short story - short story นิยาย short story : Dek-D.com - Writer

    short story

    T-T

    ผู้เข้าชมรวม

    354

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    354

    ความคิดเห็น


    4

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักอื่น ๆ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  16 พ.ค. 47 / 14:24 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      >Subject: เรื่องไม่ค่อยสั้นที่น่าอ่าน (อ่านแล้วชอบอ่ะเลยCopyมาให้อ่านกัน) >Date: Sat, 31 Jan 2004 10:59:40 +0700 > >ใกล้ วาเลนไทน์แล้วนะ >เรื่องไม่ค่อยสั้นที่น่าอ่าน > >“แนนๆ ใกล้วาเลนไทน์แล้วนะ....” จอย เพื่อนร่วมงานของแนนหันมาคุย >ขณะแนนกำลังง่วนอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ที่โต๊ะตัวเอง > >“อืม...วาเลนไทน์อีกแล้วสินะ” แนนเงยหน้าขึ้นสบตาจอยพลางยิ้มพูดเบาๆ > >วาเลนไทน์...14 กุมภาพันธ์ วันที่กุหลาบทั่วโลกบานพร้อมกัน >วันที่ความรักงอกงามได้เร็วกว่าทุกวัน และเป็นวันที่กามเทพแผงศร >ให้หลายๆคู่ได้สมหวัง แต่คงไม่ใช่แนน...เธอคนนี้แน่นอน > > > >ท่ามกลางความสับสนวุ่นวาย >ความแออัดและตึกสูงในเมืองหลวง...มีหมู่บ้านจัดสรรเล็กๆกำลังก่อตัวขึ้น >ก่อตัวขึ้นพร้อมกับความรัก ความรักของเขาและเธอ > >“เธอๆ มาเล่นก่อกองทรายด้วยกันมั้ย” >เด็กผู้ชายตัวเล็กๆหน้าตามอมแมมกำลังนั่งเล่นบนกองทรายสูงท่วมหัว > >“เธอชื่ออะไร เราชื่อเอ” เด็กผู้ชายแนะนำตัวเองก่อน >พลางกระโดดลงมาจากกองทราย > >“ฉันชื่อแนน” เด็กผู้หญิงแนะนำตัวเองบ้างพลางค่อยๆนั่งลง >ทั้งคู่ค่อยๆก่อกองทราย เด็กผู้หญิงวิ่งไปเอาน้ำมารดให้ทรายเปียกชุ่ม >เด็กผู้ชายค่อยๆเอาเศษไม้เกลี่ยให้ดินทรายที่เปียกค่อยๆก่อตัวเป็นรูปเป็นร่าง >จนได้เค้าโครงของปราสาททรายที่ต้องการ > >“เอ เดี๋ยวแนนประดับปราสาททรายเองนะ” >เด็กผู้หญิงวิ่งมาพร้อมกับก้อนหินสีสวยในกำมือ >วางลงข้างๆปราสาททรายที่กำลังจะอวดโฉมออกมาเป็นรูปเป็นร่าง > >“แนนๆ ตรงนี้เป็นห้องของแนนนะ ห้องของเจ้าหญิงงัย >ส่วนตรงนี้เป็นห้องของเอ......อันนี้เป็นห้องประชุมนะ” >เอพูดพลางชี้ไปเรื่อยๆบนปราสาททราย.....กองทรายแห่งความฝัน > >“เอๆ ต้องทำสวนดอกไม้ตรงนี้ด้วย เจ้าหญิงต้องมีสวนดอกไม้นะ” >แนนพูดแย้งขึ้นพลางชี้ไปตรงด้านหน้าปราสาททราย > >“แนนอยากได้สวนอะไร....อยากได้ดอกไม้อะไร” เอพูด >เงยหน้าขึ้นมองหน้าแนนอย่างใจจดใจจ่อ > >“เอาดอกอะไรดี...เอ ช่วยแนนคิดหน่อยสิ” แนนมองหน้าเอด้วยแววตาใสซื่อ >เด็กตัวเล็กๆสองคนกำลังสวมบทเจ้าหญิงและเจ้าชายกันอยู่ > >“อืม...