“พลอย...เราเลิกกันเถอะ”
รอยยิ้มสดใสหายไปจากใบหน้าของพลอยทันที หญิงสาวไม่เคยนึกเลยว่าคำพูดนี้จะออกมาจากปากพี่แพท ชายหนุ่มที่เธอทั้งรักทั้งบูชา
เราเลิกกันเถอะ...ทำให้เธอมึนงงไปชั่วขณะอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง
เป็นไปได้ยังไง เมื่อวานพี่แพทยังบอกว่ารักเธออยู่เลย ไม่เชื่อ...
“พี่ว่าอะไรนะ อย่าล้อพลอยเล่นสิ” พลอยแค่นหัวเราะ ทั้งที่ใจหายวูบ
“เรา-เลิก-กัน-เถอะ” พี่แพทลงเสียงย้ำหนักแน่นทุกคำ
ชายหนุ่มหลบตา “พี่ไม่ได้พูดเล่น”
ชัดเจนแล้ว...สีหน้าพี่แพทดูจริงจัง ในความรู้สึกของพลอยมันดูจริงจังหนักแน่นยิ่งกว่าที่เขาบอกรักเธอครั้งแรกเสียอีก
สรรพสิ่งรอบตัวหยุดเคลื่อนไหว ประสาทหูอื้ออึง ประสาทตาพร่าเบลอ เราเลิกกันเถอะ...เราเลิกกันเถอะ...ก้องกลับไปกลับมาในหู
“พลอยยังมีโอกาสเจอคนดีๆอีกมากมาย ที่เค้าดีกว่าพี่...”
พี่แพทพูดอะไรไม่รู้ พลอยไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น เห็นแต่ปากเขาขยับพูดพล่ามอะไรไม่รู้ยาวเหยียด เธอไม่ต้องการฟังอะไรทั้งนั้น
ทำไม...เวลาคนเราจะทำร้ายจิตใจคนอื่น ต้องมีเหตุผลประกอบเยอะแยะมากมาย มันก็แค่คำแก้ตัวดีๆทั้งนั้นแหละ
เขาหมดรักเธอแล้ว นี่คือเหตุผลเดียวที่เธอรับรู้
พลอยปวดหัวตุบๆ น้ำตาไหลอาบทั้งสองแก้ม
“พี่ขอโทษ”
นี่ใช่ไหม คงเป็นคำนี้คำเดียวสินะที่พี่แพทต้องการพูด
พี่แพทยื่นมือมากุมมือของพลอย อย่างที่เคยทำยามให้กำลังใจหรือปลอบโยนเธอ มือพี่แพทยังคงอุ่นเสมอ แม้ว่าอากาศในร้านกาแฟจะเย็นแค่ไหน เมื่อก่อนมือคู่นี้ทำให้เธออุ่นใจทุกครั้งที่ได้สัมผัส แต่ตอนนี้มันกลับตรงกันข้าม มือของเขาทำให้ใจของพลอยสะท้านเยือก
ต่อไปนี้...คงไม่มีมือคู่นี้อีกแล้วที่จะช่วยปลอบโยนและให้กำลังใจ
“เราเลิกกันแล้วนะคะ พี่แพท” พลอยขยับมือออกจากการเกาะกุมของเขาอย่างนุ่มนวล
“แต่เราก็ยังเป็นพี่น้องกันนะ” พี่แพทยื่นผ้าเช็ดหน้าให้
พลอยสบตาพี่แพทเป็นครั้งแรกด้วยดวงตาแดงก่ำ หลังจากหลบตามานาน
เขาสบตาเธอนิ่ง ดวงตาคู่นี้เคยเป็นประกายด้วยความสุขทุกครั้งที่เขาได้มอง แต่ตอนนี้เต็มไปด้วยน้ำตา แต่สิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงคือความรักความบูชาที่ยังคงอยู่ในดวงตาคู่นี้เสมอ เขารู้สึกผิดอยู่เหมือนกันที่ต้องทำอย่างนี้ แต่เมื่อนึกถึงดวงตาคู่สวยอีกคู่...ใจของเขาก็เต้นไม่เป็นส่ำด้วยความคิดถึงเจ้าของดวงตาคู่นั้น
