ท่านเสียแล้วลูก...หมอปั๊มหัวใจหลายที แต่หน้าจอก้อขึ้นเป็นเส้นตรงตลอด” แม่ตอบ ไม่รู้ว่าเพราะช็อคกับคำพูดแม่ หรือว่าเพราะอะไร...ฉันไม่รู้สึกตัวเลย... ฉันพยายามจ้องมองย่าทวดที่นอนอยู่บนเตียงเข็น...และเพ่งพิจราณาแบบไม่ละสายตาไปไหน สักพักหนึ่ง ฉันเหมือนกับเห็นว่าท่านยังหายใจอยู่ เหมือนกับว่าร่างกายท่านขยับขึ้นลงเบาๆตาม จังหวะการหายใจ....ฉันคิดอย่างไร้เดียงสาว่า ไม่แน่ท่านอาจจะแค่หลับไปจริงๆก้อได้ แล้วทุกคนคงเข้าใจผิดว่าท่านสิ้นลมแล้ว.....แต่แม่ก้อยังยืนยันเสียงแข็งว่าท่านเสียแล้วจริงๆ ถึงแม้ว่าฉันจะพยายามบอกในสิ่งที่ฉันคิด...มาคิดตอนหลัง ที่ฉันคิดว่าร่างกายท่านขยับขึ้นลงเบาๆ อาจเป็นเพราะว่าจังหวะการหายใจของฉันเอง ที่ทำให้มองเห็นอย่างนั้น..... แม่เล่าว่าแม่ไปกินข้าวเที่ยง และเอาชาโสมใส่น้ำร้อนแช่ไว้ กะว่าพอกินข้าวเสร็จจะไปปลุก ย่าทวดตื่นมาดื่มชาโสม...แต่ตอนที่เรียกท่านตื่น ท่านก้อไม่ขานรับแต่อย่างใด... เมื่อแม่เขย่าตัวท่าน ท่านก้อไม่มีลมหายใจแล้ว...ท่านจากไปอย่างสงบ.....ด้วยวัย 82 ปี หลังงานศพของท่าน ฉันร้องไห้ติดต่อกัน 3 คืน เพียงเพราะแค่คิดว่าเมื่อไหร่ที่ตื่นมา ก้อคงไม่เห็นท่านอีกแล้ว อยากเจอเมื่อไหร่ ก้อไม่รู้จะไปหาที่ไหน....ท่านอาจจะไป เกิดใหม่ที่ประเทศไหนสักแห่ง อาจจะมีคนหน้าตาคล้ายๆท่านอยู่ที่ไหนสักแห่ง แล้วฉันจะหาเจอไหม.....ฉันวคิดวนไปวนมาแบบนี้อยู่เป็นเวลาหลายเดือน..... ฉันเรียนรู้ถึงความน่ากลัวของการจากไปจากตอนนั้น และรับรู้รสชาติของการ สูญเสียญาติอันเป็นที่รักไป เดี๋ยวนี้ ทุกๆครั้งที่ฉันขับรถไปไหนมาไหนคนเดียว มักจะคิดเสมอว่า หากย่าทวดตอนนี้ ท่านยังอยู่ จะดีแค่ไหน....ฉันคงจะพาท่านไปเดินเล่นทุกๆเย็น และนั่งคุยกับท่านหลัง อาหาร..ว่างๆก้อพาท่านไปช้อปปิ้ง...ท่านคงจะมีความสุขที่ได้เห็นฉันโตขึ้นมาเยอะขนาดนี้ ฉันคิดว่าท่านคงไม่ได้จากฉันไปไกลมาก...แต่ยังคงมองดูฉันอยู่จากที่ไหนสักแห่ง......

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×