เจ้าหญิงต้องเหมาะกับดอกกุหลาบนะ” เอพูดพลางทำท่าคิด > >“ตกลงๆ สวนดอกกุหลาบนะ เราจะทำสวนดอกกุหลาบที่ลานหน้าปราสาทของเรา” >แนนพูดพลางยิ้ม >ค่อยๆเกลี่ยทรายให้เรียบเพื่อทำเป็นลาน....ทั้งคู่สร้างปราสาททรายแห่งความฝันของพวกเขาอยู่นาน....นานจนกระทั่ง > >“เอ ไปได้แล้ว พ่อเสร็จงานแล้วลูก” >เจ้าของโครงการบ้านจัดสรรเดินมาสะกิดลูกชายตัวเองเบาๆ > >“พ่อๆ ให้เอเล่นกันแนนอีกแป๊บนะ” ลูกชายออดอ้อนพ่อของตัวเอง > >“หน่า ไปได้แล้ว เดี๋ยววันหลังมาเล่นใหม่ก็ได้นี่” พ่อของเขานั่งยองลง >อธิบายให้ลูกชายฟังพลางลูบหัวเบาๆ > >“ตกลงครับ เดี๋ยวให้เอบอกแนนก่อนนะ” >เด็กผู้ชายตัวมอมแมมพูดพลางวิ่งกลับหลังไปหาเพื่อนของเขา > >“แนน เดี๋ยวพรุ่งนี้เอมาหานะ พรุ่งนี้เอจะเอาดอกกุหลาบมา >มาทำสวนกุหลาบให้แนนนะ” เอพูดพลางชี้นิ้วลงตรงลานหน้าปราสาททราย > >“ตกลงๆ พรุ่งนี้เจอกันนะ” แนนยิ้มพูดพลางพยักหน้า >เด็กสองคนเล่นกันช่างดูน่ารักเสียนี่กระไร > >ทุกวัน เอและแนนจะมานั่งก่อปราสาททรายด้วยกัน >ก่อสร้างความหวังบนมิตรภาพและความรัก >ระหว่างลูกชายเจ้าของโครงการบ้านจัดสรรและลูกสาวนายช่างใหญ่ > > > >“แนนๆ เมื่อวานแม่เราสอนให้เราเขียนหนังสือด้วยแหละ” >เด็กผู้ชายเสื้อผ้ามอมแมมคลุกฝุ่นและทรายเปียกเงยหน้าขึ้นมองเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆที่วิ่งเข้ามา > >“ไหนๆ แม่ของเอสอนเขียนคำว่าอะไร” แนนถามด้วยสีหน้าตื่นเต้น > >“แม่เอสอนเขียนหลายคำ แต่เอจำได้คำเดียว” เอพูดพลางทำเสียงเศร้าๆ >เอคงอยากจำทุกคำมาเขียนให้แนนดู > >“เอจำคำไหนได้ เขียนให้แนนดูหน่อยสิ” แนนพูด เอค่อยๆก้มลงข้างๆกองทราย >หยิบเศษไม้เล็กๆปักลงบนผืนทรายที่เพิ่งผ่านฝนเมื่อคืนแล้วตวัดเป็นจังหวะเพียงชั่วครู่ >ปรากฎเป็นตัวอักขระลายเส้นบิดพลิ้ว คำว่า รัก >ปรากฎบนผืนทรายราบเรียบที่เกาะตัวเหนียวด้วยหยดน้ำ >เด็กตัวเล็กๆสองคนยืนมองด้วยความตื่นเต้น > >“อ่านว่าอะไร เอ” แนนพูดด้วยสีหน้าตื่นเต้นและแปลกใจ > >“อ่านว่า รัก” เอพูดกระซิบข้างหูแนนเบาๆ > >“เหรอ อ่านว่ารักเหรอ....สอนแนนเขียนหน่อยสิ นะๆๆๆ” >แนนพูดพลางเกาะแขนออดอ้อนเอ > >“มานี่ๆ เอจะสอน” เอพูดพลางหยิบเศษไม้เล็กๆให้แนนจับไว้ >มือเอและมือแนนจับประสานกัน ตวัดบนกองทรายให้เกิดเป็นอักขระบิดพริ้ว > >“นี่ไง แนนเขียนได้แล้ว ดีใจจังเลย” >แนนพูดพลางหันหลังกลับไปกอดเอด้วยความดีใจ > >“มันแปลว่าอะไรเหรอ เอ” แนนยังคงสงสัยไม่หายในความหมายของมัน > >“เอก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่แม่บอกว่ามันมีความหมายมากนะ >มากจนอธิบายไม่ได้” >ใช่สิ...