เขาเบื่อแล้วที่จะต้องหลบๆซ่อนๆ โกหกปิดบังทั้งพลอยและเธอคนนั้นทั้งที่ไม่อยากทำ
แต่...เขาจะทิ้งพลอยไปอย่างไม่มีเยื่อใยได้อย่างไร พลอยอ่อนแอ...อ่อนแอมากอย่างน่าเป็นห่วง
“พี่ยังรักยังแคร์พลอยเหมือนเดิมนะ” พี่แพทยัดผ้าเช็ดหน้าใส่มือเล็กๆของพลอย
เอาอีกแล้ว...พลอยคิด ทำไมต้องมาพันธนาการกันด้วยคำว่ารัก
เขาเคยให้ความรักกับเธออย่างมากมายจนผูกพันเธอไว้กับเขาได้ แต่เมื่อหมดรักแล้วจะผูกมัดกันต่อไปทำไม
พลอยเช็ดน้ำตา แต่เช็ดเท่าไรมันก็ไม่แห้งสักที น้ำใสๆยังคงไหลออกมาเรื่อยๆเหมือนมันจะไหลออกมาให้หมด เช่นเดียวกับความอ่อนแอของเธอ แม้จะพยายามแข็งใจปิดบังแค่ไหน มันยังปรากฏออกมาให้คนภายนอกเห็นจนได้
พี่แพทคงสมเพชเราเต็มที...พลอยคิด
“พี่แพท...” หญิงสาวกลืนก้อนสะอื้น “พี่ไม่ต้องเป็นห่วงพลอยหรอก”
“พลอย...ไม่เป็นอะไร”
กว่าจะพูดได้แต่ละคำมันช่างยากเย็นเหลือเกิน การพูดที่ต้องฝืนความรู้สึกตัวเองมันช่างเจ็บปวดใจเป็นที่สุด
พี่แพทก็คงเหมือนกัน ที่พูดว่ารักทั้งที่ไม่รักคงจะลำบากใจมาก เธอไม่อยากให้เขาต้องลำบากใจเพราะเธออีกแล้ว
พลอยฝืนยิ้มให้พี่แพททั้งน้ำตา
-----------------------------------------------------------
ท้องฟ้ามืดสนิทแล้ว แม้ยังเป็นเวลาแค่หกโมงเย็น อากาศเริ่มเย็นลงจนเกือบหนาว แต่ผู้คนยังเยอะ รถยังคงวิ่งขวักไขว่ไปมาเต็มถนน
พลอยยืนมองรถราที่วิ่งผ่านหน้าเธอไปมา ลมหนาพัดแผ่วต้องผิวเนื้อนิ่มจนต้องจับเสื้อคลุมบางๆให้กระชับตัว
รถกระบะคันใหญ่ ถ้ามันปะทะกับร่างฉันด้วยความเร็วขนาดนี้จะเป็นยังไงนะ
ฉันคงลอยกระเด็น หัวฟาดพื้น มันสมองไหลกระจายเต็มพื้นถนน
พลอยมองรถกระบะคันหนึ่งที่แล่นอย่างเร็วผ่านหน้าเธอไป
ไม่อยากกลับบ้าน...บ้านที่ไม่เคยมีใคร
หญิงสาวหลับตา ก้าวเท้าออกสู่ถนนที่ยังคงมีรถราวิ่งขวักไขว่กันมากมาย จิตใจล่องลอยถึงพี่แพท ผู้ที่มีค่ามากที่สุดในชีวิต
อะไรบางอย่างกระแทกที่ลำตัวเธออย่างเร็วและแรง ร่างเธอกระเด็นลอยคว้าง เสียงวี้ดว้ายด้วยความตกใจดังไปทั่วบริเวณ
แต่พลอยได้ยินแต่เสียงบอกรักของพี่แพท
ร่างของหญิงสาวตกลงกระแทกกับพื้นถนน ศีรษะกระแทกกับพื้นถนนอย่างแรง ภาพความหลังสลับสับเปลี่ยนเข้ามาให้เธอได้เห็นทีละภาพ..ทีละภาพ
