หมู่หิมะสีขาวโปรยปรายลงมาในฤดูเหมันต์ ย้อมทุกสรรพสิ่งกลายเป็นสีขาวโพลนจนหมด ความหนาวเหน็บทำให้ทุกสิ่งกลายเป็นน้ำแข็ง...ความเยือกเย็นที่กรีดเสียงใส่ทุกสรรพสิ่ง ทำให้ความหนาวสั่นปรากฏในจิตใจ ความเย็นชา...ทำให้หลายๆสิ่งดูเงียบเหงาไปในพริบตา
เด็กสาววัย 14 ปีต้องมานอนอยู่แต่ในโรงพยาบาลด้วยอาการป่วยสาหัสที่เรียกกันว่า ‘โรคหัวใจ’ เธอมีใบหน้างดงาม ดวงตาสีท้องฟ้าใสบริสุทธิ์ ดูรับกับเรือนผมยาวหยักศกตรงปลายสีน้ำตาลยิ่งนัก แต่เธอกลับเป็นคนไม่ค่อยพูด...ไม่เคยหัวเราะ...ไม่แม้แต่จะยิ้มด้วยซ้ำ...หากเธอไม่ต้องเอาแต่นอนอยู่ในสถานที่แห่งนี้แล้ว...เธออาจจะไม่เป็นแบบนี้....
มีเพียงคนเดียวที่เธอยอมเปิดใจคุยด้วยอย่างสนิทสนม...พี่ชายของเธอ...โมริโนะ ฮิโรโตะ
ฮิโรโตะ พี่ชายที่อายุมากกว่าเธอ 4 ปี...พี่ชายที่แสนอ่อนโยนกับเธอเหลือแสน...ไม่ว่าเธอต้องการอะไร พี่ชายของเธอก็จะสรรหามาให้ทุกสิ่ง พี่ชายที่แสนใจดี....
พี่ของเธอจะมาเยี่ยมเธอทุกวัน แม้ว่าวันไหนเขาจะติดธุระ เขาก็ยังยอมเดินทางมายังโรงพยาบาลที่ค่อนข้างจะอยู่ไกลกับหอพักของเขา แล้วก็จะมาเล่าเรื่องต่างๆให้เธอฟัง...อยู่เป็นเพื่อนเธอจนกระทั่งเริ่มมืดจึงกลับไป
เธอรู้ดีว่าพี่ชายของเธอลำบากมาก เขาต้องหาเงินเลี้ยงตัวเองเพราะป้าของพวกเธอจะส่งเงินมาให้เฉพาะค่ารักษาพยาบาลของเธอเท่านั้น นอกจากนั้นต้องหาเอง
“ฮารุมิ” เสียงทุ้มนุ่มนวลเอ่ยเรียกชื่อของเธออย่างแผ่วเบา ฮิโรโตะยิ้มให้น้องสาวอย่างเอ็นดู “พี่ไปล่ะนะ”
เด็กสาวพยักหน้ารับ สีหน้าสลดลงอย่างเห็นได้ชัดจนผู้เป็นพี่นึกสงสาร “ไม่เอาน่า พรุ่งนี้พี่จะรีบมานะ”
“อื้อ...” เสียงใสเอ่ยรับ ดวงตาสีท้องฟ้ามืดหม่นมองตามพี่ชายจนลับตา ก่อนจะหันไปมองทางหน้าต่างกระจกบานใหญ่ที่อยู่ติดกับเตียงของเธอ มองหิมะที่ค่อยๆตกลงมาอย่างช้าๆ ด้วยแววตานิ่งสงบ พื้นดินที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวมองแล้วช่างน่าเบื่อนัก
โรงพยาบาลที่เธออยู่นั้นอยู่ติดภูเขาหิมะ พื้นดินเต็มไปด้วยต้นไม้ป่าหนาทึบ ฮิโรโตะเลือกที่นี่ให้เธอด้วยความหวังจะให้เธออยู่กับธรรมชาติ แต่เธอกลับไม่ชอบเพราะที่นี่หิมะตกเกือบทั้งปี เธอไม่ชอบเห็นหิมะ เธอไม่ชอบมองสิ่งมีชีวิตล้มตายไปกับความหนาวเหน็บ เธอรู้สึกเหมือนกับว่าหัวใจของเธอจะตายตามไปด้วย...