ความหมายมันคงมากมายเกินกว่าเด็กห้าขวบจะรู้ >หรือแม้แต่คนบางคนใช้เวลาทั้งชีวิต ก็ไม่อาจรู้ว่าคำว่ารักคืออะไร.... > >“สักวัน เราจะรู้ความหมายมัน แม่เอบอก” เอพูดพลางหันไปมองแนน >เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆที่ยืนข้างๆตน > >“อืม สักวันนะ” แนนพูดพลางหันมายิ้มให้กับเอ ใช่ >สักวันแนนและเอคงรู้ความหมายของมัน...... > > > >“โอ๊ย...เจ็บ” >เด็กผู้หญิงผมเปียพูดขึ้นพลางจับผมเปียของตัวเองด้วยสีหน้าเซ็งๆ >เธอโดนเพื่อนแกล้งดึงเปียผมของเธอประจำ > >“ใครดึงผมเปียแนน” >เด็กผู้ชายนั่งข้างๆเธอหันขวับกลับไปมองแทบจะพร้อมกันกับเจ้าของผมเปีย >เห็นเด็กผู้ชายวัยเดียวกันสามคนนั่งอยู่ข้างหลังหัวเราะกันคิกคักพลางชี้นิ้วมาที่แนน > >“ทำไมๆ ข้าดึงเอง จะทำไม” หนึ่งในเด็กสามคนพูดพลางชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง > >“แกล้งผู้หญิง หน้าตัวเมีย” เอยืนขึ้นชี้หน้าด่า > >“แล้วจะทำไม” เด็กทั้งสามกรูกันมายืนหน้าเอ >ถีบโต๊ะเรียนกระจัดกระจายคนละทิศคนละทาง > >“ไม่เอาเอ อย่าไปยุ่งกับพวกนั้น” แนนพูดพลางเกาะแขนเอไว้แน่น >เอเอามือจับแขนแนนออกจากตัวทันที... > >ปั้ง...หนึ่งหมัดปล่อยออกไป คล้ายเป็นการประกาศสงครามของคนสองกลุ่ม >ทั้งสามคนกรูเข้ามารุมเอคล้ายหมาป่ากำลังรุมขยุ้มเหยื่อ >โต๊ะเรียนที่กระจัดกระจาย >ข้าวของทั้งของเอและแนนตกกระจายเกลื่อนกลาดคนละทิศคนละทาง > >“หยุด!!” >เสียงหนึ่งดังมาจากด้านหลัง...มีอำนาจมากพอจะทำให้ทั้งสี่คนหยุดการตะลุมบอนกัน > >“พวกเธอทำอะไรกัน อันธพาลกันใหญ่แล้วนะ” >ครูประจำชั้นเข้ามาห้ามทัพหมาป่าขยุ้มเหยื่อ แม้จะห้ามทัพได้ >แต่ก็ได้ปรากฎเลือดไหลซิบๆที่คิ้วและโหนกแก้มของเอ > >“เอ เจ็บมั้ย” แนนวิ่งเข้ามาทันทีที่ครูประจำชั้นเดินออกไป > >“ไม่เจ็บหรอก” เอพูดพลางก้มหน้าหลบสายตาแนน > >“ไม่เจ็บอะไร เลือดไหลใหญ่แล้ว ไปห้องพยาบาลนะ แนนจะทำแผลให้” >แนนพูดพลางดึงตัวเอออกจากห้องเรียนไป >เลือดไหลเป็นทางลงมาจากคิ้วและโหนกแก้มเปรอะเปื้อนเสื้อนักเรียนสีขาวของเอ > >“โอ๊ย...เจ็บ อย่าจับสิ” >เอพูดโพล่งขึ้นขณะที่แนนกำลังกดดูความลึกของบาดแผล...