นี่หรือ...ความรู้สึกของคนกำลังจะตาย
ลาก่อน...พี่แพท
แล้วทุกสิ่งทุกอบ่างก็ดับมืดลง
-----------------------------------------------------------------------------
“รู้สึกตัวแล้ว”
เสียงนุ่มๆ แต่แปลกหู ดังขึ้นแว่วๆราวกับว่ามาจากที่ไกลแสนไกล
ใคร...นี่คือสวรรค์ใช่ไหม
พลอยลืมตาขึ้น ภาพแรกที่เห็นเป็นภาพชายหนุ่มแปลกหน้าคนหนึ่งยื่นหน้ามาใกล้จนห่างจากเธอไม่กี่คืบ เขายิ้มอย่างอ่อนโยนให้เธอ
พลอยมองไปรอบๆ ห้องทั้งห้องขาวโพลน มีเตียงสีขาวเรียงราย บางเตียงว่าง บางเตียงมีคนนอนอยู่
ใคร...ที่นี่ที่ไหน
“คุณไม่รู้จักผมหรอก แล้วที่นี่ก็โรงพยาบาล” เขาพูดพร้อมยกแก้วน้ำเอาหลอดมาจ่อที่ปากเธอ “เอ้า...ดื่มน้ำสิ”
พลอยดูดน้ำอั้กๆอย่างกระหาย
“ดีนะที่แค่หัวแตก คุณไม่น่าทำยังงี้เลยนะ” ชายหนุ่มแปลกหน้านั่งเท้าคางกับขอบเตียงแล้วจ้องมองเธอ อย่างจาบจ้วง
เสียมารยาทจริง...จ้องอะไรอย่างนั้นไม่รู้ พลอยนึกตำหนิอยู่ในใจ
พลอยล้มตัวลงนอนแล้วพลิกตัวหันไปทางที่ไม่มีเขาอยู่
“แล้วคุณนึกยังไงน่ะ ถึงเดินออกไปให้รถชนยังงั้น” เสียงนุ่มๆนั้นกวนอารมณ์เธอยิ่งนักในตอนนี้ เธอไม่ต้องการถูกสอบปากคำตอนนี้
พลอยนิ่งเงียบ...
ชายหนุ่มนิรนามรอคำตอบเก้อ เขาหัวเราะเบาๆให้ตัวเองอย่างขันๆ
“เอาละๆ คุณไม่คิดจะขอบคุณผมบ้างเลยเหรอ นี่ผมเข้าไปช่วยผลักคุณออกมานะ เสี่ยงแทบตาย”
พลอยขยับพลิกตัวหันมาทางเขา
“ขอบคุณค่ะ” พลอยสังเกตมองเขาอย่างระแวงระวัง
เขาเป็นผู้ชายที่ดูดีทีเดียว ตาสวยคม จมูกโด่ง ปากบางเฉียบ ผิวเข้ม แล้วยังมีรอยยิ้มระบายอยู่บนใบหน้าตลอดเวลา
“คุณเป็นอะไรมากมั้ย”
“ผมไม่เป็นอะไรหรอก”ชายหนุ่มยิ้มยียวน “เป็นห่วงผมเหรอ”
พลอยมองตาเขา แม้จะไม่เคยรู้จักกันแต่ดวงตาเขาให้ความรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก
“ก็คุณช่วยฉันนี่...” หญิงสาวอยากจะพูดอะไรมากกว่านี้แต่ก็ต้องกลืนมันเข้าไป
“ดึกแล้ว คุณควรจะกลับบ้านได้แล้วนะ” เขาพูดแล้วลุกขึ้น พลอยเพิ่งได้เห็นร่างเขาเต็มๆเขาเป็นผู้ชายร่างสูงใหญ่ทีเดียว “คุณดีขึ้นรึยังล่ะ”
“อืม...” หญิงสาวพยักหน้า
พลอยขยับตัวลุกขึ้นจากเตียง เขายื่นเสื้อแจ็คเก็ตตัวโคร่งให้
“ข้างนอกมันหนาว”
---------------------------------------------------------------------------------