“ได้เวลาทานยาแล้วจ้ะ ฮารุมิจัง” พยาบาลประจำตัวของเธอถือยามาให้พร้อมกับน้ำแก้วหนึ่ง เธอรับไปแล้วทานอย่างเฉยชา เธอเคยชินกับยาเม็ดมากมายพวกนี้เสียแล้ว ก็เธอต้องทานยาพวกนี้มาตลอด 14 ปีเลยนี่นา
‘ฮารุมิ’ ไม่ว่าใครก็เรียกเธอด้วยเสียงอ่อนโยนเท่าพี่ของเธอได้ ฮิโรโตะเคยบอกว่า ‘ชื่อฮารุมิหมายถึงฤดูใบไม้ผลิ พี่ถึงชอบชื่อของฮารุมิที่ฟังดูอบอุ่น’ ในตอนนั้นเธอรู้สึกว่าหัวใจเต็มตื้นขึ้นอย่างน่าประหลาด ทั้งๆที่ชื่อของเธอแปลว่า ‘อบอุ่น’ แต่ทำไม...หัวใจของเธอกลับหนาวเย็นราวกับน้ำแข็งเช่นนี้นะ...?
“รู้อะไรมั๊ย ฮารุมิ” ฮิโรโตะเอ่ยเมื่อเห็นว่าน้องสาวกำลังนั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างเช่นเคย “เขาลือกันว่าบนยอดเขาลูกนี้น่ะนะ...” เขาชี้ออกไปนอกหน้าต่าง “...มีทุ่งดอกสโนว์ดร็อปอยู่ล่ะ”
“ดอกสโนว์ดร็อป?” เด็กสาวทวนคำอย่างไม่เข้าใจ เธอไม่เคยได้ยินชื่อดอกไม้ชนิดนี้มาก่อน
“เป็นดอกไม้ที่บานในฤดูหนาว สีขาวคล้ายหิมะ...ที่จริงก็เป็นดอกไม้พื้นๆน่ะนะ แต่ชื่อของมันมีความหมายว่า ‘ความหวัง’...พี่ว่ามันเป็นความหมายที่ดีนะ ที่มันมีความหมายแบบนี้ก็เพราะมันเหมือนกับเป็นดอกไม้ที่รอคอยฤดูใบไม้ผลิน่ะ...” เขานึกภาพดอกไม้พื้นๆสีขาวที่บานอยู่เต็มทุ่งอย่างเป็นสุข ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เคยเห็น แต่เขาก็พอจะรู้ว่าดอกไม้ที่บานอยู่เต็มทุ่งมันงดงามเพียงใด
“ความหวัง...” เธอทวนคำอีกครั้งอย่างแผ่วเบา คำคำนี้ลึกเข้าสู่ห้วงแห่งจิตใจของเธอ ขนาดดอกไม้ยังมีความหวังเลย...แต่ทำไมกัน...ทั้งๆที่เธอเป็นมนุษย์แท้ๆ แต่กลับไม่เคยมีความหวังกับใครเขาบ้างเลย สิ่งเดียวที่เธอรู้ก็คือเมื่อเธออาการกำเริบเมื่อไหร่ แพทย์ก็จะรีบเข้ามาช่วยเธอ และหากวันใดที่อาการกำเริบหนักเข้าล่ะก็...เธอก็คงไม่อาจมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีกแล้ว
“พี่คิดว่าไม่นานพี่ก็คงสมหวังเสียที” ฮิโรโตะเอ่ยขัดความเงียบสงัดขึ้นมา “พี่หวังมาตอลดเลยนะ หวังว่าสักวันพี่จะได้เห็นฮารุมิยิ้มอยู่ท่ามกลางธรรมชาติภายนอกอย่างมีความสุข....พี่หวังเพียงสิ่งเดียวมาตลอด เพราะฉะนั้น...” เขายิ้มบางอย่างอ่อนโยน “...ช่วยพยายาม...ทำให้พี่สมหวังทีนะ ฮารุมิ”
ฮิโรโตะรู้ดีว่าน้องสาวของตนนั้นหมดกำลังใจแค่ไหน เธอมีแต่เพียงเขาเท่านั้น หากพ่อแม่ของเขายังไม่ตายก็คงดี ถ้าเป็นแบบนั้นฮารุมิก็คงไม่ท้อแท้เช่นนี้