แต่แนนกลับยิ้มออก > >“โอ๊ย แสบ” >เอโอดครวญด้วยความเจ็บปวดทันทีเมื่อแนนค่อยๆกดสำลีชุบแอลกอฮอลงบนแผลของเอ > >“แสบก็ทนสิ อยากหาเรื่องเค้านี่นา” แนนพูดพลางยิ้ม >ค่อยๆเช็ดแผลบนใบหน้าของเอช้าๆอย่างระมัดระวัง > >ทุกครั้งที่มีคนแกล้งแนน เอจะยืดอกปกป้องแนนเสมอ >แม้จะต้องเจ็บตัวหรือตกอยู่ในภาวะเป็นรองก็ตามที.... > > > >“แนนๆ แฮปปี้วาเลนไทน์นะ” >ชายหนุ่มวัยรุ่นแต่งตัวภูมิฐานพูดห้วนๆพลางยืนกุหลาบแดงให้กับมือหญิงสาว > >“อีตาบ๊อง อย่ามาทำหวานใส่ฉันหน่า” แนนพูดกวนๆพลางยิ้ม >เอได้แต่ยืนม้วนด้วยความอาย > >“อ้าว ก็วันนี้วันวาเลนไทน์ >ทำหวานให้เจ้าหญิงของตัวเองสักหน่อยจะเป็นอะไรไป” เอพูดพลางยิ้ม >ทำไมหนุ่มวัยรุ่นเวลาอายนี่ดูตลกดีแท้ ทั้งมือทั้งแขนแทบจะไม่มีที่เก็บ >สงสัยถ้าแทรกแผ่นดินหนีได้คงหนีหายไปแล้ว > >“หวานกับเค้าก็เป็นเหรอ เดี๋ยวนี้พัฒนาขึ้นนะ” >แนนพูดพลางยื่นมือไปหยิกจมูกเอด้วยความเขิน >เอยังคงพยายามสำรวมอาการเขินอยู่ > >“เอรักแนนนะ” เอพูดพลางจับมือแนนขึ้นมาเขียนรูปหัวใจไว้ที่ฝ่ามือ >ตอนนี้แนนเริ่มหน้าแดงขึ้นบ้างแล้ว แต่ยังพยายามกลบเกลื่อนสีหน้าตัวเอง > >“เหรอ....เขียนคำว่ารักตรงนี้ ดูไม่ซึ้งเลย” แนนพยายามบ่ายเบี่ยง >ไม่เลิกแหย่เอ > >“เดี๋ยวสักวัน เอจะเขียนไว้ตรงหัวใจแนนเลยนะ” เอพูดประหม่า >มองหน้าแนนพลางเอื้อมมือดึงตัวแนนเข้ามาโอบกอดไว้แน่น....สักวัน >เอจะเขียนคำว่ารักไว้ในหัวใจแนนเลย..... > > > >ใต้ต้นไม้ใหญ่ บรรยากาศร่มรื่น มีโต๊ะหินอ่อนวางเรียงรายเป็นแนว >มีนักศึกษาจับกลุ่ม บ้างคุยกัน บ้างอ่านหนังสือ >บ้างหยอกล้อกินขนมกัน... > >“เอ เย็นนี้แนนไปทำวิทยานิพนธ์กับเพื่อนนะ” แนนพูดพลางเก็บหนังสือ > >“ไปทำวิทยานิพนธ์กับใคร” เอเงยหน้าขึ้นมองแนนทันที > >“ไปกับกิ๊ฟกับฝนหนะ นะๆๆๆ” แนนพูดพลางเดินไปนั่งข้างๆเอ >เขย่าแขนเหมือนเด็กอ้อนวอนผู้ใหญ่ > >“ให้เอไปส่งมั้ย เอว่างนะ” เอพูดพลางยิ้ม ลูบผมแนนเบาๆ > >“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวฝนเอารถมา” แนนพูดพลางซบหน้าลงบนบ่าของเอ > >“นี่ แล้วกินข้าวเสร็จแล้วอย่าลืมกินยาล่ะ เข้าใจมั้ย >กลับถึงบ้านก็อย่าลืมโทรมาบอกด้วย” >เอพูดพลางจ้องหน้าแนนด้วยสีหน้าจริงจัง > >“ค่ะ หัวหน้า สั่งจริงๆเลย” แนนพูดพลางยิ้ม >เอามือหยิกจมูกเอด้วยความเขิน > > > >“กิ๊ฟๆ แฟนแกเป็นงัยบ้าง” ฝนเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบภายในรถ >ขณะที่ตนอยู่หลังพวงมาลัย > >“ปวดหัวสุดๆ เจ้าชู้เป็นบ้าเลย” >กิ๊ฟพูดปัดๆคล้ายกับไม่ค่อยพอใจในแฟนตัวเองนัก > >“ทำไมไม่เลิกๆไปสิ จะได้ไม่กลุ้ม” ฝนเสนอความเห็น >มองหน้ากิ๊ฟผ่านกระจกมองหลัง > >“หน่า....ให้โอกาสสักครั้ง” >กิ๊ฟพูดพลางซบหน้าลงที่กระจกหันหน้ามองออกนอกรถด้วยอาการเอือมระอา > >“โอกาสสักครั้ง รอบที่ล้าน” เสียงหัวเราะดังขึ้นเกือบพร้อมกันทั้งรถ > >“แล้วแนนล่ะ แหม...