ข้างนอกโรงพยาบาลหนาวอย่างที่เขาบอกไว้ไม่มีผิด ขนาดใส่เสื่อกันหนาวที่ทั้งหนาและใหญ่ก็ยังไม่พอป้องกัน พลอยอดเป็นห่วงชายหนุ่มที่เธอเป็นหนี้ชีวิตเขาไม่ได้
“คุณไม่หนาวเหรอ”
เขาหันมามองตาและยิ้มให้เธออย่างอารมณ์ดี
“คุณเป็นห่วงผมเหรอ”
พลอยหลบสายตาเขาไปทางอื่น รู้สึกเขินอายที่เขาถาม
“ก็เห็นคุณใส่เมื่อยืดตัวเดียว”
“ไม่หนาวหรอก เพื่อ...”ชายหนุ่มเผลอหลุดคำพูดออกมาแล้วกลืนกลับมันเข้าไป
พลอยเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม
“เพื่อความอึดของผมไง” เขายกแขนขึ้นแล้วทำท่าเบ่งกล้าม
พลอยหัวเราะคิกกับท่าทางของเขา เธอเพิ่งจะรู้สึกดีเป็นครั้งแรกหลังจากที่พี่แพทได้ไปจากชีวิตเธอ
ทั้งสองเดินคุยไปหัวเราะไปพร้อมกัน เขาเป็นผู้ชายที่ขี้เล่น อารมณ์ดี ทำให้พลอยลืมความเศร้าและความเจ็บปวดเมื่อตอนหัวค่ำไปสนิท
พลอยแอบรับเขาเข้ามาไว้ในใจของเธอโดยไม่รู้ตัว...
-----------------------------------------------------------------------------------
“คุณชื่ออะไร” พลอยถามขึ้นระหว่างที่เดินข้ามสะพาน
“ต้น คุณล่ะ”
“พลอย” หญิงสาวหยุดกระทันหัน ทำให้ต้นต้องหยุดตาม
พลอยเกาะราวสะพานชะโงกหน้าลงไปมองดูแม่น้ำกว้างใหญ่ ผืนน้ำเบื้องล่างนี้กลืนชีวิตใครต่อใครไปกี่คนแล้วนะ
“หยุดทำไมล่ะ”
ไม่มีเสียงตอบจากพลอย หญิงสาวมองเหม่อไปที่สายน้ำ
ต้นเดินมายืนเคียงข้าง
“คิดที่จะฆ่าตัวตายอีกเหรอ”
พลอยหันหน้ามามองต้น ดวงตาเศร้าสร้อย
“คุณน่าจะปล่อยให้ฉันตายไปซะ”พลอยเบือนหน้ากลับไปยังพื้นน้ำเบื้องล่าง “ไหนๆก็ไม่เหลือใครอีกแล้ว”พูดจบน้ำตาก็ไหลออกมา
“ทำไมคุณพูดงี้ล่ะ” ต้นหันหลังพิงราวสะพาน เพ่งมองหน้าหญิงสาวที่เห็นเพียงค้านข้างอย่างเห็นใจ เขารู้สึกไม่ดีนักที่เธอดูเศร้าไป
พลอยใช้หลังมือเช็ดน้ำตาแรงๆ
“ฉันไม่เหลือใครอีกแล้ว” ยิ่งพูดก็ยิ่งตอกย้ำความรู้สึก น้ำใสๆยิ่งไหลออกจากตา
สิ้นคำพูดของพลอย ทั้งสองก็เงียบไปชั่วขณะ เขาไม่รู้จะปลอบใจเธออย่างไรดี ได้แต่ยืนนิ่งเงียบอยู่อย่างนั้น
“พลอย”
หญิงสาวหันมา น้ำตาไหลนองทั้งสองแก้ม
“ขอโทษนะ”
ต้นจับไหล่พลอยให้หันร่างเข้าหาเขา มือใหญ่หยาบกร้านเช็ดน้ำตาที่ไหลนองแก้มของเธออย่างนุ่มนวลเบามือ
พลอยมองตาเขาอย่างตกตะลึงเล็กน้อย เมื่อได้มองลึกเข้าไปในดวงตาเขา
สายตาของเขา...เหมือนสายตาของพี่แพทที่มองเธอครั้งเมื่อยามความรักยังหวานชื่นไม่มีผิด