น้ำตาอุ่นๆปริ่มขอบตา เธอเองก็อยากจะออกไปจากที่นี่เต็มทนแล้ว แต่ว่าร่างกายของเธอกลับไม่เอื้ออำนวยเอาเสียเลย
“งั้นวันนี้พี่ไปก่อนนะ ฮา...” ยังไม่ทันที่จะพูดจบ ร่างเพรียวบางของเด็กสาวก็ทรุดลงบนเตียง เสียงร้องครางด้วยความทรมานที่ดังขึ้นทำให้ฮิโรโตะรีบวิ่งไปตามพยาบาลมาทันที ฮารุมิอาการกำเริบอีกแล้ว หมู่นี้ชักเป็นบ่อยขึ้นทุกที และแต่ละครั้งก็รุนแรงขึ้นเรื่อยๆทุกทีด้วย
ฮารุมิถูกนำตัวไปยังห้องฉุกเฉินโดยทันเวลา เมื่อนั่งรออยู่พักหนึ่งแพทย์ก็ออกมาแล้วเอ่ยว่า “เธอไม่เป็นไรแล้วครับ ตอนนี้กำลังหลับด้วยฤทธิ์ยา...คุณโมริโนะ ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณสักหน่อย เชิญทางนี้ครับ” เขาเชิญให้ฮิโรโตะเดินตามเขาไปยังห้องพักของเขา เมื่อเด็กหนุ่มนั่งลงบนเก้าอี้ตามที่บอกแล้วจึงเอ่ยว่า “อาการกำเริบครั้งนี้สาหัสมากทีเดียว...เซลล์ประสาทในหัวใจกำลังจะตายแล้วครับ หากไม่รีบผ่าตัด...อาจถึงแก่ชีวิตได้”
“ว่าไงนะครับ!?”
“การผ่าตัดครั้งนี้เสี่ยงมาก เปอร์เซ็นต์ในการรอดก็มีไม่มากนัก...เพราะการเปลี่ยนหัวใจไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่ายๆ...แต่ผมว่ามันก็คุ้มที่จะเสี่ยง...คุณจะเอายังไงล่ะครับ?”
“ไม่จริง...”
ฮิโรโตะเดินไปตามทางไปโรงพยาบาลอย่างครุ่นคิด จะเสี่ยงหรือไม่...มันขึ้นอยู่กับฮารุมิ...เขาไม่อยากบังคับเด็กสาว เขารู้ดีว่าฮารุมิคงจะกลัว แต่ถ้าเกลี้ยกล่อมดีๆเธอก็คงจะยอมผ่าตัดแต่โดยดี...เขาคิดเช่นนั้น
“ฮารุมิ...อาการเป็นยังไงบ้าง?” เขาเอ่ยทักน้องสาวด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นว่าร่างบอบบางเต็มไปด้วยสายระโยงระยางมาจากถุงน้ำเกลือและเลือด เด็กสาวต้องถ่ายเลือดออกเพื่อเปลี่ยนเลือดบ่อยๆเพราะหัวใจแทบไม่ทำงานแล้ว
“...ไม่เป็นอะไร” เสียงใสตอบผะแผ่วเนื่องจากความเจ็บปวดและอ่อนเพลีย “ฮารุมิแค่รู้สึกเหนื่อยนิดหน่อย”
เวลานั้นเองที่ฮิโรโตะเกิดเปลี่ยนใจขึ้นมา เขาตัดสินใจแล้วว่าเขาจะต้องให้ฮารุมิยอมผ่าตัดให้ได้ เขาจะไม่ยอมเห็นฮารุมิดูทรมานมากไปกว่านี้อีกแล้ว
“ฮารุมิ” เด็กหนุ่มนั่งลงบนเก้าอี้ไม้เล็กๆข้างเตียงด้วยอาการสงบ “คือว่านะ...เธอ...พี่ว่า...เอ่อ...” เนื่องด้วยไม่ได้คิดคำพูดมาก่อนทำให้คำพูดติดขัด เมื่อเห็นว่าน้องสาวเริ่มรู้สึกสงสัยจึงตัดสินใจเอ่ยออกไปว่า “เธอต้องผ่าตัดนะ ฮารุมิ”
เด็กสาวนิ่งตะลึง ความเงียบปกคลุมไปทั่วห้อง เธอก้มหน้านิ่งก่อนจะเอ่ยออกไปด้วยริมฝีปากที่สั่นระริกว่า “...ไม่...ไม่ผ่าตัด...ไม่ได้เหรอคะ?”