เจ้าชายเธอเอาใจเธอดีนะ” >ฝนพูดขึ้นพลางหันไปมองแนนซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ > >“โอ๊ย รายนั้นไม่รู้กี่ปีแล้ว >ยังจับไม่ได้สักทีว่ามีกิ๊กเก็บไว้ที่ไหน” >แนนพูดยิ้มพลางหันไปมองหน้าฝน > >“แปลได้สองอย่าง...ถ้าแฟนเธอไม่รักเธอคนเดียว >เค้าก็เก่งมากที่หลอกเธอมานานหลายปี” >เสียงหัวเราะดังขึ้นแทบจะพร้อมกันทั่วรถ > >“เอี๊ยยดดด.....” เสียงเบรกลากล้อดังยาวจากด้านข้างตัวรถ >คนทั้งรถหันไปมองแทบจะพร้อมกัน >รถบรรทุกฝ่าไฟแดงพุ่งเข้าชนรถเก๋งของฝนอย่างจัง >แรงอัดทำให้กระจกทุกบานแตกละเอียด >ห้องโดยสารด้านหน้าฝั่งคนนั่งยุบเข้ามาอย่างเห็นได้ชัด....ร่างไร้สติของแนนยังคงสงบนิ่งติดอยู่ในรถเก๋งขนาดสองตอน >มัจจุราชอาจฉุดวิญญาณเธอออกจากร่างได้ทุกเมื่อ > > > >“แนนๆ” เสียงกระซิบเบาๆดังข้างหู ทำให้แนนค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นมา > >“อยู่ไหน....โอ๊ย เจ็บ” แนนค่อยๆอ้าปากพูด แต่ไม่ชัดนัก >เฝือกขาวถูกแต่งแต้มถามร่างกายของแนนคล้ายกับเป็นเครื่องประดับ > >“ใจเย็นๆ แนน เธอสลบไปสองเดือน” .....สองเดือน สองเดือน >แนนแทบไม่เชื่อหูตัวเอง. >...ฝนค่อยๆอธิบายเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้แนนฟัง..... > >“แล้ว สรุปว่าฉันเจ็บคนเดียวใช่มั้ย” แนนพยายามพูด >เสียงพูดของแนนแทบจะไม่ได้ยิน > >“อืม...” ฝนพยักหน้าเบาๆ กำมือแนนไว้นิ่งๆ > >“เอ ล่ะ เออยู่ไหน” แนนเพิ่งนึกขึ้นได้ แฟนเธออยู่ไหน > >“เอมาหาเธอครั้งเดียว วันแรกที่ชน แล้วหายไปเลย” >ฝนพูดพลางลูบหัวแนนเบาๆ > >“ไม่เป็นไรนะ ไม่มีเอ เราก็อยู่กันได้ จริงมั้ยเพื่อน” >ฝนพยายามพูดปลอบใจแนน > >“อืม...” น้ำตาค่อยๆกลั่นตัวหยดลงมาจากนัยน์ตาของแนน >คำพูดของฝนตอนคุยกันในรถคงจะเป็นความจริง....เขาเก่งมากจริงๆ >เก่งมากที่หลอกแนนมาหลายปี >เก่งมากที่หลอกว่ามีแนนคนเดียว.....ทำไมผู้ชายทั้งโลกถึงนิสัยเหมือนกันหมดเลย >เสียดายเวลาที่อยู่ด้วยกัน เสียดายความรักที่มอบให้.....เสียดาย >เสียดาย เสียดาย > > > >“คุณแนน ค่อยๆก้าวนะครับ ช้าๆ” บุรุษพยาบาลพยายามพยุงแนนขึ้นเดิน >แนนยังคงไม่หายเจ็บดี ยังคงต้องทำการกายภาพบำบัดอีก > >“ระวังล้มนะครับ จับผมไว้ดีๆ” >บุรุษพยาบาลเดินช้าๆเพื่อให้แนนเกาะแขนเดินตามช้าๆ.....ทำไมบุรุษพยาบาลถึงไม่ใช่เอนะ....