ช่วงเวลาหนึ่งทุ่มกว่าๆรถสปอร์ตสีบลอนด์เงินแล่นมาจอดหน้าบ้านหลังใหญ่ที่มีประตูรั้วเหล็กดัดลายสวยงามและประณีต ข้างๆประตูรั้วเป็นกำแพงปูนสีส้มอ่อนๆสูงประมาณสองเมตรและมีป้ายที่ทำด้วยกระเบื้องหินอ่อนสีน้ำตาลติดไว้ว่า [i]‘บ้านหิรัญกิตติกำพล’[/i] ชายหนุ่มอายุยี่สิบปี ลงจากรถมองเข้าไปในบ้านที่มืดมิดแล้วหันกลับมาถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความหดหู่ เขาเดินไปเปิดประตูไม้ที่สูงประมาณสองเมตรบานใหญ่ข้างในมืดมิดมีเพียงแสงสลัวๆที่มาจากตู้ปลา เขาเดินขึ้นบันไดแล้วตรงไปที่ห้องนอนของเขา เขาหยิบกุญแจออกมาไขประตู แล้วเอื้อมมือไปเปิดไฟ เขาล้มตัวนอนบนตียงนอนของเขา แล้วโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น เขาหยิบออกเพื่อดูเบอร์ เป็นเบอร์โทรของแม่โทรมา เขารับเขาได้ยินเสียงแม่ร้องไห้
“มีอะไรครับแม่”
“บอย...พ่อ...พ่อรถคว่ำ...เสียชีวิต”แม่บอกด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น บอยนิ่งไปสักพัก
“แล้ว...ตอนนี้แม่อยู่ไหน”
“ที่...บ้าน...พ่อ”แม่ตอบตะกุกตะกัก
“เดี๋ยว...ผมจะรีบไปนะ...แม่รอผมนะ” แล้วบอยก็รีบขับรถออกไป
เมื่อถึงบ้านพ่อ บอยรีบตรงไปหาแม่ในบ้าน ไม่มีใครอยู่ในบ้าน มีเพียงแต่แม่บ้านที่กำลังจะปิด
บ้าน
“ป้าครับ--แม่ล่ะครับ”
“ไปโรงพยาบาลแล้วค่ะ เลยโค้ง...”แม่บ้านยังพูดไม่จบ บอยก็รีบออกรถไปทันที ระหว่างทางไปโรงพยาบาลบอยโทรหาเบียร์ พี่ชายของเขา
“ฮัลโหล พี่เบียร์อยู่ไหนแล้วเนี้ย”
“เอ่อ...ขอโทษครับผมไม่ใช่เจ้าของโทรศัพท์ครับ”
“แล้วพี่เบียร์ล่ะครับ”
“เจ้าของโทรศัพท์เสียชีวิตแล้วครับ” โทรศัพท์ของบอยหลุดจากมือที่อ่อนปวกปียกของเขา แล้วเขาก็อึ้งไปพักใหญ่
เมื่อเขาขับรถไปถึงที่เกิดเหตุ เจอรถสองคันที่สภาพพังยับเยินเป็นเศษเหล็ก เขาเห็นกองเลือดกองใหญ่สองกองใกล้ๆกัน มูลนิธิปอเต็กตึ้ง สองคนกำลังหามศพที่คลุมไว้ด้วยผ้าสีขาว ใส่ท้ายรถ
“ขอโทษนะครับ”ตำรวจเดินเข้ามาหา”คุณเป็นญาติผู้เสียชีวิตหรือเปล่าครับ”
“ผะ--ผม--ไม่แน่ใจ ว่าใช่พี่ผมหรือเปล่า” บอยตอบตะกุกตะกัก
ตำรวจยื่นกระเป๋าสตางค์หนังสีน้ำตาลให้บอยดู
[i]กระเป๋าของพี่นี่[/i]เขาคิดแล้วเขาก็เปิดกระเป๋าเพื่อดูบัตรประชาชน[i]นาย ชนานนท์ หิรัญกิตติกำพล ใช่พี่จริงๆด้วย[/i]