พลอยรู้สึกร้อนผะผ่าวขึ้นมาที่ผิวหน้า ถ้าขณะนี้เป็นเวลากลางวันอีกฝ่ายคงเห็นสีแดงระเรื่อที่ระบายอยู่เต็มใบหน้าของเธอ
น้ำตาแห้ง พลอยเสหันมองไปทางอื่น หัวใจเต้นโครมครามไม่เป็นจังหวะ ความรู้สึกส่วนลึกสั่นไหว
เงียบไปพักใหญ่ ต่างคนต่างเงียบ ต่างคนต่างจมลึกกับความรู้สึกของตัวเอง
“ต้น...ถ้าฉันจะกระโดดสะพานนี่ลงไปอีก คุณจะช่วยฉันมั้ย”พลอยถามขึ้นทำลายความเงียบ
“คุณคิดจะฆ่าตัวตายอีกเหรอ” ต้นหัวเราะเบาๆ
“ผมน่ะมีแค่ชีวิตเดียวนะ อีกอย่างผมว่ายน้ำไม่แข็งด้วย”
พลอยมองหน้าเขาอย่างงุนงง
“คุณพูดอะไรแปลกๆ”
พลอยออกเดินต่อ ต้นตามประกบข้าง
“นึกยังไงของคุณนะถึงเสี่ยงชีวิตออกไปช่วยฉันยังงั้นน่ะ” พลอยพูดพลางมองดูร้านค้าต่างๆข้างทาง
ต้นเดินก้มหน้านิ่ง
“คุณอยากรู้จริงๆเหรอ”
หญิงสาวพยักหน้า
“คุณอาจจะไม่เชื่อก็ได้...คุณเชื่อในเรื่องรักแรกพบมั้ย”
พลอยมองหน้าเขาอย่างฉงน ไม่นึกว่าผู้ชายอย่างเขาจะสนใจในเรื่องที่ผู้ชายส่วนใหญ่เห็นว่าเป็นเรื่องไร้สาระ
“ไม่รู้สิ ฉันไม่เคยเห็นใครปุ๊บแล้วก็รักปั๊บ แต่ไม่น่าเชื่อนะ แค่เห็นหน้ากันครั้งแรกจะรักกันได้” พลอยตอบไปตามความรู้สึกของตัวเอง
แต่เมื่อนึกถึงสายตาของเขาเมื่อตอนอยู่บนสะพานก็ทำให้เธออดคิดเข้าข้างตัวเองไม่ได้ ใจของเธอก็เริ่มเอนเอียงไปทางเขาแล้วเหมือนกัน
“ตอนแรกผมก็ไม่เชื่อ แต่แล้วมันก็เกิดขึ้นกับตัวผมเอง...”
“ผมชอบคุณนะ ชอบตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น แล้วครั้งต่อมามันก็มากขึ้นๆ ผมเองก็ไม่รู้ตัว ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเป็นความรู้สึกอะไรกันแน่ แต่แล้วผมก็ได้รู้เมื่อผมได้เข้าไปช่วยคุณเมื่อตอนหัวค่ำ ทั้งๆที่เพื่อนของผมก็พากันห้ามไว้”
พลอยอึ้งเงียบ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอไม่เคยรู้เลยด้วยซ้ำว่ามีเขาอยู่ในโลกนี้ด้วย
“เพราะว่า...ผมรักคุณ”
คำสุดท้ายของเขาก้องกังวานอยู่ในใจของพลอยราวกับว่าจะฝังลึกลงไปในร่องรอยของความทรงจำ พลอยได้แต่เดินเคียงข้างเขาไปเงียบๆ ตาจับอยู่ที่หน้าเขาตลอด
“คุณคงไม่เชื่อผมล่ะสิ” ต้นยิ้มใส่ตาเธอแล้วเมินหน้าไปทางอื่น “ผมรู้ว่ามันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะบอกคุณ แต่เวลาของผมมันจะไม่มีแล้ว...”