ทำไม >ทำไม ทำไม > >“คุณบุรุษพยาบาลค่ะ นี่ฉันสลบไปนานถึงขั้นต้องกายภาพบำบัดกันเลยเหรอ” >แนนถามด้วยความสงสัย > >“โห คุณไม่ได้เดินสามเดือนนี่ มันนานนะครับ” >บุรุษพยาบาลตอบด้วยความสุภาพ > >“จะว่าอะไรมั้ยค่ะ ถ้าจะถามชื่อเล่น คือถ้าเรียกว่าคุณบุรุษพยาบาล >เกรงว่ามันจะยาวไป” แนนพูดพลางยิ้ม > >“ผมชื่อ กอล์ฟ ครับ” บุรุษพยาบาลตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม น้ำเสียงเรียบๆ > >นับจากวันนั้น แนนและกอล์ฟเริ่มสนิทกัน >ทุกเย็นกอล์ฟจะพาแนนออกไปทำกายภาพบำบัด >ไม่นานแนนก็สามารถเดินเองได้และออกจากโรงพยาบาลในที่สุด.... > > > >“คุณแนนค่ะ น้ำดื่มค่ะ” พยาบาลชุดขาวเดินถือแก้วน้ำมาวางข้างๆเธอ >ขณะเธอนั่งรอกอล์ฟที่ล็อบบี้ของโรงพยาบาล >เธอได้แต่พยักหน้าและยิ้มให้ด้วยไมตรี > >“กอล์ฟๆ ไปกินข้าวกัน” แนนพูดทันทีที่เห็นกอล์ฟเดินออกมา >มีพยาบาลหลายคนยกมือไหว้แนน แนนก็ได้แต่รับไหว้ด้วยสีหน้างงเล็กน้อย > >“ไปสิครับ” กอล์ฟพูดพลางค้อมตัวลงผายมือไปที่ห้องอาหารของทางโรงพยาบาล >ดูกอล์ฟค่อนข้างสุภาพและให้เกียรติแนนมาก....มากจนน่าแปลกใจ >ท่าทางโรงพยาบาลนี้จะเข้มงวดเรื่องมารยาทกับพยาบาลมาก >แนนและกอล์ฟสนิทกันขึ้นเรื่อยๆ....จนบางครั้งแนนก็อยากให้กอล์ฟมาแทนที่เอ > > > >บ่อยครั้งที่แนนคิดถึงเอ เอก็ไม่โทรมา > >บ่อยครั้งที่แนนอยากคุยกับเอ เอก็ไม่ติดต่อมา > >บ่อยครั้งที่แนนนั่งเหงา อยากให้เอนั่งเป็นเพื่อน แต่เอก็ไม่ปรากฎตัว > >เอ....เอ....เอ เอหายไปไหน > >ไหนล่ะ หัวใจที่เอบอกว่าจะให้แนน > >ไหนล่ะ หัวใจที่เอเคยเขียนไว้บนฝ่ามือแนน > >มันคงหายไปแล้ว....หายไปพร้อมกับเอ > >หายไปพร้อมกับผู้ชายโกหก....ผู้ชายเจ้าชู้ > >ทำไมผู้ชายเหมือนกันทั้งโลก.....ทำไม ทำไม ทำไม > > > >ใกล้วาเลนไทน์เข้าไปทุกที ปีนี้ไม่เหมือนกับปีก่อนๆ >ไม่มีเอคอยให้ดอกกุหลาบแดง ไม่มีอีตาบ๊องทำท่าเขินอายให้ดู > >“แนนๆ วาเลนไทน์ปีนี้ ว่างหรือเปล่าครับ” เสียงกอล์ฟดังตามสายโทรศัพท์ > >“ว่างค่ะ ทำไมค่ะ” แนนตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ > >“พอดีผมมีของจะให้แนนนะครับ >เดี๋ยววันวาเลนไทน์บ่ายสามโมงเจอกันที่สยามนะครับ” กอล์ฟเสนอความเห็น > >“ตกลงค่ะ” แนนพูดพลางกดวางสาย >สีหน้าแววตาเปี่ยมด้วยความหวัง....หวังว่ากอล์ฟคงจะมาแทนที่เอได้เสียที > > > >วันวาเลนไทน์ วันที่กุหลาบแดงบานสะพรั่งพร้อมกันทั่วโลก >แม้ในลานที่สยามหรือที่วัยรุ่นเรียกกันสั้นๆว่า “เซนเตอร์พอยต์” >ยังถูกละเลงด้วยดอกกุหลาบสีแดง...นักเรียน >นักศึกษาต่างถือกุหลาบแดงในมือเดินกันขวักไขว่ทั่วลาน > >“ขอโทษค่ะ มาสาย” แนนพูดพลางยิ้มก่อนดึงเก้าอี้ออกมานั่ง > >“ไม่เป็นอะไรครับ” กอล์ฟพูดพลางยิ้ม > >“อืม...ว่าแต่มีอะไรจะให้แนนเหรอ” >แนนพูดพลางจ้องตากอล์ฟ...