“...ฮารุมิ พี่รู้นะว่าเธอไม่อยากผ่าตัด แต่ว่าถ้าไม่ทำอย่างนั้น....”
ฮิโรโตะเงียบไปนานจนเด็กสาวเป็นฝ่ายเอ่ยออกมาเอง “...ถ้าไม่อย่างนั้น ฮารุมิจะตาย...เหรอคะ?” น้ำเสียงเรียบนิ่งที่แฝงความปวดร้าวเอาไว้ทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกสงสารน้องสาวเป็นอย่างมาก
“...อืม” เขาหลับตาอย่างตัดใจแล้วเอ่ยออกไป เขาทนไม่ได้ที่จะต้องเห็นสีหน้าเจ็บปวดของฮารุมิ แต่เมื่อเขาลืมตาขึ้นมากลับพบว่าเด็กสาวมีใบหน้านิ่งเฉย...นิ่งเงียบ...ราวกับเป็นเพียงรูปปั้นที่แบกรับความขมขื่นเอาไว้โดยแสร้งว่าไม่เป็นไร
กว่าจะรู้ตัวอีกที ฮิโรโตะก็ถลันตัวเข้าไปกอดร่างงามเอาไว้เสียแล้ว “พอเถอะ ฮารุมิ! จะร้องไห้ก็ได้! จะต่อว่าพี่ก็ได้! ขอเพียงอย่างเดียว...อย่าเก็บความทรมานไว้คนเดียวอีกเลย!”
“...” ไร้ซึ่งเสียงตอบ เด็กสาวสิ้นสติไปเสียแล้ว...อาจเป็นเพราะความเสียใจถึงขีดสุด...ทำให้อยากจะหลับไปทั้งอย่างนั้น ไม่อยากตื่นขึ้นมารับรู้ความจริงอันแสนเจ็บปวดนี้อีก...
“ฮารุมิ...”
“วันนี้หิมะตกหนักมากเลยนะ” นางพยาบาลสาวคนหนึ่งเอ่ยกับเพื่อนร่วมงานอย่างหมดหวังที่จะได้กลับบ้าน ตอนนี้ท้องฟ้าภายนอกมืดสนิทแล้ว และหิมะก็ตกหนักมากเลยทีเดียว
“ฉันก็ว่างั้นแหละ เดี๋ยวมานะ เอายาไปให้เด็กก่อน”
“ใครล่ะ? ดึกดื่นป่านนี้แล้วเนี่ยนะ?” ร่างเพรียวเร่งเดินตามเพื่อนสนิทพลางเอ่ยถาม แต่ยังไม่ทันที่อีกฝ่ายจะตอบกลับมา เพื่อนของเธอก็บอกให้เธอเงียบแล้วเปิดประตูเข้าไปในห้องพักของฮารุมิ
บนเตียงสีขาวสะอาด...ไร้วี่แววของร่างเล็ก
เสียงหิมะที่พัดอย่างรุนแรงกรีดร้องใส่ร่างเพรียวบาง อากาศหนาวเหน็บรุนแรงจนฮารุมิแทบแหลกสลายเป็นชิ้นๆ แม้ว่าตามทางเดินจะหนาแน่นไปด้วยหิมะขาวหนาวเย็นก็ตาม แต่เด็กสาวก็ไม่ย่อท้อที่จะเดินไปเรื่อยๆ นี่หรือคือ ‘ข้างนอก’ ข้างนอกที่เธอใฝ่ฝันจะออกมาตั้งแต่เกิดแต่ก็ไม่เคยมีโอกาสเสียที คราวนี้เธอก็ได้ออกมาสมใจอยากแล้ว เพราะฉะนั้น...ถ้าเธอจะต้องตายล่ะก็...ขอตายข้างนอกนี่ดีกว่า....
