กลางดึกสงัดในฤดูที่เหน็บหนาว ทุกๆคนต่างหลับใหลบนเตียงนอนอันนุ่มนิ่มและห่มผ้าอันแสนที่จะอบอุ่น แต่ยังคงมีคนอีกหลายสิบ
หรือหลายร้อยคนกำลังต่อสู้กับอากาศที่แสนจะหนาวเย็น ผมคือหนึ่งในคนจำนวนนั้น ผมกำลังต่อสู้กับอากาศที่แสนจะหนาวเย็น และกำลังจะยอมแพ้มัน ผมจึงมีความคิดที่จะต่อสู้ด้วยวิธีไหม่ แต่มันยังคงคือวิธีเดียวที่คนหลายคนเลือกใช้เพื่อต่อสู้กับมัน ผมยังไม่รู้ว่าวิธีที่ผมเลือกมันคือวิธีที่ทำให้ ผมต้องเจอกับสิ่งที่ผมต้องจดจำไปจนถึงวันที่ผมต้องตายเลยทีเดียว ผมไม่รอช้าจึงร้องตะโกนบอกแม่ว่าผมจะไปหาวัสดุอุปกรณ์เพื่อมาทำการก่อกองไฟทันที ใช่แล้วครับวิธีที่ผมเลือกคือ ก่อไฟกองโตๆ เพื่อให้ไฟช่วยให้หายหนาวนั่นเอง
\" แม่ๆๆ ผมไปหาไม้ก่อนน่ะ แม่อยู่ร้านคนเดียวไปก่อนน่ะครับ\" เมื่อผมร้องบอกแม่เสร็จแล้ว ผมไม่รอช้าวิ่งไปที่อีกฟากของถนนทันทีใช่แล้วครับทุกคน ผมเปิดร้านขายก๋วยเตี้ยวกับแม่ ขายกันอยู่สองคนเท่านั้นเอง ผมจะขายจนถึงเวลาห้านาฬิกาของอีกวันหนึ่งเลยครับ
เมื่อผมข้ามถนนมาถึงอีกฝั่ง ผมจึงเดินต่อไปอีก จุดหมายคือ ตลาดที่เพิ่งสร้างเสร็จไหม่ๆ นั่นเอง เวลาในตอนนั้นถ้าผมจำไม่ผิด มันกำลังเป็นเวลา 0.00 น.ของอีกวันนั่นเอง แต่ผมไม่สามารถจำได้ว่าตอนนั้นมันเดินไปกี่นาทีแล้ว ผมจึงเดินเข้าไปในตลาด เดินหาเศษไม้เพื่อไปก่อไฟ
ในตอนนั้นผมมองไปที่บริเวณลานแห่งหนึ่ง ลานแห่งนี้ค่อนข้างจะกว้างอยู่พอสมควร มันคือลานที่เจ้าของตลาด ใช้ให้รถฉายภาพยนต์มาฉายให้คนแถวนี้ดู เพื่อให้ทุกคนรู้ว่ามีตลาดเปิดไหม่นั่นเอง แต่ตอนนี้ลานแห่งนี้มันเงียบและวังเวงเหลือเกิน ผมในตอนนั้นไม่เฉลียวใจ คิดเลยแม้แต่นิด ผมคิดอยู่เพียงอย่างเดียวคือหาไม้ ผมเดินกอดอกไปมา เพื่อหาไม้ท่อนที่มันจะไหญ่เพียงพอ เพราะบริเวณนั้นมีแต่ไม้ท่อนเล็กๆเท่านั้นเอง เมื่อผมเดินไปข้างหน้าอีก หน้าของผมคือตึก มันเป็นตึกค่อนข้างจะเก่า เนื่องจากตั้งแต่จำความได้ผมผ่านที่นี่ก็เห็นตึกหลังนี้แล้ว ตึกหลังนี้ไม่เคยมี ประวัติเรื่องไหนเลยแม้แต่เรื่องเดียว แต่คืนนี้มันไม่ใช่อย่างนั้นเสียแล้ว
ผมเดินต่อไปเล็กน้อย ก็เจอกับไม้ท่อนที่มันไหญ่พอที่จะจุดไฟได้นานๆ หลายท่อนด้วยกัน ผมไม่รอช้าก้มลงไปเก็บทันที แต่ในจังหวะที่ผมเก็บไม้นั่นเอง ผมได้ยินเสียงอะไรบางอย่างตกลงมา เสียงที่ตกลงมานั้น ดังข้างหลังผมห่างไปเพียงไม่กี่เซ็นเท่านั้น ผมนิ่งแทบจะไม่หายใจเลยทีเดียว ผมคิด ที่นี่ไม่มีใครเลย นอกจากผมคนเดียว แล้วเสียงนั้นมันมาจากใหน คิดได้เช่นนั้นแล้ว แม้นว่าตอนนั้นผมจะหนาวซักเพียงใหนก็ตาม ผมรู้สึกได้ชัดเจน เหงื่อเริ่มผุดขึ้นตามใบหน้าของผม และขนที่เกิดบนแขนผมนั้นมันพร้อมใจกันลุกขึ้นทันที ผมรู้สึกเย็นที่หลังวาบผมค่อยๆ หันไปมองข้างหลังอย่างช้าๆ ช้าๆ ผมตอนนั้นอยู๋ในสภาพเตรียมวิ่งทันที ถ้าได้เจอสิ่งที่ผมไม่อยากเจอ แต่ ไม่มี ผมไม่เจออะไรเลยไม่มีอะไรเลย ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก \" เฮ้อ แย่ชิบ เราคิดมากไปเองนี่หว่า รีบๆเก็บรีบๆไปดีกว่า หึ้ย \" ขณะที่ผมกำลังจะก้มไปเก็บอีกนั่นเอง เสียงที่เหมือนอะไรซักอย่างตก ดังขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้มันก็ยังดังข้างหลังผมเหมือนเดิม ผมเริ่มใจคอไม่ดี เหงื่อที่หยุดไหล มันเริ่มใหลอีกครั้ง คราวนี้ผมรู้สึกได้ว่าข้างหลังผม มันกำลังเปียก ความกลัวมันกำลังครอบงำ จิตใจผมอย่างช้าๆ ผมค่อยๆหันไปมองจุดที่มีของตกทันที ผมก็ยังไม่พบอะไรแม้แต่อย่างเดียว แต่ตอนนี้ความรู้สึกของผม มันกำลังบอกผมว่า มีอะไรซักอย่างกำลังมองผมอยู่ จากข้างบนจากข้างบน[b]ตึก[/b] ผมกลืนน้ำลายตัวเองลงคออย่างยากเย็น และค่อยๆมองไปตามกำแพงของตึก ที่อยู่ข้างหน้าตัวเองช้าๆ ค่อยๆมองขึ้นไป มองขึ้นไป สิ่งที่ผมเห็นคือ กระโปรง กระโปรงของใครซักคนกำลังปลิวตามแรงลม มันสะบัดไปตามแรงลมอยู่ตลอดเวลา เมื่อผมมองขึ้นไปอีกก็เจอใบหน้าของผู้หญิง ผู้หญิงที่ผมไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน เธอกำลังมองลงมาทางผม ไม่สิเธอกำลังมองมาที่ผมต่างหาก ผมรู้สึกได้ ขนตามแขนทั้งสองข้างผม มันลุกขึ้นตั้งชัน ใบหน้าของเธอไม่ได้น่ากลัวเลยซักนิด แต่ตอนนั้นผมกลัว กลัวมาก ผมพยายามขยับ คุณพระช่วย ตัวของเธอหยุดนิ่งที่มุมกำแพงของตึกหลังนั้น ในสภาพหันหลังให้ผม แล้วเธอก็หันหน้ามาหาผมอย่างช้าๆ ช้าๆโอ้ย คุณพระช่วยผมด้วยเถอะ ตัวของเธอยังหันหลังให้ผมอยู่เลย แต่หน้าของเธอมองมาที่ผม หน้าของเธออยู่ทางผม คอของเธอหมุนได้รอบเลยทีเดียว ผมอยากจะร้องให้ แต่ก็ร้องไม่ออก ใครจะช่วยผมได้ ใครที่ไหน จะสามารถช่วยผมได้ ผมนึกถึงแต่พระ แต่พระอยู่ไหน ทันใดนั้นเอง
\" เฮ้ยๆๆ ไอ้หนุ่มๆ มายืนทำไรที่นี่ มองอะไรอยู่ว่ะ หือ \" เสียงที่เปรียบเหมือนเสียงพระเจ้า ฉุดให้ผมรู้สึกตัว ผมจึงหันไปทางเสียงนั้นทันทีชายแก่รูปร่างผอมแห้ง อายุประมาณห้าสิบ ใส่เสื้อผ้าค่อนข้างที่จะเก่า มองมาที่ผม สายตาของลุงคนนั้นเต็มไปด้วยความสงสัยแต่ผมรู้สึกได้สาตานั้นช่างอ่อนโยนเหลือเกิน
\" เอ่อ คือว่า คือไม่มีไรครับ ผมมาเก็บฟืนจะไปก่อไฟน่ะครับ แต่เผอิญผมมองดูฟ้าว่าฝนมันจะตกไหม น่ะครับ แฮะๆๆ \"ผมไม่รู้ว่าทำไมตอนนั้นผมถึงโกหกลุงไป แล้วผมก็ก้มลงเก็บฟืนที่เหลือ เพื่อที่จะกลับไปที่ร้านนั่นเอง ผมเดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็ต้องหยุด ผมได้ยินเสียงคนหัวเราหัวเราะเบาๆ แต่เสียงนั้นมันเสียงของผู้หญิง และเสียงนั้นมันดังข้างหลังผม ห่างจากผมไปไม่กี่ก้าว และผมแน่ใจว่ามันไม่ได้ห่างจากลุงคนนั้นแน่ ผมจึงเดิน เดินไปอย่างรวดเร็ว และก็วิ่งทันที ผมวิ่งไปโดยไม่คิดจะหันหลังไปดู เพราะผมรู้ว่าผมคงจะเห็น เห็นคนสองคน แต่สองคนนั้นไม่ ผมไม่อยากคิด ผมวิ่งไปอย่างเร็ว และผมไม่มีความคิดที่จะมาเก็บฟืนที่นี่อีกแน่ๆ ไม่มีทาง.....
==========[b]จบ[/b]==========
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น