หากกอล์ฟมีพิรุธ แนนจะจับได้ทันที > >“อันนี้ของแนนนะครับ” ดอกกุหลาบสีแดงถูกดึงออกมาจากถุงอย่างช้าๆ >วางลงบนโต๊ะอย่างนิ่มนวล > >“หมายความว่ายังไงค่ะ จะขอหัวใจแนนเหรอ” แนนพูดติดตลกพลางยิ้ม >เธอคิดว่าเธออ่านเกมส์ออกหมด > >“ผมคงไม่กล้าขอหัวใจแนนหรอก” กอล์ฟพูดพลางยิ้ม แต่กลับทำให้แนนงง > >“อ้าว...แล้วกุหลาบสีแดงนี่...” ไม่ทันแนนจะพูดจบ >กอล์ฟต่อคำพูดของเขาทันที > >“ผมไม่กล้าขอหัวใจแนนหรอกครับ เพราะหัวใจของแนนไม่ใช่ของแนน” >ปั้ง...เหมือนมีแผ่นเหล็กหนาหลายฟุตทุบลงกลางศีรษะ >แนนเริ่มงงกับความหมายขึ้นไปทุกที...มันแปลว่าอะไร??? > >“หัวใจของคุณ คือเจ้าของกุหลาบดอกนี้” >กอล์ฟพูดต่อ....แนนทำหน้างงๆไม่เข้าใจความหมายแม้แต่นิดเดียว > >“ตอนคุณประสบอุบัติเหตุเข้ามาที่โรงพยาบาล >คุณเสียเลือดมาก...หัวใจคุณเต้นอ่อนจนแทบจะล้มเหลว >พวกผมและหมอพยายามเยียวยาจนถึงที่สุด” >กอล์ฟเริ่มอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้น.....เรื่องที่แนนไม่เคยรู้ > >“มีผู้ชายคนนึง วิ่งเข้ามาบอกว่าเป็นแฟนคุณ เขาบอกให้ช่วยคุณให้ได้ >เสียเงินเท่าไหร่ไม่ว่า...เขายอมจ่ายไม่อั้น ไม่ว่าทางเราจะขออะไร >เขาจะจัดหาให้หมด.....คำพูดของเขาทำให้ผมประทับใจมาก” >กอล์ฟหยุดพูดชั่วครู่...แนนรู้ทันทีว่ากอล์ฟหมายถึงเอ > >“ผมยอมแลกทุกอย่างกับชีวิตเธอ - เขายอมแลกทุกอย่างกับชีวิตคุณ” >กอล์ฟพูดพลางจ้องหน้าแนนนิ่ง แต่แนนยังคงทำสีหน้างงอยู่ > >“เขายอมทุกอย่างจริงๆ ทีแรกหมอบอกว่าทางเราหาเลือดไม่พอให้คุณ >เขาวิ่งตามหาเลือดให้คุณไปทั่วทุกโรงพยาบาล >แต่กลับไม่พบว่ามีเลือดถุงไหนที่ตรงกับเลือดคุณ” >กอล์ฟพูดด้วยน้ำเสียงปกติ สายตามองไร้จุดหมาย > >“สุดท้ายเราตรวจเลือดของเขา พบว่าตรงกับของคุณพอดี >เขาบอกให้ทางเราเอาไป เอาไปให้คุณ....ไม่ต้องห่วงว่าเขาจะเป็นอย่างไร >ขอแค่คุณปลอดภัยก็พอ” >กอล์ฟหยุดพูดชั่วครู่พยายามกลั้นน้ำตา....แต่นัยน์ตาแนนเริ่มเจิ่งนองไปด้วยน้ำใสๆ > >“ต่อมา...ตอนพวกผมถ่ายเลือดให้คุณ หัวใจคุณเต้นอ่อนลงเรื่อยๆ >จนหมอต้องเดินออกไปบอกให้เขาทำใจ.....ทำใจว่าเขาจะต้องเสียคุณ” >กอล์ฟพยายามเล่าต่อไปเรื่อยๆด้วยน้ำเสียงปกติ นัยน์ตาแนนเริ่มแดงก่ำ > >“เขาถามหมอว่า เธอต้องการอะไร.....” ใช่ เอถามหมอว่าแนนต้องการอะไร > >“เธอต้องการ หัวใจครับ หัวใจเธอเต้นไม่ปกติ การสูบฉีดล้มเหลว >เราหาเลือดให้เธอช้าไป เพราะฉะนั้นสิ่งที่เธอต้องการคือ หัวใจ” >หมอหวังว่าเอคงจะเลิกหวังในตัวแนน...หยุดเล่นเกมกับมัจจุราชเสียที > >“ตกลง ผมหาให้ – เขาตอบสั้นๆโดยไม่ลังเลเลย” >ตกลงผมหาให้....