แม้จะแอบมีใจให้เขาบ้างแล้ว แต่ก็ออกจะเร็วไปที่จะได้ยินคำว่า “รัก” จากปากเขาทั้งที่รู้จักกันได้ไม่กี่ชั่วโมง พลอยจึงได้แต่เงียบ สมองสับสนไปด้วยคำถามมากมาย
ทั้งสองเดินเงียบๆมาจนถึงจุดที่เกิดเหตุเมื่อหัวค่ำ ตอนนี้รถและทุกคนแทบจะไม่มีปรากฏให้เห็น
“ถึงแล้ว...คุณควรจะกลับบ้านได้ซะทีนะ”
“คุณจะไม่ไปส่งฉันเหรอ”
พลอยมองหน้าเขาแล้วก็รู้สึกใจหาย อะไรบางอย่างบอกเธอว่าอาจจะไม่ได้พบเขาอีก
“ผมต้องอยู่ที่นี่ เราคงไม่ได้เจอกันอีกนาน”ชายหนุ่มถอนใจยาวอย่างหักห้ามความรู้สึก “สัญญาอะไรกับผมอย่างได้มั้ย...พลอย”
หญิงสาวพยักหน้า บรรยากาศรอบตัวดูสลดหดหู่เหมือนความรู้สึกของทั้งสองคน
“สัญญากับผมนะว่าคุณจะไม่ทำร้ายตัวเองอีก”
พลอยมองตาเขา เห็นแต่แววแห่งความอาลัยอยู่ในนั้น น้ำตาของเธอก็พาลจะไหล
“ค่ะ ฉันสัญญา ฉันจะเข้มแข็งให้ได้ ขอบคุณคุณมากๆนะคะ สำหรับทุกสิ่งทุกอย่างวันนี้ ขอบคุณมาก” เสียงของหญิงสาวเริ่มเครือด้วยสะกดอารมณ์ไม่อยู่
พลอยโผเข้ากอดชายหนุ่มแต่ยังไม่ทันที่เขาจะโอบกอดตอบ เธอก็ผละออกจากอกเขาอย่างรวดเร็ว
“พรุ่งนี้ฉันจะมาหาคุณที่นี่อีกนะ” พลอยปาดน้ำตาแรงๆแล้วยิ้มแจ่มใส
“ไม่ต้องหรอก คิดถึงผมบ้างก็พอ”ต้นส่งยิ้มอบอุ่น แววตาของเขาเป็นประกายด้วยความอิ่มเอิบใจ แม้จะเจือด้วยความอาลัยอยู่บ้าง
พลอยยิ้มหวานให้เขาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะก้าวออกสู่ถนนซึ่งบัดนี้ว่างโล่งแตกต่างจากเมื่อตอนหัวค่ำอย่างสิ้นเชิง
พลอยเดินข้ามถนนอย่างอ้อยอิ่ง ยังหันไปมองเขาที่ยังยิ้มและโบกมือให้เธอ หญิงสาวจึงไม่ทันเห็นรถคันหนึ่งที่แล่นมาหาเธออย่างรวดเร็ว
“ปี๊น!...”
เสียงแตรรถก้องกรีดโสตประสาทของพลอย เธอหันไปขณะที่รถจะมาถึงตัวเธอแล้ว แสงไฟหน้ารถสว่างจ้าทำให้เธอต้องหรี่ตา
พลอยรู้สึกเหมือนของแข็งขนาดใหญ่พุ่งกระแทกมาที่ตัวเธออย่างรุนแรง ร่างของเธอกระเด็นลอยคว้าง
“ผมรักคุณ” เสียงของต้นดังกังวานในโสตประสาทของเธอ
แล้วสติของเธอก็ดับวูบไป
-------------------------------------------------------------
เสียงอะไรนะ เหมือนเสียงนกร้องเลย นี่สวรรค์หรือเปล่านะ
พลอยลืมตา...