“ชะ--ใช่พี่ของผมครับ” บอยตอบน้ำตาเริ่มไหล ร่างของเขาหรุดฮวบลงไปกองกับพื้น เขาร้องไห้ กำโทรศัพท์ไว้แน่น ท่ามกลางไทยมุง คนๆหนึ่งพูดขึ้น
”ศพที่เก้าสิบเก้าแล้ว อีกศพก็จะครบร้อยแล้วเรื่องอย่างนี้ก็จะไม่มีอีกแล้วล่ะ”บอยหยุดร้องไห้แล้วหันมามองผู้คนที่มองเขาอยู่
เมื่อบอยเรียกสติกลับคืนมาได้เขารีบขับรถตาม รถปอเต็กตึ้ง ไปทันที รถปอเต็กตึ้งไปหยุดอยู่ที่โรงพยาบาล บอยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาแม่
“แม่อยู่ตรงไหน ผมอยู่ที่โรงพยาบาลแล้วนะ”
“หน้าห้องจ่ายยาลูก” แม่ตอบกลับเสียงของแม่แม้จะอยู่ร้องไห้แล้วแต่น้ำเสียงของแม่ก็ยังเศร้าโศกอยู่ [i]ถ้าแม่รู้ว่าพี่เบียร์ตายแล้วแม่จะเป็นยังไง[/i] บอยคิดถึงจิตใจของแม่
บอยเดินเข้าไปหาแม่ที่นั่งยู่บนโซฟากับคุณป้าของบอย บอยคุกเข่าข้างๆแม่
“แม่ครับ--พี่เบียร์...”
“แม่รู้แล้ว เบียร์เป็นศพที่เก้าสิบเก้า”
บอยมองดูที่ใบหน้าแม่ ที่พยายามฝืนไม่ให้ร้องไห้ออกมา
“ผมไปส่งแม่ให้เอาไหม” บอยถามแม่
“แม่จะอยู่ที่นี่อีกสักพัก”
บอยขับรถกลับบ้าน ทางกลับบ้านต้องผ่านโค้งที่พ่อกับพี่เบียร์เสียชีวิต ขณะขับรถบอยเหม่อลอยตลอดเวลาเพราะมัวแต่คิดถึงเรื่องศพที่เก้าสิบเก้า[i]ศพที่เก้าสิบเก้าคืออะไร?[/i]บอยครุ่นคิดจนลืมว่าตัวเองขับรถอยู่ เมื่อขับถึงโค้งนั้น บอยไม่ได้ขับไปตามทางโค้ง เมื่อบอยรู้ว่าเขาไม่ได้ขับรถตรงตามทางจึงเบรกรถอย่างกะทันหัน แต่ไม่ทันเสียแล้ว รถของบอยชนกันต้นไม่ใหญ่เข้าอย่างแรง รถคันหรูของเขาจึงพันยับเยินไม่มีชิ้นดี ร่างของเขาติดอยู่ในซากรถ กระจกทุกบานแตกละเอียด ร่างของบอยเต็มไปด้วยเลือด ผู้ที่ผ่านไปผ่านมาแถวนั้น ต่างมุงดูกัน เมื่อตำรวจ และมูลนิธิปอเต็กตึ้งมาถึง พวกเขาก็ช่วยกันงัดร่างที่ไร้วิญญาณของบอยออกมาจากซากรถคันนั้น นำมาวางไว้บนผ้าขาวพวกเขาห่อหุ้มร่างของบอย แล้วหามร่างของบอยไปไว้ในรถ
เมื่อหนึ่งวัน หนึ่งสัปดาห์ หนึ่งปีผ่านพ้นไป โค้งตรงนั้นก็ไม่มีร่องรอยการเกิด อุบัติเหตุอีกเลย มีเพียงร่องรอยการเกิดอุบัติเหตุเมื่อครั้งก่อนๆและเรื่องเล่าของชาวบ้านที่อาศัยอยู่แถบนั้น
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น