เอจะหาหัวใจให้แนน >ทั้งๆที่รู้ว่าคงเป็นไปไม่ได้...เขาไม่ลังเลแม้แต่วินาทีเดียวเพื่อจะทำให้เธอ > >“คุณรู้มั้ย ว่าคำพูดของเขาทำให้ผมและหมออึ้งกันไปหมด >โรงพยาบาลยังหาหัวใจให้คุณไม่ได้ เขาจะมีปัญญาที่ไหนหาหัวใจให้คุณได้” >กอล์ฟพูดพลางพยายามหลบสายตาแนน....ตอนนี้กอล์ฟเริ่มกลั้นน้ำตาไม่อยู่แล้ว > >“เขาถามเลขบัญชีของโรงพยาบาลกับหมอ....เขาไม่ได้โอนเงินมาซื้อหัวใจเทียมให้คุณ >แต่เขาโอนมาตั้งมูลนิธิการกุศลให้โรงพยาบาล >มูลนิธิช่วยเหลือผู้ป่วยด้านหัวใจเทียม “นานา” คุณดูดีๆ คำว่า แนน และ >เอ ถ้าเขียนติดกัน มันคือ “นานา” นี่คือความปรารถนาสุดท้ายของเขา – >เขาอยากให้ตัวเขาเองเป็นคนสุดท้ายที่ไม่ได้อยู่กับคนที่เขารัก...เพราะไม่มีหัวใจเทียมสำรอง” >เปี๊ยง....แนนโดนสะกิดต่อมความจำเข้าเต็มเปา...เธอเคยเห็นป้ายมูลนิธิขึ้นหราที่โรงพยาบาล >แต่เธอไม่เคยเฉลียวใจสักนิด...มิน่า >ทำไมหมอและพยาบาลต้องให้เกียรติและดูแลเธอดีเสียจนน่าแปลกใจ >ทั้งๆที่เธอไม่มีส่วนได้เสียกับโรงพยาบาลแม้แต่บาทเดียว > >“ทันทีที่มีการยืนยันว่าเงินเข้าบัญชีทางโรงพยาบาล >เขาก็ยิงตัวตายในห้องน้ำโรงพยาบาลครับ ทิ้งโน้ตไว้ว่า มอบหัวใจให้เธอ - >เขามอบหัวใจของเขาให้คุณ” ทันทีที่กอล์ฟพูดจบ >แนนปล่อยโฮออกมาเหมือนไม่มีใครอยู่ข้างๆ >โต๊ะรอบข้างหันมามองแนนเป็นตาเดียว....เอคือเจ้าของหัวใจ >หัวใจที่อยู่ในร่างของแนน > >“เขายอมแลกทุกอย่างกับคุณจริงๆ” >กอล์ฟพูดพลางวางของทั้งหมดที่เอเคยฝากไว้กับทางโรงพยาบาลคืนให้กับแนน >มีทั้งเครื่องเล่นเทป ม้วนเทป จดหมาย..... > >“ผมคงไม่กล้าขอหัวใจคุณหรอก หัวใจคุณเป็นของเขา หัวใจเขาเป็นของคุณ” >ใช่ หัวใจเอเป็นของแนน >เป็นของแนนจริงๆ...ตอนนี้หัวใจแนนตายไปเรียบร้อยแล้ว ตายไปพร้อมกับเอ >ตายไปพร้อมกับผู้ชายที่ยอมทุกอย่างเพื่อเธอ > >“กุหลาบดอกนี้ เขาบอกผมก่อนไปเข้าห้องน้ำว่า...วาเลนไทน์ที่จะถึง >รบกวนซื้อกุหลาบสีแดงให้คุณสักดอก >ขอแค่ดอกเดียวก็พอ...เป็นคำขอร้องครั้งสุดท้ายของเขา” >กอล์ฟพูดพลางเช็ดน้ำตา >นั่งนิ่งๆสักพักก่อนลุกจากโต๊ะไป....ทิ้งแนนนั่งนิ่งอยู่เพียงลำพัง > >“เอรักแนนนะ” “เอรักแนนนะ” “เอรักแนนนะ” >คำพูดซ้ำๆดังมาจากเครื่องเล่นเทป >เป็นคำพูดเดียวกันที่พูดกันซ้ำโดยไม่มีการตัดต่อทั้งเทป.....เทป 120 >นาทีโดยมีเพลงประกอบเบาๆ >แนนค่อยๆคลี่จดหมายออกอ่าน....จดหมายที่มีเนื้อความเพียงบรรทัดเดียว > >“หัวใจเอ...เขียนคำว่ารักไว้ เขียนให้แนนคนเดียว” >

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×