เธอยังจำคำที่พี่ชายพูดเอาไว้ได้ ประโยคที่ว่ามีเนินดอกสโนว์ดร็อปอยู่บนภูเขาแห่งนี้...อย่างน้อยก่อนจะลาโลกนี้ไป...เธอก็อยากจะมีโอกาสได้เห็น...สิ่งที่พี่ชายของเธออยากจะเห็น...อยากรู้เหลือเกินว่าเป็นอย่างไร
เธอเดินไปเรื่อยๆ ฝ่าหิมะที่รุนแรงจนเกือบจะเรียกได้ว่า ‘พายุ’ ไปอย่างยากลำบาก แม้ว่าจะมีต้นไม้ใหญ่ประปรายตามทาง แต่เธอก็ไม่ย่อท้อ เธออยากจะเห็น ‘ความหวัง’ อยากจะรู้ว่า ‘ความหวัง’ มันเป็นอย่างไร อยากจะสัมผัสกับ ‘ความหวัง’ กับใครเขาเสียบ้าง...
ทางเดินเริ่มชันขึ้น...ความเมื่อยล้าก็เริ่มบังเกิดแก่เด็กสาว แต่ด้วยความหนาวที่เกาะกุมจนร่างกายชาไปหมดทำให้เธอเดินต่อไปได้เรื่อยๆอย่างไม่มีความรู้สึก ดวงตาสีท้องฟ้าดูหม่นหมองคล้ายกับสภาพของท้องฟ้าเบื้องบน เธอสะดุดท่อนไม้ล้มลงไปกองกับหิมะ ก่อนจะเริ่มรู้สึกเจ็บที่หัวใจขึ้นมาอย่างรุนแรง
“อึก...!”
ทำไม? เธอแค่อยากจะเห็นทุ่งดอกสโนว์ดร็อปเท่านั้นเอง ทำไมถึงไม่ได้? เธอทำอะไรผิดเหรอ...ถึงไม่เคยได้ในสิ่งที่ปรารถนาจริงๆเสียที...ทำไม?
ทันใดนั้นเอง ดวงตาสีท้องฟ้าก็เบิกกว้างขึ้น เบื้องหน้าของเธอเต็มไปด้วยดอกสโนว์ดร็อปบานสะพรั่งอยู่รอบกายของเธอ...ดอกไม้สีขาวบริสุทธิ์ดูรับกับหิมะอันหนาวเย็นสีขาวยิ่งนัก
‘ดอกสโนว์ดร็อปคือดอกไม้แห่งความหวัง’ คำพูดของพี่ชายดังก้องอยู่ในสมองของเธอ
นี่น่ะหรือ...‘ความหวัง’...พี่...ในที่สุดฮารุมิก็มีโอกาสได้เห็น ‘ความหวัง’ แล้วนะ...ในที่สุด...ฮารุมิก็สมหวังแล้ว...ความหวังเดียวตลอดชีวิตของฮารุมิ...ก็คือ ‘ความหวัง’ ที่จะได้สัมผัส ‘ความหวัง’ ว่ามันเป็นอย่างไร...ในที่สุด...ฮารุมิก็สมหวังแล้ว....
ดวงตาสีฟ้าแสนสวยเอ่อล้นไปด้วยน้ำตาอันอบอุ่น น้ำใสไหลรินอาบแก้มนวลเนียนอย่างช้าๆ รอยยิ้ม...รอยยิ้มครั้งแรกอันแสนอ่อนโยนปรากฏขึ้นบนใบหน้างาม รอยยิ้มที่จริงใจ...และกลั่นมาจากหัวใจดวงน้อยที่สร้างปัญหาให้เธออยู่เสมอ...ความสุขนั่นเอง...
ในที่สุดฮิโรโตะก็ได้มาพบร่างของน้องสาวที่หลับใหลอยู่ภายใต้ผืนหิมะ...รายล้อมไปด้วยดอกสโนว์ดร็อปที่แสนงดงาม...อ่อนโยน...และบริสุทธิ์...ในตอนนั้นเองที่เขาได้เห็นรอยยิ้มครั้งเเรก...และครั้งสุดท้ายของฮารุมิ...ราวกับจะบอกว่า ‘ฮารุมิมีความสุข’
ร่างสูงทรุดกายลงกับพื้น มือใหญ่กอดกระชับร่างงามไว้แน่น หยาดน้ำตารินไหลออกมาไม่หยุดหย่อน...
‘ขอบคุณนะ...รักพี่ที่สุดเลย...’
----------------------------------------------------------------------
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น