เพดานสีขาวลอยเด่นขนานกับร่างของเธอ ตั้งฉากกับฝาผนังสีขาวทั้งสี่ด้าน ห้องทั้งห้องสว่างโพลนไปด้วยแสงแดดอ่อนๆยามเช้าที่ส่องลอดเข้ามา
พลอยพยายามขืนกายขึ้นนึ่งแต่ก็หน้ามืดจนต้องล้มตัวลงไปนอนอย่างเดิม รู้สึกปวดหัวจี๊ดจนแทบทนไม่ได้
ประตูห้องเปิดออก ร่างสูงโปร่งของพี่แพทเคลื่อนตัวเข้ามาในห้อง
“ตื่นแล้วเหรอ คนเก่ง” พี่แพทยิ้มให้อย่างอ่อนโยน แต่พลอยไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับรอยยิ้มของพี่แพทอีกแล้ว
พลอยคิดถึงแต่เขา...เขาคนนั้น
“ต้นล่ะคะ พี่แพท ต้นไปไหน”พลอยถามด้วยเสียงแหบพร่า
พี่แพทมองหน้าพลอยอย่างฉงน
“ใครคือต้นน่ะพลอย”
“ต้น...ต้น” พลอยพยายามขืนตัวขึ้นอีกครั้งแต่ก็ต้องล้มลงไปนอนอีกด้วยความอ่อนเพลีย
“พลอยคงหมายถึงคนที่ช่วยพลอยจากโดนรถชนใช่มั้ย”
“ค่ะ พี่แพท ต้นอยู่ที่ไหนคะ” พลอยยิ้มออกมาอย่างดีใจ
พี่แพทนิ่งเงียบ เขาจะบอกเธอได้อย่างไรว่าผู้ชายคนนั้น ได้เสียชีวิตตั้งแต่ยังไม่นำส่งโรงพยาบาลด้วยซ้ำ
สิ่งที่ทำให้เขาแปลกใจยิ่งนัก...พลอยรู้จักนายต้นสักได้อย่างไรทั้งๆที่ทั้งสองไม่เคยรู้จักกัน
“บอกพลอยสิพี่แพท ต้นอยู่ไหน” พลอยคาดคั้นจะเอาคำตอบให้ได้
“พลอย นอนพักก่อนเถอะ”
“ไม่เอาอ่ะ พี่แพทบอกมาสิว่าต้นอยู่ไหน” พลอยร้อง
-------------------------------------------------------------------
ในที่สุด พี่แพทก็ยอมพาเธอมาพบกับต้นเป็นครั้งสุดท้าย
ลิ้นชักเก็บศพชั้นล่างสุดถูกเปิดออกมา พลอยทรุดลงนั่ง ร่างของต้นนอนสงบนิ่งอยู่ในนั้น แม้จะสิ้นชีวิตแล้ว ริมฝีปากบางเฉียบของเขาก็ยังหยักยิ้ม ใบหน้าของเขาเหมือนคนกำลังยิ้มอย่างมีความสุข
“พี่แพทคงไม่เชื่อพลอยใช่มั้ยคะ”
พี่แพททรุดตัวลงนั่งข้างพลอย
“มันดูเหนือจริง แต่พี่เชื่อว่าพลอยคงไม่โกหกพี่”
“พลอยก็ยังไม่อยากเชื่อตัวเองเหมือนกัน ยังกับฝันไป...” พลอยลูบใบหน้างดงามนั้นอย่างอ่อนโยน น้ำตาคลอรื้นที่ขอบตาทั้งสองข้าง
“ขอบคุณมากนะต้น ฉันขอบคุณคุณมากๆ”พลอยรำพึงรำพันกับร่างไร้วิญญาณของต้น น้ำใสๆไหลนองอาบสองแก้ม ความรู้สึกที่จุกแน่นในอกของหญิงสาวยากจะพรั่งพรูออกมาเป็นคำพูดได้ในตอนนี้ คำขอบคุณอาจไม่พอ แต่เธอก็ไม่รู้จะพูดอะไรได้มากกว่านี้อีกแล้ว
หนึ่งชีวิตอาจเป็นแค่สิ่งเล็กๆสิ่งหนึ่งของโลกใบนี้ แต่สำหรับใครบางคนหนึ่งชีวิตของคนที่เขารักคือโลกทั้งใบ...
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น